ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 222 ใบปลิว
ตอนที่ 222 ใบปลิว
แต๊ง! แต๊ง! แต๊ง!
นาฬิกาตีหกโมง ลูเมี่ยนพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง และดึงม่านออก
แสงอ่อนๆ ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้บรรยากาศที่เงียบมาทั้งคืน กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ลูเมี่ยนขยี้ตา ล้างหน้าแต่งตัวเล็กน้อย จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ
เด็กหนุ่มเปลี่ยนชุดใหม่ เดินลงมาชั้นล่าง ออกจากโรงแรมระกาทอง เลี้ยวไปทางถนนเสื้อนอกขาว และเข้าไปในบ้านลับที่เช่าไว้
ลูเมี่ยนรีบหยิบสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ขึ้นมาอ่าน หวังว่าหลังจากได้ข้อมูลใหม่แล้ว จะสามารถพบเจอประเด็นที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
สิ่งที่จดบันทึกไว้ในสมุดบันทึกเวทมนตร์ แบ่งออกเป็นสามประเภทหลักๆ :
ประเภทแรก ความรู้เชิงศาสตร์เร้นลับทั่วไป รวมถึงชื่อของเส้นทางทั้งหมด สถานการณ์ของลำดับบางส่วน พื้นฐานของอาคมพิธีกรรม บทบาทขององค์ประกอบสัญลักษณ์ การออกเสียงและความหมายของภาษาเหนือธรรมชาติบางภาษา เป็นต้น
ประเภทที่สอง คือการประยุกต์ใช้ปัญญาศาสตร์เร้นลับและพลังวิเศษของตัวเอง โดยมีการไตร่ตรองจำนวนมาก มีการจดบันทึกหรือซื้อคาถาเวทมนตร์จำนวนมาก และมีการป้องกันคำสาป เป็นต้น
ประเภทที่สาม คือความรู้ประหลาด ความรู้แปลกๆ ที่กระจัดกระจาย ไม่เป็นระบบ บางส่วนมาจากการปลูกฝังของ ‘ปราชญ์เร้นลับ’ บางส่วนมาจากการแลกเปลี่ยนระหว่างสมาชิกภายในของ ‘สมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก’
เนื้อหาทั้งสามประเภทนี้ มิได้ถูกแยกประเภทและจดบันทึกแยกเล่ม แต่จะสลับกันไปตามลำดับเวลาที่โอลัวร์ได้รับมา
สำหรับลูเมี่ยน ประเภทที่สองยากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคาถา ‘ส่องแสง’ ‘กำจัดวัชพืช’ ‘ไล่วิญญาณ’ ‘เรียกวิญญาณ’ ‘สายฟ้า’ ‘สร้างลม’ ‘หัตถ์สนามพลัง’ และเวทมนตร์คาถาอื่นๆ ของ ‘จอมเวท’ ต่างก็ล้วนยากที่จะทำความเข้าใจ เพราะปัจจุบันตนยังไม่แน่นพื้นฐานศาสตร์เร้นลับ ซ้ำยังขาดพลังวิเศษในการร่ายเวทมนตร์คาถา
เมื่อเทียบกันแล้ว เนื้อหาส่วนของอาคมพิธีกรรม หลังจากกลายเป็น ‘ภิกษุบิณฑบาต’ ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจ เรียนรู้ หรือทำให้ชำนาญ ก็ง่ายขึ้นมาก
ลูเมี่ยนยังสังเกตเห็นอีกว่า พี่สาวของตนมิได้เขียนกฎเกณฑ์พื้นฐานอย่าง ‘กฎการอนุรักษ์ตะกอนพลัง’ ลงในสมุดบันทึก
หลังจากเปิดอ่านเกือบทั้งเช้า ลูเมี่ยนไม่พบจุดที่น่าสงสัย กลับสะสมคำถามที่ต้องถามผู้อื่นอีกเพียบ
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างสงบ พับกระดาษที่จดบันทึกคำถามยากๆ ไว้ สอดใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วออกจากบ้านลับ
ระหว่างทางที่เดินไปยังถนนใหญ่ตลาด ลูเมี่ยนเห็นจุดลงคะแนนเสียงหลายจุด ตำรวจในเครื่องแบบ และทหารในชุดเกราะเต็มยศคอยรักษาความเป็นระเบียบ ปล่อยให้ผู้คนที่เข้าแถวยาวหย่อนบัตรเลือกตั้งใส่กล่องไม้ทีละคน
แม้จะได้เอกสารยืนยันตัวตนใหม่จากการ์ดเนอร์·มาร์ตินแล้ว เปลี่ยนตัวเองเป็นชาร์ล·ดูบัวส์ ผู้อาศัยอยู่ในเขตตลาดมาเกือบสองปี และมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงแล้ว แต่ลูเมี่ยนก็ไม่คิดจะไปลงทะเบียน เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งสส.
เดินไปได้สักพัก เด็กขายหนังสือพิมพ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามา โยนปึกกระดาษขาวในมือขึ้นไปกลางอากาศ
ลูเมี่ยนเห็นคนเดินถนนหลายคน หยิบกระดาษขาวเหล่านั้นขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ จึงค้อมหลังลงไปหยิบแผ่นที่อยู่ติดเท้าขึ้นมา
บนกระดาษขาวพิมพ์ประโยคภาษาอินทิสไว้สองสามบรรทัด ไวยากรณ์ง่าย เข้าใจได้ง่าย:
“ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เป็นคนทรยศ!”
“เมื่อหลายปีก่อน ในสงครามกับอาณาจักรโลเอ็น เขาทิ้งกองทัพหนีไป ทำให้พ่อ พี่ชาย น้องชาย สามี และลูกชายของหลายคนไม่ได้กลับมาอีกเลย!”
“ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เข้าร่วมการเลือกตั้งสส. โดยได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จากอาณาจักรโลเอ็น!”
หลังจากอ่านจบ ลูเมี่ยนถึงกับอุทาน ‘โฮ่’ ในใจ
เด็กหนุ่มยังไม่ลืมว่า บนโปสเตอร์โฆษณาหาเสียงของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ มีการเน้นย้ำประสบการณ์รับราชการทหาร ระบุว่าไต่เต้าจนถึงยศพันตรีก่อนจะออกจากกองทัพ แล้วเข้าสู่แวดวงการเมือง เริ่มจากการเป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐสภา
“กำลังจะบอกว่า ผลการลงคะแนนเมื่อวานนี้ไม่ดี ผู้สมัครบางคนจึงดิ้นรนเฮือกสุดท้าย?” ขณะลูเมี่ยนครุ่นคิด กลุ่มชายฉกรรจ์สองสามคนที่ดูเหมือนนักเลงแก๊งอันธพาลเดินเข้ามา เก็บใบปลิวจากมือของผู้คนที่เดินผ่านไปมา ลงมือทุบตีและด่าทอพวกเขา โดยที่ตำรวจใกล้ๆ แสร้งทำเป็นตาบอด
ลูเมี่ยนเงยหน้ามองกวาด แล้วจำได้ว่า หนึ่งในนั้นก็คือ:
คนของแก๊งหนามพิษ ก่อนหน้านี้เคยติดตามมาร์โกต์และวิลสันมาที่โรงแรมระกาทอง
“เฮ้ย! ใครอนุญาตให้แกอ่านวะ!”
“ไอ้ลูกหมา! อยากให้ฉันคนนี้ลงไม้ลงมือนักรึไง?”
คนของแก๊งหนามพิษกลุ่มดังกล่าว เดินมาถึงตรงหน้าลูเมี่ยน โดยเตรียมจะฉวยใบปลิวไปเหมือนเมื่อครู่ แต่แล้วก็เห็นผมสั้นสีบลอนด์อมดำ
ลูเมี่ยนยิ้มให้
ชาร์ล! นักเลงแก๊งหนามพิษต่างรีบสะดุ้งหันหลัง พยายามวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ลูเมี่ยนถือโอกาสยกขาขึ้น ถีบก้นนักเลงคนหนึ่งเต็มข้อ จนอีกฝ่ายเสียหลักล้มคว่ำหน้าคะมำ
“ไง… ลืมหน้าปู่คนนี้ไปแล้วหรือ?” เด็กหนุ่มด่าเช็ดไปหนึ่งประโยค มองนักเลงแก๊งหนามพิษที่ล้มลุกคลุกคลานหนีหางจุกก้นด้วยความสมเพช แต่มิได้ไล่ตาม
ลูเมี่ยนโยนใบปลิวในมือทิ้ง เดินกลับไปทางคาบาเร่ต์ลมเอื่อยอย่างเนิบนาบ
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ลูอิสก็พาซาโกตามาต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า
“ลูกพี่ครับ เมื่อคืนชาร์ลีลาออกจากงานเด็กเสิร์ฟแล้ว เขาขอค่าจ้างแค่หนึ่งสัปดาห์”
“ฉันรู้” ลูเมี่ยนตอบกลับอย่างเฉยเมย
ลูอิสยังไม่ลืมว่า คืนวานซืน ลูกพี่พาชาร์ลีออกไป แล้วกลับมาหาเขาอีกรอบ หลังจากนั้นชาร์ลีก็ลาออกทันที ทำให้ลูอิสรู้สึกว่า ต้องมีความไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่แน่ แต่ก็ไม่กล้าถาม
ลูเมี่ยนมองลูอิสแวบหนึ่ง แล้วเดินขึ้นร้านกาแฟชั้นสอง พลางถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจ
“ปีนี้นายอายุเท่าไหร่แล้ว”
“ยี่สิบเจ็ดครับ” ลูอิสไม่เข้าใจว่าทำไมลูกพี่ถึงถาม
ลูเมี่ยนแทบไม่ได้คิดอะไรเลย นึกอะไรได้ก็ถามออกไป:
“แต่งงานหรือยัง มีลูกหรือยัง?”
“ยังเลยครับ” ลูอิสหัวเราะเขินๆ “ผมตั้งใจจะรอให้ตัวเองโตกว่านี้อีกหน่อย ค่อยแต่งงาน”
เขารู้สึกว่าตัวเองแม้จะหลุดพ้นจากชะตากรรมการเป็นนักเลงระดับล่างแล้ว กลายเป็นบอดี้การ์ดของหัวหน้าหน่วย ไม่ต้องกังวลว่าจะตายกลางถนนเหมือนหมา แต่ชีวิตแบบนี้ก็ยังคงอันตราย
เขาไม่อยากเพิ่งแต่งงานมีลูก แล้วต้องไปเป็นของชายอื่น
ลูเมี่ยนพยักหน้า:
“นายต้องคิดถึงอนาคตให้มากกว่านี้หน่อย ลูอิสอีกคนที่ฉันรู้จักน่ะ มีลูกไปหลายคนแล้วนะ”
ลูอิสพูดเอาใจไปสองสามประโยค รู้สึกว่าวันนี้หัวหน้าไม่มีเรื่องคุย แต่พยายามชวนตนคุย เหมือนต้องการพิสูจน์บางอย่าง
…………
ฟรังก้าไม่ได้กินมื้อกลางวันกับการ์ดเนอร์·มาร์ติน โดยกลับมายังบ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาวก่อนเที่ยง
เธอเห็นประตูห้องนอนรับแขกปิดสนิท รู้สึกสงสัยเล็กน้อย จึงหมุนลูกบิดแล้วผลักประตูเข้าไป
จินนาสวมเสื้อนอนและกางเกงนอน กอดหมอนแน่น นอนตะแคงหลับสนิท
สัมผัสถึงความเคลื่อนไหว จินนาขยี้ตา บรรจงพยุงตัวนั่ง มองไปทางประตู
“ยังนอนอยู่หรือ?” ฟรังก้ายิ้มถาม
ช่วงนี้ไม่ต้องไปเรียนการแสดงที่กรงพิราบเก่าแล้ว ก็เลยปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้?
จินนารวบผมสีน้ำตาลอ่อน พึมพำว่า:
“ก็ไอ้ชาร์ลนั่นแหละ วุ่นวายจนดึกดื่น”
“…” รอยยิ้มของฟรังก้าแข็งค้างบนใบหน้า
จินนาพูดต่อ:
“เมื่อคืนเขาไม่รู้เป็นอะไร อารมณ์และอาการดูไม่ค่อยดี ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้าย เลยตามเขาไปตลอด รอจนเข้าโรงแรมระกาทอง นอนบนเตียงแล้ว ฉันถึงได้กลับมานอน”
ฟรังก้าถอนหายใจ พูดอย่างเป็นห่วง:
“เล่าให้ฟังหน่อย”
จินนาเล่าตั้งแต่เธอร้องเพลงเสร็จ ออกจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อย เห็นลูเมี่ยนนั่งตากฝนอยู่ข้างทาง ไปจนถึงตอนที่อีกฝ่ายใช้ ‘วิธี’ ที่ไม่มีใครคาดคิด ช่วยให้กาเบรียลได้โอกาสเซ็นสัญญาบทละคร และปิดท้ายว่า
“แม่ง! ปาเข้าไปเกือบตีสาม หมอนั่นถึงยอมกลับไปนอน ง่วงจะตายห่าอยู่แล้ว!”
ฟรังก้าเงียบฟังจนจบ พูดกึ่งกังวลเล็กน้อย:
“สภาพแบบนี้ของเขา หาได้ยากจริงๆ …”
เล่าถึงตรงนี้ ฟรังก้าชะงักไป
เธอนึกทบทวนเรื่องที่ลูเมี่ยนยังคงเข้ารับการบำบัดจิตเป็นประจำ อาการเช่นนี้อาจเป็น ‘สภาพที่จริงที่สุด’ ของเด็กหนุ่มก็ได้
“เมื่อคืนเขาน่าจะไปรับการกระตุ้นอะไรมา… เดี๋ยวฉันจะลองไปถามดู” หลังจากเปรยๆ ว่าลูเมี่ยนเป็นญาติ ฟรังก้าก็ไม่คิดปิดบังความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดระหว่างตนกับลูเมี่ยน
จินนาพยักหน้า:
“พูดกับเขาดีๆ ล่ะ อย่าเผลอไปกระตุ้นเขา”
…………
ชั้นสองของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ในห้องทำงานของลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มเห็นฟรังก้าที่ ‘ล่องหน’ เข้ามา
“จินนาเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนคุณมีปัญหานิดหน่อย” ฟรังก้าในเสื้อเชิ้ตสตรีสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ถามเข้าประเด็น “ไปเจอคุณนายปัวริสนั่นมาใช่ไหม?”
ระหว่างกินข้าวเที่ยงกับจินนา เธอพอจะนึกออกว่าสิ่งใดเป็นตัวกระตุ้นให้อาการทางจิตของลูเมี่ยนกำเริบ
ได้ยินคำถามของฟรังก้า เด็กหนุ่มเหมือนหมดแรงไปทั้งตัว ทิ้งน้ำหนักลงบนเก้าอี้พิงแบบหมุนได้
ผ่านไปสิบกว่าวินาที เขาถึงถอนหายใจ
“ใช่… ได้รู้ความจริงบางอย่าง ยอมรับไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับ”
เห็นอีกฝ่ายไม่อยากเล่ารายละเอียด ฟรังก้าไม่เซ้าซี้ถาม เพียงค้อมศีรษะเล็กน้อย
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
ลูเมี่ยนนั่งตัวตรง พูดอย่างไม่เกรงใจ
“สองเรื่อง หนึ่ง ผมมีคำถามเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับหลายข้ออยากขอคำปรึกษา สอง เรื่องของแก๊งหนามพิษ”
“ก่อนหน้านี้ผมเล่าให้คุณฟังแล้ว ถ้าจบการเลือกตั้งเมื่อไร และฮิวจ์·อาร์ทัวส์ได้เป็นสส. พวก ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์จะได้รับพรใหม่ ถึงตอนนั้น เราทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย… คำถามก็คือ ควรโจมตี 126 ถนนใหญ่ตลาดกลางดึกคืนก่อนประกาศผลเลือกตั้ง เพื่อกำจัดภัยแฝงไปเลยดีไหม?”
ฟรังก้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“อ้างอิงจากที่คุณเล่า ‘เจ้าวิชามาร’ จะได้เปรียบมากหากสังเวียนคือบ้านตัวเอง แม้เราสองคนจะทุ่มหมดหน้าตัก ก็มีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะกำจัดพวก ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ได้หมด แถมนี่ยังเป็นในกรณีที่ในบ้านของมัน ไม่มีตัวช่วยอย่างอื่นอยู่เลย…”
“แต่ถ้าตอนนี้ไม่ลงมือ พอพวกมันได้รับพรใหม่อีกรอบ จะยิ่งรับมือยากขึ้น…”
หญิงสาวลังเล ตัดสินใจไม่ถูกอยู่นาน
…………
บ้านเลขที่ 126 ถนนใหญ่ตลาด อาคารสามชั้นพร้อมสวน
‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์มองลูกน้องที่ไปขอข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เขตตลาด ถามด้วยความคาดหวังอยู่หลายส่วน
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ลูกน้องคนนั้นพูดอย่างตื่นเต้น
“ท่านฮิวจ์·อาร์ทัวส์นำโด่งมากครับ!”
‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ยิ้มออกมา รอจนลูกน้องคนดังกล่าวออกไป จึงหันหน้าไปทาง ‘หัวล้าน’ ฮาร์มันและ ‘เชิงเทียนขาสั้น’ คาสตินา
“พรุ่งนี้ตอนบ่ายก็ประกาศผลเลือกตั้งแล้ว พอถึงตอนเย็น ‘ท่านหญิงจันทรา’ จะประกอบพิธีมอบพรให้เราด้วยตนเอง”
“พวกเราก็ไม่ต้องทนอีกต่อไป ต้องฝังไอ้เวรตะไลชาร์ลให้ได้!”
หมายเหตุจากผู้แต่ง: ตอนที่แล้วอ้างอิงจากเหตุการณ์จริง เกี่ยวกับนักเขียนสองคนในปารีสที่สวมหน้ากากแอบเข้าไปในบ้านของผู้จัดการโรงละคร จับเขามัดแล้วอ่านบทละครของตัวเองให้ฟัง ผู้จัดการฟังถึงบทสนทนาที่สามก็ตัดสินใจรับละครเรื่องนี้ การตอบสนองของผู้จัดการ ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงโดยแท้
…………………………………………………….