ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 258 นักลอบสังหาร
ตอนที่ 258 นักลอบสังหาร
ซูซานน่าเห็นลูเมี่ยนวิ่งเข้าหาตนด้วยร่างที่มีเปลวไฟแดงฉานลุกโชน จึงรีบสูบพลังชีวิตจากกลุ่มคนค้าขาย คนเดินถนน และผู้เช่าที่แขวนอยู่บนต้นไม้ หวังกลับมาต่อสู้ได้อีกครั้งโดยเร็ว
ระหว่างนี้ ซูซานน่ามิได้กังวลว่าลูเมี่ยนจะทำร้ายเธอ เพราะตำแหน่งปัจจุบันของเธอคือเรือนยอดบนต้นไม้ ฝ่ายตรงข้ามปีนขึ้นมาไม่ได้ และตอนนี้เธอรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ ‘พฤกษาเงา’ การโจมตีที่ปราศจากบารมีเทพอย่างมากก็สร้างบาดแผลแค่เล็กน้อย ไม่มีทางสังหารเธอได้ ไม่ต้องหวังถึงบาดเจ็บสาหัส
ตุบๆๆ ลูเมี่ยนวิ่งอย่างบ้าคลั่งเข้าใกล้ดงกิ่งไม้และเถาวัลย์ ซึ่งมีผู้คนถูกแขวนอยู่ราวหนึ่งถึงสองร้อย
ไอ้พวกสีน้ำตาลอมเขียวเหล่านี้พยายามรัดรึงเด็กหนุ่ม พยายามแทงทะลวง แต่ก็ถูกเปลวไฟแดงฉานบนผิวหนังแผดเผา ถอยกรูดออกไปอย่างตื่นตระหนก
ทันใดนั้นเอง เสียงครืนครั่นดังมาจากใต้พื้นดิน ต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียวทรุดตัวลงอย่างฉับพลัน เหลือความสูงเพียงเจ็ดแปดเมตรในพริบตา
ส่งผลให้ทั่วทุ่งร้างสั่นสะเทือนรุนแรง ลูเมี่ยนซวนไปเซมา ยากที่จะเดินหน้าต่อไปได้สักพัก
…………
ครืนๆๆ เกิดเสียงอึกทึกราวกับแผ่นดินไหว ทำเอาโคมไฟระย้าในโถงจัดเลี้ยงแกว่งไกวพอประมาณ ผู้คนส่วนใหญ่ในงานเลี้ยงเผยสีหน้าตื่นตระหนก บางคนที่ตอบสนองได้ไวรีบตลบเข้าใต้โต๊ะยาวที่ปูผ้าสีขาว
ทีมผู้วิเศษที่เข้าเวรคุ้มกันฮิวจ์·อาร์ทัวส์ในวันนี้ประกอบด้วยลูกครึ่งอิมเร วาเลนไทน์ และผู้วิเศษเส้นทาง ‘นักรบ’ ที่ชื่ออ็องตวน
พวกเขาตระหนักถึงความผิดปกติพร้อมกัน แบ่งงานกันทำชัดเจนโดยให้อิมเรวิ่งไปทางหน้าต่างเพื่อสืบเสาะต้นตอของปัญหา
อิมเรเห็นว่าตึกหลายหลังในทิศของถนนอลเวง ถนนไนติงเกล ถนนเสื้อนอกขาว เริ่มเอียงเอนไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นพังทลาย พื้นผิวของตึกมีกิ่งไม้กับเถาวัลย์สีน้ำตาลอมเขียวหลงเหลืออยู่มากน้อยไม่เท่ากัน
และเมื่อเทียบกับตึกเหล่านั้น ต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียวบนถนนอลเวงดูสะดุดตายิ่งกว่า ปกคลุมด้วยปุ่มปมและดอกไม้นับไม่ถ้วน โดยกำลังทรุดจมลงเรื่อยๆ
ฉากดังกล่าวดำเนินไปเพียงไม่กี่วินาทีก็กลับสู่ภาวะ ‘ปกติ’ ประหนึ่งภาพสีน้ำมันที่ถูกภาพอื่นคลุมทับแทน
“เกิดอะไรขึ้น?” ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เดินมายังริมหน้าต่าง ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
อิมเรไม่ปิดบัง หรี่เสียงลงเล็กน้อย ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เกิดเหตุผิดปกติบนถนนอลเวง ถนนไนติงเกล และถนนเสื้อนอกขาวครับ”
ถนนอลเวง ถนนไนติงเกล ถนนเสื้อนอกขาว… จินนาที่เพิ่งเข้าใกล้หน้าต่างไม่ห่างกัน ไม่ทันเห็นฉากเมื่อครู่ ฟังแล้วก็แน่นิ่งไปทันที
ในใจของเธอผุดขึ้นมาสองชื่อ
ชาร์ล ฟรังก้า…
พวกเขาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ? หัวใจของจินนาพลันหล่นวูบ หันไปหาฮิวจ์·อาร์ทัวส์โดยสัญชาตญาณ
หญิงสาวเห็นมุมปากสส. รายนี้ยกขึ้นอย่างมีนัยแอบแฝง คล้ายกับซุกซ่อนความยินดีที่ยากจะปกปิด
เป็นมัน… เป็นฝีมือของมันกับพวกสาวกเทพมารนั่น! จินนาได้ข้อสรุปทันที แววตามืดลงเล็กน้อย ในใจท่วมท้นไปด้วยความสิ้นหวังที่ไม่อาจหักห้าม
ต้องรับมือกับการจู่โจมของสาวกเทพมารที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ด้วยวิกฤติระดับนั้น ฟรังก้ากับชาร์ลจะยังปลอดภัยได้อยู่หรือ?
ด้วยพลังของเรา ตอนนี้ไปช่วยทันไหม? หรือจะกลายเป็นตัวถ่วงเสียเอง?
ยามนี้จินนาเริ่มรู้สึกว่า ‘เสาหลัก’ สองสามต้นที่คอยค้ำจุนชีวิตเธอหลังจากสูญเสียมารดา อาจต้องเสียเพื่อนไปอีกสองคน เพื่อนที่คอยเคียงข้างเธออย่างมั่นคง
ทั้งหมดเป็นความผิดของสาวกเทพมาร เป็นความผิดของฮิวจ์·อาร์ทัวส์!
จินนานึกถึงคำพูดฟรังก้าเมื่อตอนที่เธอดื่มโอสถ กลายเป็น ‘นักลอบสังหาร’ เต็มตัว โดยฟรังก้าได้เน้นย้ำให้เธออยู่ห่างจากเทพมารเข้าไว้
“การไปข้องแวะกับเทพมาร จะนำมาซึ่งความหายนะ”
“คนแบบนั้นไม่เพียงจะกลายเป็นบ้า สูญเสียนิสัยเดิมไป แต่ยังจะลากคนรอบข้างไม่ว่าจะสนิทสนมกันหรือไม่ ให้ร่วงหล่นลงสู่ความมืดไปพร้อมกัน”
“ถ้าไม่รีบกำจัดคนเหล่านั้น อิทธิพลของเทพมารจะยังไม่หายไปไหน ความทุกข์ทรมานจะตามหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีวันจบสิ้น”
และตอนนี้ ฮิวจ์·อาร์ทัวส์คือต้นตอของภัยพิบัติทั้งหมดในเขตตลาด
จินนาก้มหน้าลง ไม่กล้ามองฮิวจ์·อาร์ทัวส์อีก ด้วยเกรงว่าความเจ็บปวดและเกลียดชังที่ซ่อนไม่มิดในดวงตาเธอ จะถูกอีกฝ่ายจับสังเกตได้
แต่ก็ยังต้องคอยกล่อมตัวเองว่า ยูเลียนพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ แค่มีอาการทางจิต ยังมีหวังที่จะรักษาให้หายขาด ในสถานการณ์เช่นนี้ หากต้องเสียน้องสาวเพียงคนเดียวไป ก็คงไม่แคล้วได้กลายเป็นคนบ้าตัวจริง ชนิดที่หมดหนทางเยียวยา
เมื่องานเลี้ยงนี่จบลง รอให้พวกเจ้าของโรงงาน ‘จ่าย’ ค่าชดเชยจนครบถ้วน เราจะพายูเลียนออกจากเขตตลาดและเขตสวนพฤกษศาสตร์ ไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่อื่น หลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่อาจตามมาหลอกหลอน… จินนาปลอบใจตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เพื่อมิให้อารมณ์ในใจระเบิดปะทุ
“เกิดภัยพิบัติอีกแล้ว?” ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ถามอิมเร วาเลนไทน์ และอ็องตวน
อิมเรหัวเราะขมขื่น
“เมื่อครู่ผมเห็นต้นไม้นั่น… ในประวัติศาสตร์หลายปีของกรุงทรีอาร์ มันปรากฏขึ้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครถอดรากถอนโคนมันได้”
นับตั้งแต่เข้าร่วมหน่วย ‘ผู้ชำระ’ ประจำกรุงทรีอาร์ เขาก็ได้ทราบว่าใต้ทรีอาร์เต็มไปด้วยอันตรายที่ยากจะชำระล้างให้หมดจด ซึ่งต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียวคือหนึ่งในนั้น
เขาและหัวหน้าทีม ตลอดจนเพื่อนร่วมทีมต่างก็คิดไม่ตกว่า แรกเริ่มเดิมที เหตุใดถึงสร้างกรุงทรีอาร์ทับลงบนสิ่งเหล่านั้น
โดยไม่รอให้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ตั้งคำถาม อิมเรกล่าวเสริม
“เนื่องจากความผิดปกติถูกค้นพบแล้ว อีกในไม่ช้าก็คงถูกปราบปรามจนสงบครับ”
ในฐานะคนของหน่วยรบหัวกะทิอย่าง ‘ผู้ชำระ’ เขาย่อมทราบว่ากรุงทรีอาร์แตกต่างจากเมืองหลวงของอาณาจักรอื่น เนื่องด้วยภัยแฝงใต้ดินที่เรื้อรังมานาน อดีตราชวงศ์และรัฐสภาในปัจจุบันจึงแอบตกลงกับสองศาสนจักรใหญ่อย่างลับๆ ให้วางเทวทูตหนึ่งองค์ หรือไม่ก็สมบัติปิดผนึกระดับ 0 หนึ่งชิ้น คอยประจำการไว้ในกรุงทรีอาร์ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
แน่นอน ในช่วงที่ราชวงศ์และรัฐบาลเรืองอำนาจ พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทวทูตจากสองศาสนจักร ดังเช่นในรัชสมัยของจักรพรรดิโรซายล์
เมื่อความผิดปกติอันเกิดจากต้นไม้ยักษ์ถูกเปิดเผย อีกไม่นานมันก็จะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ถึงแม้จะมิอาจกำจัดได้อย่างสิ้นซาก แต่อย่างน้อยก็ทำให้สงบลงได้นานพอสมควร
…………
หลังจาก ‘พฤกษาเงา’ ทรุดตัวลงอย่างรุนแรงแต่ประเดี๋ยวประด๋าว ทุ่งร้างก็กลับมามั่นคงครั้ง กาเบรียล ปาวาร์·นีซองต์ และคนอื่นๆ ยังคงถูกแขวนไว้บนกิ่งไม้ ใบหน้าของแต่ละคนเริ่มซีดเซียวเขียวคล้ำ คล้ายกับเหนื่อยล้าเกินไป
ลูเมี่ยนที่กลับมาทรงตัวได้มั่นคง เสกเปลวไฟสีแดงฉาน วิ่งปรี่เข้าหาต้นไม้ยักษ์มีน้ำตาลอมเขียวที่อยู่ไม่ไกล
ตอนนี้ซูซานน่า·มาติสฟื้นตัวได้หลายระดับแล้ว กระจกตาของเธอกำลังสะท้อนภาพลูเมี่ยน รอให้เด็กหนุ่มเข้าระยะลงมือแล้วค่อยเริ่มโจมตี
ที่ด้านหลังของลูเมี่ยน เงาหนึ่งแยกตัวออกจากเจ้าของเดิม พุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของเด็กหนุ่ม
ไม่ใช่ใครนอกจากชาร์ล็อตต์·คัลวิโน เธอกำลัง ‘แสดง’ เป็นเงา!
ชาร์ล็อตต์มิใช่ผู้ดำเนินพิธี และอยู่ห่างจากเรือนยอดต้นไม้ค่อนข้างมาก ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับผลข้างเคียงหรือมลทินเข้มข้น จึงมิได้อ่อนแอลงมากนัก เมื่อเห็นลูเมี่ยนหันกลับมาจะสวน เธอก็เตรียมหนีกลับไปซ่อนในเงาอีกครั้ง อาศัยพรสวรรค์ ‘การแสดง’ เพื่อซุ่มรอโอกาสประจวบเหมาะถัดไป
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงปืน ‘ปัง’ ก็ดังมาจากตำแหน่งห่างไกล
เนื่องจากกระสุนสีดำพุ่งเป็นระยะทางไกลเกินไป ความแม่นยำจึงลดลง เพียงแฉลบผ่านร่างชาร์ล็อตต์ไป แต่ก็ขัดขวางความพยายามของเธอได้
ฟรังก้าที่สวมเสื้อเชิ้ตสตรี กางเกงขายาวสีอ่อน รองเท้าบูตสีแดง ปรากฏตัวจากขอบทุ่งร้างพร้อมกับลูกโม่ทองเหลืองในมือ
เธอตะโกนใส่หลังของลูเมี่ยนด้วยคำหยาบ
“แม่งเอ๊ย! ไม่ได้เห็นฉันเป็นพวกพ้องเลยรึไง!”
…………
เมื่อเห็นว่าฉากในละแวกดังกล่าวกลับเป็น ‘ปกติ’ แล้วฮิวจ์·อาร์ทัวส์ถือแก้วแชมเปญสีทองอ่อนเดินกลับมายังกึ่งกลางโถงจัดเลี้ยง ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน และกล่าวสุนทรพจน์ตามขั้นตอน:
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่พวกท่านมาร่วมงานเลี้ยงปลอบขวัญในครั้งนี้ ได้โปรดยืนสงบนิ่งสักหนึ่งนาทีเพื่อน้อมรำลึกแด่ผู้ที่จากไปอย่างน่าเศร้า…”
“เมื่อสักครู่พวกท่านคงได้เห็นกันแล้วว่า เขตตลาดของเราเกิดความไม่สงบขึ้นอีกครั้ง ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด เราต้องสร้างกลไกใหม่ที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นกว่าเดิม เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในทำนองเดียวกัน”
“ผมเชื่อว่า พวกท่านทุกคนต่างเกลียดชังและหวาดกลัววินาศกรรมที่เกิดขึ้น เนื่องจากญาติของบางคนเสียชีวิต บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือบางคนได้รับแรงกระตุ้นจนจิตใจแตกสลาย กลายเป็นคนบ้าไป…”
ได้ฟังถึงตรงนี้ จินนาเงยหน้าขึ้นทันที จ้องฮิวจ์·อาร์ทัวส์อีกครั้ง
หมอนั่นเพิ่งจะพูดว่า ‘ได้รับแรงกระตุ้นจนจิตใจแตกสลาย กลายเป็นคนบ้าไป!’
โดยปกติแล้ว ต่อให้เป็นการยกตัวอย่าง ก็ไม่น่าจะลงลึกรายละเอียด เกริ่นคร่าวๆ ว่าเป็นอาการทางจิตก็พอ
หรือก็คือ ฮิวจ์·อาร์ทัวส์รู้อยู่เต็มอกว่าจะมีคนสติแตกและกลายเป็นบ้าจากเหตุโรงงานเคมีระเบิด และกลัวว่าคนอื่นจะไม่ตระหนักถึง ‘ผลงาน’ ของตน จึงจงใจยกเรื่องนี้มาพูดในสุนทรพจน์? ยังกับคนร้ายที่ชอบย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อชื่นชมผลงานตัวเอง… จินนาท่วมท้นไปด้วยอารมณ์เหยียดหยัน แฝงความเจ็บปวดรวดร้าวเจือหวาดหวั่น
หากสิ่งที่เธอคิดเป็นความจริง สาเหตุที่จิตใจของยูเลียนแตกสลาย ก็อาจเกี่ยวข้องกับพวกลัทธิเทพมาร!
“เขาจะหายกลับมาเป็นปกติได้ไหม ยังช่วยทันอยู่หรือเปล่า?”
“ถ้าไม่สามารถขจัดปัญหาตั้งแต่ต้นตอ ต่อให้เราจะพายูเลียนไปรักษาจนหายและออกจากเขตตลาด แต่ในภายหลังก็ยังอาจหลงเหลือภัยร้ายแฝงอยู่!” จินนาไม่เคยสิ้นหวังเท่าตอนนี้มาก่อน ราวกับไม่ว่าจะหันไปทางใด ก็หลุดพ้นจากความมืดไม่ได้เสียที
รูม่านตาของเธอค่อยๆ เบิกกว้าง สะท้อนภาพของฮิวจ์·อาร์ทัวส์อย่างแจ่มชัด
และเมื่อได้ยินฮิวจ์·อาร์ทัวส์เบี่ยงประเด็นมาป้ายสีสองศาสนจักรใหญ่ อิมเร วาเลนไทน์ และอ็องตวนต่างก็ทำหน้าเคร่งขรึม มองต่ำลงเล็กน้อย
…………
มิติแปลกแยกที่มาพร้อม ‘พฤกษาเงา’ บัดนี้ชำรุดทรุดโทรมไปทุกหนทุกแห่ง บางตำแหน่งมีของเหลวสีดำเหนียวไหลอยู่ บางจุดแหว่งโหว่ไป ราวกับถูกโยนเข้าสู่ความว่างเปล่าอันไร้ก้นบึ้ง
ทันใดนั้น พอดีกับที่ประตูแสงดาวหดกลับเข้าไปในช่องว่าง จุดแสงจุดหนึ่งพลันสว่างวาบขึ้นมา
ยิ่งนานเข้าแสงก็ยิ่งจ้า ราวกับจะสถาปนาตัวเองเป็นดวงอาทิตย์ มอบความเจิดจ้าอันผิดวิสัยให้ทุกหัวระแหงของมิติ หวังขจัดเงามืดทั้งปวง
ร่างของสตรีในชุดคลุมสีขาวปักด้ายทองปรากฏกาย ณ จุดกำเนิดแสง ดูคล้ายกับร่างที่บีบอัดจากแสงล้วน กึ่งมายากึ่งโปร่งแสง นัยน์ตาสีเขียวมรกต ผมบลอนด์ปลิวสยาย หน้าตาสะสวยแต่ศักดิ์สิทธิ์
เทวทูตผู้พิทักษ์กรุงทรีอาร์ นักบุญวีฟ
…………
ท่ามกลางเสียงปรบมือ ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ที่กล่าวสุนทรพจน์จบแล้ว ยังคงถือแก้วแชมเปญเดินไปมาในหมู่ญาติของเหยื่อด้วยท่าทีเอาใจใส่ เป็นกันเอง และน่าเชื่อถือ
จินนาหลับตาแน่นอยู่สักพัก ก่อนจะย่างกรายไปทางโต๊ะยาวปูผ้าขาว หยิบจานหนึ่งใบ ใส่อาหารลงไปพอเป็นพิธี แล้วหยิบส้อมเงินด้ามยาวขึ้นมาใช้งาน
เธอกินไปพลางเดินเข้าใกล้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์อย่างไม่รีบร้อน สายตาดูเหม่อลอย
หลังจากลดระยะห่างเหลือเพียงสองเมตร หญิงสาวก็ทำท่าทางเหมือนอยากคุยกับสส. ท่านนี้สักหน่อย
ส่วนฮิวจ์·อาร์ทัวส์ที่ถูกสมาชิกทีมล้อมหน้าล้อมหลัง ซ้ำยังมีผู้วิเศษทางการคอยคุ้มกัน ก็สังเกตเห็นจินนาเช่นกัน จึงเผยรอยยิ้มใจดี รอให้เธอเป็นฝ่ายเดินเข้ามาใกล้
จินนาเดินผ่านเลขาโรแน มายืนอยู่ห่างจากฮิวจ์·อาร์ทัวส์เพียงหนึ่งก้าว
ทั้งสองยังไม่ทันเริ่มสนทนากัน เสียงสั่นสะเทือนครืนครั่นจากใต้ดินก็ดังขึ้นอีกระลอก ย่านถนนอลเวงกับถนนเสื้อนอกขาวดูจะสว่างไสวขึ้นมา
บรรดาคนที่สนใจผลลัพธ์อย่างคาแซนดรากับฮิวจ์·อาร์ทัวส์ ต่างก็รีบหมุนตัวหันไปมองนอกหน้าต่างตามสัญชาตญาณ
ได้เห็นฉากดังกล่าว จินนาหลับตาแน่นอีกครั้ง ก่อนจะสืบเท้าออกไปหนึ่งก้าว ยกส้อมเงินในมือแทงใส่ฮิวจ์·อาร์ทัวส์!
อารมณ์ที่สั่งสมบ่มเพาะในใจเธอได้สักพัก ถึงคราวปะทุออกพร้อมกับการกระทำ
นักการเมืองชั่วช้าที่นำพาความฉิบหายและความมืดมิดมาสู่เขตตลาด!
สาวกเทพมารที่มโนธรรมถูกสุนัขกินไปจนหมดสิ้น!
คนเลวที่ทำให้แม่ของฉันต้องตาย ทำให้พี่ชายของฉันกลายเป็นบ้า!
ไปตายซะไอ้ระยำ!
ถ้าแกไม่ตาย ความทุกข์โศกในเขตตลาดก็จะไม่มีวันยุติ ความมืดจะปกคลุมที่นี่ตลอดไป ไม่มีโอกาสได้เห็นดวงตะวัน
ใช่แล้ว แกมีสาวกเทพมารรายล้อม มีผู้วิเศษทางการคอยคุ้มกัน ถ้าใครลงมือกับแกก็จะไม่มีชีวิตรอดกลับไป ส่งผลให้ไม่มีใครกล้าผลีผลาม
แต่ถ้ามีนักลอบสังหารคนหนึ่ง ไม่คิดถึงการมีชีวิตรอดกลับไปล่ะ!
ถึงฉันจะฆ่าแกไม่ได้ แต่ก็เปิดโปงความเป็นสาวกเทพมารของลูกน้องแกได้ และนำไปสู่การจับกุมของผู้วิเศษทางการ!
จินนาระบายความอัดอั้นตันใจ ความไม่ยอมจำนน และความเจ็บปวดรวดร้าวทั้งหมดลงบนส้อมเงินด้ามยาว อาศัย ‘โจมตีเต็มกำลัง’ ของนักลอบสังหาร เล็งจู่โจมดวงตาขวาของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ที่เผยออกมาเพราะการหันตัวไปด้านข้าง
วินาทีดังกล่าว เธอเห็นความประหลาดใจ ความงุนงง และความหวาดผวาบนใบหน้าอีกฝ่าย เห็นฮิวจ์·อาร์ทัวส์มองหาคาแซนดราอย่างร้อนรน พยายามขอความช่วยเหลือ
แต่คาแซนดราถูกบดบังทัศนวิสัยโดย ‘ผู้ชำระ’ อิมเร ซึ่งก้าวออกมายืนขวางในแนวเฉียงได้สักพักแล้ว จนหญิงสาวผมแดงไม่ทันสังเกตเห็น
เสียง ‘ปุก’ ดังทึบแน่น ส้อมเงินด้ามยาวในมือขวาจินนาปักคาเบ้าตาของฮิวจ์·อาร์ทัวส์จนมิดด้าม ทะลุทะลวงเข้าไปถึงสมอง
สีหน้าของฮิวจ์·อาร์ทัวส์กลายเป็นเหม่อลอย ความประหลาดใจ ความงุนงง และความหวาดผวาก่อนหน้านี้ยังคงแข็งค้างบนใบหน้า ไม่ทันได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เพียงแต่เพิ่มความรู้สึกสิ้นหวังเสียเต็มประดาเข้าไป
จินนามองดูเลือดสีแดงสดกระเซ็นออกมา จ้องหน้าฮิวจ์·อาร์ทัวส์ที่ค่อยๆ ล้มลงท่ามกลางแสงไฟ ขณะเดียวกันก็เห็นประกายไฟสีแดงเพลิงสว่างวาบใกล้ตัว ไม่แน่ใจว่ามาจากปากกระบอกปืนหรือพลังวิเศษกันแน่
หญิงสาวหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม ละทิ้งการต่อต้าน
แม่ ฉันเห็นแสงสว่างแล้วนะ
……………………………………………….