ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 125 ดิ้นรน
ตอนที่ 125 ดิ้นรน
เมื่อพระนามสามท่อนถูกเอ่ย บรรยากาศโดยรอบลูเมี่ยนก็ปรากฏหมอกสีเทาอ่อนที่มอบความรู้สึกไม่สบายใจ
เปลวเทียนสีส้มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมฟ้า ทำให้แท่นบูชาดูทึมทึบแลลึกสงัด
ถึงตรงนี้ ความคิดลูเมี่ยนคล้ายกับเชื่องช้าลง เริ่มคันใต้ผิวหนัง ราวกับมีบางสิ่งพยายามชอนไชออกมา
จากเบื้องบนสูงสุดอันยากหยั่งถึง เด็กหนุ่มสัมผัสถึงการทอดพระเนตรจากตำแหน่งไกลอนันต์ได้อย่างเลือนราง
ลูเมี่ยนนิ่งสงบ จดจ่ออยู่กับการสวดวิงวอนต่อไป
เด็กหนุ่มทำตามขั้นตอนของมาดามเมจิกเชี่ยน ผสมผสานกับความรู้ด้านพิธีกรรมจากบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ โดยเปล่งเป็นภาษาเฮอร์มิสว่า
“ข้าวิงวอนต่อท่าน”
“ขอให้ท่านขจัดคำสาปบนตัวข้า…”
ว่ากันตามตรง ลูเมี่ยนอยากจะขอให้องค์ผู้ยิ่งใหญ่คุ้มครองตนสักหนึ่งปี เพื่อให้มั่นใจว่าจะรอดพ้นจากวิญญาณมงต์ซูรีได้แน่นอน แต่ชัดเจนว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ เด็กหนุ่มยังไม่ชำนาญคำศัพท์ภาษาเฮอร์มิสที่เกี่ยวข้องมากนัก ทำได้เพียงเอ่ยถึงคำสาปที่เล่นงานตนอย่างคลุมเครือ
ในช่วงท้ายพิธี ลูเมี่ยนหยิบยืมพลังจากสมุนไพรบนแท่นบูชา
วินาทีถัดมา การมองเห็นของเด็กหนุ่มก็พลันพร่ามัว คล้ายกับมีเทวทูตเจ้าของปีกแห่งแสงสิบสองคู่ปรากฏกายอยู่ตรงหน้า
เทวทูตผู้ลงมาจากเบื้องสูง กางแขนออก โอบลูเมี่ยนเข้าไปในอ้อมกอด
คู่ปีกที่ควบแน่นจากแสง เริ่มหุบเข้ามาทีละชั้น ห่อเขาไว้ทีละชั้น
ไม่นานลูเมี่ยนก็ฟื้นคืนสติ แลเห็นเปลวเทียนที่เปลี่ยนเป็นสีเขียว กลับเป็นสีส้มตามเดิมแล้ว
ระลึกถึงประสบการณ์ล่าสุด เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ฝันไป ไม่อาจหักห้ามใจมิให้รำพันแผ่วเบา
“เราเพิ่งได้เห็นเทวทูต? องค์ผู้ยิ่งใหญ่ส่งเทวทูตข้างกายมาคุ้มครองเรา ช่วยเราขจัดคำสาป?”
ก่อนวันนี้ ลูเมี่ยนเพียงแต่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเทวทูตจากคำเทศนาของโบสถ์สุริยันเจิดจรัส ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้รับอ้อมกอดจากเทวทูต
ตามคำบอกเล่าของมาดามเมจิกเชี่ยน ขั้นต่ำของเทวทูตคือลำดับ 2… แม้นพระองค์จะส่งเศษเสี้ยวพลังมาจากแดนไกล แต่ก็ยังมากมายถึงระดับเทวทูต… ลูเมี่ยนรู้สึกครั่นคร้ามต่อองค์กรลึกลับที่ใช้ไพ่ทาโรต์เป็นรหัส และต่อองค์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ผนึกมลพิษในร่างกายตน
เด็กหนุ่มรู้สึกโล่งใจ ปล่อยวางความกังวลได้ราวๆ ครึ่งหนึ่ง
หากวิญญาณมงต์ซูรีนำพามาซึ่งคำสาปจริง ตอนนี้ก็คงจะไร้ปัญหาแล้ว วิญญาณที่ทำได้เพียงเตร็ดเตร่อยู่ในโลกใต้ดินของทรีอาร์ ไม่กล้าหืออือกับนักบวชของสุริยันเจิดจรัสแค่สามคน จะเอาอะไรไปเทียบชั้นกับเทวทูต?
แน่นอน ลูเมี่ยนยังคงห่วงอยู่ครึ่งใจ เพราะตนสวดวิงวอนให้ ‘ขจัดคำสาป’ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวิญญาณมงต์ซูรีมิได้ใช้คำสาป?
เขารอจนกระทั่งเที่ยงคืน แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากมาดามเมจิกเชี่ยน
เด็กหนุ่มไม่กล้านอน จึงทำเพียงนอนหงายบนเตียง ปิดตาพักผ่อนหย่อนใจ
การไม่นอนเลยตลอดทั้งคืนสำหรับเขาแล้วไม่ใช่ปัญหา เพียงรอให้ถึงเช้ามืดหกโมงตรง ร่างกายและจิตใจก็จะย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
นี่เป็นคำสาป ขณะเดียวกันก็เป็นพร
จนกระทั่งช่วงครึ่งหลังของยามราตรี ความวุ่นวายจากเสียงรบกวนต่างๆ บนถนนเริ่มซาลง ลูเมี่ยนได้ยินเสียงแมลงร้องจากตำแหน่งห่างไกล ได้ยินเสียงหวูดรถไฟที่อยู่ไกลยิ่งกว่า
ทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้ง การหายใจเริ่มลำบาก ราวกับมีคนใช้ผ้านวมหนาๆ ห่อร่างกายตนเอาไว้ แล้วกดทับตัวเขาที่อยู่ด้านใน
ไม่ดีแล้ว! ลูเมี่ยนพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นนั่ง แต่ดูเหมือนว่าจะขยับได้เพียงแขนสองข้างเท่านั้น
แค่จะลืมตายังทำไม่ได้เลย!
แม้แต่ท่อนแขนก็รู้สึกเหมือนถูกใครบางคนกดไว้ ลำพังจะยกขึ้นสักสองสามเซนติเมตรก็ยังลำบาก
วินาทีถัดมา ร่างกายลูเมี่ยนกลายเป็นหนาวเหน็บ ปลายจมูกชื้นแฉะ คล้ายกับถูกจับยัดกระสอบแล้วนำไปถ่วงน้ำลึก
ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัด หน้าอกอึดอัดแลเจ็บปวด ความคิดเริ่มเชื่องช้าเฉื่อยชา
ลูเมี่ยนที่พยายามขัดขืนอย่างเปล่าประโยชน์ บังเกิดความคิดวูบหนึ่งแล่นในหัว นั่นคือการเข้าฌานเพื่อกระตุ้นสัญลักษณ์หนามสีดำบนหน้าอก
แต่เพียงครู่เดียวก็ปัดตกไป
เหตุผลแรก การทำเช่นนั้นอาจนำพาไปสู่ภาวะคลุ้มคลั่ง เหตุผลที่สอง วิญญาณมงต์ซูรีไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์ซ่อนเร้นผู้มีคำว่าชะตากรรมอยู่ในพระนาม ไม่มีเหตุให้ต้องหวาดกลัวสัญลักษณ์หนามดำ
เว้นแต่ว่าจะสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างแท้จริง อีกก้าวเดียวก็จะถึงความตาย เท่านั้นลูเมี่ยนจึงจะลองใช้วิธีที่ยังมองไม่เห็นประโยชน์และเสี่ยงชีวิตอย่างยิ่งยวด
ริมฝีปากกับจมูกของเด็กหนุ่มกลายเป็นเย็นเฉียบ ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นกดไว้
ผนวกกับความรู้สึกที่คล้ายกำลังจมน้ำ ลูเมี่ยนหายใจไม่ออก ราวกับปอดใกล้จะระเบิด
คำว่านักล่า นักยั่วยุ มลพิษ ผนึก และปรอทเสื่อมทรามแล่นผ่านความคิดอย่างต่อเนื่อง ก่อกำเนิดไอเดียมากมายแต่ไม่นานก็สลายไป
ปรอทเสื่อมทราม… ปรอทเสื่อมทราม! ในที่สุดลูเมี่ยนก็ฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อเหยียดฝ่ามือซ้ายที่สวมถุงมือ ออกไปทางด้านข้าง
เด็กหนุ่มวางมีดสั้นอัปมงคลไว้ในตำแหน่งที่หยิบจับได้สะดวก เผื่อไว้ในกรณีที่พานพบเหตุไม่คาดฝัน
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ลูเมี่ยนที่ฝืนอ้าปากเพื่อหายใจ จับคว้าปรอทเสื่อมทรามได้สำเร็จ พร้อมกับยกมีดสั้นสีเงินดำขึ้นมา
ยามนี้ปรอทเสื่อมทรามมิได้ถูกหุ้มด้วยผ้าสีดำ ลวดลายบนคมมีดซ้อนทับอย่างซับซ้อน มอบความวิงเวียนแก่ผู้พบเห็น
ลูเมี่ยนฝืนเค้นแรงกายทั้งหมด ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อย งอแขน แล้วแทงปรอทเสื่อมทรามใส่ท่อนบนของร่างกาย
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย อย่าว่าแต่เลือด แม้แต่สักรอยขีดข่วนก็ไม่ปรากฏ!
ลูเมี่ยนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น อาศัยเรี่ยวแรงงอแขนเข้าหาตัวเอง
ด้วยเสียง ‘ฉึก’ อันน่าขนลุก เขาแทงปรอทเสื่อมทรามใส่เอวซ้ายของตัวเอง
เลือดสีแดงสดไหลริน ฉาบใบมีดของปรอทเสื่อมทรามด้วยของเหลวสีแดง หยาดหยดมายาสีปรอทที่เป็นตัวแทนของ ‘ชะตากรรมการถูกไฟไหม้’ ไหลซึมเข้าสู่ร่างกายลูเมี่ยน
ความเจ็บปวดรวดร้าวกระตุ้นให้สมองที่เคยขาดออกซิเจนตื่นตัว ในการมองเห็นอันมืดมิดปรากฏแม่น้ำมายาอันประกอบจากลวดลายซับซ้อนสีปรอทจำนวนมาก
พวกมันสื่อถึงชะตากรรมต่างๆ ของเขา
โดยไม่มีเวลาให้คิดนาน ลูเมี่ยนเพ่งมองส่วนล่างของแม่น้ำมายา มองไปยังสายน้ำที่กำลังจะกลืนกินกิ่งก้านสาขาอื่นๆ
เด็กหนุ่มถ่ายพลังวิญญาณเข้าสู่ปรอทเสื่อมทราม เพื่อเคลื่อนย้ายลวดลายสีปรอทซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของลำธารมายาอันคดเคี้ยว
วินาทีถัดมา ลูเมี่ยนพบเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียง หน้าตาเขียวคล้ำ สภาพใกล้เคียงคนตาย
ลวดลายสีปรอทที่เลือกไว้เมื่อสักครู่ ควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำหนึ่งหยด ซึมเข้าไปในส่วนคมของปรอทเสื่อมทราม
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนรู้สึกว่าร่างกายเบาสบายขึ้น ไม่หลงเหลือความรู้สึกของการจมน้ำหรือขาดอากาศ แต่ขณะเดียวกันก็ห้อมล้อมไปด้วยความเจ็บปวด จนไม่อาจอดกลั้นเสียงครวญคราง
ตามผิวหนังปรากฏแผลพุพองปนดำเกรียม
เด็กหนุ่มใช้ปรอทเสื่อมทรามซึ่งเก็บรักษาชะตากรรม ‘ทุกข์ทรมานจากการถูกไฟไหม้’ มาแลกกับชะตากรรม ‘ถูกวิญญาณมงต์ซูรีเล่นงาน’ ของตัวเอง จนหลุดพ้นจากภาวะที่ดูเหมือนจะไร้หนทางดิ้นรน รอดพ้นจากการถูกโจมตีไปได้!
ปรอทเสื่อมทรามสามารถใช้แทงได้ทั้งผู้อื่นและตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนชะตากรรมที่ลูเมี่ยนไม่ต้องการ!
ส่งผลให้เปลวไฟกำลังลุกท่วมร่างเด็กหนุ่ม จนปวดแสบปวดร้อนแบบเดียวกับเมื่อตอนที่ได้สู้กับสัตว์ประหลาดไฟ
ลูเมี่ยนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว รีบกลิ้งลงจากเตียงอย่างแคล่วคล่อง
ท่ามกลางเสียงกุกกัก เด็กหนุ่มเกลือกกลิ้งซ้ายขวา พยายามดับไฟที่ลุกท่วมตัว
ผ่านไปสักพัก ไม่แน่ใจว่ากลยุทธ์ของลูเมี่ยนได้ผล หรือเปลวไฟที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนชะตากรรมเผาไหม้หมดพอดี หรืออาจทั้งสองอย่างรวมกัน เด็กหนุ่มไม่ถูกเปลวไฟสีแดงคลอกร่างอีกต่อไป
แต่เสื้อผ้าถูกเผาจนขาดรุ่งริ่ง ผิวหนังมีรอยไหม้เป็นแถบใหญ่ จมูกง่อนแง่นคล้ายกับพร้อมจะหลุด ผมเผ้าส่งกลิ่นควันเหม็น แหว่งหายไปหลายส่วน
สำหรับคนทั่วไป นี่คือบาดแผลที่ไม่ต้องรับการรักษา สามารถนอนรอความตายได้เลย เช่นเดียวกันกับบรรดาผู้วิเศษในลำดับต่ำ
ลูเมี่ยนฝืนลืมตาอย่างยากลำบาก รวบรวมสมาธิเพื่อมิให้ตัวเองหมดสติ
ยิ่งเวลาล่วงผ่าน เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังชีวิตล่องลอยออกไป
เด็กหนุ่มดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง พึ่งพาการหายใจที่แทบจะสูดลมเข้าปอดไม่ได้
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ในที่สุดเสียงระฆังอันไพเราะเพราะพริ้งสำหรับลูเมี่ยน ก็ลั่นกังวานในโสตประสาท
แต๊ง! แต๊ง! แต๊ง!
เสียงระฆังแทนเวลาเช้าตรู่ยามหกโมงตรงของกรุงทรีอาร์ ดังก้องไปทั่วถนนอลเวงและพื้นที่โดยรอบ แสงแรกของเช้าวันใหม่สว่างขึ้นจากเส้นขอบฟ้า
ลูเมี่ยนรู้สึกสดชื่นทันที ความรู้สึกเจ็บปวดอันตรธานหายไปเป็นปลิดทิ้ง
สถานะของร่างกายและจิตใจถูกล้างใหม่อย่างสมบูรณ์!
ฟู่ว… ลูเมี่ยนหายใจออก พลิกตัวลุกขึ้นยืน มองตรงไปข้างหน้า เห็นเสื้อลินินกับกางเกงขายาวสีเข้มที่เมื่อคืนถูกไฟไหม้จนเหลือเพียงเศษผ้าขาดๆ โดยที่ผิวพรรณกลับมาเรียบเนียนเป็นปกติ
เด็กหนุ่มที่กำลังประสบวิกฤติการเงิน เลี่ยงไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
ต้องซื้อชุดใหม่… อีกหนึ่งรายจ่าย!
แต่ยังไงเสีย เขารอดพ้นจากการโจมตีระลอกแรกของวิญญาณมงต์ซูรีได้แล้ว ซึ่งอาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตำนานของมัน
“ดูไม่เหมือนคำสาปเลยแฮะ…” ลูเมี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินออกจากห้อง เดินเข้าห้องน้ำรวมเพื่อล้างหน้าด้วยน้ำประปา
เด็กหนุ่มมองเข้าไปในกระจก แลพบว่าผมเผ้าบางส่วนสั้นลง บางส่วนสีย้อมทองหลุด
สิ่งเหล่านี้ย้อนกลับไม่ได้
ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ลูเมี่ยนกลับห้อง 207 และต้องตกใจเมื่อเห็นจดหมายหนึ่งฉบับ
กระดาษที่พับเป็นทรงเหลี่ยมจัตุรัส กำลังนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะไม้
ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะรำพันเงียบๆ
“ทำไมถึงตอบจดหมายเช้านักล่ะ?”
“เมื่อคืนยังไม่ได้นอน เพิ่งกลับถึงบ้านหรือไง?”
ลูเมี่ยนส่ายหน้าแผ่วเบา เดินไปเปิดอ่านจดหมายตอบกลับจาก ‘เมจิกเชี่ยน’
ตัวอักษรบนจดหมายถูกเขียนหวัดๆ อย่างไม่เป็นระเบียบ แต่ก็พอเดาได้ว่ามาจากมาดามคนนั้น
“ทำได้ดีมาก หลังจากนี้พยายามติดต่อกับมิสเตอร์ K ให้มากขึ้น แสดงความงมงายและไร้เหตุผลให้อีกฝ่ายเห็น จนกระทั่งเขาเชิญเธอเข้าร่วมองค์กรลับที่ตัวเองสังกัด”
“วิญญาณมงต์ซูรีมิใช่คำสาป สำหรับเธอในตอนนี้ มีสามวิธีในการแก้ไข”
“หนึ่ง ตายต่อหน้ามัน สังหารมันด้วยมลพิษในตัวเธอ ช่วยแก้แค้นให้กับเหล่าผู้วายชนม์”
“สอง ใช้มีดสั้นของเธอ แลกเปลี่ยนชะตากรรม ‘การพบเจอวิญญาณมงต์ซูรี’ ออกไปจากตัวเอง ไม่คิดบ้างหรือว่ามีดเล่มนั้นก็ใช้กับตัวเองได้เหมือนกัน?”
“สาม ไปอาศัยอยู่ในวิหาร และไม่ออกมาข้างนอกอีกเลย”
……………………………………………………..