ราชันย์จอมโจรปล้นสุสาน - บทที่ 28: แกคิดว่ากำลังต่อกรกับใครอยู่? 2
บทที่ 28: แกคิดว่ากำลังต่อกรกับใครอยู่? (2)
โบราณวัตถุของไอรีนมีจุดประสงค์ในการทำให้ทุกคนรอบตัวเธอตกอยู่ในความโชคร้าย แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าจะครอบครองโบราณวัตถุระดับเทพเจ้าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันได้หรือไม่
ไอรีนรู้สึกสิ้นหวังที่เห็นจูฮอนนั่งคิดอยู่นาน เธอไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เอ่อ… มันยากมากใช่ไหมคะ? คุณไม่ต้องคืนต้นไม้อัลมอนด์หรอก แต่ยังไงก็เถอะ ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ”
ไอรีนจับมือจูฮอนด้วยความสิ้นหวัง ในตอนนั้นเอง จูฮอนเริ่มยิ้มราวกับคิดอะไรออก
‘ดีเลย… มันคงจะดีกว่าถ้ามีคนที่ร่ำรวยมาเป็นหนี้บุญคุณเรา’
นั่นจะเป็นประโยชน์ต่อจูฮอนในอนาคต และมันเป็นเหตุผลที่เขาเริ่มเล่นแง่กับไอรีน
“อย่าห่วงไปเลย ฉันเป็นนักโบราณคดีที่ชอบรวบรวมแล้วก็ค้นคว้าข้อมูลของโบราณวัตถุพวกนี้ ถ้าฉันรู้วิธีรักษาเธอแล้ว จะติดต่อไปนะ
“จะ-จริงเหรอคะ?”
จูฮอนยื่นเบอร์โทรศัพท์ให้เธอและยิ้ม
“ฉันไม่โกหกหรอกน่า”
ไอรีน ฮิลตัน
หากจูฮอนได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครองคนใหม่ ผู้หญิงคนนี้จะมีประโยชน์อย่างมาก
‘แค่นี้เราก็สนิทกับเทพีแห่งการทำลายล้างแล้ว’
เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะสนิทกับเทพีแห่งหายนะที่แม้แต่ผู้ถือครองคนอื่นยังเกรงกลัว
จูฮอนยิ้มทันทีที่กล่าวคำอำลากับไอรีนและมุ่งหน้ากลับไปที่งานประมูล
‘ตอนนี้เราได้ของที่ต้องการครบแล้ว’
พวกโอซังอูยิ้มทันทีที่เดินมาหาจูฮอน
“เฮ้ย! จูฮอน! ดูนี่สิ! พวกเขาบอกว่ามันเป็นของที่ระลึก เราก็เลยเอามาเพียบเลย!”
พวกเขามีวิสกี้ขวดละล้านดอลลาร์หกขวดที่งานประมูลแจกมาเพื่อเป็นของที่ระลึกอยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านใน
“พวกเขาบอกว่าฟรี! แล้วบอกให้เราเอาไปเลย!”
“”
พวกเขายิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับคว้าตัวจูฮอนมาด้วย ถึงกระนั้น จูฮอนก็ไม่ได้สนใจอะไร
“หุบปาก ไปกันได้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่แล้ว”
ที่จริงแล้ว เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เขารู้สึกถึงออร่าที่ชั่วร้าย รู้สึกราวกับว่าเขาอาจจะถูกลากเข้าไปในสุสานได้ทุกเมื่อ
ถึงกระนั้น พวกโอซังอูที่ไม่รู้อะไรกลับตกใจขึ้นมา
“อะไรกัน? ทำไมล่ะ?! ทำไมเราต้องออกไปจากที่นี่กันด้วย ปาร์ตี้จะเริ่มแล้วนะ?”
“พวกเขาบอกว่าจะมีสาวงามมากมายอยู่ที่นั่นด้วย”
พวกเขาแอบบ่น แต่จูฮอนกลับเผยใบหน้าที่ชั่วร้าย
“เราไม่ได้มาที่นี่เพราะปาร์ตี้ ทำตามที่บอกก็พอ”
“บ้าเอ้ย! ก็พวกเราไม่อยาก…!”
“ไม่เอาน่าจูฮอน อย่าเป็นแบบนี้สิ อยู่ต่ออีกสักหน่อยเถอะ ขอร้องล่ะ!”
จูฮอนเริ่มขมวดคิ้ว
‘ไอ้พวกปัญญาอ่อนนี่มันเป็นตัวปัญหาจริง’
ทำไมกันล่ะ?
ปัญหาคือพวกโอซังอูพยายามที่จะอยู่ในระดับเดียวกับจูฮอน
จูฮอนเป็นเหมือนบอสของพวกโอซังอู มันเป็นเรื่องยากที่จะหาคนใหม่มาช่วย และพวกโอซังอูก็ยังมีประโยชน์ แต่ถ้ามันยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป…
‘มันคงน่ารำคาญกว่านี้ หากเราไม่แสดงให้พวกมันเห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้า’
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนหัวโบราณ เขาไม่ชอบเรื่องลำดับชนชั้นฐานะหรือเผด็จการ แต่เขาก็ลืมไม่ได้ว่ากำลังอยู่ในโลกที่ผู้คนสูญเสียได้ตลอดเวลา
‘ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนที่อยู่เหนือลูกน้องในโลกที่อันตรายเช่นนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายเช่นกัน’
เพราะฉะนั้น เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
‘ต้องฝึกวินัยกันหน่อยแล้ว’
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนหรือการทดสอบก็เถอะ
จูฮอนยิ้มขึ้นมาทันทีที่มองเวลา
‘เรายังคงมีเวลา’
เพราะว่าเขามีความคิดเช่นนี้งั้นเหรอ?
จูฮอนยื่นกุญแจเปิดตู้เก็บโบราณวัตถุให้พวกโอซังอู
“นี่พวกแก ถ้ายังอยู่ตรงนี้ก็ฝากเอาของไปเก็บที”
“แกบอกว่าของ นั่นหมายถึงเงินสองร้อยล้านวอนที่วางอยู่ตรงแผนกต้อนรับงั้นเหรอ?”
“ใช่”
จูฮอนจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าไปหนึ่งร้อยล้านวอน แล้วก็เก็บสองร้อยล้านวอนไว้เป็นเงินสำรองที่ไมดาส นั่นคือการฝึกวินัยและการทดสอบพวกโอซังอู
“แล้วรีบกลับมาล่ะ”
จูฮอนพูดระหว่างที่แอบหย่อนโบราณวัตถุเชือกตะวันจันทราลงไปในกระเป๋าสูทของโอซังอู
มือของจูฮอนเคลื่อนไหวราวกับปีศาจ ถึงกระนั้น พวกโอซังอูก็ไม่ได้สังเกตเห็น
“บ้าฉิบ ไอ้จูฮอน ไอ้เด็กเวร”
พวกโอซังอูเผยหน้าตาบูดเบี้ยว
พวกเขาเอาของไปเก็บตามที่จูฮอนสั่ง แต่ว่า…
“นี่เราเป็นลูกน้องมันงั้นเหรอ?!”
“ไอ้เด็กเวรนั่นมันไม่รู้เรื่องลำดับชั้นทางสังคมซะแล้ว!”
“พวกเรามันลำดับสูงสุดแล้ว!”
พวกโอซังอูกำลังพูดถึงจูฮอน แต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไร แต่คนที่เกลียดจูฮอนคือปาร์คคยองแท และพวกโอซังอูเพียงแค่ทำตามสิ่งที่ลูกพี่และพี่สาวบอกให้ทำเท่านั้น
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาเริ่มกัดฟันทันทีที่พูดถึงจูฮอน
มันเป็นเพราะโบราณวัตถุเชือกในกระเป๋า
ออร่าที่ออกมาจากโบราณวัตถุมักจะสัมผัสกับธรรมชาติของมนุษย์เพื่อการทำลายล้าง และผู้คนอย่างพวกโอซังอูที่มีระดับการยึดครองต่ำก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะถูกล่อลวง
“บ้าเอ้ย! น่ารำคาญจริง!”
“เราจะจัดการมันยังไงดี?”
“เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ขนาดเราสามคนยังล้มมันคนเดียวไม่ได้เลย!”
ในตอนนั้นเอง
[มันง่ายมาก แค่เอาเงินแล้วก็วิ่งไหนไปสิ]
[เจ้ามนุษย์ แสดงสัญชาตญาณที่แท้จริงออกมา! รีบหนีซะ! ข้าจะช่วยเจ้าเอง!]
โบราณวัตถุเชือกเลื้อยไปมาและเริ่มล่อลวงพวกโอซังอูทันทีที่จูฮอนหายตัวไป
มันบอกว่าจะช่วยพวกเขา สิ่งนี้ไม่ปกติ
ทันใดนั้นเอง…
ดวงตาของโอซังอูเปลี่ยนไปชั่วครู่ทันทีที่ได้รับผลกระทบจากออร่าของโบราณวัตถุ
“นี่”
“หือ?”
“มีเงินตั้งสองร้อยล้านในกระเป๋าถูกไหม?”
“ใช่ ทำไมงั้นเหรอ?”
“ถ้าเราแบ่งสองร้อยล้านวอนออกเป็นสามส่วน จะได้เท่าไหร่ล่ะ?”
“น่าจะไม่เกินเจ็ดสิบล้านวอนต่อคน”
“นั่นมันพอที่จะเอามาตั้งตัว?”
“อะ-อะไรนะ?”
พวกเขากลืนน้ำลาย สำหรับคนที่ได้เงินเดือนแปดแสนวอน สองร้อยล้านวอนถือว่ามหาศาลไม่น้อย
“อย่างน้อย เงินนี่ก็คงจะเอาไปเปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟได้”
มือของพวกเขาเริ่มสั่น
“เอ่อ…”
จากนั้นโอซังอูที่หงุดหงิดในตอนแรกเริ่มยิ้ม
“ระ-เราวิ่งหนีกันดีไหม?”
“ตะ-แต่ว่า…!”
“ลูกพี่! คิดว่าพวกเราจะหนีจากจูฮอนได้งั้นเหรอ?”
โบราณวัตถุเชือกเริ่มเลื้อยออกมาจากกระเป๋าของโอซังอู และเริ่มสัญญาณบางอย่าง
[ใช่แล้ว เจ้าสิ! ชายผู้นั้นก็มีแค่สองขาเหมือนกับเจ้า!]
พวกเขาเริ่มพูดราวกับได้รับอิทธิพลจากโบราณวัตถุ
“ไม่เป็นไรหรอก มันก็เป็นมนุษย์เหมือนอย่างเรา มันตามเรามาไม่ทันหรอก…”
ในตอนนั้นเอง…
“พวกแกมีสี่ขาหรือยังไงกัน?”
พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะอันเยือกเย็น
“?!”
เสียงดูเหมือนจะคาดการณ์ไว้แล้วกับสถานการณ์นี้
พวกเขาพร้อมทั้งเชือกทรุดลงไปกับพื้นด้วยความตกใจ
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือจูฮอนที่กำลังเผยยิ้มที่น่ากลัวราวกับว่าเขาคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสนุก
“พวกแกกำลังทำอะไรกันโดยที่ไม่มีฉันงั้นเหรอ?”