ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 159 โหดเหี้ยม
ตอนที่ 159 โหดเหี้ยม
“อยู่ๆ ดวงชะตาของมิสเตอร์เอฟฟ์ก็เปลี่ยนไป…”
“คำนึงจากท่าทีขณะเผชิญหน้ากับโจรเมื่อคืน ไม่มีทางที่เขาจะเก็บความลับต่อหน้าผู้วิเศษทางการที่แฝงตัวมาเป็นตำรวจได้แน่…”
“พวกเขาตระหนักถึงความผิดปกติ ก็เลยเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อรับมือกับการสอบสวน?”
ลูเมี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่า การที่ตน ‘ปล้น’ มิสเตอร์เอฟฟ์เมื่อคืน ทำให้อีกฝ่ายกับบุคคลเบื้องหลังเกิดความระแวงขึ้นมา
แต่หากเขาไม่ลองหยั่งเชิงดู ก็คงยืนยันไม่ได้ว่าเจ้าของโรงแรมรายนี้มีความผิดปกติจริง
คำนึงถึงความเป็นไปได้ที่บุคคลในโรงละครกรงพิราบเก่า อาจกำลังจับตามองอยู่ ลูเมี่ยนตัดสินใจล้มเลิกแผนไป ‘เยี่ยม’ มิสเตอร์เอฟฟ์ เพียงเดินออกจากถนนใหญ่ตลาด
เด็กหนุ่มได้ข้อสรุปว่าตนต้องรีบประกอบพิธีดูดวงเพื่อหาคำตอบของปัญหาโดยเร็ว
…
เขตหอดูดาว ใกล้กับสุสานใต้ดิน ข้างกองไฟที่ลุกโชน
ลูเมี่ยนเห็นออสตา·ทรูเอลที่มีภาษากายแปลกๆ
“เป็นยังไงบ้าง หาวัตถุดิบที่ฉันต้องการได้ไหม?”
ออสตายิ้มกว้างพลางกล่าว
“หาได้ครบแล้ว เครื่องในแมวป่า ลิ้นไฮยีน่า ไขกระดูกกวาง และพืชมีพิษ ผมซื้อทั้งหมดมาในราคาห้าเฟลคิน บวกกับค่าจ้างที่คุณสัญญาไว้… รวมเป็นยี่สิบเฟลคิน”
ตามข้อตกลง ลูเมี่ยนต้องจ่ายค่าตอบแทนชิ้นละห้าเฟลคิน แต่ออสตามองว่าตนซื้อทั้งหมดมาในราคาห้าเฟลคินเท่านั้น รู้สึกไม่สบายใจที่จะเรียกเก็บเต็มจำนวน จึงตัดสินใจให้ส่วนลดเอง
ลูเมี่ยนไม่ถือสา อย่างไรเสีย มันก็ช่วยให้เขาประหยัดเวลาได้มาก
แน่นอน เขาไม่ใจกว้างพอที่จะจ่ายเพิ่ม อิงจากราคาที่ออสตาเสนอ เด็กหนุ่มควักธนบัตรหลายใบจ่ายไปรวมๆ ยี่สิบเฟลคิน
วัตถุดิบทั้งสี่ชนิด บางชิ้นถูกเก็บไว้ในภาชนะถูกๆ ที่ทำจากแก้ว บางชิ้นอยู่ในกล่องไม้ใบเล็กหรือถุงผ้า ลูเมี่ยนตรวจสอบทีละหนึ่งก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองออสตา·ทรูเอลอีกครั้ง
“ได้ข้อมูลของสัตว์ประหลาดน้ำเพิ่มบ้างไหม?”
ออสตาผงกหัว
“มีครับ”
เขารีบแสดงภาษากายประหนึ่งว่ากำลังทวงคำชมเชย
“เพื่อช่วยคุณสืบหาข้อมูลของสัตว์ประหลาดน้ำ ผมลงทุนไปสำรวจแม่น้ำใต้ดินนั่นด้วยตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่ามันทั้งลื่นและเดินยาก จนผมพลาดท่าล้มไปทีหนึ่ง”
เขาเล่าไปพลางถกแขนเสื้อข้างซ้าย บนท่อนแขนมีรอยเลือดที่เกิดจากการไถลชัดเจน
ถึงว่าก่อนหน้านี้ภาษากายดูแปลกๆ … ถ้าเราไม่ได้ขอให้ออสตาไปสืบข่าวสัตว์ประหลาดน้ำ เขาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บสินะ? แต่เราเริ่มไหว้วานหลังจากที่เห็นว่าเขากำลังมีเคราะห์เล็กๆ ในอนาคตอันใกล้… ถ้าตอนนั้นเราเกิดเปลี่ยนใจไม่จ้าง ผลลัพธ์จะเป็นยังไง? ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนถูกผูกโยงเข้ากับชะตากรรมอย่างอธิบายไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ตนก็มีส่วนร่วมในชะตากรรมนั้นด้วย หรือก็คือ ดวงชะตาที่ตนอ่านได้จากอีกฝ่าย เกิดจากการกระทำของตัวเขาเอง
สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปก่อน ลูเมี่ยนหัวเราะในลำคอ
“ฉันเตือนนายแล้วนะว่าให้ระวังตัว”
“อะ…” ออสตาถึงกับผงะไปชั่วขณะ
เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ชาร์ลเคยเตือนให้ตนระวังตัวภายในวันสองวันนี้
เร็วขนาดนี้เชียว? ทำนายแม่นไปไหม? ออสตาตกตะลึงอยู่หลายส่วน รีบเปิดปากถาม
“คุณทำนายได้เลยหรือว่าผมจะเจ็บตัวภายในสองวัน?”
ชาร์ลอยู่ลำดับเท่าไรกันแน่?
ไม่เพียง ‘ดูเหมือน’ จะต่อสู้เก่ง แต่ยังเชี่ยวชาญการทำนายอนาคตด้วย!
ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ
“ไม่ได้มาจากการทำนาย”
ส่วนมาจากอะไรนั้น เขาเลือกที่จะเงียบไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายคาดเดาเอาเอง
ออสตาไม่กล้าถามซักไซ้ เพียงเปลี่ยนไปคุยเรื่องสัตว์ประหลาดน้ำ
“ผมลองจัดระเบียบข่าวลือทั้งหมดดูแล้ว พบว่าสัตว์ประหลาดน้ำที่ถูกพบแถวแม่น้ำใต้ดิน จะมีทั้งสิ้นสามประเภท…”
“ประเภทแรกคล้ายคลึงกับคนจมน้ำตาย ร่างกายบวมพอง ผิวหนังซีดขาว ประเภทที่สองคล้ายกับปลากลายพันธุ์ ไม่เพียงแต่ตัวสูงใกล้เคียงมนุษย์ ตามร่างกายยังปกคลุมด้วยเกล็ด ไม่กลัวการถูกทำร้าย ประเภทที่สามคือเส้นผมสีดำที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ พวกมันจะยืดยาวกะทันหัน รัดรึงผู้คนบนฝั่งและลากลงไปในน้ำ”
“สัตว์ประหลาดพวกนี้มิได้แข็งแกร่งมากนัก บ่อยครั้งที่จู่โจมมนุษย์ล้มเหลว จึงมีคนจำนวนไม่น้อยรอดกลับไปแจ้งข่าว”
“การพบเห็นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ในเดือนที่มากที่สุดยังได้รับรายงานเพียงสองถึงสามครั้ง บางเดือนก็ไม่มีเลย ผมไปสำรวจมาเมื่อคืน นอกจากทำให้ตัวเองล้มก็ไม่พบอะไรอีก”
“ด้วยฝีมือต่อสู้ของนายถ้าเจอพวกมันเข้าจริงๆ คงไม่ได้กลับมาแล้ว” ลูเมี่ยนจิกกัด
ออสตายิ้มเจื่อนๆ แต่ไม่ได้ตอบ
เท่าที่ได้ฟังจากข่าวลือ สัตว์ประหลาดน้ำมิได้น่ากลัวมากนัก เขาถึงได้กล้าไปสำรวจหลังจากลองทำนายดูก่อน
ตอนนี้ลูเมี่ยนเกิดคำถามว่า ด้วยระดับฝีมือของสัตว์ประหลาดน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสองศาสนจักรใหญ่หรือหน่วยแปด ขอเพียงส่งผู้วิเศษไปสักทีม ก็น่าจะจัดการได้ไม่ยากเย็น แล้วเหตุใดถึงยังปล่อยปละละเลยให้พวกมันอาละวาดทำร้ายคนอยู่?
หรือถ้าในแม่น้ำใต้ดินนั่นซ่อนอันตรายที่ใหญ่กว่า คนที่พบเจอสัตว์ประหลาดน้ำก็ไม่ควรมีใครหนีรอดมาได้
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนล้วงหยิบวัตถุดิบที่ออสตา·ทรูเอลหามาให้ แล้วนำไปซ่อนไว้ในร่องระหว่างซอกหินสองก้อนใกล้ๆ
เด็กหนุ่มทำเช่นนี้เพราะกังวลว่า หากพบเจอสัตว์ประหลาดน้ำจนเกิดการปะทะอย่างดุเดือด อาจทำให้วัตถุที่เปราะบางตามตัวเกิดความเสียหาย
ถัดมา ลูเมี่ยนหยิบธนบัตรห้าเฟลคินออกมาให้ออสตา
“ค่าตอบแทนสำหรับข้อมูลของสัตว์ประหลาดน้ำ”
เขาหยิบโคมไฟคาร์ไบด์ขึ้นมา อาศัยคำอธิบายของออสตาและป้ายบอกทางในอุโมงค์ มุ่งหน้าไปยังทิศของแม่น้ำใต้ดิน
ออสตาลังเลอยู่หลายวินาที แล้วทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน หยิบโคมไฟคาร์ไบด์ของตน เริ่มตามหลังลูเมี่ยนไป
ออสตายิ้มเจื่อนๆ
“ผมขอไปด้วยสิ อาจจะมีประโยชน์ก็ได้นะ”
“นายเนี่ยนะ?” ลูเมี่ยนไม่เก็บซ่อนความกังขาที่แฝงนัยเหยียดหยามเบาๆ
ออสตากระแอมล้างคอ เล่าความจริงออกมา
“สัตว์ประหลาดน้ำก็ถือเป็นสัตว์ที่มีพลังวิญญาณ… คุณคงไม่ได้ขนศพกลับมาทั้งตัวแน่ ผ…ผมก็เลยจะตามมาเอาส่วนที่คุณไม่ได้ใช้”
ถ้าเจอคนที่ต้องการจริงๆ ก็อาจขายได้ถึงหลักสิบเฟลคินเลยทีเดียว!
ลูเมี่ยนจ้องหน้าออสตา รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มอึดอัด จึงพูดพลางหัวเราะ
“จะตามมาก็ได้ แต่ฉันไม่ปกป้องหรอกนะ”
เขาพบว่าดวงชะตาของออสตาในเวลานี้ ไม่มีลางว่าจะเลือดตกยางออก ซ้ำยังมีร่องรอยของโชคลาภอ่อนๆ
หรือก็คือ หากออสตาตามตนไปที่แม่น้ำใต้ดิน แสดงว่าการล่าในหนนี้แทบจะไร้อันตราย แถมยังได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
แน่นอน ลูเมี่ยนยังไม่กล้ารับประกันว่า การเลือกของตน จะไม่ส่งผลให้ดวงชะตาของออสตาเปลี่ยนไป
“ไม่มีปัญหา” ออสตาไม่ประหม่า
ตามความคิดของเขา ตนเพียงติดตามชาร์ลจากระยะไกล ถ้าอีกฝ่ายปะทะกับสัตว์ประหลาดน้ำจริง ตนก็แค่หลบให้ไกลกว่าเดิม แทบไม่มีโอกาสเกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลย
เมื่อออสตายืนกรานว่าจะตามไป ลูเมี่ยนจ้องหน้าอีกฝ่ายสักหลายวินาที
พอเห็นว่าดวงชะตาของอีกฝ่ายยังไม่เปลี่ยน เด็กหนุ่มหันหลังกลับ ถือโคมไฟคาร์ไบด์เดินต่อไป
การมีคนตามมาด้วย ในแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องดี
บางครั้งบางครา การตกปลาก็ต้องใช้เหยื่อ บางครั้งบางครา เมื่อถูกสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งไล่ล่า ไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วกว่าสัตว์ประหลาดก็ได้ ขอเพียงวิ่งให้เร็วกว่าสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนร่วมทางก็พอ!
คนสองคน หนึ่งเดินนำ หนึ่งเดินตาม อาศัยแสงสว่างจากโคมไฟคาร์ไบด์ ก้าวลึกเข้าไปในโลกใต้ดินกรุงทรีอาร์
ผ่านไปราวสิบนาทีเต็ม อากาศภายในอุโมงค์เริ่มชื้น ลูเมี่ยนยังได้ยินเสียงน้ำไหลเลือนราง
เด็กหนุ่มยกโคมไฟคาร์ไบด์ขึ้นสูง ส่องดูป้ายบอกทาง แล้วจึงเลี้ยวเข้าทางเดินฝั่งขวามือที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืดมิดไร้ก้น
ผ่านไปสักพัก ด้านหน้าเริ่มมีแสงสะท้อนจากน้ำ เป็นแสงที่สะท้อนจากโคมไฟคาร์ไบด์
ลูเมี่ยนชะลอก้าวเดิน บรรจงย่างกรายเข้าใกล้แม่น้ำใต้ดินนั่น
กว้างประมาณห้าหกเมตร ด้านบนเป็นผนังหินธรรมชาติทรงโดมที่มีหินหอกหินย้อย คุณภาพน้ำค่อนข้างใส ไหลผ่านไปตามร่องหิน
นอกจากตะไคร่นิดหน่อย ลูเมี่ยนมองไปรอบๆ ก็ยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด
ออสตาหยุดเดิน สองตาจ้องมองบุคคลอันตรายกำลังสืบค้นตามริมฝั่งแม่น้ำจากระยะไกล
ทั้งสองเดินๆ หยุดๆ ยังคงรักษาระยะห่างระหว่างกันเกินกว่าสิบเมตร
ผ่านไปสิบห้านาที ลูเมี่ยนไม่พบอะไรเลย
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังเหมือนเดิม
พอถึงจุดที่ทางข้างหน้าแคบลง ลูเมี่ยนตาดีสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่าง
ใกล้กับแม่น้ำมีก้อนหินวางกระจัดกระจายอยู่ บนหินมีดินติดอยู่ทุกก้อน
เคยมีคนดิ้นรนอยู่ตรงนี้? ลูเมี่ยนรู้สึกสนใจ จึงเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง
เด็กหนุ่มนั่งยองลง วางโคมไฟคาร์ไบด์ไว้ด้านข้าง พลางสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด
ผ่านไปสักพัก เขาพบรอยเท้าสองจุด รวมถึงร่องรอยบางๆ ของการลาก
ปลายทางของรอยลาก คือน้ำที่ใสจนเห็นก้น ไม่มีอันตรายใดซุกซ่อนอยู่
แหมะ! หยดของเหลวหยดแหมะใส่ท้ายทอยลูเมี่ยน
เย็นและเหนียว
ลางสังหรณ์อันตรายร้องเตือนอย่างแรงกล้าทันที เด็กหนุ่มจึงรีบแหงนมองข้างบน
ท่ามกลางหินย้อยที่ห้อยลงมา มีร่างที่ส่องแสงสีเทาขาวกำลังปืนป่ายอยู่
ส่วนหัวคล้ายงูยักษ์ ร่างกายที่เรียบลื่นเต็มไปด้วยเกล็ดปลา จุดที่ควรจะเป็นครีบยืดออกเป็นสองแขนและหนึ่งขาที่คล้ายคลึงมนุษย์
ขณะนี้ ‘สัตว์ประหลาด’ กำลังอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นวงฟันสีขาวโพลนอันแหลมคม โดยมีของเหลวเหนียวๆ เหม็นๆ หยดลงมาจากมุมปาก
ชั่วพริบตาถัดมา สัตว์ประหลาดพุ่งลงมาจากเพดานเพื่อจู่โจมลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งยองอยู่ ก็เอนหลังไปข้างหลังทันที
ขณะเดียวกันก็ถ่ายแรงไปยังสะโพกกับท้องที่เหมือนสปริง ฟาดขาขวาขึ้นไปประหนึ่งแส้
ท่ามกลางเสียงทื่อๆ ลูเมี่ยนที่กำลังจะหงายหลัง ตะบันเท้าเตะใส่สัตว์ประหลาดที่มิอาจหลบหลีกกลางอากาศเข้าอย่างจัง ส่งมันพุ่งชนผนังหินอีกฝั่งหนึ่งของอุโมงค์
โครม!
สัตว์ประหลาดกระแทกกำแพงเสียงดัง
ลูเมี่ยนดีดหลังตั้งตรงในพริบตา แล้วกระโจนใส่เหยื่อประหนึ่งเสือชีตาห์
สัตว์ประหลาดนั่นเพิ่งจะลื่นไถลลงจากกำแพง กระจกตาสีน้ำตาลอ่อนอันไร้อารมณ์ของมัน ก็พลันสะท้อนภาพลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มยื่นสองมือออกไป คว้าหมับสองแขนของอีกฝ่าย
สัตว์ประหลาดไม่คิดหลบแม้แต่น้อย ซ้ำยังกางนิ้วรอรับ
ทุกนิ้วมือของมันมีเกล็ดแหลมๆ งอกออกจากส่วนปลาย ส่องแสงสีน้ำเงินอ่อนแวววับ
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนบิดข้อศอก พลิกข้อมือของตน เปลี่ยนไปจับข้อมือของสัตว์ประหลาดน้ำแทน ไม่ปล่อยให้เกล็ดสีน้ำเงินอ่อนแทงใส่
ถัดมาในทันที เด็กหนุ่มเหยียดขาขวาออกไป เกี่ยวสัตว์ประหลาดที่มีขาข้างเดียวให้ล้ม
เนื่องจากมีขาเดียว สัตว์ประหลาดน้ำจึงจนปัญญาจะขัดขืน ทำได้เพียงฉวยโอกาสจากการถูกลูเมี่ยนจับข้อมือ ดีดตัวกระโดดขึ้นไปในอากาศ ขาข้างเดียวเหยียดไปด้านหลัง ปากใหญ่ๆ อ้ากว้างอยู่ด้านหน้า หมายเขมือบศีรษะของเหยื่อในคำเดียว
ลูเมี่ยนรีบปล่อยมือทั้งสองข้างทันที ร่างกายก้มต่ำพร้อมกับกลิ้งไปทางผนังฝั่งหนึ่ง
ตุ้บ!
สัตว์ประหลาดน้ำหล่นกระแทกพื้นอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่ม
เขารีบหันหลังกลับ คว้าขาข้างเดียวของสัตว์ประหลาดไว้ ส่งแรงไปยังหน้าท้องกับเอว เพื่อหมุนตัวเหวี่ยงมันใส่ผนังหิน
โครม!
ศีรษะของสัตว์ประหลาดเริ่มยุบเข้าไป
ลูเมี่ยนยังไม่หยุด ต่อด้วยการหมุนเหวี่ยงใส่ต้นเสา ใส่ผนัง ฟาดลงพื้น จนเลือดสีแดงเข้มผสมของเหลวสีเหลืองอ่อนสาดกระเซ็นไปทุกสารทิศ
ท่ามกลางเสียงทื่อๆ ผนังหินเริ่มมีรอยยุบ หัวของสัตว์ประหลาดน้ำเริ่มแตกเป็นแผลใหญ่ สิ่งของข้างในเปื้อนเปรอะด้วยสีแดงเลือด
ออสตา·ทรูเอลที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร เมื่อเห็นฉากนี้ก็อ้าปากค้างจนลืมหุบ
โหดเหี้ยมฉิบหาย!
เจ๋งฉิบหาย!
ตุ้บ! ลูเมี่ยนทิ้งสัตว์ประหลาดน้ำที่สูญสิ้นชีวิต แม้แต่ร่างกายก็พังยับเยินลงบนพื้น
……………………………………………………..