ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 228 ย่อยเสร็จกะทันหัน
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 228 ย่อยเสร็จกะทันหัน
ตอนที่ 228 ย่อยเสร็จกะทันหัน
เมื่อได้ยินฟรังก้าเอ่ยถึงการเลื่อนลำดับ ลูเมี่ยนเริ่มตระหนักว่า ถึงเวลาที่ตนต้องเตรียมตัวสักหน่อย
นี่ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากเป็นลำดับ 7 ‘นักวางเพลิง’ ซึ่งเต็มไปด้วยยุทธวิธีศาสตร์เร้นลับ แต่ก่อนหน้านี้สูตรโอสถของ ‘นักล่า’ และ ‘นักยั่วยุ’ ต่างก็มาจากของขวัญของมาดามเมจิกเชี่ยน ซึ่งได้มาโดยง่ายเกินไป เด็กหนุ่มจึงไม่กระตือรือร้น เพียงแค่รอจนกว่าโอสถ ‘นักยั่วยุ’ จะถูกดูดซึมจนหมด แล้วเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน เพื่อดูว่าต้องจ่ายอะไรเพื่อแลกกับการเลื่อนลำดับ
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ลูเมี่ยนรู้อย่างชัดแจ้งว่า มาดามเมจิกเชี่ยนมีตะกอนพลังของ ‘นักวางเพลิง’ อยู่ในมือ
แต่ตอนนี้เมื่อลองคิดให้ดี เขาพบว่าตนควรเตรียมตัวเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
มาดามเมจิกเชี่ยนคงไม่ได้สังกัดเส้นทาง ‘นักล่า’ จึงไม่แน่ว่าเธอจะมีสูตรโอสถของ ‘นักวางเพลิง’
และตะกอนพลังของ ‘นักวางเพลิง’ ก้อนดังกล่าว เธออาจยกให้คนอื่นไปแล้ว เพราะคนที่จั่วไพ่สำรับเล็ก ไม่น่าจะมีแค่ลูเมี่ยนคนเดียว และไม่จำเป็นว่าต้องอยู่คนละเส้นทาง
แน่นอน ด้วยอำนาจและฝีมือของมาดามคนดังกล่าว การจะได้มาซึ่งสูตรโอสถของ ‘นักวางเพลิง’ รวมถึงส่วนประกอบหลัก ย่อมมิใช่เรื่องเกินกำลัง แต่เธออาจจะไม่เต็มใจ หรืออาจจะล่าช้ามาก
ท่ามกลางความคิดอันยุ่งเหยิง ลูเมี่ยนมองกล่องไม้ที่วางอยู่บนตักฟรังก้า แล้วพูดอย่างสองจิตสองใจ
“ขายไปเถอะ”
แม้เคียวชั่วร้ายนั่นจะคมกริบ สามารถสูบชีวิตของศัตรูผ่านเลือด เข้ากันได้ดีกับศึกประชิดตัวที่เด็กหนุ่มถนัด แต่ของเล่นชิ้นนี้พกพาลำบาก ยากที่จะซุกซ่อน เต็มไปด้วยข้อจำกัดในการใช้งาน อย่างมากก็ได้ใช้ในคาบาเร่ต์ลมเอื่อย หรือไม่ก็โรงแรมระกาทอง โดยเมื่อถูกโจมตี หรือในกรณีที่ได้เปิดก่อน เขาสามารถแอบหยิบออกมาโดยใช้ความมืดบังตา
หากต้องการพกมันติดตัวตลอด วิธีเดียวที่ลูเมี่ยนนึกออกตอนนี้คือ เก็บใส่กล่องไวโอลินแล้วสะพายหลัง
สำหรับหัวหน้าหน่วยของแก๊ง นี่เป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยยิ่ง
อันที่จริง หากฟรังก้าไม่พูดถึงเรื่องการเตรียมตัวเลื่อนลำดับ จนลูเมี่ยนเริ่มรู้สึกว่าเงินสี่พันกว่าเฟลคินที่มีอยู่ยังไม่ค่อยพอ จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่ม เด็กหนุ่มก็ไม่ติดขัดอะไรถ้าต้องเก็บเคียวคมๆ อย่าง ‘พิธีเก็บเกี่ยว’ ติดตัวไว้ก่อน เพราะมันยังใช้งานได้ในบางโอกาส หรือถ้าอับจนหนทางจริงๆ ลูเมี่ยนก็ยังสามารถใช้ ‘แว่นส่องความลับ’ ปลอมตัวเป็นนักดนตรี สะพาย ‘ไวโอลิน’ ไปลอบสังหารเป้าหมายได้
ได้ยินแบบนั้น ฟรังก้าก็ถอนหายใจ
“คงต้องขายจริงๆ นั่นแหละ… อันที่จริงมันก็ไม่แย่นักหรอก แต่ไม่ค่อยเข้ากับรูปแบบการต่อสู้ของฉัน”
เธอชี้ไปตรงเอวของลูเมี่ยน
“ยาพวกนั้น แบ่งกันคนละขวดไหม?”
พูดตามตรง ฟรังก้าไม่ค่อยสนใจ ‘ยาคลั่ง’ กับ ‘ยาเปลือกไม้’ นัก เธออยากได้แค่ ‘พิษแมงป่อง’ กับ ‘ยารักษา’ แต่พอคิดว่าลูเมี่ยนก็ต้องใช้ยาทาอาวุธและยารักษาตัวเหมือนกัน เธอจึงเลือกแบ่งอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่าย
“ได้” ลูเมี่ยนตอบตกลง
…………
ในความมืดยามค่ำคืน ด้านนอก 126 ถนนใหญ่ตลาด
ตำรวจในชุดดำสองสามนาย กางเชือกกั้นเอาไว้ ป้องกันมิให้ผู้คนที่สัญจรผ่านเข้าใกล้อาคารด้านหลัง
ในตึกดังกล่าว อ็องกูแลม·เดอ·ฟรองซัว เจ้าของผมบลอนด์ คิ้วบลอนด์ เคราบลอนด์ ยืนอยู่หน้ารูปปั้นหญิงที่มีใบหน้าอ่อนโยน จ้องมองข้อความสีเลือดสองสามคำบนกำแพง
เขาที่ติดกระดุมทองเรียงกันบนหน้าอก ไม่พูดไม่จาอยู่เนิ่นนาน ทำเอาสมาชิกทีม ‘ผู้ชำระ’ และตำรวจที่ตามมาอำนวยความสะดวก ต่างพากันอึดอัดใจกันถ้วนหน้า
ผ่านไปสักพัก สมาชิก ‘ผู้ชำระ’ ที่มีเชื้อสายทวีปใต้ก็เดินขึ้นมาจากใต้ดิน หยุดอยู่ข้างอ็องกูแลมแล้วพูดเสียงเบา
“ท่านสังฆานุกรครับ ใต้ดินมีร่องรอยการบูชาเทพมารอย่างชัดเจน มีเหยื่อมนุษย์ที่ตายไปแล้วจำนวนหนึ่ง”
“ประตูห้องขังถูกเปิดอยู่ ผู้ถูกคุมขังหนีไปได้ส่วนหนึ่ง โดยกลุ่มที่ยังอยู่บอกกับผมว่า ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ใช้วิชามารจริงๆ”
อ็องกูแลมฟังจนจบด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองไปรอบตัว แล้วพูดกับตำรวจรอบข้าง
“คนหายไปมากขนาดนี้… พวกคุณไม่สังเกตเห็นกันเลยหรือ”
“ใครกันที่บอกผมว่า ในเขตตลาดมีแค่ผู้วิเศษไม่กี่คนที่อยู่ในความควบคุม ถ้าจับกุมพวกเขา จะทำให้แก๊งใหม่เข้ามา ก่อให้เกิดความวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม?”
เสียงโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นของบ้านเลขที่ 126 ถนนใหญ่ตลาด จนตำรวจทุกนายต่างก็รีบก้มหน้า
ทันใดนั้น อ็องกูแลมหันหัวไปทางรูปปั้นหญิงที่มีใบหน้าอ่อนโยน
เขารู้สึกราวกับว่า มีคลื่นโทสะอันแรงกล้าปะทุออกจากจุดดังกล่าวชั่ววูบหนึ่ง
ร่างอ็องกูแลมถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทองหนึ่งชั้น พร้อมกับยื่นมือขวา เพื่อเปิดท้องของรูปปั้นดังกล่าว
ในนั้นมีช่องว่างที่ใหญ่พอจะใส่คนคุดคู้เข้าไป กึ่งกลางมีเมล็ดพันธุ์สีน้ำตาลอมเขียวนอนนิ่งอยู่ แต่พอถูกลมพัดก็พลันแหลกเป็นผุยผง
…………
ชั้นสองของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
ลูเมี่ยนขมวดคิ้วกะทันหัน
“มีอะไร?” ฟรังก้าถาม
ลูเมี่ยนตอบกลับด้วยท่าทางลังเล ว่าตนควรดีใจหรือควรสงสัย
“เมื่อสักครู่ โอสถ ‘นักยั่วยุ’ ของผมถูกย่อยสมบูรณ์แล้ว”
“วีรกรรมของพวกเรา ไปยั่วยุคนใหญ่คนโตสักคนหรือเปล่านะ?”
ฟรังก้าลองเดา
“มาดามจันทรา หรือไม่ก็… ผู้วิเศษทางการ?”
“หรือทั้งคู่” ลูเมี่ยนไม่อยากคิดให้ปวดหัว อย่างไรเสีย นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี
นี่หมายความว่า เด็กหนุ่มสามารถเลื่อนเป็นลำดับ 7 นักวางเพลิงได้แล้ว!
และผลลัพธ์นี้ ช่วยให้เขาตระหนักถึงข้อเท็จจริงหนึ่งได้ทันที:
ไม่จำเป็นต้องสรุปกฎการสวมบทบาทให้ครบทุกข้อ จึงจะสามารถย่อยโอสถนั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์
ข้อเพียงสรุปกฎการสวมบทบาทได้บางข้อในแบบฉบับตัวเอง ตราบใดที่สวมบทบาทได้ดี และมีผลสะท้อนต่อเนื่อง ก็สามารถใช้การสะสมจำนวนครั้งหรือเวลา เพื่อย่อยโอสถให้สมบูรณ์ได้
ดังนั้น ในกรณีของคนที่ไม่รู้จัก ‘การสวมบทบาท’ เลย ส่วนใหญ่ก็ยังสามารถย่อยโอสถได้โดยอาศัยเวลาและโอกาส… ลูเมี่ยนเปล่งเสียงพึมพำด้วยความกระจ่าง
หลังจากจัดสรรยาและตัดสินใจขาย ‘ของโจร’ ที่เหลือเพื่อแลกเป็นเงิน ลูเมี่ยนก็บอกลาฟรังก้า จงใจเดินวนในคาบาเร่ต์ลมเอื่อยสักรอบ ก่อนจะออกจากถนนใหญ่ตลาด กลับไปยังโรงแรมระกาทอง
พอขึ้นมาถึงชั้นสอง เด็กหนุ่มก็เห็นประตูห้อง 206 เปิดอยู่ แสงจากโคมไฟคาร์ไบด์มอบความสว่างให้ทางเดินอันมืดมิด
เมื่อลูเมี่ยนเดินผ่าน ก็ลองชะโงกมองเข้าไป แลเห็นว่ากาเบรียลในชุดเอี๊ยมสีดำตัวโปรด กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง คอยจดจ่ออยู่กับทางเดินนอกห้อง
“ในที่สุดคุณก็กลับมา!” นักเขียนบทละครลุกพรวดด้วยความดีใจ
ลูเมี่ยนเลิกคิ้วขวาเล็กน้อย
“คุณยังไม่ถูกตำรวจจับอีกหรือ?”
“…” กาเบรียลหมดคำจะกล่าวไปชั่วขณะ
ผ่านไปสองสามวินาที เขาจึงพูดด้วยความดีใจที่ซ่อนไม่มิด
“มิสเตอร์เนธาน·โลเปต์ไม่ได้แจ้งตำรวจ และยังเซ็นสัญญากับผมด้วย ซื้อบทละครเรื่องนั้นของผมไป”
“เขาบอกว่า ทีแรกตั้งใจจะจ่ายเงินล่วงหน้า 1,500 เฟลคิน แต่เนื่องจากพวกเราทำให้เขาตกใจ จึงหักออกไป 500 เฟลคิน รอจนกว่าละครจะเปิดการแสดงอย่างเป็นทางการ ผมจะได้ส่วนแบ่ง 2.5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากตั๋วในแต่ละรอบ”
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“ผมนึกว่าเขายอมรับมันเพราะลูกโม่เสียอีก แล้วค่อยพลิกลิ้นทีหลัง คิดไม่ถึงว่าบทละครของคุณจะสะกดเขาได้จริงๆ”
ในเมื่อคุณคิดแบบนี้ แล้วตอนนั้นทำไปทำไม? กาเบรียลอดรำพันในใจไม่ได้
เขาอธิบายต่อ
“มิสเตอร์โลเปต์เข้าใจความหลุดโลกของพวกศิลปินเป็นอย่างดี จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยังเล่าให้ฟังด้วยว่า คู่ขาเก่าของเขาก็เป็นจิตรกรหญิง ไม่เพียงเลี้ยงแกะไว้บนระเบียงบ้าน แต่ยังอยากลองกระทุ้งก้นผู้ชายดูสักครั้ง เพื่อการนี้ เธอถึงกับซื้ออุปกรณ์คาดเอวเตรียมไว้ และพยายามรบเร้าเขา สุดท้ายทั้งคู่จึงเลิกรากันไป”
“พวกชาวทรีอาร์นี่นะ…” ในฐานะราชานักแกล้งแห่งหมู่บ้านกอร์ตู ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะถอนใจสักประโยค
กาเบรียลมาจากต่างจังหวัด มิใช่ชาวทรีอาร์ จึงไม่แยแสคำจิกกัดของชาร์ลเลย
เพียงกล่าวอย่างจริงใจ
“ผมอยากขอบคุณคุณมาก ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการ แต่หากไม่มีคุณ บทละครของผมก็ไม่มีทางถูกมิสเตอร์โลเปต์อ่าน”
พูดถึงตรงนี้ กาเบรียลถามด้วยความสงสัยเล็กๆ
“มิสเตอร์โลเปต์บอกว่า กลุ่มของเราทำอะไรไม่รัดกุมเอาเสียเลย พอมาถึงหน้าประตูบ้านเขา เพิ่งจะคิดได้ว่าต้องปิดหน้า… หลังจากที่มิสเตอร์โลเปต์คุยกับยามที่ห้องโถงสองสามคำ เขาก็รับรู้รูปพรรณสัณฐานของเราทันที ถ้าแจ้งตำรวจไปตอนนั้น เราก็คงติดคุกกันหมดแล้ว”
“ทำไมพวกคุณถึงไม่ปิดหน้าก่อนจะมัดยามเฝ้าประตูล่ะ?”
กาเบรียลเชื่อว่าในฐานะหัวหน้าหน่วยของแก๊ง ชาร์ลไม่ควรตายน้ำตื้นแบบนี้
ลูเมี่ยนย้อนถามอย่างสงบ
“ทำไมต้องปิดหน้า?”
“…” กาเบรียลถามด้วยความสับสน “แล้วทำไมคุณถึงปิดหน้าก่อนเข้าห้อง?”
ลูเมี่ยนตอบเสียงเรียบ
“เพราะจินนาปิดหน้าไง”
นี่มันตรรกะอะไร… ถึงจะเป็นนักเขียนบทละคร กาเบรียลก็รู้สึกว่าตนไม่เข้าใจความคิดของชาร์ลเลย
เขาสัมผัสได้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา อาการของชาร์ลดูไม่ค่อยปกตินัก แต่ไม่แน่ใจถึงเหตุผล ยากที่จะวิเคราะห์สภาพจิตใจ รวมถึงต้นตอของพฤติกรรม
กาเบรียลถอนหายใจ
“ยังดีที่ผลลัพธ์ออกมาไม่เลว ไม่งั้นพวกเราคงโดนตำรวจรวบกันหมดแล้ว…”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าชาร์ลคือหัวหน้าหน่วยของพรรคซาฟาห์ คดีก่อนๆ ของเขาร้ายแรงกว่าเมื่อคืนนี้มาก
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ พลางตบบ่ากาเบรียลไม่แรง
“ถึงจะถูกจับ คุณก็เป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ได้ถือปืน จ่ายเงินนิดหน่อยก็ประกันตัวออกมาได้”
พูดจบ เขาเดินกลับห้องตัวเอง แล้วเปิดประตูห้อง 207
กาเบรียลมองแผ่นหลังของชาร์ล รู้สึกเคว้งคว้างปนโล่งใจไปพร้อมกัน
…………
ภายในห้อง 207 ลูเมี่ยนกำลังตรวจสอบ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ อย่างละเอียด
เขารู้สึกว่าถ้าไม่ซ่อมแซมมีดเล่มนี้ ก็คงจะอยู่ได้อีกแค่สามเดือน
“ที่จริงก็เอาไปถามฟรังก้าได้ เธอคงรู้จักใครสักคนที่สามารถซ่อมสมบัติวิเศษกับอาวุธวิเศษ…” ลูเมี่ยนหลับตาลงครึ่งหนึ่ง แล้วเริ่ม ‘สื่อสาร’ กับปรอทเสื่อมทราม
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็ได้ทราบว่า โชคชะตาที่ได้มาครั้งนี้คือ:
โชคชะตาของ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ กำลังซัดเหล้าอย่างเปรมปรีดิ์
ลูเมี่ยนเก็บปรอทเสื่อมทรามแล้วลุกขึ้นยืน ออกจากห้อง ขึ้นไปชั้นสาม
เด็กหนุ่มเดินมาถึงหน้าประตูห้อง 310 พร้อมกับได้ยินเสียงคนบ้านั่น เอาแต่โหวกเหวกด้วยความหวาดกลัว
“ฉันจะตายแล้ว ฉันจะตายแล้ว!”
ลูเมี่ยนหยิบลวดครึ่งท่อนออกมา ไขเปิดประตูห้อง แลเห็นคนบ้ากำลังนั่งยองบนพื้นห้องที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ กอดศีรษะตัวเองไว้ด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม
ลูเมี่ยนยืนพิงกรอบประตู หัวเราะในคอ
“นายเนี่ย โชคดีจังเลยนะ วิญญาณมงต์ซูรีไม่ยอมมาฆ่าสักที”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ามันยุ่งเกินไป หรือว่าขี้เกียจกันแน่”
…………………………………………………….