ขณะที่เย่เสวี่ยจู๋คิดอยู่แบบนี้ เดินก้าวยาวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุด บังเอิญชินเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินมาทางนี้
แผนผังในมือหล่นร่วงลงพื้นทั้งที เย่เสวี่ยจู๋ตกใจ กลัวว่าจะทำแผนผังที่หัวหน้าให้มาสกปรก รีบคุกเข่าลงไปเก็บแผนผัง และเป็นเพราะคุกเข่าลงเร็วและแรงเกินไป
เหยียบเท้าตัวเองด้วยส้นสูงอย่างไม่ได้ระวัง รู้สึกเจ็บปวดทันที เย่เสวี่ยจู๋เจ็บจนดวงตาแดงก่ำ!
เธออดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เท้า หยิบแผนผังที่ตกลงสู่พื้นทีละใบ
ในขณะที่ยืนขึ้นมาอย่างยากลำบาก เย่เสวี่ยจู๋ก็พบว่าพบว่าเท้าของเธอได้รับบาดเจ็บ เธอหอบแผนผังไว้ เดินกะเผลกไปที่ป้ายรถเมล์
เธอต้องส่งแผนผังเหล่านี้ไปยังไซต์งานก่อสร้างให้ตรงเวลา หากไปสาย หัวหน้าจะต้องแสดงสีหน้าไม่ดีใส่เธอแน่ ถึงตอนนั้นเธอก็จะเป็นคนที่ “ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องเลย!” จริงๆ
เย่เสวี่ยจู๋ทนต่อความเจ็บปวดที่เท้า ยืนอยู่หน้าป้ายรถเพื่อรอให้รถบัสมาถึง แต่หลังจากรอไม่กี่นาที สิ่งที่เธอรอไม่ใช่รถบัสไปยังสถานที่ก่อสร้าง แต่เป็นรถเบนซ์สีดำคันหนึ่ง!
เย่เสวี่ยจู๋จำคนขับรถของเฉินซิงเหย้าได้ รถเบนซ์สีดำคันนี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างไรก็ตามรถยนต์ส่วนตัวของเฉินซิงเหย้ามีหลายสิบคัน ขับรถส่วนตัวที่เธอไม่เคยเห็นออกมา ก็ไม่ทำให้ประหลาดใจแต่อย่างใด
คนขับจอดรถที่ข้างกายเย่เสวี่ยจู๋ ค่อยๆ เปิดบานหน้าต่าง พูด: “คุณเย่ ผมกำลังจะไปทำธุระให้ประธานเฉินพอดี เป็นทางผ่านไปส่งคุณได้?”
เย่เสวี่ยจู๋จะไม่เกรงใจได้ที่ไหนกันล่ะ รีบปฏิเสธ: “ไม่ต้องแล้ว ฉันรอรถบัสมา ไม่นานก็มา”
แต่คนขับรถยืนหยัด เย่เสวี่ยจู๋ปฏิเสธหลายครั้งก็ไม่ทำให้คนขับรถจากไป สุดท้าย เย่เสวี่ยจู๋กลัวว่าจะทำให้ขวางทางที่ของรถบัส จึงหอบกระดาษแผนผังขึ้นรถเบนซ์สีดำคันนี้
ตนขับรถเงียบตลอดทาง สวมชุดสูทสีดำ ท่าทางสุภาพ ตอนที่เย่เสวี่ยจู๋พูดกับเขา ก็ตอบแบบง่ายๆ ท่าทางเหมือนขับรถอยู่ห้ามพูด เย่เสวี่ยจู๋เห็นแบบนั้น จึงเกรงใจที่จะรบกวนคนขับรถอีก
เมื่อไปถึงไซต์งานก่อสร้าง เย่เสวี่ยจู๋แสดงความขอบคุณกับคนขับรถ คนขับรถบอกว่า เขาจะรออยู่นอกไซต์ก่อสร้างรอเย่เสวี่ยจู๋เสร็จธุระ ค่อยส่งเธอกลับไปที่บริษัท คนขับรถเห็นว่าเย่เสวี่ยจู๋ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ยังบอกอีกว่านี่เป็นการกำหนดของบริษัททั้งหมด ต้องจัดรถสำหรับไปรับ – ส่งพนักงานที่ไปทำธุระข้างนอก
เย่เสวี่ยจู๋รู้สึกสับสนเล็กน้อย คิดว่า การปฏิบัติต่อพนักงานวิศวกรรมของบริษัท จะดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แม้ว่าบริษัทจะมีข้อบังคับในการให้รถพิเศษเมื่อออกไปทำงาน แต่รถที่รับส่งก็ไม่ใช่รถเบนซ์ตัวท็อปคันนี้ แต่เป็นรถเพื่อการพาณิชย์ของบริษัทที่ค่อนข้างเก่า
เย่เสวี่ยจู๋เต็มไปด้วยความสงสัย ส่งแผนผังเข้าไปที่ไซต์งานก่อสร้าง ขณะที่เดินไปถึงหน้าประตูไซต์งานก่อสร้าง ก็ยังเห็นคนขับรถยังรอตัวเองอย่างอดทนอยู่ที่เดิม
เย่เสวี่ยจู๋รู้สึกเกรงใจเล็กน้อยทันที เข้าไปในรถ เธอถามคนขับอย่างไม่แน่ใจ: “ตอนนี้ทางบริษัทกำหนดแล้วเหรอว่าสามารถใช้รถส่วนตัวของประธานเฉินเพื่อรับ – ส่งพนักงานได้?”
เมื่อคนขับรถได้ยิน ก็ไม่ได้ตอบกลับ เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยแล้วผ่านไป
เย่เสวี่ยจู๋เห็นเป็นแบบนั้น ความสงสัยในใจก็ยิ่งหนักขึ้น
หลังจากกลับจากไซต์งานก่อสร้างก็จัดการทำงานที่มีอยู่ในมือที่บริษัทจนเสร็จ ในไม่ช้าก็เลิกงาน เย่เสวี่ยจู๋กลับไปที่บ้าน ทำของกินให้ตัวเองกินอย่างลวกๆ ก็เฝ้าโทรศัพท์อย่างเงียบๆ รอสายของเฉินซิงเหย้า
รออยู่นาน ในที่สุดก็มีเสียงมือถือดังขึ้น
เย่เสวี่ยจู๋แทบรอไม่ไหวที่จะกดปุ่มรับสาย หมายเลขผู้โทรบนหน้าจอก็ยังไม่ได้ดูด้วยซ้ำ ก็ส่งเสียง "ฮัลโหล" ด้วยความดีใจ
ทันใดนั้นในสายก็มีเสียงผู้ชายที่ไม่ได้เป็นผู้ชายแหบแห้งที่ไม่ใช่เฉินซิงเหย้าดังขึ้น
เย่เสวี่ยจู๋จึงโทรศัพท์ออกจากหู มาตรงหน้ากวาดตามองอย่างเร็ว คนที่โทรมานั้น เป็นเพื่อนมหาลัยลู่เฉิงนั่นเอง
ลู่เฉิงทักทายเย่เสวี่ยจู๋อย่างคุ้นเคยทางโทรศัพท์: “เสวี่ยจู๋ ช่วงนี้เธอยุ่งหรือเปล่า?”
เย่เสวี่ยจู๋รีบพูดขึ้น: “ออ ลู่เฉิงเหรอ ฉันค่อยยังชั่ว ช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่ง” และนึกได้ว่าตัวเองเป็นหนี้เขา รีบพูดขึ้น: “ลู่เฉิง ฉันยังติดหนี้นายอยู่ใช่ไหมล่ะ? สองวันมานี้เงินเดือนเข้าพอดี ฉันโอนไปให้นายตอนนี้เลย”
เห็นได้ชัดว่าลู่เฉิงไม่ได้สนใจเงินที่ยืมไปเหล่านั้น ยิ้มพูด: “เธอก็เอาแต่คิดจะคืนเงินฉันอยู่นั่นแหละ? ทำไมเงินเดือนออกเร็วขนาดนี้?”
ทันใดนั้นเย่เสวี่ยจู๋รู้สึกผิด เธอจะบอกลู่เฉิงได้อย่างไรว่า ตัวเองไม่ใช่ได้รับเงินเดือน แต่เป็นเฉินซิงเหย้าเสี่ยเลี้ยงคนนี้ให้เงินจำนวนหนึ่งกับตัวเอง
เย่เสวี่ยจู๋โกหกอย่างคลุมเครือ “ใช่แล้ว ช่วงนี้บริษัทได้จ่ายเงินเดือนแล้ว”
“เดือนหนึ่งเธอจะมีรายได้เท่าไหร่กัน?” ลู่เฉิงพูดอย่างร่าเริง “ผู้หญิงใช้จ่ายเยอะ เครื่องสำอางเสื้อผ้าก็ต้องใช้เงิน เธอเอาไปใช้ก่อน มีเงินเหลือใช้แล้วค่อยคืนฉัน”
“ได้ยังไงกัน? ” เย่เสวี่ยจู๋ยืนหยัด “ฉันจะโอนให้นายเดี๋ยวนี้ ใช้วีแชตดีไหม?”
ลู่เฉิงพูดเบาๆ : “วีแชตของฉันไม่ได้ผูกกับบัญชี เธอโอนมาให้ฉันก็ไม่มีประโยชน์ ฉันถอนออกมาไม่ได้”
เย่เสวี่ยจู๋ไม่ค่อยอยากเชื่อ: “งั้นเหรอ?”
“ก็ใช่ไง” ลู่เฉิงยิ้มพูด “ถ้าเธออยากคืนเงินจริงๆ เจอกันครั้งหน้า เธอค่อยคืนฉันต่อหน้า เธอว่าเป็นไง?”
เสียงในสายของลู่เฉิงนุ่มนวลและอ่อนโยน แสดงถึงความหวังดี ยังมีร่องรอยของท่าทีที่คลุมเครือ เย่เสวี่ยจู๋รับรู้อย่างชัดเจนถึง แต่เธอเป็นหนี้ลู่เฉิงจำนวนหนึ่งจริงๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องคืน คิดแล้วคิดอีก ก็ทำได้แค่ตกลง รอเมื่อมีเวลาจะนัดออกมากินข้าว พร้อมกับจ่ายเงินที่ติดค้างคืนเขา
หลังจากวางสาย เย่เสวี่ยจู๋ก็ถอนหายใจยาว
ทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว เธอหยิบมือถือแล้วลบบันทึกการสนทนาที่โชว์ของลู่เฉิงทิ้ง
เธอไม่ได้รู้สึกผิด เธอแค่กังวลว่าถ้าเฉินซิงเหย้าค้นโทรศัพท์มือถือของเธอเหมือนครั้งที่แล้ว หรือปล่อยให้เขาดูบันทึกการโทรระหว่างตัวเองกับลู่เฉิงอีก เขาจะบ้ากับเธออีก
หลังจากได้ลองเห็นท่าทางที่หึงหวงอิจฉาของเฉินซิงเหย้าครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะเห็นมันเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว
เมื่อเฉินซิงเหย้าเป็นบ้าขึ้นมาไร้ความปรานีจริงๆ เมื่อเขาไม่ปรานี เธอหรือใครก็จะไม่มีชีวิตที่ดี
แต่ผ่านไปทั้งคืนแล้ว เย่เสวี่ยจู๋ก็ยังไม่ได้รับสายจากเฉินซิงเหย้า
เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรดีใจหรือเสียใจดี เฉินซิงเหย้าไม่มาหาเรื่องเธอ เธอมีความสุขและสบายใจจริงๆ แต่เมื่อไม่มีข้อความใดๆ จากเขา ในใจของเธอก็เหมือนขาดไปเป็นหลุมใหญ่ ทำไมรู้สึกค่อนข้างไม่สบอารมณ์ แม้แต่นอนยังนอนไม่หลับ
เป็นแบบนี้ หนึ่งวัน เป็นแบบนี้สองวัน เป็นแบบนี้สามวัน เป็นแบบนี้หนึ่งอาทิตย์……ครึ่งเดือนที่เป็นแบบนี้
วันหนึ่งเย่เสวี่ยจู๋เปิดดูปฏิทิน แปลกใจที่เฉินซิงเหย้าไม่ได้ติดต่อกับตัวเองมาครึ่งเดือนแล้ว!
ในครึ่งเดือนมานี้ เย่เสวี่ยจู๋ได้เจอเฉินซิงเหย้าในบริษัทนับครั้งได้ ก็แค่เพียงไม่กี่ครั้ง
พนักงานทุกคนของบริษัทกำลังจะร่ำลืออย่าบ้าคลั่ง เฉินซิงเหย้าช่วงนี้กำลังตามจีบเจียงซินเหยาคุณหนูตระกูลเจียงอย่างกระตือรือร้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด เฉินซิงเหย้าจะแต่งงานกับคุณหนูตระกูลเจียงในปลายปีนี้ ในตอนนั้น มูลค่าในตัวของประธานจะเพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบเท่า!
MANGA DISCUSSION