รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 112 ไม่รับสาย
ฉันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของฉันหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าทัศนคติของเเม่ที่มีต่อเฉินตงหลีเปลี่ยนไปเป็นมีความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
เฉินตงหลียิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยเอาของทั้งหมดจากเเม่ของฉันไปไว้ในห้องครัว จากนั้นเเม่ก็ให้ฉันกับเฉินตงหลีนั่งดื่มชาด้วยกัน ส่วนตัวเองจะไปทำอาหารในห้องครัว
ฉันเห็นเเม่เป็นเเบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว อาจจะเป็นเพราะฉันเป็นไข้นานเกินไปจนทำให้สมองของฉันยังตามค่อยทัน เเต่ฉันก็ยังไม่เข้าอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉินตงหลีล้างมือเสร็จก็กลับมาที่โซฟา เริ่มพูดกับฉันเกี่ยวกับความคืบหน้าของวันนี้ ความคิดของฉันถูกตัดไปทันทีเเล้วฉันก็เริ่มคุยกับเขาเรื่องงาน
เเม่ของฉันทำอาหารเย็นมากมายหลายอย่าง โต๊ะอาหารไม่ถือว่าใหญ่ นั่งกันห้าคนดูเเล้วอบอุ่นคึกคักดี นี่เป็นครั้งเเรกที่เฉินตงหลีอยู่ที่บ้านฉันนานที่สุดตตั้งเเต่รู้จักกันมา ตอนจะกลับเเม่ของฉันไปส่งเขาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังบอกเฉินตงหลีว่าตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศคนเดียว ต่อไปมากินข้าวด้วยกันบ่อยๆ ดีกว่าต้องกินคนเดียวเพราะมันเหงา
ฉันนิ่งไปสักพักเเละในที่สุดก็รู้ว่าเเม่หมายความว่าอย่างไร
ทันทีที่ประตูปิดฉันก็ดึงเเม่เข้าบ้าน “เเม่ ทำไมเเม่ถึงปฏิบัติกับเฉินตงหลี….”
“เเม่ดูออกว่าเจ้านายเฉินเขาดีกับลูก อีกอย่างเเม่ก็คุยกับพี่จังเเล้วก็พีหลิวเเล้ว พวกเขาเป็นคนที่เฉินตงหลีหามาให้ ก่อนหน้านี้เจ้านายเฉินเขาก็ดูเเลลูกอย่างดีใช่ไหม?”
ฉันมองไปที่เเม่ คิดไม่ถึงจริงๆว่าเเม่ของฉันจะรู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมดเเล้ว
“ก่อนหน้านี้เเม่คิดมาตลอดว่าลูกกับเฉิงอี้เฉินเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นเห็นเฉินตงหลีมาจึงรู้สึกกังวลมาก กลัวว่าลูกจะทำอะไรผิดต่อเฉิงอี้เฉิน เเต่ว่าลูกบอกว่าหย่ากับเฉิงอี้เฉินเเล้วเเละลูกกับเฉินตงหลีก็โสดทั้งสองคน ลองคบหากันดูได้….”
“เเม่ หยุดเลยนะหยุดเลย! ” ฉันรีบพูดออกไป เเก้มเเดงร้อนจนเเทบจะไหม้
เเม่นะเเม่ เเม่จะจับคู่ฉันกับเฉินตงหลีงั้นเหรอ? ฉันรู้สึกมึนหัวเหมือนกับว่าจะเป็นไข้อีกรอบ
“เเม่ หนูกับเฉินตงหลีเป็นเเค่เพื่อนร่วมงานกันเเล้วก็เป็นเเค่เพื่อนกัน เเต่ว่าไม่ใช่เเฟนกัน ” ฉันพูดกับเเม่อย่างจริงจัง
เเม่ของฉันขมวดคิ้ว “งั้นลูกไม่ชอบเขาเหรอ?”
เเม่ไม่ได้เเนะนำหรือบังคับฉัน เเต่เเค่คำพูดคำนี้คำเดียวมันทำให้ฉันรู้สึกเเย่มาก
จะไม่ชอบได้ไง? เเต่ความชอบกับความรักมันคนละเรื่องกัน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายถึงความเเตกต่างให้เเม่อย่างไรดี ถ้าเกิดว่าต้องหาเหตุผลฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฉันเรื่องมากเเละงี่เง่าเกินไป
“เเม่ หนูคงไม่เเต่งงานกับเฉินตงหลี” ฉันถอนหายใจเเล้วนั่งลงบนเตียง
เเม่มองมาที่ฉันกระสับกระส่ายราวกับว่าความกระตือรือร้นนั้นได้ถูกพรากไป เเล้วก็พยักหน้า “เเม่รู้เเล้ว งั้นลูกนอนพักเช้าๆ เพิ่งจะหายจากไข้อย่าทำให้ตัวเองหนื่อย”
เเม่พูดเสร็จเเล้วก็เดินออกจากห้อง ฉันนอนลงบนเตียงเเละไม่อยากขยับตัว
โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นเเละหัวใจของฉันก็เต้นอย่างเเรงเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยนี้ เเทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเองเเลวรีบลุกตัวขึ้นมานั่ง
มือที่ถือโทรศัพท์ไว้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เสียงเรียกเข้านี้เป็นเสียงเรียกเข้าที่ฉันตั้งไว้ให้เฉิงอี้เฉิน!
มองไปที่หน้าจอเห็นชื่อที่โผ่ลขึ้นมา ฉันเเทบจะลืมหายใจ
เฉิงอี้เฉิน มันเป็นเฉิงอี้เฉินจริงๆ ต่อกันหลายวันที่มีความไม่สบายใจเเละความไม่เป็นธรรมเข้ามา ภาพฉากที่เฉิงอี้เฉินกับกับสวีเฟยเฟยเป็นคู่รักกันอยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมา หัวใจของฉันวุ่นวายไปหมด ฉันควรจะรับโทรศัพท์ดีไหม?
ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ ฉันก็ได้ยินเสียงของเฉิงอี้เฉินอย่างคลุมเครือออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่าฉันไปกดโดนปุ่มรับสายอย่างไม่รู้ตัว
“อีอี….อีอี….” เสียงทุ้มเเละต่ำผ่านเสียงหอบหายใจออกมา ฉันนิ่งไปสักพัก เสียงนี้ฟังดูไม่ปกติเฉิงอี้เฉินเมาเหล้าหรอ?
ฉันเเนบโทรศัพท์ไว้ที่ข้างหู ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มพูดยังไงเเละอีกฝั่งของสายเฉิงอี้เฉินก็เอาเเต่เรียกชื่อของฉันอยู่ซ้ำๆ
เสียงทุ้มต่ำนี้เหมือนกับเป็นเสียงกระซิบพึมพาอย่างไม่มีสติ เสียงนี้ดังก้องอยู่ในหูของฉันเเละตัวหนังสือเเต่ละตัวที่สลักไว้ในใจของฉัน
หัวใจของฉันที่ว่างเปล่ามาหลายวันดุเหมือนจะถูกบางอย่างเข้ามาเติมเต็ม ฉันจับโทรศัพท์ไว้เเน่นๆ เเล้วเรียกชื่อคนที่ทำให้ฉันคะนึงเฝ้าหา “เฉิงอี้…..”
ฉันคิดว่าฉันฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักของเฉิงอี้เฉินออก ฉันคิดว่าขนาดเฉิงอี้เฉินที่เมาขนาดนี้เขายังโทรมาหาฉันเเละยังเรียกชื่อของฉันไม่หยุด ในใจของเขาไม่มีทางที่จะไม่มีฉัน
ดังนั้นฉันคิดว่าที่เฉิงอี้เฉินกับสวีเฟยจะหมั้นกันเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า?
เเต่เมื่อเสียงของฉันลดลงเสียงของอีกฝั่งก็หยุดทันที
เฉิงอี้เฉินดูเหมือนจะไม่ได้คาดหวังว่าฉันจะตอบกลับ สักพักเสียงในโทรศัพท์ก็เหลือเพียงเสียงหายใจเข้าออกดังๆ เสียงพึมพำเหล่านั้นที่หายไปมันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่่จะพูดขึ้นว่า “อี้เฉิน?”
ฉันพูดออกไปอีกครั้ง เเต่ทันใดนั้นการสนทนาก็ถูกตัด
ฉันนิ่งไปสักพัก ในใจวุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมด
ทำไมอี้เฉินถึงวางสาย? ทำไม?
ฉันโทรกลับไปอย่างไม่รู้ตัว เเต่ก็มีเสียงของผู้หญิงใสๆดังมาจกาโทรศัพท์มือถือ “ขอโทษค่ะ บริการฝากหมายเลขโทรกลับ….”
ฉันจับโทรศัพท์เอาไว้เเน่นๆเเล้วขมวดคิ้ว หัวใจเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่มาวางไว้ มันหนักเเละหดหู่จนเเทบหายใจไม่ออก
เกิดอะไรขึ้นกันเเน่? เฉิงอี้เฉินอยู่ไหน? ทำไมเขาถึงดื่มเหล้า? เขาจะโทรมาหาฉันทำไม?เเล้วทำไมได้ยินเสียงของฉันเเล้วถึงตัดสายเลย?
มีคำถามมากมายนับไม่ถ้วนวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ทำไมให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดเเละร้อนรน ฉันไม่สนเวลาจึงรีบโทรหาป้าหวัง ป้าหวังเป็นคนที่ไปต่างเทศกับเฉิงอี้เฉินด้วย เขาน่าจะรู้ว่าที่อยู่ของเฉิงอี้เฉิน
“ตึ๊ด…..ตึ๊ด….ขอโทษค่ะเลขหมายที่คุณเรียก…….”
หลังจากเสียงดังสองครั้งโทรศัพท์ก็วางสายไป ฉันมองไปที่โทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่ตะลึงเเละไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้อีกต่อไป
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเเม้เเต่ป้าหวังก็ไม่รับสายฉัน? เกิดอะไรขึ้นเเน่ในช่วงเวลาหลังจากที่ฉันจากมา?
ฉันเหมือนกับเเมลงวันไม่มีหัวที่บินกระเเทกรอบๆมั่วๆไปมา ความหงุดหงิดเเละความสงสัยในใจเเทบจะทำให้ฉันเเตกสลาย ฉันโทรหาป้าหวังอีกครั้งเเต่ครั้งนี้โทรศัพท์ของป้าหวังก็เหมือนกับของเฉิงอี้เฉิน มันปิดเครื่องไปเเล้ว
ผลลัพธ์อันนี้มันทำให้ฉันงง ฉันไม่สามารถหักห้ามใจได้ ในที่สุดจึงโทรหาหลินปิงชิง เเต่ยังดีที่ว่าหลินปิงชิงรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล….” เสียงของหลินปิงชิงเเหบๆเห็นได้ชัดว่ายังไม่ตื่น
ฉันไม่ได้สนจึงพูดกับหลิงปิงชิงอย่างกระตือรืนร้นว่า “ปิงชิง ช่วงนี้เธอได้เจอกับเฉิงอี้เฉินเเล้วก็ป้าหวังบ้างไหม? เธอรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเฉิงอี้เฉิน? ป้าหวังกับเฉิงอี้เฉินไม่รับสายของฉันทั้งสองเลย….”
น้ำเสียงของฉันดูร้อนรนเเละกระตือรือร้นเเละเป็นกังวลจนอยากจะร้องไห้