ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 195 ผู้สมัคร
ตอนที่ 195 ผู้สมัคร
ลูเมี่ยนยืนพิงเสาไฟฟ้าเหล็กดำสูงกว่ายี่สิบเมตร ห่างจากมิสเตอร์เอฟฟ์ไปพอสมควร โดยอาศัยผู้คนที่สัญจรไปมาเป็นกำบัง เด็กหนุ่มกดหมวกแฟลตแก๊ปลง มองดูเป้าหมายเก็บเหรียญทองแล้วใส่กระเป๋า
จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งได้ถอนหายใจโล่ง สอดมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ากางเกง เดินไปทางถนนใหญ่ตลาดบ้านเลขที่ 126 โดยไม่แยแสมิสเตอร์เอฟฟ์ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นตัวปลอม
เพราะ ‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่สามารถยับยั้งได้
กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาในการแสดงผลอย่างน้อยครึ่งวัน มากสุดหนึ่งวัน เคราะห์ร้ายจะเกาะกุมมิสเตอร์เอฟฟ์ตัวปลอม เกิดเหตุการณ์ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนั้น ลูเมี่ยนแค่ต้องทำอะไรสักเล็กน้อย มิสเตอร์เอฟฟ์ปลอมก็น่าจะเผยความผิดปกติของตนสู่สายตาผู้วิเศษทางการแล้ว
เดินไปสักพัก พิจารณาว่า 126 ถนนใหญ่ตลาดเป็นบ้านของ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ หรือก็คือสำนักงานใหญ่ของแก๊งหนามพิษ ลูเมี่ยนไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป กลัวถูกจับได้ เพียงแค่เลือกนั่งบูธริมหน้าต่างในร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม ห่างออกไปราวสิบกว่าเมตร สั่งกาแฟเฟอร์โม่หนึ่งแก้วกับเค้กลาวาหนึ่งจาน
ระหว่างรออาหารยกมาเสิร์ฟ เด็กหนุ่มมองไปรอบตัว สำรวจผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนใหญ่ตลาดด้านนอก สำรวจภาพโปสเตอร์โฆษณาที่แปะตามผนังรอบๆ ร้านกาแฟ
โปสเตอร์ส่วนใหญ่เน้นไปที่การเลือกตั้งสส. อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเริ่มในวันอาทิตย์นี้
มีผู้สมัครทั้งสิ้นสามคน ได้แก่ แมทธิว·บูลังกา จากพรรคประชาชาติ ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ จากพรรคหัวก้าวหน้า และฌัก·ซ็องซง จากพรรคปฏิรูป
ลูเมี่ยนจับตาดูทุกคนที่เฉียดใกล้ 126 ถนนใหญ่ตลาดไปพลาง อ่านนโยบายของผู้สมัครแต่ละคนอย่างเพลิดเพลินไปพลาง
แมทธิว·บูลังกาเป็นสส. คนปัจจุบันจากเขตตลาดคนซื่อ คำขวัญประจำตัวคือ ‘ทำให้อินทิสกลับมายิ่งใหญ่’ โดยเชื่อว่าความปราชัยในสงครามกับอาณาจักรโลเอ็นเมื่อไม่กี่ปีก่อน เป็นต้นตอของปัญหามากมายในปัจจุบัน ต้องยกเครื่องกองทัพอินทิสใหม่ คอยเน้นย้ำว่าอินทิสต้องมาก่อน ทวงคืนผลประโยชน์ที่สูญเสียไปในทวีปใต้ แล้วนำมาหล่อเลี้ยงภายในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมเขตตลาด
เขาเชื่อว่าในกระบวนการ ‘ทำให้อินทิสกลับมายิ่งใหญ่’ ผู้คนในเขตตลาดจะได้รับงานและโอกาสมากขึ้น รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการไปทำมาหากินในทวีปใต้ เข้าร่วมกองทัพ และได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เป็นผู้สมัครที่กำลังได้รับความนิยม คำขวัญประจำตัวคือ ‘งานมากขึ้น สังคมเป็นธรรมยิ่งขึ้น’ โดยประกาศว่าจะผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม สร้างโรงงานเพิ่มในเขตตลาดตอนใต้ และยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ที่ผูกมัดเจ้าของโรงงาน นายธนาคาร นักการเงิน และพ่อค้า ในทางกลับกัน เขาประกาศว่าจะสั่นคลอนอภิสิทธิ์ของศาสนจักรและชนชั้นร่ำรวย เก็บภาษีพวกเขาให้มากขึ้น
นโยบายบางส่วนของฌัก·ซ็องซงจากพรรคปฏิรูป คล้ายคลึงกับฮิวจ์·อาทัวส์ ทั้งคู่เห็นว่าสังคมปัจจุบันไม่ควรมีอภิสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินของศาสนจักรหรือรายได้จากการเงิน ก็ต้องเสียภาษีเท่ากับคนอื่น
เขายังประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่า นโยบายภาษีศุลกากรในปัจจุบันขัดขวางพัฒนาการของอินทิส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำแพงเมืองที่ล้อมรอบทรีอาร์และด่านตรวจทั้งห้าสิบสี่แห่ง ควรจะถูกทำลายลงได้แล้ว
เมื่อสินค้าเริ่มหมุนเวียน ตลาดเริ่มเสรี จะมีโรงงานมากขึ้น รายได้จากภาษีจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผนวกกับการเก็บภาษีเพิ่มเติมจากพวกอภิสิทธิ์ชน หลังจากผ่านช่วงเวลายากลำบากในตอนต้นไปได้ คลังของรัฐจะกลับมามั่งคั่งอีกครั้ง
ถึงตอนนั้น เขาจะค้นหาวิธีสร้างระบบประกันบำนาญที่จักรพรรดิโรซายล์เคยวาดฝันไว้ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานในเขตตลาดได้รับการคุ้มครองขั้นพื้นฐาน
คำขวัญของเขาจึงเป็น ‘ทำลายกำแพงบ้าๆ นั่นซะ!’
ลูเมี่ยนอ่านจบคร่าวๆ ก็รู้สึกว่าหากให้ตนเลือก คงจะลงคะแนนให้ฌัก·ซ็องซง
ไม่ว่าผู้สมัครรายนี้จะรับผิดชอบคำพูดได้หรือไม่ สำหรับผู้คนในเขตตลาดแล้ว ทั้งเรื่องที่เหล้าและสินค้าราคาถูกลง มีหลักประกันในชีวิตมากขึ้น ต่างก็เป็นผลประโยชน์ที่ทุกคนเข้าถึงและเข้าใจได้ไม่ยาก
สำหรับเรื่องการเก็บภาษีจากอภิสิทธิ์ชน พวกเขาไม่ค่อยสนใจนัก แค่หวังว่าตัวเองไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีกสักโกเปต์ก็พอ
แต่ฌัก·ซ็องซงถูกปฏิบัติแตกต่างจากคนอื่นชัดเจน โปสเตอร์โฆษณาหาเสียงถูกติดไว้ตรงมุมที่ไม่ค่อยมีใครเห็น สอดคล้องกับการที่พรรคปฏิรูปยังคงเป็นเสียงส่วนน้อยในสภา
เนื่องจากแก๊งหนามพิษสนับสนุนฮิวจ์·อาร์ทัวส์จากพรรคหัวก้าวหน้า ลูเมี่ยนจึงให้ความสนใจผู้สมัครรายนี้เป็นพิเศษ ไม่เพียงอ่านนโยบายการหาเสียงของอาร์ทัวส์จนจบ แต่ยังพินิจพิเคราะห์รูปถ่ายสีของเขาอย่างตั้งใจ
นี่คือชายวัยสามสิบกว่า ผมดำหนาและหยิก แต่ขมับเริ่มแซมผมสีขาว จมูกโด่ง ปลายจมูกค่อนข้างใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำเงินลุ่มลึก รูปร่างสูงโปร่ง สวมสูทสากล บุคลิกสง่างาม
“คงปล่อยให้หมอนี่ได้รับเลือกไม่ได้… เว้นแต่จะกำจัดแก๊งหนามพิษให้ราบคาบก่อนเลือกตั้งจบ แต่เบื้องหลังแก๊งหนามพิษยังมี ‘คุณนายจันทรา’ ผู้เป็นปริศนา ต่อให้ ‘แมงป่องดำ’ ตายไป ก็อาจมี ‘แมงป่องแดง’ ขึ้นมาทดแทน… อา… การเลือกตั้งจะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ กองบัญชาการตำรวจ กองทัพ และหน่วยผู้วิเศษทางการคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เฝ้าติดตามทุกเขตเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด ไม่ง่ายเลยที่จะสร้างความปั่นป่วน… ให้พวกแรงงาน คนงานขนของ เด็กเสิร์ฟของพรรคซาฟาห์ แผลงฤทธิ์สักหน่อยดีไหม?” ลูเมี่ยนลองครุ่นคิดดูว่า จะทำอย่างไรให้แมทธิว·บูลังกาหรือฌัก·ซ็องซงได้รับเก้าอี้ในสภา
ตามประมวลกฎหมายของอินทิส ผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนเลือกตั้งในเขตนั้นๆ จะต้องเป็นผู้ที่อาศัยในเขตเลือกตั้งครบหกเดือนและมีงานทำ หรือกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่ลูเมี่ยนเพิ่งมาอยู่กรุงทรีอาร์ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน
ขณะครุ่นคิด เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะสังเกตนอกหน้าต่าง มองหาร่องรอยของลูอิส·ลุนด์
หลังจากผ่านไปนานพอควร จนเห็นดวงอาทิตย์สีทองสว่างจ้าอยู่กลางท้องฟ้า ลูเมี่ยนรู้สึกว่าการรออย่างนี้ไม่ใช่ทางออก
ประการแรก ตัวจริงของเขาค่อนข้างมีปัญหา เป็นบุคคลที่แก๊งหนามพิษเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด มิอาจไปซุ่มดักอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของโรเจอร์ ทำได้เพียงซ่อนตัวในตึกรอบนอก จนทำให้ทัศนวิสัยคับแคบ ง่ายที่จะมองอะไรพลาดไป
ประการที่สอง ในฐานะหัวหน้าหน่วยของพรรคซาฟาห์ เด็กหนุ่มยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก และยังต้องพักผ่อน ยากที่จะดักซุ่มตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงติดต่อกันสองวัน
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนผุดไอเดีย
“ในเมื่อเรามีลูกน้องตั้งมากมาย แถมยังจ่ายเงินจ้างอ็องโตนี·รีดแล้ว ทำไมต้องมาทำเองด้วย?”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนทันที ออกจากร้านกาแฟ เดินไปยังคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
เมื่อมาถึงช่วงกลางถนนใหญ่ตลาด ลูเมี่ยนเห็นคนจำนวนมากกำลังยืนมุงอยู่ริมทาง รอบนอกสุดเป็นตำรวจในชุดดำหนึ่งแถว ด้านข้างมีตำรวจม้าสองแถว คอยจับตามองผู้สัญจรไปมา
ผู้คนหลักสองสามร้อยกำลังล้อมเวทีไม้ชั่วคราว บนเวทีมีชายในชุดสูทสีดำแต่ไม่ผูกเนกไท
ด้านหลังเขามีโปสเตอร์แผ่นใหญ่ เป็นภาพถ่ายของตัวเอง แขวนอยู่บนผนังด้านนอกอาคาร เสียงกังวานดังก้องไปทั่วถนน
“พวกเราต้องการงาน พวกเราต้องการรายได้ที่มากขึ้น…”
“ผมจะสร้างโรงงานเพิ่มบนถนนนักบุญเกอร์…”
“ผมสัญญาว่าจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่โรงงาน…”
โฮ่… นั่นมันมิสเตอร์ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ไม่ใช่หรือ? ลูเมี่ยนอาศัยความสูงที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยชาวอินทิสพอควร มองเห็นผู้กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีไม้อย่างแจ่มชัด
อีกฝ่ายคือฮิวจ์·อาร์ทัวส์ บุคลิกสุภาพเรียบร้อย วางตัวสง่างาม ผมดำตาฟ้า ผู้สมัครชิงตำแหน่งสส. ที่แก๊งหนามพิษสนับสนุน!
ลูเมี่ยนหยุดฟังอยู่ข้างๆ หลายสิบวินาที สายตากวาดไปรอบๆ ชั้นบนของตึกด้านหลังและฝั่งตรงข้ามของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ ให้ความสนใจกับหน้าต่างและหลังคาเป็นพิเศษ
เด็กหนุ่มไม่แปลกใจเลยที่พบร่องรอยของตำรวจ หรือคนที่ดูไม่เหมือนเจ้าของบ้านในจุดดังกล่าว
คุ้มกันเข้มงวดเอาเรื่อง… คงแอบขึ้นไปใช้ปืนไรเฟิลเล็งหัวหรือหน้าอกฮิวจ์·อาร์ทัวส์จากตรงนั้นไม่ได้แน่… ลูเมี่ยนนึกเสียดายเล็กน้อยขณะถอนสายตากลับ
อีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เป็นสส. ไม่ได้ คือการทำให้เขาไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง
คนตายจะเสียสิทธิ์ในการลงเลือกตั้งโดยปริยาย!
ลูเมี่ยนลองไตร่ตรองทางเลือกนี้อย่างจริงจังตอนอยู่ร้านกาแฟแล้ว แต่คิดว่าเรื่องราวคงจะลุกลามบานปลายเกินไป แก๊งทั้งหมดในเขตตลาดอาจถูกลากออกมาเป็นแพะรับบาป ซึ่งนั่นรวมถึงตัวเขาด้วย เมื่อเวลานั้นมาถึง ตัวจริงของลูเมี่ยนอาจถูกเปิดเผย จนถูกบีบให้หนีออกจากเขตตลาด หรือแม้กระทั่งกรุงทรีอาร์ เสียโอกาสในการตามหาคุณนายปัวริสและหลวงพ่อ
และจากที่เห็น การลอบสังหารผู้สมัครสส. เป็นเรื่องที่ยากมาก ต่อให้โชคดีประสบความสำเร็จ ก็อาจหนีไม่รอดอยู่ดี
ลูเมี่ยนมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนด้านหลังเวทีไม้ ซึ่งน่าจะเป็นทีมหาเสียงของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ ประกอบด้วยชายสามหญิงสอง
ในจำนวนดังกล่าว สตรีผู้หนึ่งมีผมสีแดงที่กล่าวกันว่าเป็นสายเลือดอันสูงส่ง ใบหน้าห้าวหาญ โครงหน้าไม่ค่อยนุ่มนวล แต่โดยรวมแล้วเป็นสาวสวยแบบกึ่งหญิงกึ่งชาย
เธอตัวสูงโปร่ง สวมชุดล่าสัตว์สีขาวกับน้ำตาล ถูกล้อมกรอบด้วยอีกสี่คน
ลูเมี่ยนซึ่งกลัวจะพลาดลูอิส·ลุนด์ เลิกฟังสุนทรพจน์ของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ แยกตัวออกจากฝูงชนที่มุงดู เดินกลับไปยังคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
เที่ยงวัน ที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้า เด็กเสิร์ฟและบาร์เทนเดอร์บางคนพักผ่อน บางคนทำความสะอาด
ลูเมี่ยนบอกกับลูอิสและซาโกตาที่เดินเข้ามาหา:
“ส่งคนสี่คนไปเฝ้าอยู่แถวๆ 126 ถนนใหญ่ตลาด”
“บ้านเลขที่ 126…” ลูอิสทวนคำ จากนั้นก็อุทานด้วยความตกใจ “นั่นบ้านของ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ไม่ใช่หรือครับ?”
ลูกพี่จะไปยุ่งกับแก๊งหนามพิษอีกแล้ว?
ลูเมี่ยนพยักเนิบนาบ
“ใช่… ไม่ต้องเข้าใกล้ อย่าให้ใครจับได้ แค่เฝ้าไว้คนละทิศ สังเกตดูคนที่เดินผ่านไปมา ว่ามีไอ้หมอนั่นหรือเปล่า”
ลูเมี่ยนชี้ไปยังกลุ่ม ‘ใบประกาศจับ’ ที่ถูกตำรวจแปะไว้ตามกำแพง เจาะจงใบหน้าของลูอิส·ลุนด์ที่อยู่ริมขอบ
ใบประกาศจับที่เป็นของเด็กหนุ่ม แอบถูกย้ายตำแหน่งหลังจากเขาเข้าร่วมพรรคซาฟาห์ โดยถูกนำไปไว้ในจุดที่พบเห็นได้ยากขึ้น
ลูอิสและซาโกตาหันไปดู เพ่งพินิจประกาศจับใบนั้นอย่างละเอียด เห็นคำอย่าง ‘หมู่บ้านกอร์ตู’
พวกเขาเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมา จึงรับปากทันที
“ครับ ลูกพี่”
เมื่อนักเลงแก๊งสี่คนถือใบประกาศจับออกจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อยไปแล้ว ลูเมี่ยนพูดลูอิสและซาโกตา
“ช่วงสองสามวันนี้ ฝากพวกนายช่วยดูแลความเรียบร้อยในลานเต้นรำชั้นหนึ่งทีนะ”
สั่งงานเสร็จ เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ
“เมื่อกี้ฉันได้ฟังสุนทรพจน์ของฮิวจ์·อาร์ทัวส์มาด้วย ก็ไม่เลวนะ หืม… พรรคซาฟาห์เราสนับสนุนใครเป็นสส. ของเขตตลาดล่ะ?”
ลูอิสเหลียวซ้ายแลขวา กล่าวเสียงต่ำ
“บารอนเคยบอกให้ลงคะแนนให้มิสเตอร์อาร์ทัวส์ครับ”
…………………………………………………….