ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 154 ละครเวทีเล็ก
ตอนที่ 154 ละครเวทีเล็ก
หลังจากฟังคำอธิบายของออสตาจบ ลูเมี่ยนก็นึกขบขันอยู่ในใจ
“นี่มันกฎประหลาดอะไรกัน?”
หวนนึกถึงการจูงเต่าเดิน สะพานข้ามดวงดาว ถือเทียนเข้าชมสุสานใต้ดิน หรือแห่วิ่งตามกัน เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกว่านี่ก็ไม่ได้แย่อะไรนัก
บางทีชาวทรีอาร์คงจะชอบประสบการณ์แปลกๆ ใหม่ๆ
มองดูคนใส่แว่นตาขาเดียวทยอยเข้าไปในคาบาเร่ต์อย่างต่อเนื่อง ลูเมี่ยนถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าเป็นลูกค้าใหม่ที่ไม่ทราบกฎต้องทำยังไง?”
ออสตาชี้ไปยังสุดทางถนนเพรง
“ตรงนั้นมีร้านขายแว่นตาขาเดียวกับสูทสั้นอยู่”
“ผมสงสัยว่าเป็นร้านที่เจ้าของคาบาเร่ต์แกะดำมาเปิดเอง”
ยังต้องสงสัยอีกหรือ… ลูเมี่ยนรำพันเงียบ
เขายังเชื่อว่าทิมมอนส์ตั้งกฎแบบนี้ให้กับคาบาเร่ต์แกะดำ เพียงเพื่อจะทำเงินเพิ่มจากการขายสูทสั้นและแว่นตาขาเดียว
แน่นอน ส่วนหนึ่งก็เพื่อตอบสนองต่อความ ‘เจ้าแฟชั่น’ ของชาวทรีอาร์
“ที่นี่เปิดมากี่ปีแล้วล่ะ” ลูเมี่ยนถามพลางใช้คางชี้ไปยังคาบาเร่ต์แกะดำฝั่งตรงข้าม
“เกินยี่สิบปีแล้ว ผมเห็นตั้งแต่มาถึงทรีอาร์ใหม่ๆ ได้ยินว่าเปิดมาตั้งแต่ช่วงที่คาบาเร่ต์เริ่มได้รับความนิยมในทรีอาร์” ออสตามองไปทางจัตุรัสแดนชำระ “หมดเรื่องแล้วใช่ไหม? ผมต้องกลับลงไปแล้ว”
เขาที่อุทิศตัวเองให้กับการทำเงิน กลัวว่าจะพลาดลูกค้าที่มาหาตนเพื่อดูดวงหรือ ‘ขอความช่วยเหลือ’
ลูเมี่ยนหันหน้าไปเพ่งพินิจอีกฝ่าย
สายตาดังกล่าวทำเอาออสตารู้สึกใจหายวาบ ประหนึ่งถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง
“ม…มีอะไรหรือครับ?” เขายิ้มออกมาตามสัญชาตญาณ
ลูเมี่ยนถอนสายตากลับ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“พักนี้ระวังตัวให้มากๆ ล่ะ”
“หา?” ออสตาทำหน้ามึนงง ทั้งตกใจทั้งกลัว
ชาร์ลคงไม่ได้ขู่เราหรอกใช่ไหม? ก็เพิ่งจะร่วมมือกันดีมิใช่หรือ? มิหนำซ้ำเขายังฝากฝังให้เราช่วยหาวัตถุดิบ!
ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ
“ความหมายก็ตามที่พูดนั่นแหละ แต่มันไม่ได้เกิดจากฉัน”
“แล้วก็… ช่วยฉันหาข้อมูลของสัตว์ประหลาดน้ำเพิ่มเติมด้วย ยิ่งละเอียดยิ่งดี ค่าตอบแทนตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้”
ความหมายของเขาก็คือ เราอาจจะมีเคราะห์ อย่างเช่นถูกคนทำร้าย? ออสตาพยายามตีความประโยคของลูเมี่ยน
ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า น้ำเสียงและลีลาการพูดของอีกฝ่ายฟังดูคุ้นเคยอย่างยิ่ง แต่ก็นึกไม่ออกว่าได้ยินมาจากที่ใด
ระหว่างทางกลับจัตุรัสแดนชำระ ออสตาตัดสินใจทำนายดวงให้ตัวเอง ดูว่าตนกำลังจะมีเคราะห์จริงหรือไม่
ในฐานะผู้วิงวอนความลับ โอกาสในการทำนายสำเร็จ รวมถึงความแม่นยำของผลลัพธ์ ย่อมสูงกว่าคนธรรมดามาก
ทันใดนั้นเอง ออสตาพลันฉุกคิดได้ว่า เหตุใดตนถึงรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
นั่นมันลีลาและน้ำเสียงที่เขามักใช้กับ ‘ลูกค้า’ ของตัวเองไม่ใช่หรือไง?
ตรงข้ามกับอาคารทรงโบราณ ลูเมี่ยนสองจิตสองใจว่าควรซื้อสูทสั้นกับแว่นตาขาเดียว เพื่อแฝงตัวเข้าไปสังเกตการณ์ในคาบาเร่ต์แกะดำดีหรือไม่
“แต่ถ้าทิมมอนส์มีองค์กรลับหนุนหลังจริง แถมยังเป็นเพื่อนกับกรรมาธิการตำรวจจริง ก็คงไม่ดีนักที่จะลักพาตัวเขาเพียงเพื่อเงินไม่กี่หมื่นเฟลคิน จนส่งผลกระทบกับธุระหลักของเรา… และในแง่ดังกล่าว การซื้อสูทสั้นกับแว่นตาขาเดียวก็ไม่ต่างอะไรกับเสียเงินฟรี… ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ” ลูเมี่ยนไม่เคยตระหนี่เวลาต้องใช้เงิน เพราะอย่างไรเสีย ในทรีอาร์มี ‘คนใจบุญ’ อยู่เกลื่อนกลาด แต่ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้ เขาก็ยังหลงเหลือจิตวิญญาณของคนมัธยัสถ์
ขณะกำลังไตร่ตรอง เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ และพบว่ามีบาร์ ‘หัวเดียวกระเทียมลีบ’ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับคาบาเร่ต์แกะดำ
“ลูกค้าของคาบาเร่ต์กับบาร์คือกลุ่มเดียวกัน พวกเขาควรจะเป็นคู่แข่ง…” ทันใดนั้น ลูเมี่ยนพลันกระจ่าง
ไม่มีใครเข้าใจเราเกินกว่าศัตรูของเรา ดังนั้น คนที่เข้าใจคาบาเร่ต์มากที่สุด ย่อมต้องเป็นคู่แข่งของคาบาเร่ต์!
แม้สำบัดสำนวนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดให้เกินจริง แต่ก็สะท้อนความจริงได้ในระดับหนึ่ง
ลูเมี่ยนหันร่างกายเดินตรงไปทางบาร์ ‘หัวเดียวกระเทียมลีบ’
อาคารบนถนนเพรงล้วนดูเก่าแก่ ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมก่อนยุคโรซายล์ที่มักใช้หน้าต่างบานเล็ก ดังนั้นแม้จะยังกลางวัน แต่แสงก็ส่องเข้ามาไม่มากนัก ความมืดมัวกลายเป็นบรรยากาศหลักด้านใน
ในสภาวะที่ไร้แสงจากโคมไฟแก๊ส ลูเมี่ยนเดินผ่านห้องโถงสีออกเข้มที่มีลูกค้าบางตา เดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์และนั่งลง
“เหล้ายินหนึ่งแก้วใส่น้ำแข็ง” ลูเมี่ยนสั่งพลางถอดหมวกแฟลตแก๊ป
เคาน์เตอร์บาร์ตั้งอยู่ด้านในสุดของบาร์ ซึ่งแสงสว่างแย่มาก บาร์เทนเดอร์ตัวสูงโปร่งถูกม่านความมืดห่อหุ้มจนมองเห็นเพียงเค้าโครง
ด้วยสายตาของลูเมี่ยน ก็พอจะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมีผมหยักศกสีดำ นัยน์ตาน่าจะสีน้ำเงิน และสันจมูกไม่โด่งนัก
ระหว่างรอเหล้ายิน ลูเมี่ยนเปรยๆ ด้วยรอยยิ้ม
“ร้านนี้จะไปรอดไหม? คาบาเร่ต์แกะดำฝั่งตรงข้ามมีลูกค้าเยอะมาก”
บาร์เทนเดอร์ผลักเหล้ายินที่ใส่ชิ้นมะนาวฝานกับน้ำแข็งท่วมๆ มาตรงหน้าลูเมี่ยน
เขาเหล่มองประตูแล้วพูด
“กิจการร้านเราก็ไม่ได้แย่อะไร แค่ตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่กำลังรอดูละครเวทีอยู่ในห้องใต้ดิน”
“สนใจอยากลงไปดูไหม? สำหรับลูกค้าที่สั่งเครื่องดื่มแล้ว จ่ายเพิ่มอีกแค่ห้าริกต์ก็เข้าห้องใต้ดินได้… อ้อ เหล้ายินของคุณราคาแปดริกต์”
“ละครเวที?” ลูเมี่ยนไม่เก็บซ่อนความประหลาดใจของตน
นี่คือสิ่งที่บาร์อื่นๆ บนถนนอลเวงไม่มี
บาร์เทนเดอร์ถอนหายใจแล้วตอบ
“ฝั่งตรงข้ามมีทั้งเต้นรำ ร้องเพลง เล่นไฟ แทงพูล เราก็ต้องมีอะไรที่แตกต่างจากพวกเขาบ้าง เพื่อดึงดูดลูกค้าน่ะนะ”
“ตามบาร์กับร้านกาแฟหลายๆ แห่งบนฝั่งเหนือ เริ่มมีละครเวทีโรงเล็กกันแล้ว”
ลูเมี่ยนไม่รู้จะอธิบายพฤติกรรมเช่นนี้อย่างไร ทำได้เพียงรำพันจิกกัดว่า
“ธุรกิจบาร์แข่งกันดุเดือดขนาดนี้เชียว?”
เด็กหนุ่มหยิบเหรียญเงินที่แกะสลักสัญลักษณ์เฟืองออกมา สามเหรียญยี่สิบโกเปต์ กับเหรียญทองแดงห้าโกเปต์ มอบให้บาร์เทนเดอร์
บาร์เทนเดอร์ชี้ไปทางบันไดข้างเคาน์เตอร์บาร์ที่พาลงชั้นล่าง
“จะลงไปห้องใต้ดินตอนไหนก็ได้นะ อย่าลืมถือเครื่องดื่มไปด้วย”
ไม่ต้องใช้ตั๋วเข้า? ลูเมี่ยนไม่รีบร้อนออกจากเคาน์เตอร์บาร์ เพียงถามยิ้มๆ
“คาบาเร่ต์แกะดำฝั่งตรงข้ามดูเหมือนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทีเดียวนะ”
“ก็มีเอกลักษณ์จริงๆ นั่นแหละ” บาร์เทนเดอร์พูดแล้วก็ลดเสียงลง “คุณถูกคนที่นั่นโกงเงินมาหรือ? เอาแต่ถามถึงพวกเขามาสักพักแล้ว”
“ใช่เลย” ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่างเป็นกันเอง
เขาไม่คิดจะปิดบัง
บาร์เทนเดอร์หัวเราะในลำคอ
“ทุกวันนี้มีคนที่ถูกหลอกแวะเวียนมาหาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ ผมเคยเห็นกรรมาธิการตำรวจประจำเขตหอดูดาว กงเด เดินเข้าไปในคาบาเร่ต์นั่นโดยสวมสูทสั้นกับแว่นตาขาเดียว”
ทิมมอนส์ไม่ธรรมดาจริงๆ … ลูเมี่ยนละทิ้งภารกิจทวงเงินจากเจ้าของคาบาเร่ต์แกะดำ
เขาถือแก้วเหล้ายินเดินออกจากเคาน์เตอร์บาร์ ลงบันไดไปยังห้องใต้ดิน
ยังไม่ทันจะเข้าใกล้บานประตูคู่ที่ทำจากไม้ ลูเมี่ยนได้ยินเสียงบาร์เทนเดอร์ตะโกนลงมา
“ลูกค้าคนใหม่ลงไปแล้ว!”
ประตูไม้เปิดออกด้วยเสียงเสียดสี
ลูเมี่ยนชะลอฝีเท้า เดินเข้าไปพลางสังเกตสภาพแวดล้อม
ที่นี่ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงละครเวทีเล็ก ด้านในสุดคือเวทีไม้สูงกึ่งหนึ่ง ด้านบนมีโคมไฟแก๊สสองดวงคอยใช้แสงสว่าง
ในจุดที่แสงส่องไม่ค่อยถึงหรือมืดไปเลย มีการวางเก้าอี้สูงและม้านั่งไว้ห่างกัน
ตอนนี้มีลูกค้ากว่ายี่สิบชีวิตกำลังนั่งชมการแสดงละครบนเวที
ไม่มีใครพูดอะไร เงียบจนแทบจะได้ยินแต่เสียงเครื่องดื่มเป็นพักๆ มอบบรรยากาศอันสงบเสงี่ยมแก่ห้องใต้ดินมืดๆ
ลูเมี่ยนหาเก้าอี้นั่งใกล้กับทางออก สายตาจดจ้องไปทางเวที
ที่กำลังแสดงมิใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นไม้สูงครึ่งคน
ไม่ว่าจะเพศใด พวกมันจะถูกทาด้วยสีน้ำมันสามสี คือเหลือง ขาว และแดง มุมปากแต่ละตัวยกสูง เกิดเป็นรอยยิ้มเล่นใหญ่
หุ่นไม้เหล่านี้ ภายใต้การควบคุมโดยเส้นไหมที่ลูเมี่ยนแทบจะมองไม่เห็น สามารถทำได้ทั้งยกมือ อ้าปาก หมุนตัว หรือวิ่ง คอยสวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ
เสียงทุ้มต่ำของบุรุษ และเสียงแหลมเล็กของสตรี ดังสลับกันจากที่ใดสักแห่งเป็นระยะ
ภายใต้แสงสีเหลืองของโคมไฟแก๊ส ท่ามกลางมืดที่แผ่ขยายภายในห้องใต้ดิน หุ่นไม้ตัวตลกที่ถูกทาด้วยสีน้ำมัน ดูน่าขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก
ลูเมี่ยนไม่ชอบบรรยากาศโดยสัญชาตญาณ
แต่เพราะไม่อยากเสียค่าตั๋วไปฟรีๆ เขาจึงทนดูต่อไปอีกสักพัก จนกระทั่งละครฉากนี้จบลง
ตลอดกระบวนการ รอบตัวเด็กหนุ่มเงียบสนิทไร้สุ้มเสียง ใบหน้าของลูกค้าบางคนถูกฉาบด้วยแสงสีเหลือง บางคนซ่อนอยู่ในความมืด ทุกคนดูจดจ่อเหนือความคาดหมายของลูเมี่ยนไปไกล
เด็กหนุ่มดื่มเหล้ายินอึกสุดท้ายเข้าไป แล้วเดินออกจากโรงละครเวทีเล็กที่มีแสงจากโคมไฟแก๊สเพียงสองดวง
…
ระหว่างทางกลับเขตตลาดคนซื่อ ลูเมี่ยนนั่งริมหน้าต่างรถม้าสาธารณะ ตามองดูผู้คนและร้านรวงข้างถนนแล่นผ่านไปเรื่อยๆ พลางคิดถึงแผนการในอนาคต
“ทางเลือกแรก หาวิธีครอบครองเนื้อของสัตว์ประหลาดน้ำ เพื่อนำมาใช้ในศาสตร์การดูดวง… ทางเลือกที่สอง หาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อไต่เต้าตำแหน่งในพรรคซาฟาห์และกลายเป็นหัวหน้าหน่วยตัวจริง”
ขณะความคิดกำลังล่องลอย สายตาของลูเมี่ยนกวาดผ่านร่างที่คุ้นเคยโดยไม่คาดคิด
อีกฝ่ายวิลสันในเสื้อเชิ้ตสีขาว แจ็กเกตสีดำ หน้าตามีรอยยับ ผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย — วิลสันจากแก๊งหนามพิษ
วิลสันกำลังนำสองนักเลงเดินผ่านถนนใหญ่ตลาด เข้าไปในซอยข้างๆ ด้วยย่างก้าวมั่นคง ท่วงท่าอาการดูปกติอย่างยิ่ง
“ถูกเราโยนตกตึกในสภาพนั้น แต่ตอนนี้กลับเดินปร๋อ?” ลูเมี่ยนพลันประหลาดใจ
ต้องไม่ลืมว่า นั่นคือการตกจากชั้นสี่!
ลูเมี่ยนเริ่มคาดคะเน
“แก๊งหนามพิษเกี่ยวพันกับพลังเหนือธรรมชาติสายรักษา?”
“โอสถ ‘แพทย์’ แห่งเส้นทาง ‘นักเพาะปลูก’ ?”
เดามาถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนพลันฉุกคิดถึงบางสิ่ง
ในความฝันของเขา คุณนายปัวริสมีพลังที่ช่วยรักษาบาดแผลให้หายเป็นปลิดทิ้งในพริบตา!
แม้ความฝันอาจเกินจริงไปบ้าง หรือถูกบิดเบือนไปบ้าง แต่เส้นทางที่ไม่ปกติของคุณนายปัวริส มีอำนาจในแง่การรักษาอยู่จริง
บุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นลูอิส·ลุนด์ ก็ปรากฏตัวแถวๆ ถนนใหญ่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้… หรือว่าอำนาจเบื้องหลังแก๊งหนามพิษ จะมีความเชื่อมโยงกับเทพมารที่คุณนายปัวริสนับถือ? ขณะครุ่นคิด มุมปากของลูเมี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย
……………………………………………………..