ฉันอยู่ใกล้เขามากจนรู้สึกว่าตัวเองหายใจลำบาก หัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ดูเหมือนว่าตราบใดที่ฉันอ้าปากหัวใจก็จะกระเด็นออกมาทันที
ฉันมองไปที่เฉิงอี้เฉินภายใต้แสงไฟสลัว เขายังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม ท่าทางของเขาดูธรรมชาติและมีกลิ่นไอของความร่ำรวยออกมาจากตัวเขา แต่ใบหน้านั้นกลับมืดมนเหลือเกิน
"คุณเปลี่ยนไปมาก" เขาพูดกะทันหันและลมหายใจอุ่นๆของเขาพ่นลงบนใบหน้าของฉัน
ฉันรู้สึกประหม่าจนไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ดูเหมือนร่างกายของฉันจะตอบสนองอย่างไว
"คนเราเปลี่ยนไปได้เสมอ" ฉันพูดเสียงเข้ม
เมื่อพูดประโยคนี้จบ คำพูดที่ตามมาก็นุ่มนวลขึ้นมาก “ ประธานเฉิง ดึกป่านี้แล้วคุณมาทำธุระอะไรที่นี้หรือเปล่า?”
เฉิงอี้เฉินมองมาที่ฉันและพูดออกตรงๆ: "ผมมาหาคุณ"
หัวใจของฉันรู้สึกบีบแน่นขึ้นอีกครั้ง ฉันลดสายตาลงเพื่อปกปิดอารมณ์ที่แปรปรวนในดวงตาของฉัน จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ ฉันยื่นมือออกไปและผลักแขนของเฉิงอี้เฉินออก แต่เขาแข็งแรงมากจนฉันไม่สามารถขยับแขนเขาได้ ฉันอดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากลง ยิ่งรู้สึกไม่อยากรักษาท่าทางที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ไว้ ฉันจึงก้มตัวลงและเดินออกจากใต้แขนของเขา
เห็นได้ชัดว่าเฉิงอี้เฉินไม่คิดว่าฉันจะทำแบบนี้ เขาดูแข็งทื่อไปเลย แต่ก่อนที่เขาจะโจมตีฉันก็ยิ้มและพูดว่า "มาหาฉันทำไม? คุณต้องการคุยเรื่องธุรกิจหรือเปล่า ได้ยินประธานเฉิงบอกว่ามาที่นี้เพราะมาคุยธุรกิจ หรือต้องการร่วมมือกับบริษัทของเราละ?"
ฉันได้พบกับผู้คนมากมายหลายประเภทในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จึงทำให้ฉันสามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกค้าคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นฉันจินตนการถึงฉากการพบกันกับเฉิงอี้เฉินมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เขามองมาที่ฉันเงียบๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและจุดบุหรี่อย่างชำนาญ
เมื่อเห็นเขาสูบบุหรี่ คิ้วฉันก็ขมวดแน่นและเกือบจะตะโกนห้ามไม่ให้เขาสูบ
ก่อนหน้านี้เฉิงอี้เฉินรู้ว่าต้องเลิกสูบบุหรี่เพราะฉันท้อง แต่ภายหลังที่ฉันจากไปภายใต้การจัดเตรียมของซ่งเสวี่ยเหมย เมื่อเราพบกันอีกครั้งเขาก็เริ่มกลับไปสูบ
ครั้งหนึ่งฉันเคยโน้มน้าวให้เขาเลิกสูบบุหรี่ เฉิงอี้เฉินก็ตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เราอยู่ด้วยกันเขาแทบไม่สูบบุหรี่เลย เพียงแต่ตอนนี้…
ก้นบุหรี่สีแดงที่ค่อยๆริบหรี่และควันสีขาวคละคลุ้ง ฉันมองไปที่เขาแต่ไม่พูดอะไร
ตอนนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วและฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขาแล้วเช่นกัน
“ บริษัทที่คุณรับผิดชอบอยู่กำลังดำเนินไปได้ดี” เขาพูดอย่างกะทันหัน
ฉันเม้มริมฝีปากดูเหมือนว่าเขาจะสืบเรื่องฉันมาแล้ว
ฉันไม่สามารถปกปิดที่กำลังทำงานในบริษัทของเฉินตงหลีได้และฉันก็ไม่ได้คิดที่จะปกปิดมันด้วย ฉันยิ้มและพูดว่า "ก็ดีแหละ แต่ก็ยังตามหลังกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงอีกมาก ดูเหมือนว่าประธานเฉิงสนใจอยากร่วมมือกับบริษัทเราแล้วจริงๆ แม้แต่ธุรกิจของบริษัทเราก็ยังถูกคุณตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว "
"ยังอยู่ภายในช่วงผู้สมัครเท่านั้น"
"ถ้าอย่างนั้นฉันต้องทำงานหนักขึ้นแล้วแหละ" ฉันรับคำพูดของเขาด้วยรอยยิ้ม ในตอนนี้ใบหน้าของเฉิงอี้เฉินยังคงมืดมน แต่ฉันกลับยิ้มดั่งดอกไม้ที่ผลิบาน
ทันใดนั้นก็มีแสงส่องเข้ามา ฉันหรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัวและยกมือขึ้นบังอัตโนมัติ เมื่อฉันมองย้อนกลับไป ก็พบว่ารถของเฉินตงหลี่จอดอยู่ไม่ไกล
เฉินตงหลี่ลงจากรถและปิดประตูอย่างแรง พร้อมกับเดินตรงมาด้านหน้าฉัน สายตาของเขากวาดไปที่ฉันและเฉิงอี้เฉิน ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยืนข้างๆฉันและจับมือฉันไว้
"ทำไมคุณมาบริษัทโดยไม่บอกผมสักคำ ผมพึ่งรู้หลังจากถามพี่เลี้ยง โทรหาคุณคุณก็ไม่รับ โทรหาเลขาคุณเขาก็บอกว่าคุณทำโอที … " เฉินตงหลีมองมาที่ฉันด้วยความกังวลพร้อมกับน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย
เขาทำอย่างกับเฉิงอี้เฉินไม่มีตัวตนและมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อีกอย่างอยู่ๆเขาก็จับมือฉัน ทำให้รู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังแผดเผาของเฉิงอี้เฉินอยู่ทั่วร่างกายของฉัน
"ยังเหลืองานบางส่วนที่ทิ้งไว้ในบริษัท ไม่ทันไรก็มัวยุ่งกับงานจนดึกเลย" ฉันพูดเป็นนัยพร้อมกับยิ้มให้เฉินตงหลี่ และปล่อยให้เขาจับมือฉันไว้อย่างนั้น
วันนี้ฉันเพิ่งพูดว่าจะให้โอกาสตัวเองกับเฉินตงหลี่อีกครั้งต่อหน้าเฉิงอี้เฉิน แล้วทำไมอยู่ดีๆวันนี้ถึงทำให้เฉินตงหลี่เสียหน้าซะแล้ว?
แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเฉิงอี้เฉินรู้หรือเปล่าที่ฉันลาคลอดเป็นเวลาหนึ่งเดือน ดังนั้นตอนฉันพูดฉันจึงพูดไม่ชัดเจนนัก ฉันยังคงคาดหวังอยู่ในใจว่าเฉิงอี้เฉินคงไม่ตามสืบทุกอย่างจนได้คำตอบที่ชัดเจน แต่ในใจฉันก็รู้ดีว่าถ้าเขาตามสืบว่าฉันทำงานที่ไหนและรู้ผลการดำเนินงานของบริษัท เขาก็อาจจะรู้ว่าฉันออกไปคุยงานพร้อมกับท้องที่กำลังโต
ตอนฉันเลิกกับเฉิงอี้เฉินฉันตั้งครรภ์ได้มากกว่าหนึ่งเดือน และเขาคิดว่าฉันจากไปหลังจากทำแท้ง แต่เพียงระยะเวลาไม่กี่เดือนสั้นๆ ฉันไม่สามารถคลอดลูกของคนอื่นได้อย่างแน่นอน
จู่ๆฉันก็ปวดหัวและรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมา
"ตงลี่ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้ว นั่งรถไปกับคุณดีไหม? พรุ่งนี้คุณมาส่งฉันด้วย" ฉันจับแขนของเฉินตงหลี่และมองเขาด้วยรอยยิ้ม
ฉันเข้าใจความหยิ่งผยองในตัวของเฉิงอี้เฉินดี ฉันสนิทกับเฉินตงหลี่ต่อหน้าเขาขนาดนี้ ถ้าเขายังคิดอะไรกับฉัน เขาจะต้องโกรธแน่นอน
ถ้าเขาโกรธขึ้นมา เขาก็จะไม่มาพัวพันกับฉันอีก
"โอเค" เฉิงตงหลี่ตอบ "คุณทำงานหนักเกินไป ต่อไปอย่าทำจนเหนื่อยขนาดนี้ ตอนนี้ร่างกายของคุณยัง… "
"ไปกันเถอะ!" ฉันรีบขัดจังหวะเฉินตงหลี่ เพราะกลัวว่าเขาจะพูดเรื่องที่ฉันพึ่งคลอดได้หนึ่งเดือนโดยไม่ได้ตั้งใจ
เฉินตงหลี่ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ยังคงปล่อยให้ฉันจับแขนของเขาอยู่แบบนั้น แต่ในที่สุดสายตาของฉันก็ตกลงไปที่เฉิงอี้เฉิน “วันนี้เริ่มดึกแล้ว ผมยังมีธุระกับอีอี ประธานเฉิงก็น่าจะยุ่งมาก ถ้าอย่างนั้นเราขอตัวกลับก่อน”
“ประธานเฉิง เรื่องที่จะร่วมมือกับบริษัทเราไว้นัดเจอกันที่บริษัทแล้วกัน คุยสัญญากันตรงที่จอดรถชั้นใต้ดินคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เขายิ้มพร้อมพูดอย่างแน่วแน่
ฝ่ามือของฉันที่จับแขนของเฉินตงหลี่เต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาที่ลึกของเฉิงอี้เฉินดูสงบ เขาพ้นควันบุหรี่ออกมาครั้งสุดท้ายพร้อมเม้มริมฝีปากเบา ๆ แล้วโยนก้นบุหรี่ลงบนพื้น ในเวลาเดียวกันจู่ๆเขาก็ก้าวมาข้างหน้าและคว้าแขนฉันไว้
“ อ๊ะ … ” ฉันอุทานอย่างกะทันหัน
สีหน้าเฉินตงหลีดูเย็นชาลงทันที เขาจับแขนอีกข้างของฉันและขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มอึดอีด ฉันถูกเฉินตงหลี่กับเฉิงอี้เฉินจับแขนไว้และเขาสองคนก็ยืนอยู่คนละข้างฉัน เราทั้งสามคนอยู่ในสภาพที่ดูแปลกประหลาด
"ประธานเฉิง คุณหมายความว่าไง" เฉินตงลี่พูดอย่างเย็นชา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉิงอี้เฉินไม่เปลี่ยน เขาไม่สนใจเฉินตงหลีและมองมาที่ฉัน ทันใดนั้นดวงตาฉันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและไม่กล้าสบตาเขา หัวใจของฉันก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
เขารู้แล้วใช่ไหม? เขาจะพูดเรื่องลูกกับฉันใช่ไหม?
ระฆังปลุกใจของฉันก็ดังขึ้น และคำพูดมากมายในหัวของฉันก็พลุ่งพล่าน ก่อนที่เด็กสองคนนี้จะเกิดฉันเคยคิดว่าฉันจะทำอย่างไรหากเฉิงอี้เฉินรู้ถึงการเป็นอยู่ของพวกเขาแล้วถ้าถึงตอนนั้นเขาแย่งสิทธิในการเลี้ยงดูลูกๆขึ้นมาฉันจะสู้กับเขายังไง ในเวลานี้ฉันรู้สึกกังวลมากๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็คือเฉิงอี้เฉินจ้องมาที่ฉัน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ขยายออกและทันใดนั้นเขาก็ปล่อยแขนของฉัน
ฉันเพิ่งรู้ถึงแรงแขนที่หายไปของฉัน ทันใดนั้นเสียงที่ดึงดูดของเฉินอี้เฉิงก็ดังมาถึงข้างหูของฉัน
MANGA DISCUSSION