ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 579 เทียบเชิญจากตระกูลเจียง
บทที่ 579 เทียบเชิญจากตระกูลเจียง
……….
บทที่ 579 เทียบเชิญจากตระกูลเจียง
“ก็จริงนั่นแหละนะ” พี่จ้าวพยักหน้ารับอย่างเห็นพ้อง
ในเมื่ออีกฝ่ายบ่นเรื่องการตอบรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถ้ารู้ถึงตัวตนแท้จริงของสวี่จื่อฉี อีกฝ่ายคงไม่เรียกค่าเสียหายเพียงแค่นั้นอย่างแน่นอน
“แต่เธอก็ไม่ควรขับรถออกไปคนเดียวอีก เพราะไม่ได้ขับรถมานานเลยเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ขึ้นมาใช่ไหม” พี่จ้าวเอ่ยขึ้น “ถ้าเธอไปเดินกลางถนนแล้วมีคนจำได้จะแย่เอา”
“เรียกแท็กซี่น่าจะดีกว่าสินะคะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ “ฉันจะปลอมตัวให้แนบเนียนค่ะ แฟนคลับจะได้จำไม่ได้”
“นั่นก็ไม่ได้!” พี่จ้าวปฏิเสธ “หลังงานเลี้ยงค็อกเทลคืนนี้ ฉันจะช่วยเธอจัดการกิจกรรมที่ต้องทำ ตารางก็ค่อนข้างแน่น อย่าคิดหนีไปไหนอีกเชียว”
“คะ?” สวี่จื่อฉีร้องตอบด้วยความไม่พอใจ “ก่อนหน้านี้ก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่านอกจากงานปาร์ตี้ค็อกเทลในเจียงโจวนี่แล้ว ส่วนที่เหลือฉันใช้เวลาด้วยตัวเองได้น่ะ? ทำไมตอนนี้มาบอกว่ามีงานอื่นกันล่ะคะ? ฉันไม่ไปค่ะ!”
“ทางบริษัทจัดการมาแบบนี้น่ะสิ” พี่จ้าวตอบกลับ “เจียงโจวเป็นเมืองใหญ่ พวกเราควรฉวยโอกาสนี้ทำความรู้จักคนที่นี่ให้มากขึ้น เข้าไปปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา แล้วมันจะเป็นผลดีกับอนาคตของเธออย่างแน่นอน รวมถึงบริษัทก็ด้วย”
“แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าบริษัทไม่อยากให้ฉันพักสักนิด! ฉันเป็นคนนะคะ ไม่ใช่เครื่องจักร” สวี่จื่อฉีตอบกลับด้วยความไม่พอใจ “ก่อนหน้านี้ตกลงกันเอาไว้แล้วจะมาเปลี่ยนใจกันแบบนี้ได้ยังไง?”
“จื่อฉี อย่าทำตัวเป็นเด็กสิ เธอมีตำแหน่งต้องรักษา ถ้าไม่ไปต่อก็มีแต่จะถอยนะ เธอรู้ไหมว่าในแวดวงนี้มีคนจับจ้องตำแหน่งที่เธออยู่ตั้งเท่าไหร่? พวกเขาพร้อมจะขึ้นมาแทนที่เธอกันทั้งนั้นนะ” พี่จ้าวตอบกลับ
“ถ้าพวกเขาอยากได้นักก็เอาไปเลยค่ะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ “ฉันไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น!”
“อย่าพูดจาไม่มีเหตุผลแบบนี้สิ” พี่จ้าวพยายามเกลี้ยกล่อม “บริษัทปั้นเธอมาขนาดนี้ เธอจะทำตัวแบบนี้ได้ยังไง?”
“ฉันช่วยบริษัททำเงินมาตลอดทั้งปี ตอนนี้แค่อยากได้วันพักสองวัน มันต้องถึงขนาดอ้างบุญคุณที่ช่วยปั้นฉันขึ้นมาเลยเหรอคะ?” สวี่จื่อฉีตอบกลับ “บริษัทเห็นฉันเป็นแค่เครื่องจักรทำเงินหรือว่าไม่ใช่กันล่ะคะ?”
สิ้นคำ สวี่จื่อฉีก็หันหลังกลับพร้อมเดินเข้าไปในโรงแรม ตอนแรกก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนหลังถูกอู๋ฝานต่อว่าซึ่งหน้า ตอนนี้บริษัทก็ยังมายกเลิกวันหยุดพักร้อนของเธออีก เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ในปัจจุบันอารมณ์และความรู้สึกของเธอพังทลาย ไม่มีอารมณ์จะออกไปเที่ยวเล่นเลยแม้แต่น้อย
“นี่จื่อฉี อย่าทำตัวแบบนี้สิ” พี่จ้าวรีบไล่ตามไป
แม้สวี่จื่อฉีสติอารมณ์ขาดผึง แต่ในฐานะคนเก่าคนแก่ที่อยู่กับหญิงสาวมายาวนาน พี่จ้าวเลยยังพอมั่นใจว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมได้ ในความเห็นของเธอนั้น สุดท้ายสวี่จื่อฉีก็มีแต่จะต้องตอบรับการจัดการของบริษัท
อีกด้านหนึ่ง หลังอู๋ฝานออกจากโรงงานเภสัชกรรมจึงขับรถที่ยังมีรอยกลับไปยังร้านโลกในแหวนสาขาเดิม
“นายน้อยอู๋ รถเป็นอะไรไป? เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เหรอครับ? เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“นายน้อยอู๋ ผมมีพี่น้องที่ทำอู่และมีช่างซ่อมรถฝีมือดีไม่มีใครเทียบอยู่ ผมช่วยแนะนำให้รถของนายน้อยไปซ่อมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายได้นะครับ”
หลังอู๋ฝานลงจากรถ กลุ่มคนหนุ่มที่มาใช้บริการร้านโลกในแหวนต่างเดินเข้ามาพูดคุย ตอนเห็นสภาพดูไม่จืดของรถชายหนุ่ม พวกเขาต่างแสดงท่าทีกระตือรือร้นและพร้อมที่จะช่วยเหลือกันออกมา
นับตั้งแต่ความตายของหวงถิงเฟิงและจานเฮ่อ กิจการร้านคัลเลอร์แมนก็ถูกยึดครองโดยโลกในแหวน อู๋ฝานกลายเป็นคนที่ผู้คนในเจียงโจวรู้จักและยอมรับ แม้จะมีเพียงเขาแค่คนเดียว แต่กลับไม่มีใครกล้าตั้งข้อสงสัยอีกต่อไป ด้วยอำนาจที่ทำให้วังเมฆาสีชาดยังต้องกล้ำกลืนโค้งศีรษะ มันแสดงให้เห็นว่าอำนาจเบื้องหลังของชายหนุ่มแข็งแกร่งขนาดไหน
คนบางส่วนที่มีสายข่าวค่อนข้างดี ได้ยินมาว่าเจ้าวังคนเก่าของวังเมฆาสีชาดถูกสังหาร เจ้าวังคนใหม่จึงขึ้นมาทำหน้าที่แทน และดูเหมือนว่าอู๋ฝานจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าว มันถึงกับทำให้ทุกคนต้องตระหนักถึงอำนาจของชายหนุ่มใหม่ จะหาเรื่องใครในเจียงโจวก็ทำได้ แต่ต้องไม่ใช่กับอู๋ฝาน!
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ตระกูลใหญ่ทั้งหลายในเจียงโจวจะอยากผูกสัมพันธ์ดี ๆ กับอู๋ฝานเอาไว้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เลือกตีตัวออกห่างตั้งแต่เกิดข้อพิพาทระหว่างอู๋ฝานและวังเมฆาสีชาด พวกเขายิ่งต้องกระตือรือร้นกันเป็นพิเศษ เพื่อต้องการถมช่องว่างที่เคยสร้างเอาไว้ด้วยตนเอง
มันจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมร้านโลกในแหวนถึงมีสองสาขาอยู่ตรงข้ามถนน ทั้งยังมีลูกค้ามาใช้บริการเต็มแน่น
แน่นอนว่า ข้อเท็จจริงที่ร้านโลกในแหวนมีอาหารเลิศรส และเครื่องดื่มอันยอดเยี่ยมเหนือกว่าใครในเจียงโจวจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งก็ตาม
“ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี รถก็ไม่ได้ต้องห่วงอะไร” อู๋ฝานที่เผชิญหน้ากับกลุ่มคนซึ่งพยายามเข้าหา เขาไม่ยินดีหรือนึกรำคาญใดทั้งสิ้น
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน ตนไม่มีความจำเป็นต้องมีเรื่องอะไรกับคนเหล่านี้ ในเมื่อยังต้องการทำธุรกิจในเจียงโจวต่อไป การวางตัวที่ไม่ทั้งยินดีหรือรำคาญเช่นตอนนี้ถือว่าสมเหตุและสมผล
กลุ่มคนเหล่านี้มีโอกาสเจออู๋ฝานน้อยครั้งจึงต้องการเข้ามาพูดคุยและไม่คิดปล่อยให้โอกาสครั้งนี้หลุดมือ ขณะนี้จึงมารวมตัวรอบ ๆ ชายหนุ่มพร้อมเดินตามเข้าร้านพลางพูดคุยไปด้วย
แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือการที่อู๋ฝานรับฟัง พยักหน้ารับ ตอบกลับเป็นครั้งคราว จึงไม่ได้ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกว่าถูกเมินเฉยหรือมองข้ามแต่อย่างใด
“เถ้าแก่ มีเทียบเชิญส่งมาให้ค่ะ” ทันทีที่อู๋ฝานเดินเข้ามาในร้าน เฉินปิงเหยาก็ส่งบัตรเชิญลงตราครั่งขี้ผึ้งสีทองมาให้
“เทียบเชิญ? จากใครครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“จากตระกูลเจียงค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบกลับ
หากเอ่ยถึงเพียงสกุลไม่ใช่ชื่อ ก็หมายความถึงตระกูลเจียงที่เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว
“ตระกูลเจียงจะจัดงานเลี้ยงในคืนนี้ เจียงอวี่เพิ่งเปิดบริษัทของตัวเองขึ้นมา เพื่อจะสร้างสายสัมพันธ์ให้ ทางตระกูลเจียงจึงจัดงานเลี้ยงและเชิญแขกมากมายในเจียงโจวไปเข้าร่วมค่ะ”
“ครับ ผมเองก็ได้ยินมาว่าคนจากห้าตระกูลใหญ่ในเจียงโจวจะไปรวมตัวกันในคืนนี้ กระทั่งว่ามีคนจากสำนักใกล้ ๆ แถบนี้มาด้วย ตระกูลเจียงทุ่มเทเงินเพื่อเสริมเส้นสายให้เจียงอวี่น่าดูเลยทีเดียว”
“นายน้อยอู๋ งานเลี้ยงคืนนี้พวกเราไปด้วยกันดีไหมครับ?”
นายน้อยคนหนึ่งที่เข้ามาและเห็นเทียบเชิญที่เฉินปิงเหยาส่งให้อู๋ฝาน เพียงมองเขาก็ทราบได้ว่าเป็นเรื่องอะไร พวกเขาพยายามหาทางเข้าหาอีกฝ่ายอยู่ จึงไม่น่าประหลาดใจหากชายหนุ่มจะได้รับเทียบเชิญงานใหญ่เช่นครั้งนี้ แม้อู๋ฝานไม่ค่อยได้ติดต่อกับคนของแวดวงระดับสูงและระดับกลางของเจียงโจวมากนัก แต่สถานะของเขาก็ไม่ต่ำเตี้ย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเจียงจัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่โตแล้วจะไม่เชิญตัว
“ตระกูลเจียง?” อู๋ฝานนึกถึงหน้าเจียงอวี่ที่ทำตัวน่ารำคาญขึ้นมา สุดท้ายจึงส่ายศีรษะ “ไม่ไป”
“คือ…” คนที่เพิ่งหวังจะได้ร่วมทางไปกับอู๋ฝานพลันต้องมองหน้ากันเองราวกับไม่เข้าใจ ตระกูลเจียงเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว มีน้อยคนในเจียงโจวจะกล้าไม่ไว้หน้าพวกเขา ดังนั้นตอนที่เห็นอู๋ฝานได้รับเทียบเชิญ พวกเขาต่างก็คิดกันไปเองว่าชายหนุ่มจะต้องไปอย่างแน่นอน ไม่ได้คาดว่าจะได้รับการปฏิเสธโดยแทบไม่เสียเวลาทบทวนเช่นนี้
แน่นอนว่าอู๋ฝานมีอำนาจพอจะปฏิเสธคำเชิญนี้
“นายน้อยอู๋ไม่ไปจริงเหรอครับ? ผมว่าน่าเสียดาย เพราะงานนี้คนแถวหน้าของเจียงโจวจะไปรวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า นับเป็นงานใหญ่ของเจียงโจวเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเจียงยังเชิญคนในวงการบันเทิงมาร่วมงานด้วยไม่น้อย ดารายอดนิยมอย่างสวี่จื่อฉีก็จะมาด้วยเหมือนกัน ถ้านายน้อยอู๋ไม่ไป งานเลี้ยงคืนนี้คงขาดสีสันไปหลายส่วนเลยทีเดียวครับ” ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ใกล้ ๆ เอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย
“จริงด้วยครับ ถ้านายน้อยอู๋ไม่ไป งานเลี้ยงคงกร่อยลงไปมากจริง ๆ”
“เดี๋ยวนะครับ” อู๋ฝานที่กำลังจะเดินไปกลับต้องหยุดเท้ามองนายน้อยเหล่านี้พลางถาม “สวี่จื่อฉีก็มาด้วยเหรอครับ?”
“ใช่ครับ ไม่ใช่แค่สวี่จื่อฉีนะ แต่ยังมีคนในวงการบันเทิงอีกหลายคนมาร่วมงานด้วยครับ”
อู๋ฝานมองเฉินปิงเหยาก่อนจะยื่นมือออกไป “ขอเทียบเชิญนั่นให้ผมก็แล้วกันครับ”
……….