ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 100 สองจิตสองใจ
ตอนที่ 100 สองจิตสองใจ
ติ๊ก ต่อก… ติ๊ก ต่อก… ติ๊ก ต่อก
เสียงของเข็มวินาทีบนนาฬิกาติดผนัง ดังก้องอยู่ในห้องอันมืดมิด
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ในที่สุดลูเมี่ยนก็ทำหน้าคล้ายหลุดพ้นจากฝันร้าย
เด็กหนุ่มรีบเงยหน้า จับไหล่ของโอลัวร์ทั้งสองข้าง แล้วสั่นเขย่าอย่างแรง
“ตื่น! พี่! ตื่นสิ!”
เขากดเสียงลงต่ำ ไม่กล้าให้เหล่านักสืบที่กำลังเฝ้ายามได้ยิน
โอลัวร์หลับตาสนิท ปากเผยอเล็กน้อย ไม่ว่าลูเมี่ยนจะสั่นเธออย่างไรก็ไม่มีการตอบสนอง เหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนกับศพที่ยังมีชีวิต
ลูเมี่ยนเริ่มเขย่าตัวเบาลง จนในที่สุดก็หยุดมือ
เขาจ้องโอลัวร์ที่เอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติง โดยไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน
เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น และปัญหานี้เริ่มตั้งแต่เมื่อไร ความกลัวและหวั่นไหวทำให้เขารู้สึกคลับคล้ายกับค่ำคืนที่เห็นคุณปู่เสียชีวิต
หลังจากวันนั้น เขาก็เริ่มเร่ร่อน
มือของลูเมี่ยนกำแน่นขึ้นตามลำดับ ร่างกายสะท้านแผ่วเบา
ทันใดนั้น เขาหันตัวไปมองหน้าต่าง
สัตว์ประหลาดที่คล้ายกิ้งก่าโปร่งใสและพร่ามัว คลานกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
ลูเมี่ยนรีบลงจากเตียงแล้วก้าวหนึ่งก้าว ยื่นมือขวาออกไป จับคว้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับสัตว์ประหลาด ซึ่งดูเหมือนจะตกใจที่เห็นลูเมี่ยนตื่นอยู่
วินาทีถัดมา เด็กหนุ่มจับ ‘กิ้งก่า’ ใส่ปากตัวเอง ทำหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับคำรามต่ำ
“แกชอบเข้าไปอยู่ในปากคนอื่นไม่ใช่หรือไง?”
“เข้าไปสิ! ฉันมอบโอกาสนั้นให้แกแล้ว!”
ขณะที่ยัด ‘กิ้งก่า’ นั่น เขาก็กัดมันอย่างบ้าคลั่งด้วยดวงตาแดงก่ำ
ตัว ‘กิ้งก่า’ คล้ายกับตกตะลึงจนเสียขวัญ จึงมิได้ต่อต้าน
ประจวบเหมาะกับที่มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังลูเมี่ยน
“กำลังทำอะไรน่ะ?”
เสียงของโอลัวร์
ลูเมี่ยนตกใจจนตัวแข็ง บรรจงหันร่างกลับอย่างเชื่องช้า มองไปทางเตียงนอน
โอลัวร์กำลังตื่นอยู่ นั่งบนเตียงในสภาพหัวกระเซิง ดวงตาสีฟ้าอ่อนแฝงความงุนงงเจือสับสน
ลูเมี่ยนลดศีรษะลงตามสัญชาตญาณ และพบว่า ‘กิ้งก่า’ ที่ตนเคยจับไว้ได้หายไปแล้ว
ชั่วขณะหนึ่ง เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเห็นและเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เป็นเพียงฝันร้ายหรือเรื่องจริง
“เป็นอะไรของนาย?” โอลัวร์ขมวดคิ้ว
ลูเมี่ยนปั้นหน้ายิ้มแบบฝืนๆ
“เมื่อกี้พี่ฝันร้ายจนเตะฉันตกเตียง”
“จริงอะ?” โอลัวร์มองน้องชายด้วยความไม่เชื่อ รู้สึกเหมือนกำลังถูกอำ
เธอนึกทบทวนอีกครั้งก่อนจะพูด
“ฉันฝันร้าย… ฝันว่าถูกสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยกขึ้นแล้วยัดใส่ปาก ฉันตกใจมากและพยายามขัดขืนอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ตื่นขึ้นมา”
ลูเมี่ยนฟังไปฟังมา ร่างกายเริ่มเย็นเฉียบ ราวกับถูกจุ่มลงในทะเลสาบบนภูเขาน้ำแข็ง
“ก็อาจเป็นไปได้… ฉันคงจะเผลอเตะนายเข้าจริงๆ …” โอลัวร์เริ่มไม่สบายใจ
ลูเมี่ยนหลับตาลงแล้วยิ้ม
“ฉันล้อเล่นน่า ที่จริงตื่นเพราะเหตุผลอื่น”
เขาเปลี่ยนไปพูดเสียงทุ้ม
“มาดามลึกลับคนนั้นโผล่มาในดินแดนความฝัน เธอช่วยแยกตะกอนพลังของนักยั่วยุออกมา และให้สูตรโอสถที่ถูกต้องกับฉัน”
“นายก็เลยตื่นมาด้วยความตื่นเต้น และอยากถามฉันว่ามีวัตถุดิบเสริมที่ตรงกับสูตรโอสถนั่นไหมสินะ?” โอลัวร์กระจ่างทันที
ลูเมี่ยนพูดด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“อื้อ!”
“เอ่อ… พี่มีสารสกัดดอกสายน้ำผึ้ง ผงเถาองุ่น และผงแหนแดงไหม?”
เขายิ้มอย่างเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเมื่อครู่ แต่ก็แฝงอารมณ์เจือจางอยู่ในแววตา
โอลัวร์คิดสักพักแล้วจึงกล่าว
“ฉันมีทั้งเถาองุ่นและแหนแดง อันหนึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับพิธีกรรม อีกอันเป็นสื่อกลางสำหรับเวทมนตร์”
“ดอกสายน้ำผึ้ง บ้านเรามีไม่เคยขาด ฉันใช้มันชงน้ำดื่มตลอด นายไม่เคยรู้เลยหรือ?”
เธอพูดไปพลางก็หยิบของจากกระเป๋าลับบนชุดกระโปรงยาวที่ใส่อยู่
“ไอ้นั่นคือดอกสายน้ำผึ้งเองหรือ…” ลูเมี่ยนมองโอลัวร์ที่กำลังง่วนอยู่กับการหาของ แล้วฝืนยิ้ม “ทำไมพี่ถึงไม่ถามล่ะ ว่ามาดามช่วยเราฟรีๆ หรือเปล่า?”
โอลัวร์หยิบเถาองุ่นสั้นๆ ออกมาแล้วยิ้ม
“นายต้องบดมันเองนะ!”
ราวกับเธอไม่ได้ยินคำถามเมื่อครู่ของลูเมี่ยน
“อื้อ” ลูเมี่ยนก็ทำราวกับไม่เคยถาม
แล้วก็พูดกับพี่สาว
“โอสถนักยั่วยุต้องใช้เหล้ากลั่นด้วย ฉันจะลงไปหยิบจากห้องใต้ดิน ถ้าคืนนี้เลื่อนเป็นลำดับ 8 ได้เลยก็ดีสิน้า~”
“การทำสารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้งต้องใช้เวลาสักพักเลยนะ” โอลัวร์ขมวดคิ้ว “แต่ว่า… วัตถุดิบเสริมของโอสถลำดับต่ำไม่ต้องตรงเป๊ะนักก็ได้ สามารถใช้ดอกสายน้ำผึ้งแทนได้เลย ตราบใดที่ตะกอนพลังละลายเป็นของเหลวได้ ก็สามารถดื่มได้ไม่ต่างกัน”
เธอหันไปมองประตูห้องที่เปิดอยู่ แล้วถามด้วยเสียงเบา
“ถ้าดึกดื่นแบบนี้นายลงไปหยิบเหล้ากลั่น พวกไรอันจะไม่สงสัยเอาหรือ?”
ได้ยินคำถามของพี่สาว ลูเมี่ยนฝืนรักษารอยยิ้มมิให้แข็งทื่อ
“ในฐานะลูกค้าประจำของร้านเหล้าคร่ำครึ การตื่นตอนกลางดึกเพราะอยากจิบเหล้า ถือเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง!”
“แม้ว่าเหล้าจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดี แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้จิตใจของฉันได้ผ่อนคลาย”
ความหมายของเขาก็คือ จะใช้ข้ออ้างทำนองว่า ‘หลังจากพิธีฉลองมหาพรตสิ้นสุดลง ความเครียดสั่งสมในจิตใจมากเกินไป จนตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วนอนต่อไม่ได้ ต้องพึ่งเหล้าแรงๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย’
“ตกลง” โอลัวร์แสดงภาษากายว่าไม่มีปัญหา
ลูเมี่ยนหันหลังแล้วเดินไปทางประตูห้องนอน รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปทีละนิด
กำปั้นทั้งสองข้างกำแน่นตลอดเวลา
เมื่อออกจากห้องมายังทางเดิน ลูเมี่ยนเห็นไรอันที่สวมทวีตแจ็กเกตสีน้ำตาลกับกางเกงขายาวสีเหลืองอ่อน ยืนอยู่ในองศาเฉียงออกไป ส่วนอีกฝั่งของทางเดินเป็นลีอากับวาเลนไทน์
“นอนพอแล้วหรือ?” ไรอันถือตะเกียงน้ำมันก๊าด สาดแสงมาทางลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มตอบยิ้มๆ
“ว่าจะลงไปหยิบเหล้าแรงๆ ที่ห้องใต้ดินสักขวด… คุณจะลองดื่มด้วยกันไหม? ผ่อนคลายสักหน่อย”
“ไม่เป็นไร” ไรอันพยักหน้า “เธอไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้ เป็นธรรมดาที่จะเครียดและกดดัน ในจุดนี้เหล้าก็เยียวยาได้จริงๆ นั่นแหละ”
ขณะพูด ไรอันถือตะเกียงน้ำมันก๊าดที่ส่องแสงสีเหลืองสลัว เดินไปยังปากบันได
“ฉันจะไปเป็นเพื่อน เวลาแบบนี้ไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียว”
“ตกลง” ลูเมี่ยนไม่คัดค้าน
ขณะทั้งสองเดินลงบันได ลีอาก็เดินมาทางห้องนอนของโอลัวร์ เฝ้ายามแทนตำแหน่งเดิมของไรอัน
ขั้นแล้ว ขั้นเล่า… ลูเมี่ยนกับไรอันเดินลงไปถึงชั้นล่างอันมืดมิดโดยไม่มีใครพูดจา
ขณะที่แสงไฟสีเหลืองสลัวส่องโดนเตาครึ่งหนึ่ง ไรอันถามผ่านๆ
“เมื่อกี้ในห้องเหมือนจะเกิดอะไรขึ้นสินะ… ฉันสัมผัสถึงความเคลื่อนไหว”
ลูเมี่ยนเปิดปาก เปล่งเสียงอย่างยากลำบาก
“โอลัวร์… โอลัวร์ไม่ปกติแล้ว…”
ที่เขาเสนอตัวลงมายังห้องใต้ดินเพื่อเอาเหล้ากลั่น มิใช่ด้วยจุดประสงค์เพื่อรีบเลื่อนลำดับในคืนนี้ — บ้านสองชั้นครึ่งรวมใต้ดินในซากปรักหักพังความฝันก็มีเหล้ากลั่นเช่นกัน ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อปลีกตัวจากโอลัวร์ ถือโอกาสปรึกษาพวกไรอันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด
แต่เมื่อถึงเวลาต้องพูด เขากลับอ้ำอึ้ง รู้สึกว่าคำพูดไม่กี่พยางค์ทำให้เขาสำลักได้ยิ่งกว่าเหล้าแรงที่สุด
สีหน้าไรอันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“ไม่ปกติยังไง?”
ลูเมี่ยนหายใจลึกหลายขยักก่อนจะเล่าได้
“โอลัวร์เหมือนกับ… รองอธิการโบสถ์… จากปาก… จากปากของเธอ… มีกิ้งก่าที่น่าจะเป็นเอลฟ์น้อยคลานออกมา”
เมื่อพูดออกไปอย่างครบถ้วน เขารู้สึกเหมือนแรงกายกำลังจะหมดสิ้น
หลังจากเว้นวรรคราวเจ็ดแปดวินาที เด็กหนุ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด แต่เปลี่ยนการตื่นจากดินแดนความฝันเป็นการตื่นนอนตามปกติ และบังเอิญไปเห็นเข้า
ไรอันเงียบฟัง ไม่คาดคั้นเอาความ รอจนเด็กหนุ่มพูดจบจึงกล่าวอย่างอ่อนโยน
“เธอทำได้ดีแล้วล่ะ… ตอนนี้ยังให้คุณพี่สาวรับรู้ความผิดปกติของตัวเองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลง…”
“ตอนนี้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปก่อน รอจนถึงรุ่งเช้า ฉันจะหาข้ออ้างทำนองว่า ‘หมู่บ้านกอร์ตูถูกปนเปื้อนแล้ว’ เราต้องหมั่นชำระล้างทุกวันเพื่อป้องกันมลพิษ แล้วให้วาเลนไทน์ลองดูว่าสามารถขับไล่ ‘กิ้งก่า’ นั่นออกไปได้ไหม”
“อื้อ…” ลูเมี่ยนตอบอย่างไร้พลัง
เขารู้สึกว่า ‘กิ้งก่า’ ได้ผสานเข้ากับวิญญาณพี่สาวอย่างลึกซึ้งแล้ว ลำพังการชำระล้างคงช่วยอะไรไม่ได้มาก
ไรอันมองสักพัก แล้วตบบ่าอย่างเบามือ
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ ถ้าคนในครอบครัวต้องพบเจอปัญหาแบบเดียวกัน เป็นใครก็คงยากที่จะสงบใจ…”
“แต่จงจำเอาไว้ว่า ความใจร้อนไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดได้”
“ฉันเองก็รู้ การชำระล้างของวาเลนไทน์อาจไม่ได้ผล แต่เราต้องลองก่อนจึงจะรู้ว่ามันไม่ได้ผล อา… ความผิดปกติเช่นนี้น่าจะเชื่อมโยงกับวัฏจักรของหมู่บ้านกอร์ตูด้วย ขอเพียงเรายุติวัฏจักรลงได้ พี่สาวของเธอก็คงกลับเป็นปกติได้เช่นกัน”
จริงด้วย… นี่ก็ถือเป็นการปนเปื้อนรูปแบบหนึ่ง ตราบใดที่เราสามารถย้อนกลับความผิดปกติทั้งหมดไปพร้อมกับยุติวัฏจักรเวลา โอลัวร์ก็จะกลับมาเหมือนเดิม… ดวงตาลูเมี่ยนกลับมาแวววาวอีกครั้ง ราวกับได้รับแรงกระตุ้นคืนมา
ไรอันพึงพอใจกับภาษากายของเด็กหนุ่ม จึงพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“แต่ฉันขอเตือนไว้ก่อนว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอจะต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของพี่สาว”
“โอลัวร์อาจกลายเป็นเหมือนรองอธิการโบสถ์ คือหลงเหลือเพียงสัญชาตญาณ ใช้ชีวิตตามความทรงจำและอารมณ์อันแรงกล้า ไม่หลงเหลือปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบข้าง”
ลูเมี่ยนนิ่งไปสักพัก แล้วจึงพูด
“ฉันจะปรับตัว…”
เสียงของเขาเบาลงตามลำดับ จนกระทั่งเลือนลับมลายไป
เมื่อลงมาถึงห้องใต้ดินและหยิบเหล้ากลั่น ทั้งคู่กลับไปยังชั้นสองอีกครั้ง ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เดินเข้าไปในห้องนอน ลูเมี่ยนยิ้มออกมา
เขาสั่นขวดในมือให้โอลัวร์เห็น พลางพูดเสียงเบา
“สำเร็จ!”
โอลัวร์ยิ้มตอบ ชี้ไปทางโต๊ะอ่านหนังสือ
“ดอกสายน้ำผึ้ง แหนแดง และเถาองุ่นอยู่ตรงนั้น”
ลูเมี่ยนพยักหน้ารับ วางขวดเหล้าในมือลงบนโต๊ะอ่านหนังสือด้วย
จากนั้นก็กลับไปนอนบนเตียง หลับตาลงด้วยข้ออ้างว่า ‘จะรีบเข้าไปเลื่อนลำดับในฝัน’
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ข่มตาให้หลับได้ยากเหลือเกิน
เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าพี่สาวถูกปนเปื้อน หรือกิ้งก่านั่นเข้าไปในร่างกายได้ตอนไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกตนอยู่ด้วยกันทุกนาทีทุกวินาที กระทั่งตอนที่โอลัวร์ไปเข้าห้องน้ำก็มีลีอาคอยประกบ และเป็นเช่นเดียวกันในทางตรงข้าม แล้วปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ถ้าหากปัญหาเกิดในตอนที่หลับ ทำไมเราถึงยังปลอดภัย? ลูเมี่ยนพยายามคิดย้อนกลับ หวังว่าจะไล่ค้นต้นตอของปัญหาจนพบ จะได้มีแนวทางในการแก้ไขความผิดปกติ
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มฉุกคิดถึงบางสิ่ง
ในวัฏจักรก่อนๆ หลวงพ่อกิโยม·เบเนต์กล่าวว่า ทางศาสนจักรคงไม่ฆ่าผู้ใหญ่ทุกคนในหมู่บ้านเพื่อเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นซากปรักหักพังที่ไม่จ่ายภาษีแน่ อีกทั้งยังพูดว่า ต่อให้โอลัวร์คิดจะลงมือกับพวกตน ก็ยังมีวิธีแก้เกมได้อยู่
ในตอนนั้น มันยังเป็นเพียงคนธรรมดา!
เดิมทีลูเมี่ยนคิดว่า หลวงพ่อคิดจะยืมมือคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรี แต่เมื่อนำมาผนวกกับสถานการณ์ปัจจุบัน เขาผุดแนวคิดใหม่ เป็นแนวคิดสุดบ้าคลั่ง
อาจจะตั้งแต่เริ่มแรก เกือบทุกคนในหมู่บ้านถูกสัตว์คล้ายกิ้งก่าอาศัยอยู่ในตัว รวมถึงโอลัวร์ด้วย!
เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งเข้าใกล้คืนสิบสอง ความผิดปกติจะยิ่งเด่นชัด และบางคนอาจแสดงอาการเร็วกว่าคนอื่น
ลูเมี่ยนรอดมาได้เพราะมีสัญลักษณ์สีดำอมเขียวคอยคุ้มครอง
เมื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในครึ่งหลังของวัฏจักรก่อนๆ ซึ่งโอลัวร์มีพฤติกรรมทำนอง ‘เอาแต่พูดโดยไม่ยอมลงมือทำ’ ลูเมี่ยนพบว่าการคาดเดาของตนอาจเข้าเป้าอยู่หลายส่วน
เด็กหนุ่มกัดกรามตามจิตใต้สำนึก
ในเวลาเดียวกัน ขณะไรอันกำลังถือตะเกียงน้ำมันก๊าดเดินตรวจตรา
บนผนังด้านข้างลำตัวเขา อยู่ดีๆ เงาดำก็ยืดออก
แทบจะพร้อมกัน เสียงกระดิ่งเงินใบเล็กบนหมวกคลุมหน้าและรองเท้าบูตของลีอาพลันดังระงม
เธอสัมผัสได้ว่าไหล่ของตนเย็นยะเยือกอย่างผิดปกติ
……………………………………………………..