ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 265 ไพ่อาร์คาน่าใหญ่
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 265 ไพ่อาร์คาน่าใหญ่
ตอนที่ 265 ไพ่อาร์คาน่าใหญ่
ฟรังก้าที่นั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้เอนหลัง ดูเหมือนจะเคยคิดถึงคำถามนี้มานานแล้ว หลังจากไตร่ตรองสักพักจึงยิ้มแล้วตอบ
“ศาสนจักรเดอะฟูลมีลักษณะเหมือนองค์กรย่อยภายใต้ ‘ชุมนุมทาโรต์’ ของเราที่ค่อนข้างเป็นอิสระ”
เมื่อเห็นว่าลูเมี่ยนยังคงงุนงง เธอจึงอธิบายเสริม
“ไพ่อาร์คาน่าใหญ่แต่ละใบของชุมนุมทาโรต์ล้วนเป็นบุคคลสำคัญของโลกความจริงและโลกเร้นลับ ฉันสงสัยว่าสันตะปาปาของศาสนจักรเดอะฟูลก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ส่วนอาร์คาน่าใหญ่ใบอื่นก็อาจเป็นผู้นำองค์กรอื่นด้วย โดยที่คนในองค์กรเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องนับถือมิสเตอร์ฟูลเสมอไป แต่จะช่วยเหลือกิจกรรมบางอย่างของชุมนุมทาโรต์”
“หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ชุมนุมทาโรต์เป็นองค์กรเบื้องหลังระดับสูงสุดซึ่งนำโดยมิสเตอร์ฟูลเอง ผู้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่แต่ละคนมีตำแหน่งสูงมาก มีอิทธิพลในมือ และหนึ่งในนั้นคือศาสนจักรเดอะฟูล”
ลูเมี่ยนพอจะเข้าใจความหมายของฟรังก้าบ้างแล้ว จึงถามต่อ
“มีผู้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่ทั้งหมดกี่คน”
ฟรังก้าส่ายหน้า
“ฉันเองก็บอกจำนวนที่แน่ชัดไม่ได้ เพราะตัวตนของผู้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่ถูกเก็บเป็นความลับ พวกเราส่วนใหญ่จะติดต่อกับไพ่อาร์คาน่าใหญ่ที่ตัวเองสังกัดเท่านั้น อา… ของฉันคือมาดามจัดจ์เมนต์”
“ของผมคือมาดามเมจิกเชี่ยน” ลูเมี่ยนบอกของตัวเอง
ฟรังก้าหัวเราะ
“ดูเหมือนว่าท่านทั้งสองจะอยู่ด้วยกันบ่อย… อา… พวกเราชาวชุมนุมทาโรต์มีธรรมเนียมอย่างหนึ่ง หลังจากลงมือเสร็จแล้ว จะโปรยไพ่ทาโรต์ทั้งสำรับไว้ในจุดเกิดเหตุ และวางไพ่แทนตัวเองไว้ในตำแหน่งที่เด่นชัดที่สุด…”
“ไม่สิ้นเปลืองไปหน่อยหรือ” ลูเมี่ยนขัดจังหวะคำพูดฟรังก้า
“ก็แค่ไพ่ทาโรต์สำรับเดียวเอง คุณไม่คิดบ้างหรือว่ามันเท่จะตาย” ฟรังก้าบ่นงึมงำ “คุณจะทิ้งแค่ไพ่ทาโรต์แทนตัวเองก็ได้ แต่สำรับที่ขาดไพ่ทาโรต์ไปหนึ่งใบยังจะมีประโยชน์อะไรอีก? คราวหน้าก็ต้องซื้อสำรับใหม่อยู่ดี ยิ่งถ้าคุณไปสั่งทำไพ่ทาโรต์หน้าเดียวหลายๆ ใบจากโรงงาน ก็ยิ่งถูกสงสัยเข้าไปใหญ่”
แม้ว่าเขาจะวาดไม่เหมือนกับของที่พิมพ์ขึ้นมา แต่ก็พอจะแสดงจุดเด่นหลักๆ ของ ‘เจ็ดไม้’ ได้
ฟรังก้าเงียบไปสักพัก จนกระทั่งไม่กี่วินาทีถัดมาจึงพูดต่อ
“ของที่วาดเองจะเกิดความเชื่อมโยงทางศาสตร์เร้นลับใช่ไหมล่ะ คุณก็ต้องสิ้นเปลืองพลังไปกับการต่อต้านการทำนายอีก?”
“เฮ้อ… ที่จริงก็ไม่ได้บังคับให้ต้องวาด ตอนทำภารกิจร่วมกับคนนอกชุมนุมทาโรต์ก็ไม่ต้องวาด ตอนทำภารกิจแฝงตัวแบบนี้ก็ไม่ต้องวาด ตอนที่ตัวเองถูกสงสัยโต้งๆ ก็ไม่ต้องวาด”
“บัดซบ! ทำไมฉันต้องบ้าจี้เปลี่ยนเรื่องตามคุณด้วยเนี่ย… สิ่งที่อยากจะพูดก็คือ เนื่องจากพวกเราชาวชุมนุมทาโรต์มีธรรมเนียมและบรรยากาศแบบนี้ หลังจากได้อ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ รวมถึงเข้าร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับหลายๆ เจ้า ฉันก็ได้รู้ว่ายังมีไพ่อาร์คาน่าใหญ่ใบไหนบ้างที่ยังเคลื่อนไหวอยู่:”
“มาดามจัสติสเคยปรากฏตัวสองสามหนตามแนวชายฝั่งทะเลกลาง กรุงทรีอาร์ และกรุงเบ็คลันด์ มิสเตอร์แฮงแมนบนทะเล มาดามเฮอร์มิท มิสเตอร์ซัน มิสเตอร์มูน และมิสเตอร์สตาร์เคยปรากฏตัวบนทวีปใต้ ส่วนจะมีผู้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่คนอื่นอีกไหม ฉันก็ตอบไม่ได้”
มาดามจัสติส มิสเตอร์แฮงแมน มิสเตอร์ซัน มาดามเฮอร์มิท มิสเตอร์สตาร์ มิสเตอร์มูน… ลูเมี่ยนพบว่าเมื่อเรียงชื่อเหล่านี้เข้าด้วยกัน มันช่างดูลึกลับและมีระดับมากจริงๆ ไม่เหมือนกับ ‘เจ็ดไม้’ หรือ ‘สองถ้วย’ ที่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นตัวกีกี้
หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก เขาก็พบว่าฟรังก้าได้เอ่ยถึงประเด็นสำคัญ:
มาดามจัสติสปรากฏตัวตามแนวชายฝั่งทะเลกลาง กรุงทรีอาร์ และกรุงเบ็คลันด์
นอกจากมาดามจัดจ์เมนต์และมาดามเมจิกเชี่ยน นี่เป็นไพ่อาร์คาน่าใหญ่เพียงใบเดียวที่มีโอกาสปรากฏตัวในกรุงทรีอาร์มากที่สุด
และลูเมี่ยนจำได้แม่นว่า มาดามซูซี่เคยกล่าวเอาไว้ คนจากชายฝั่งตะวันตกของทะเลกลางมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้วิเศษเส้นทางผู้ชม
ซึ่งในทางกลับกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับชายฝั่งตะวันตกของทะเลกลาง
เมื่อผนวกกับข้อเท็จจริงที่ว่า เธอกับ ‘นักจิตบำบัด’ อีกคนหนึ่งอยู่ในกรุงทรีอาร์ นั่นเท่ากับว่าขอบเขตการทำงานของพวกเธอ ทับซ้อนกับ ‘มาดามจัสติส’ อย่างน้อยสองในสาม
นอกจากนี้ คำนึงจากท่าทีที่ค่อนข้างเท่าเทียมกันของมาดามเมจิกเชี่ยนเมื่อเอ่ยถึงนักจิตบำบัดทั้งสอง และพวกเธอมักเผชิญกับปัญหาทางจิตในระดับสูง ลูเมี่ยนจึงสงสัยว่าหนึ่งในสองคนนั้นคือมาดามจัสติส
ในเมื่อมาดามเมจิกเชี่ยนกับมาดามจัดจ์เมนต์ชอบแทนตัวเองด้วยไพ่ทาโรต์เพื่อปกปิดชื่อจริง ก็ดูเหมือนว่าสตรีปริศนาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขามาตลอดจะเป็นผู้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่ ‘จัสติส’ ส่วนมาดามซูซี่คงเป็นไพ่อาร์คาน่าเล็กที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเธอ
คิดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนมองฟรังก้าซึ่งเปลี่ยนท่านั่ง แล้วพูดว่า
“ก่อนหน้านี้คุณตั้งใจจะหานักจิตบำบัดตัวจริงให้พี่ชายของจินนา… หมายถึงจากในชุมนุมทาโรต์ของเราใช่ไหม?”
ฟรังก้าไม่เข้าใจเหตุผลที่ลูเมี่ยนเปลี่ยนหัวข้อสนทนากะทันหัน จึงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“เปล่า… ฉันจะไปถามหาจากคนของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญมากหรือถึงขั้นคอขาดบาดตาย ฉันจะพยายามไม่ติดต่อมาดามจัดจ์เมนต์ แม้ว่าเธอจะเป็นคนเงียบขรึมและเต็มใจให้ความช่วยเหลือเสมอ แต่คุณรู้อะไรไหม เธอเป็นครึ่งเทพตัวจริงเสียงจริง เป็นคนใหญ่คนโตที่ถือครองบารมีเทพ จะให้ไปรบกวนบ่อยๆ ด้วยเรื่องขี้ปะติ๋วได้ยังไง? ถึงทางนั้นจะไม่ว่าอะไร แต่สิ่งที่พูดกับสิ่งที่คิดอาจไม่เท่ากันเสมอไป ทุกครั้งที่ไปรบกวนในเรื่องไม่สำคัญ ความชื่นชอบที่มีต่อพวกเราอาจลดลงก็ได้”
“เมื่อความชื่นชอบลดลงถึงระดับหนึ่ง ครึ่งเทพมีวิธีการมากมายที่จะทำให้คุณอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ โดยที่คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น”
“โดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่ฉันสามารถแก้ไขเองได้ ฉันก็จะแก้เอง ส่วนสิ่งไหนทำไม่ได้ ก็จะอาศัยพลังของการ์ดเนอร์·มาร์ติน หรือไม่ก็คนของสมาคม แต่ถ้ายังไม่ได้อีก ตอนนั้นค่อยพิจารณาติดต่อมาดามจัดจ์เมนต์”
อันที่จริงลูเมี่ยนก็มีความคิดทำนองนี้ เพียงแต่เขามีข้ออ้างว่า ‘เพื่อรายการสถานการณ์ภารกิจและควบคุมผลกระทบจากเทอร์มีโพลอส’ เขาจึงสามารถเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยนได้เป็นครั้งคราว และสอบถามข้อมูลไปในตัว
ในเมื่อเขียนจดหมายแล้วทั้งที ขอถามสักหน่อยก็คงไม่เสียหายกระมัง!
เมื่อเห็นว่านักจิตบำบัดที่ฟรังก้าเคยจะขอความช่วยเหลือเป็นคนละคนกับของเขา ลูเมี่ยนจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของซูซี่ เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วพูด
“ผมก็เหมือนกัน”
มาถึงตรงนี้ ฟรังก้าเหลียวซ้ายแลขวา แล้วอดไม่ได้ที่จะหรี่เสียงพูด
“แต่ตอนที่ควรขอความช่วยเหลือ อย่าได้เกรงใจเด็ดขาด ทรัพยากรที่ไพ่อาร์คาน่าใหญ่เหล่านั้นมี อิทธิพลของพวกท่าน มากมายเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ เรื่องที่คุณคิดว่ายากเกินกำลัง สำหรับพวกท่านแล้ว บางทีแค่คำสั่งเดียว ความคิดเดียว ก็แก้ไขได้ลุล่วง”
“สมบัติวิเศษ ‘แหวนลงทัณฑ์’ ของฉันเจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ? มาดามจัดจ์เมนต์ให้มา หลังจากที่ฉันขอ เธอก็ให้มาเลย แถมยังอนุญาตให้ผ่อนเป็นชิปในมูลค่าที่เท่ากันได้ด้วย”
“จริงสิ… เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงหาสูตรและวัตถุดิบหลักของโอสถนักวางเพลิงได้เร็วนัก!”
เดาแม่นจริงๆ … ลูเมี่ยนเพียงอมยิ้ม พลางใช้ภาษากายบอกกับฟรังก้าว่าเธอเดาถูกแล้ว
เด็กหนุ่มเชื่อว่า หากตนสามารถหาตะกอนพลังที่สอดคล้องกับ ‘กิ่งพฤกษาเงา’ ก็สามารถขอให้มาดามเมจิกเชี่ยนช่วยหาช่างฝีมือระดับนักบุญมาช่วยทำสมบัติวิเศษที่สอดคล้องกันได้
เมื่อเทียบกับเขาที่เพิ่งอยู่ในลำดับ 7 เท่านั้น มาดามเมจิกเชี่ยนซึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตของครึ่งเทพแล้ว คงติดต่อ ‘ช่างฝีมือ’ ที่มีลำดับสูงๆ ได้ง่ายกว่า!
ฟรังก้าถอนหายใจแล้วพูดต่อในหัวข้อเดิม
“ผู้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่ทุกคนเป็นครึ่งเทพ โดยส่วนใหญ่เป็นนักบุญ อย่างน้อยคนที่เคลื่อนไหวบ่อยๆ ก็ไม่น่าจะถึงระดับเทวทูตเดินดิน แต่มาดามจัดจ์เมนต์เคยบอกฉันว่า ชุมนุมทาโรต์มีเทวทูต และไม่ใช่แค่องค์เดียว!”
มีนักบุญไม่ต่ำกว่าแปดตน และเทวทูตมากกว่าหนึ่งองค์? นี่มันเหนือกว่าชุมนุมแสงเหนือเสียอีก… สมแล้วที่เป็นองค์กรลับสุดพิเศษ… ขณะลูเมี่ยนกำลังทึ่ง เขาก็นึกสงสัยถามสัญชาตญาณว่านี่อาจเป็นการเล่าเกินจริงของเหล่าสมาชิกหลัก เพื่อให้ลูกน้องของตนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรมากขึ้น
ฟรังก้ากล่าวด้วยสีหน้ากึ่งๆ เพ้อฝัน
“ตอนนี้ความฝันของฉันคือการไต่ขึ้นไปทีละชั้นจนถึงลำดับ 5 จากนั้นก็ข้ามไปเป็นครึ่งเทพลำดับ 4 ของเส้นทางนักล่า มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่สักใบ”
“นั่นไม่เพียงแต่หมายถึงอำนาจและความปลอดภัยที่มากขึ้น แต่ยังหมายความว่าฉันจะได้เข้าร่วมชุมนุมต่อหน้าพระพักตร์ รอจนกระทั่งมิสเตอร์ฟูลตื่นจากบรรทม และถามพระองค์ในเรื่องหนึ่ง”
ตามที่มาดามเมจิกเชี่ยนเล่าให้ฟัง มีเพียงมิสเตอร์ฟูลเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ขาดว่าใครจะได้รับไพ่อาร์คาน่าใหญ่ เกณฑ์ไม่ใช่แค่การเลื่อนเป็นครึ่งเทพลำดับ 4 แน่นอน… ลูเมี่ยนบอกข้อมูลนี้เพื่อทำลายความหวังลมๆ แล้งๆ ของฟรังก้า ไม่ให้เธอเจ็บมากเกินไปในยามผิดหวัง
ฟรังก้าไม่ยี่หระแม้แต่น้อย เพียงพูดไปพลางหัวเราะ
“ยังไงคำถามของฉันก็ต้องรอจนกว่ามิสเตอร์ฟูลจะตื่นจากบรรทมอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ครึ่งเทพย่อมมีสิทธิ์ได้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่ก่อน”
ถึงตรงนี้ เธอมองหน้าลูเมี่ยนแล้วพูด
“นอกจากพวกเรา ไพ่อาร์คาน่าเล็กที่เคลื่อนไหวในทรีอาร์ยังมีอีกสี่ใบ ทั่วโลกมียี่สิบสามใบ แต่อาจจะน้อยกว่านี้ก็ได้ เพราะมีผู้วิเศษไม่น้อยคิดว่าการทิ้งไพ่ทาโรต์ไว้ในจุดเกิดเหตุเป็นเรื่องเท่ จึงจงใจเลียนแบบเรา หรือไม่ก็ใช้เป็นวิธีบิดเบือนทิศทางการสืบสวนของผู้วิเศษทางการ”
“ในกรุงทรีอาร์ ไพ่ที่ดังที่สุดคือ ‘อัศวินดาบ’ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขาได้จุดระเบิดคลังของ ‘โรงเรียนกุหลาบ’ ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายจากทวีปใต้ ภายในคลังดังกล่าวซ่อนวัตถุระเบิดไว้เป็นจำนวนมาก และยังมีซากชิ้นส่วนร่างกายที่ไม่ใช่มนุษย์หลงเหลืออยู่ในจุดเกิดเหตุ…”
ลูเมี่ยนฟังคำบอกเล่าของฟรังก้าอย่างตั้งใจ จนเริ่มกระจ่างเกี่ยวกับชุมนุมทาโรต์ ไพ่อาร์คาน่าใหญ่ และไพ่อาร์คาน่าเล็กบ้างแล้ว
เด็กหนุ่มคิดสักพักแล้วถาม
“ไพ่อาร์คาน่าเล็กมีการชุมนุมศาสตร์เร้นลับบ้างไหม”
“ไม่มี” ฟรังก้าส่ายหน้า “นอกจากว่าพวกเราจะนัดเจอกันในโลกความจริง ไม่อย่างนั้นก็ทำได้เพียงต่อติดผ่านไพ่อาร์คาน่าใหญ่ของตัวเอง อา… ไพ่อาร์คาน่าใหญ่จะจัดชุมนุมกันเป็นประจำ ณ แดนศักดิ์สิทธิ์ของมิสเตอร์ฟูล!”
“แต่มาดามจัดจ์เมนต์เคยพูดไว้ว่า หากมีความจำเป็นเร่งด่วนจริงๆ เราสามารถติดต่อกันได้ด้วยวิธีที่ไม่สนใจระยะทางบนโลกความจริง โดยมีไพ่อาร์คาน่าใหญ่ของตัวเองคอยช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันบ่อย”
ลูเมี่ยนไม่มีคำถามเพิ่มเติม หลังจากคุยกันไปอีกสองสามประโยค เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของจินนาเดินขึ้นมาตามบันได
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนทันที เตรียมพร้อมจะกลับ
“คุณจะไปไหน?” ฟรังก้าถามด้วยความสงสัย
ในเวลาแบบนี้ กลับคาบาเร่ต์ลมเอื่อยไปคงไม่มีอะไรให้ทำ สู้อยู่เล่นไพ่ ‘พิชิตจอมมาร’ ที่จักรพรรดิโรซายล์ ‘คิดค้น’ ขึ้นดีกว่า
ลูเมี่ยนยิ้มด้วยสีหน้าแฝงความนัย
“สุสานใต้ดิน”
ในที่สุดเถ้ากระดูกของคนบ้าฟลามง กับคู่สามีภรรยามิเชลรูเอล ก็จะถูกลำเลียงไปฝังในสุสานใต้ดินเสียที
……………………………………………….