ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 201 นึกออก
ตอนที่ 201 นึกออก
ลูเมี่ยนชะงักงันครู่หนึ่ง จ้องเบาะนั่งฝั่งตรงข้ามที่ไม่น่าจะมีใคร แล้วตอบกลับอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ”
ในเวลาเดียวกันนั้น เด็กหนุ่มก็นึกถึงคำประหลาดที่พี่สาวเคยพูดและอธิบายความหมายเอาไว้:
รุมวินิจฉัยอาการ!
แม้ว่ารอบตัวเราจะไม่ได้เต็มไปด้วย ‘นักจิตบำบัด’ ล่องหน แต่ก็มีถึงสองคนด้วยกัน ถึงจะมองไม่เห็นก็เถอะ… ลูเมี่ยนรำพันเงียบ
มาดามฝั่งตรงข้ามเงียบไปแล้ว ส่วนน้ำเสียงของซูซี่เริ่มผ่อนคลายและสดใส
“ดูเหมือนว่าคุณจะประทับใจเรื่องหนังสือพิมพ์มาก แสดงว่ามันได้ผลดีทีเดียว?”
“ใช่ครับ” ลูเมี่ยนตอบเถรตรง
แทนที่จะปิดกั้นมันไว้ ตอนนี้เด็กหนุ่มกล้าเผชิญหน้ากับบาดแผลทางใจแล้ว ไม่อย่างนั้นคงหลีกเลี่ยงการติดต่อกับ ‘บูตแดง’ ฟรังก้า เพราะเธอมักจะพูดถึงโอลัวร์อยู่เสมอ
แต่แน่นอน ความผันผวนทางอารมณ์อันเนื่องมาจากสิ่งนี้ ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงได้สมบูรณ์
ซูซี่ย้อนกลับไปยังหัวข้อสนทนาเดิม
“ถ้าคุณอยากยืนยันให้แน่ใจ ว่าในช่วงที่ผ่านมามีเหตุบังเอิญใดบ้างที่ผิดปกติ และสืบหาที่มาที่ไปของมัน ฉันช่วยคุณได้นะ…”
“ฉันจะไม่อ่านความทรงจำของคุณโดยตรง แต่จะปลุกความทรงจำเหล่านั้นกลับมาใหม่ ให้มันปรากฏตรงหน้าคุณเรียงตามลำดับเวลา แน่นอนว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับความทรงจำที่ถูกจิตใต้สำนึกซ่อนไว้ พวกนั้นอันตรายเกินไป…”
“คุณอยากจะลองไหม?”
ลูเมี่ยนไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ได้ครับ”
หลังจากสังเกตเห็นความบังเอิญรอบตัว เด็กหนุ่มก็มักจะย้อนนึกถึงประสบการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ไตร่ตรองรายละเอียด ตอนนี้ก็แค่เปลี่ยนเป็นวิธีที่ดีกว่าเดิมเท่านั้นเอง
เขาเพิ่งจะเปลี่ยนท่านั่ง ยังไม่ทันได้ปรับสภาพจิตใจหรือหลับตา ในสมองก็ปรากฏเหตุการณ์ ‘ภูเขาไฟปะทุ’ อย่างฉับพลัน
สิ่งนี้ทำให้เด็กหนุ่มไม่ทันตั้งตัว จิตใต้สำนึกขัดขวางได้ไม่เต็มส่วน
สิ่งที่พุ่งทะลักดุจดังลาวาและเถ้าถ่าน คือจุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละจุดแสงบรรจุหนึ่งฉาก
จุดแสงจำนวนมหาศาลเหล่านี้ เรียงกันเป็นเส้นตามลำดับเวลา ทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนได้ดูละครเรื่องยาวที่ตนเป็นพระเอก
ทุกสิ่งฉายผ่านไปอย่างไวว่อง แต่ยังคงความคมชัดและเก็บตกได้ทุกรายละเอียด
ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนสมองกำลังโหมทำงานหนัก อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นกะทันหัน จนแทบจะมีควันขาวลอยออกมา
เด็กหนุ่มเห็นทุกฉาก นึกถึงทุกรายละเอียด เชื่อมโยงพวกมันเข้าด้วยกัน ค้นหาจุดที่ผิดปกติ
ทันใดนั้น เขาขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเผยความเจ็บปวดเบาบาง พลางกระซิบกระซาบ
“เจอแล้ว… ผมเจอแล้ว ความทรงจำของผม… หลังจากที่ขอ ‘พร’ ครั้งก่อน จนกระทั่งกลับถึงโรงแรมระกาทอง ความทรงจำช่วงนั้น… ช่วงนั้น… หายไป!”
ลูเมี่ยนลืมตาโพลงด้วยอารามตกใจ ใบหน้ากระตุกอย่างเห็นได้ชัด
ความทรงจำในช่วงนั้นที่ควรจะมีอยู่ กลับว่างเปล่าไปหมด!
ทันใดนั้น เสียงอันนุ่มนวลของหญิงสาวก็ดังแว่วในสมอง
“มันเคยไม่มีอยู่จริง หรือหายไป หรือคุณลืม หรือคุณมองข้ามคะ?”
เสียงนี้มาจากมาดามฝั่งตรงข้าม แต่ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่ปนรอยยิ้มและค่อนข้างสดใส
มันคล้ายกับอสนีบาตฟาดผ่า สว่างวาบขึ้นมาในสมองของเด็กหนุ่ม ฉายแสงไปยังมุมมืดทั้งหมดนอกขอบเขตจิตใต้สำนึก
สีหน้าของลูเมี่ยนเผยความทุกข์มากขึ้น จำต้องก้มหน้าต่ำอย่างมิอาจฝ่าฝืน เปล่งเสียงด้วยความยากลำบากเป็นพิเศษ
“ผม… ผมเห็นแล้ว… เห็นแล้ว…”
“ผมกำลังคุย กำลังคุยกับเทวทูตที่ถูกผนึกอยู่ในตัวผม!”
“พระองค์มีนาม… พระองค์มีนามว่า… เทอร์มีโพลอส!”
ในที่สุดลูเมี่ยนก็นึกออกว่าตนหลงลืมสิ่งใด
มลพิษที่ถูกผนึกไว้ในอกซ้ายของเขา โดยแก่นแท้แล้วคือเทวทูตผู้ศรัทธาในชะตากรรม มีนามว่าเทอร์มีโพลอส!
เดิมทีเขายังคิดจะขอคำแนะนำจากมาดามเมจิกเชี่ยน ถามว่ามีวิธีใช้ประโยชน์จากเทวทูตองค์นี้บ้างไหม จะหลบเลี่ยงอิทธิพลด้านลบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ภายหลังกลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“นี่คือมลพิษที่ถูกผนึกในตัวคุณสินะคะ” ซูซี่ถามเหมือนไม่ค่อยแปลกใจ น้ำเสียงยังคงนิ่งสงบ
ลูเมี่ยนเผลอถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเม็ดเล็กนับไม่ถ้วน
เด็กหนุ่มตอบตามตรง
“ใช่ครับ… พระองค์ยังพยายามล่อลวงให้ผมช่วยปลดผนึกด้วย แต่ผมปฏิเสธ หลังจากนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย”
“นี่มัน… แปลกมากจริงๆ …”
ทั้งที่เทอร์มีโพลอสถูกผนึกอยู่ในตัว มิอาจหลบหนีออกมา แต่กลับยังสร้างอิทธิพลโดยที่เราไม่รู้ตัว!
“ถือว่าปกติแล้ว อย่าประมาทเทวทูตองค์ใดเลย ถึงแม้พระองค์จะถูกผนึกอยู่ก็ตาม” ซูซี่อาศัยคำอธิบาย พยายามขจัดความกลัวที่เอ่อล้นในใจลูเมี่ยนอย่างฉับพลัน
สิ่งที่ไม่รู้ ย่อมน่ากลัวที่สุด
เธอพูดต่ออีกว่า
“ในยุคโบราณ เทวทูตยังถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘รองเทพ’ ซึ่งหมายความว่า พระองค์ทั้งหลายมีแก่นสารของเทพอยู่บ้าง ถึงแม้จะถูกผนึก ก็ยังสามารถใช้วิธีบางอย่าง สร้างอิทธิพลกับโลกภายนอกได้ในระดับหนึ่ง”
“ก่อนหน้านี้คุณเคยคิดหรือไม่ว่า ด้วยผนึกขององค์ผู้ยิ่งใหญ่ มลพิษในอกคุณใกล้เคียงกับการเป็น ‘พร’ ขอเพียงทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ในจังหวะที่เหมาะสม ก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้ว แค่ต้องทนกับความทุกข์ทรมานอันบางเบาขณะรับพลัง ทนกับความเสี่ยงเล็กๆ ที่อาจทำให้คลุ้มคลั่ง ไม่มากไปกว่านั้น?”
ลูเมี่ยนเงียบไป พักนี้เขามีความคิดทำนองนั้นอยู่บ้าง มากน้อยต่างกันไป
“คุณต้องจำไว้ว่า ในเรื่องทำนองเดียวกัน คำสาปแทบไม่ด้อยไปกว่าพร หรืออาจรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ” ซูซี่เตือน “ฉันไม่แน่ใจว่าเทอร์มีโพลอสส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร แต่จากจุดที่พระองค์ศรัทธาในชะตากรรม ฉันสงสัยว่าพระองค์น่าจะทำให้โชคชะตาของคุณ ถูกบิดเบือนไปในทางที่แย่ลงระดับหนึ่ง…”
“คุณไม่ต้องกังวลจนเกินไป ถึงอย่างไรพระองค์ก็ถูกผนึกอยู่ สร้างอิทธิพลได้ไม่มากนัก… ถัดจากนี้ไป คุณแค่คอยตรวจสอบจิตใจตัวเองเป็นประจำ ถามตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่าควรกระทำสิ่งนี้หรือไม่ ก็จะช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้หลายส่วน”
“ครับ” ลูเมี่ยนหยิบกระดาษกับปากกา เขียนโน้ตช่วยจำอย่างรวดเร็ว
เนื้อหาในโน้ตคือ ‘ขอคำแนะนำเรื่องเทอร์มีโพลอสจากมาดามเมจิกเชี่ยน’
เด็กหนุ่มกังวลว่า หลังจบการบำบัดจิต ตนจะถูกเทวทูตแห่งชะตากรรมสร้างอิทธิพลใส่อีก ทำให้ลืมเรื่องที่เกี่ยวข้องไป
เก็บกระดาษกับปากกาเข้าที่เดิม ลูเมี่ยนเริ่มผ่อนลมหายใจ
“หลังจากนึกถึงเรื่องของเทอร์มีโพลอสได้แล้ว ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณของผมจะยังสัมผัสได้อยู่”
“ฉันรับรู้ได้ว่า สภาพจิตใจของคุณดีกว่าเมื่อครู่นี้แล้ว” ซูซี่ช่วยยืนยันคำพูดของลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มจึงถือโอกาสถาม
“มาดามทั้งสองครับ พวกคุณคิดว่าซูซานน่า·มาติส ถูกหน่วยผู้วิเศษกำจัดอย่างสิ้นซากแล้วหรือยัง? ผมต้องไปหาเบาะแสจากโรงละครกรงพิราบเก่าหรือไม่ เพื่อป้องกันการโจมตีซ้ำในอนาคต?”
ถ้าลองนับเวลาดู มิสเตอร์เอฟฟ์ เจ้าของโรงแรมระกาทอง คงจะเริ่มประสบเคราะห์กรรมบ้างแล้ว
ซูซี่ยิ้มอ่อนโยน
“ผู้ชมไม่ถนัดการทำนายสักเท่าไร”
ส่วน ‘มาดามล่องหน’ ที่นั่งฝั่งตรงข้ามลูเมี่ยน กล่าวอย่างมีน้ำเสียงขบขันเล็กน้อย
“มาดามเมจิกเชี่ยนต่างหากที่เชี่ยวชาญการทำนาย… เธอไม่เคยบอกคำตอบกับคุณ หรือคุณไม่เข้าใจความนัยแอบแฝง?”
ไม่ยักจะจำได้ว่าเคยบอก… ลูเมี่ยนย้อนนึกถึงคำตอบของมาดามเมจิกเชี่ยนในเรื่องซูซานน่า·มาติส
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มพลันชะงักงัน
มาดามเมจิกเชี่ยนพูดอยู่เสมอว่า ต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับซูซานน่า·มาติสอย่างไร โดยแนะนำให้ไปขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ K
ถ้าตีความจากอีกแง่มุมก็คือ:
เธอไม่คิดแม้แต่น้อย ว่าซูซานน่า·มาติสจะถูกกำจัดอย่างสิ้นซากไปแล้ว!
ในสายตาของมาดามเมจิกเชี่ยน ปัญหานี้จะปะทุขึ้นมาอีกแน่นอน!
อ้อมค้อมเกินไปไหม? หรือไม่ก็ เธออาจคิดว่านี่เป็นเรื่องชัดเจนอยู่แล้ว ขี้เกียจเน้นย้ำซ้ำซาก? ลูเมี่ยนบ่นอุบอิบ พยักหน้าหงึกหงัก
“ผมรู้คำตอบแล้วครับ”
พอตอบเสร็จ ลูเมี่ยนผุดความเชื่อมโยงบางอย่างทันที โดยอิงจากคำเรียกขานและท่าทีที่ ‘นักจิตบำบัด’ ฝั่งตรงข้าม มีต่อมาดามเมจิกเชี่ยน
หรือว่าพวกเธอก็เป็นสมาชิกขององค์กรลับที่ใช้ไพ่ทาโรต์เป็นโค้ดเนมเหมือนกัน?
แต่ละคนถือไพ่ใบไหน?
ลูเมี่ยนเปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อย ถามถึงสภาพจิตใจของตัวเอง
“แค่คิดว่า ‘ใกล้จะได้เจอกับลูอิส·ลุนด์’ ผมก็รู้สึกกระวนกระวาย ตื่นเต้น คึกคัก จนแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นี่ถือเป็นปัญหาทางจิตที่ร้ายแรงไหมครับ?”
ซูซี่ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ยังอยู่ในขอบเขตปกติ ทุกคนล้วนแสดงออกเช่นนี้กับเรื่องที่ตนใส่ใจและห่วงใยที่สุด กรณีของคุณแค่รุนแรงกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น”
“หากคุณไม่มีปฏิกิริยาดังกล่าว ฉันกลับจะสงสัยเสียมากกว่า ว่าคุณอาจมีปัญหาทางจิตที่น่ากังวล ประเภทที่เก็บงำอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้…”
“สิ่งที่คุณต้องทำในตอนนี้ มิใช่การกลัวหรือหวาดหวั่น แต่เป็นการควบคุมพวกมัน”
ปกตินี่เอง… หลังจากถูกมาดามซูซี่ปลอบโยนไปสองสามประโยค ลูเมี่ยนก็เลิกกระวนกระวายกับปัญหาดังกล่าว สภาพจิตใจมั่นคงขึ้นมาก
เด็กหนุ่มถามกลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ควบคุม?”
จะควบคุมยังไง?
ซูซี่ตอบ
“วิธีที่ง่ายที่สุดคือ จงจำเอาไว้เสมอ อย่าปล่อยให้ตัวเองมีอารมณ์รุนแรงเกินไป หากเกิดปฏิกิริยาที่คล้ายคลึงกันเมื่อใด ให้รีบระงับอารมณ์ด้วยวิธีอย่างเช่น สูดลมหายใจลึก ทำใจให้สงบ ผ่อนคลายตัวเองลง”
“การพูดเป็นเรื่องง่าย แต่ทำจริงกลับยากมาก เมื่ออารมณ์มนุษย์ใกล้พลุ่งพล่าน ก็แทบจะสิ้นสติปัญญาไปแล้ว ไม่หลงเหลือความคิดว่า ‘ต้องควบคุมตัวเอง’ กว่าจะได้สติกลับคืนมา ความผิดพลาดมักจะเกิดไปก่อนแล้ว”
“ฉันช่วยตั้งค่าจุดกระตุ้นให้คุณได้ เมื่อคุณมีปฏิกิริยาทางอารมณ์สูงเกินกว่าที่กำหนด มันจะทำให้คุณระลึกถึงคำพูดของฉัน ช่วยให้มีสติในเบื้องต้น แล้วจึงพยายามควบคุมตัวเอง”
“อยากลองดูไหมคะ”
“ได้ครับ” ลูเมี่ยนไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากภายนอก
เสียงของซูซี่กลายเป็นแว่วเบา ลอยละล่องไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจทราบได้ เธอเหมือนจะพูดมากมาย แต่ลูเมี่ยนกลับจำไม่ได้แม้แต่หนึ่งพยางค์ คมชัดเพียงแต่ประโยคสรุปท้ายสุด
“ตั้งจุดกระตุ้นเรียบร้อยแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด มันจะอยู่ได้สองสัปดาห์ พอดีกับการบำบัดครั้งถัดไป… ถึงตอนนั้นค่อยดูตามสถานการณ์อีกที ว่าควรเพิ่มหรือลดอย่างไร”
ลูเมี่ยนร้องรับคำหนึ่ง ตรวจตราสภาพจิตใจและจิตสำนึกของตน
ผ่านไปสักสิบกว่าวินาที เด็กหนุ่มถามด้วยท่าทีหวาดหวั่นปนตั้งตารอ
“เริ่มปลุกความทรงจำในจิตใต้สำนึกกันเลยไหมครับ?”
……………………………………………………