บทที่31: ประเมินเธอผิดไป
ขณะนี้ หันโม่หยังเดินมาจากไม่ไกล ข้างกายยังมีชายวัยกลางคนตามมาด้วย
“คุณชายฉู่ คุณมาแล้วจริงๆด้วย”
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม สายตาหล่นอยู่ที่บนตัวของฉินซูอีก ดวงตาเปล่งประกายไปครู่นึง จากนั้นได้ปิดซ่อนเอาไว้ “คุณนายหญิงฉู่ สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย ตอนที่แววตาหันไปที่ชายวัยกลางคนข้างกายเขา ได้อึ้งไปครู่นึง
สมองนึกย้อนฐานะของคนๆนี้ เธอเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตรออกมา:“ท่านนี้คือประธานหลินใช่มั้ยคะ? ได้ยินมาว่าสมัยก่อนคุณมีสัมพันธไมตรีที่ลึกซึ้งกับตระกูลฉู่ เป็นผู้ร่วมธุรกิจที่น่าเชื่อใจที่สุดของตระกูลฉู่ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบค่ะ”
พอพูดจบ เธอได้เป็นฝ่ายยื่นมือออกมา
ฉินซูเห็นท่าทางนี้ ผู้ชายทั้งสามสีหน้าท่าทางที่แตกต่างกันออกไป
ฉู่หลินเฉินหรี่ตาไว้อย่างไม่ทิ้งร่องรอย ในใจกลับสงสัย ฉินซูรู้จักหลินเฟิงได้ยังไง?
พูดให้ชัดเจนคือ เธอรู้ได้ยังไงว่าหลินเฟิงคือเป้าหมายของตัวเอง?
หลินเฟิงคือคนรุ่นใหม่ที่สมัยนั้นคุณผู้ชายฉู่เป็นคนสนับสนุมและส่งเสริมเอง หลังจากปีกกล้าขาแข็งแล้วได้หลุดพ้นจากตระกูลฉู่ ภายใต้การสนับสนุนของท่านปู่ได้ออกมาสร้างธุรกิจเอง
ตลอดทางมีการช่วยเหลือของบริษัทเครือฉู่ ถึงมีขนาดของบริษัทเครือหลินในปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายรักษาความสัมพันธ์ร่วมมือที่ลึกซึ้งมาโดยตลอด คิดไม่ถึงหลังจากท่านปู่เสีย บริษัทเครือหันจะวิ่งออกมาโค่นล้มกลางคัน…….
ฉู่หลินเฉินมาคราวนี้ ตั้งใจจะดึงหลินเฟิงมาเป็นพวกอีกครั้ง
แววตาลุ่มลึกของฉู่หลินเฉินมีความสงสัยเพิ่มขึ้น สีหน้าท่าทางกลับไม่เผยออกมา
เขายื่นมือออกมา และเรียกด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ: “คุณอาหลินครับ”
หลินเฟิงมองดูทั้งสอง เขารู้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ละอายใจต่อตระกูลฉู่ ในใจอยากหลบหนีตลอด ถึงได้ให้คนนอกเข้าใจว่า เขากับบริษัทเครือหันมีความใกล้ชิดกันมาก
แต่แท้จริงแล้ว ในใจเขาจดจำบุญคุณของบริษัทเครือฉู่ไว้เสมอ
ฉู่หลินเฉินเป็นผู้รับช่วงต่อของบริษัทเครือฉู่ ส่วนฉินซูก็คือคุณนายหญิงฉู่ผู้มาใหม่ สองสามีภรรยาเป็นตัวแทนของบริษัทเครือฉู่ นี่ทำให้เขาเชื่อมั่ยว่า บริษัทเครือฉู่นี่คือกำลังส่งสัญลักษณ์ของสันติภาพให้เขา
ยังมีเหตุผลอะไรต้องลังเล?
ท่ามกลางสายตาที่อำมหิตของหันโม่หยัง หลินเฟิงกุมมือกับฉินซูและฉู่หลินเฉินด้วยความตื่นเต้น “คุณนายหญิงฉู่ ผมจำบุญคุณของบริษัทเครือฉู่ไว้ในใจตลอดครับ!”
ฉู่หลินเฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เรื่องราวเหมือนราบรื่นกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้นิดหน่อย
สายตาของเขาหล่นอยู่ที่ใบหน้าของฉินซูเห็นเธอแค่ยิ้มเล็กน้อย และมีหน้าตาที่สงบนิ่ง แววตาของเขาในตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน
อาศัยช่วงเวลาว่างที่เอาเหล้า ฉู่หลินเฉินถามเสียงต่ำ: “คุณรู้จักหลินเฟิงได้ยังไง?แถมยังรู้ความเป็นมาของเขากับบริษัทเครือฉู่ด้วย?”
ตามฐานะและภูมิหลังของฉินซู ไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้ดีขนาดนี้
นอกจาก เบื้องหลังเธอจะมีคน
ฉินซูหยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาแก้วนึง จากนั้นได้พูดเสียงเบา: “คุณได้ส่งใบรายชื่อมาให้ฉันไม่ใช่เหรอคะ ฉันก็เลยถือโอกาสเช็คในเน็ตดูประสบการณ์การสร้างธุรกิจของคนพวกนี้ค่ะ”
ฉู่หลินเฉินเหลือบมองเธอทีนึง ริมฝีปากแดงของเธอพูดออกมาเบาๆคำนึง: “เดาเอาค่ะ”
เขาตะลึงงัน จู่ๆนึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่เธอบอกว่าได้จดจำชื่อของแขกผู้มาร่วมงาน
แววตาที่ฉู่หลินเฉินมองเธอลึกซึ้งขึ้นมาก
“ทำได้ไม่เลว” เขาชมคำนึงอย่างไม่หวงกั๊กเลยสักนิด
ฉินซูยกมุมปาก เซอร์ไพรส์กับการได้รับความเมตตาอย่างคาดคิดไม่ถึงนิดหน่อย
“คุณชายฉู่ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อยครับ” หลินเฟิงเดินมาพูด
ฉินซูเห็นสถานการณ์แล้ว เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาว่า: “พวกคุณคุยกันนะคะ ฉันไปเดินเล่นรอบๆค่ะ”
ฉู่หลินเฉินพยักหน้า “ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปหาคุณ”
เธอดึงมือที่ควงอยู่ที่ข้อพับแขนของผู้ชายกลับ แล้วเดินไปข้างๆ เตรียมหามุมที่สงบรอฉู่หลินเฉิน
จนปัญญากับฐานะ“คุณนายหญิงฉู่”ของเธอที่ดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป มีคนเข้ามาพูดคุยกับเธอเรื่อยๆ
ฉินซูรับมือระลอกแล้วระลอกเล่า ยิ้มจนกล้ามเนื้อบนใบหน้าใกล้แข็งทื่อไปหมดแล้ว
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เธอได้เดินไปเข้าห้องน้ำ
มองตัวเองในกระจก ยกมุมปากขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ คุณหญิงคุณนายของตระกูลไฮโซนี่เป็นยากจริงๆ
“คุณนายหญิงฉู่ เมื่อครู่คุณเดินเร็วเกินไป พวกเรายังไม่ทันได้พูดคุยกับคุณเลย”
ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดสีแดงถือแก้วไวน์เดินเข้าไปในห้องน้ำ ด้านหลังยังมีผู้หญิงเดินตามสองคน
ฉินซูหันหลัง ใบหน้าฟื้นคืนรอยยิ้มที่เหมาะสม “ไม่ทราบมีธุระอะไรคะ?”
ทั้งสามมองหน้ากันและหัวเราะ สาวกระโปรงแดงเปิดปากพูดก่อน: “ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงของคุณนายหญิงฉู่ติดหนี้ ตอนนี้ใกล้จะล้มละลายแล้ว”
สาวกระโปรงสีเหลืองพูดต่อ น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอีกอย่างนึง: “ก็ใช่สิคะ ตามหลักแล้วคุณนายหญิงฉู่แต่งเข้ามาในตระกูลไฮโซ ไม่ขัดสนเรื่องเงินสักหน่อย ที่บ้านเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? นี่ต้องเป็นข่าวลือแน่ๆเลย”
“คุณนายหญิงฉู่ คุณลองเล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิคะ พวกเราแปลกใจจริงๆ คุณชายฉู่เอาคนอย่างคุณเป็นภรรยาได้ยังไง?”สาวกระโปรงสีขาวมองฉินซูด้วยหน้าตาเสแสร้งดัดจริต
เห็นทั้งสามคนไม่ใช่พวกประเภทที่มีเจตนาดี รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซูจางหายไปเยอะ
“ทำไมฉันต้องบอกพวกคุณด้วย?”
พอพูดจบ เธอเดินผ่านทั้งสามคน แล้วเดินออกไปข้างนอก
รองเท้าส้นสูงข้างนึงยื่นมา เหยียบชายกระโปรงของเธอไว้จากด้านหลัง
ฉินซูหยุดฝีเท้าไว้ แล้วหันไปมอง
สาวกระโปรงแดงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณนายหญิงฉู่นี่ดูถูกพวกเรา ไม่ยอมคุยกับพวกเราเหรอคะ?”
“ก็นั่นน่ะสิ ยังพูดไม่จบเลย รีบไปทำไม?” สาวกระโปรงเหลืองพูดต่อ
ส่วนสาวกระโปรงขาวได้พูดจาถากถาง: “คงจะนึกว่าได้เป็นคุณนายหญิงฉู่ก็สูงส่งกว่าคนอื่น ลืมกำพืดตัวเองไปแล้วว่ามาจากบ้านนอก”
พอพูดจบ ทั้งสามคนก็หัวเราะเยาะขึ้นมาอย่างไม่ปกปิดเลยสักนิด
แววตาของฉินซูลุ่มลึก มองพวกเธอด้วยสายตาเย็นชา และย้อนถาม: “ในเมื่อพวกคุณรู้ว่าฉันคือคุณนายหญิงฉู่ ยังพูดแบบนี้ต่อหน้าอีก ไม่กลัวคุณชายฉู่หาเรื่องพวกคุณหรือไงคะ?”
ทั้งสามอึ้งไปครู่นึง สาวกระโปรงแดงหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ดูคุณพูดเข้าซิ พวกเราแค่ไม่ทันระวังเหยียบโดนชายกระโปรงของคุณ จากนั้น——”
ยังพูดไม่จบ ไวน์ที่อยู่ในมือเธอก็สาดไปที่บนตัวของฉินซู ชุดราตรีสีฟ้าอ่อนเปื้อนคราบสีแดงทันที
“อุ๊ย ตายแล้ว ฉันมือลั่นอ่ะค่ะ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ คุณนายหญิงฉู่คงไม่จงใจวิ่งไปฟ้องคุณชายฉู่มั้งคะ”
อีกอย่าง ฉินซูไม่รู้จักพวกเธอเลยด้วยซ้ำ ก็ไม่กลัวเธอเอาไปพูดข้างนอกหรอก พวกเธอคนเยอะ ขอแค่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดก็โอเคแล้ว
มองสาวกระโปรงแดงที่หัวเราะอย่างได้ใจ ฉินซูขมวดคิ้วด้วยความเกลียดชัง “แค่แก้วก็ถือไม่นิ่ง คุณนี่เส้นประสาทได้รับความเสียหายจนหมดแรง?”
รอยยิ้มของผู้หญิงแข็งทื่อ
สายตาของฉินซูกวาดผ่านใบหน้าของสามสาวอย่างช้าๆ “ลูกสาวตระกูลซุย สะใภ้ตระกูลเหอ ลูกสาวคนที่สามของตระกูลเหวิน พวกคุณสามคนต่างก็เกิดมาสูงส่งกว่าฉัน ถ้ามีความคิดเห็นอะไรกับฉันจริงๆ ไม่ต้องถึงขั้นใช้วิธีต่ำช้าขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
สาวกระโปรงแดงร้องตกใจด้วยความประหลาดใจ: “นี่คุณ คุณรู้จักพวกเรา? ! ”
มองดูใบหน้าของทั้งสามที่กระวนกระวาย
ฉินซูพูดอย่างเรียบเฉย: “พอดีเคยเห็นพวกคุณในรายชื่อผู้มาร่วมงาน ได้ยินมาว่าบริษัทของครอบครัวพวกคุณอยากร่วมงานกับบริษัทเครือฉู่มาโดยตลอด ในเมื่อพวกคุณเป็นมิตรไมตรีขนาดนี้ งั้นฉันจะต้องพูดเยินยอต่อหน้าคุณชายฉู่แน่นอนค่ะ!”
พอพูดจบ สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไปในทันที
พวกเธอช่วยฉู่หยุนซีสั่งสอนฉินซู ก็เพราะมั่นใจแล้วว่าฉินซูไม่รู้จักพวกเธอ ไม่กล้าทำเรื่องให้ใหญ่โต แต่คิดไม่ถึง ประเมินปฏิกิริยาตอบโต้ของฉินซูผิดไปอย่างสิ้นเชิง
ทั้งสามมองหน้ากันไปมา ไม่มีมาดใหญ่โอหังและกำเริบเสิบสานของก่อนหน้านี้อีก
“คุณนายหญิงฉู่ คุณอย่าถือสาพวกเราเลยค่ะ เรา พวกเรายังมีธุระต่อ ขอตัวก่อนนะคะ!”
ฉินซูไม่ได้ขัดขวางพวกเธอจากไป เทียบกับสืบหาราวเรื่องผู้หญิงสามคนนั้น เธอยิ่งปวดหัวว่าจะจัดการคราบไวน์บนชุดยังไงมากกว่า
ใช้กระดาษชำระเช็ด ก็เช็ดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
เธอเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์เสีย กลับพบกับคนๆนึงเข้า
“คุณนายหญิงฉู่?”
หันโม่หยังมองเธอด้วยความแปลกใจ สายตาเคลื่อนลงมาด้านล่าง
MANGA DISCUSSION