ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 578 ขยายกำลังการผลิต
บทที่ 578 ขยายกำลังการผลิต
บทที่ 578 ขยายกำลังการผลิต
อู๋ฝานไม่คิดเก็บเรื่องเมื่อครู่มาใส่ใจ หลังแยกจากกับสวี่จื่อฉี เขาก็ขับรถตรงไปยังโรงงานเภสัชกรรม
“เถ้าแก่ รถเป็นอะไรไปครับ?” ที่ทางเข้าของโรงงาน เกาหานที่เห็นรถของอู๋ฝานถึงกับต้องเอ่ยถามออกมา
“เกิดอุบัติเหตุขึ้นน่ะครับ” อู๋ฝานตอบกลับขณะเดินเข้าไป “ด้านสวี่จื่อฉีเป็นยังไงบ้างครับ? มีคำตอบอะไรไหม?”
“มีคำตอบครับ” เกาหานตอบรับ “แต่เป็นจากผู้จัดการของเธอ เธอตอบว่าไม่ต้องการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับทางเราครับ”
อู๋ฝานขมวดคิ้ว “ตอนติดต่อได้แจ้งเรื่องค่าตัวรึเปล่าครับ?”
“แจ้งครับ“เกาหานยักไหล่ “แต่พูดก็เหมือนไม่พูดนั่นแหละครับ เพราะพูดออกไปอีกฝ่ายก็ปฏิเสธมาอย่างที่เห็น ถึงขนาดบอกว่าการล้อเล่นของพวกเราทำให้พวกเขาเสียเวลาด้วยซ้ำ”
“พวกเราเนี่ยนะไปล้อเล่นด้วย? เห็นพวกเราว่างรึไง?” อู๋ฝานตอบกลับ “ทางนั้นยังไม่ได้ลองใช้สินค้าของเราด้วยซ้ำไป”
“ผู้จัดการทางนั้นบอกว่าหลังทดลองใช้แล้วประสิทธิภาพก็งั้น ๆ ครับ” เกาหานตอบกลับ
“โกหกน่ะสิ! ผมมั่นใจว่าทางนั้นไม่ได้ลองใช้สินค้าของเราด้วยซ้ำ” อู๋ฝานตอบกลับ “ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งพูดไปว่าสวี่จื่อฉีไม่ใช่ไอดอลที่ดีอะไร ทั้งยังมีปัญหาด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่แฟนคลับตาบอดของเธอปกป้องยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซะอีก”
เมื่อเห็นเกาหานเผยท่าทีสับสน เขาจึงเล่าออกมา “คนที่ขับรถมาชนรถของผมเป็นแฟนคลับตาบอดของสวี่จื่อฉีน่ะครับ”
“สวี่จื่อฉีก็มีแฟนคลับเยอะจริง ๆ นั่นแหละครับ” เกาหานตอบรับ
“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อสวี่จื่อฉีไม่ได้เรื่อง ก็คงต้องติดต่อหาคนดังเจ้าอื่นแทน” อู๋ฝานตอบกลับ
“ครับเถ้าแก่” เกาหานตอบรับ “แล้วพวกเราควรจะชะลอกำลังการผลิตลงไหมครับ?”
“ชะลอ? ชะลอทำไมกันครับ?” อู๋ฝานถามกลับ
“พวกเรายังไม่รู้เลยว่าสินค้าจะได้รับความนิยมจากตลาดไหม ถ้ามีสินค้าเก็บสะสมไว้ในโกดังจำนวนมาก แล้วยังเดินหน้าผลิตต่อเนื่องแบบนี้ จำนวนของมันจะยิ่งมากขึ้น หากผลตอบรับจากตลาดไม่ดีขึ้นมา พวกเราจะเสียหายครั้งใหญ่เลยนะครับ” เกาหานตอบกลับ
เกาหานเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็เพราะเขารับผิดชอบเป็นผู้จัดการดูแล ดังนั้นจึงต้องคำนวณปัจจัยทุกด้านให้สมดุล ในขณะที่ทิศทางของตลาดยังไม่แน่นอน การชะลอความเร็วหรือหยุดการผลิตจะเป็นการลดทอนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น แต่หากผลตอบรับดี พวกเขาก็เพียงเดินสายการผลิตอีกครั้ง แต่ก็อาจจะต้องเสียเวลาไปบ้าง
“ผมเข้าใจความกังวลของคุณนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่ผมไม่เห็นด้วย ความเห็นของผมไม่ใช่แค่ดำเนินการผลิตต่อไปโดยไม่หยุด แต่ควรจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเมื่อไหร่ที่ตลาดมีความต้องการสูง ทางเราจะได้มีสินค้าพร้อมส่งไปจำหน่าย”
อู๋ฝานเข้าใจความกังวลของเกาหาน และเข้าใจด้วยว่าอีกฝ่ายหวังดีกับภาพรวมของโรงงาน แต่ตนคิดต่างออกไป คนอื่นในโรงงานแห่งนี้ไม่มีความมั่นใจในสินค้าอย่างแป้งขาวกระจ่างหรือเจลลบรอยแผลเป็น เนื่องจากมันเป็นสินค้าที่มีอยู่เกลื่อนกลาด การผลิตครั้งใหญ่ในขณะที่อนาคตยังไม่แน่นอนจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด เพราะเป็นไปได้ว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้าย จนกลายเป็นความเสียหายครั้งใหญ่
ทว่าอู๋ฝานมีความมั่นใจว่าต่อให้ผลตอบรับของตลาดในเวลานี้ไม่ได้ดีมากนัก แต่เขามั่นใจว่าสินค้าจะได้รับความนิยมในอนาคตอันใกล้ และเมื่อถึงเวลานั้นสินค้าอาจถึงขั้นขาดตลาด ดังนั้นที่ควรตัดสินใจตอนนี้จึงไม่ใช่ชะลอการผลิต แต่เป็นเร่งผลิตให้มากยิ่งขึ้น
อู๋ฝานที่เพิ่งได้เห็นความร้อนแรงของกิจการที่โรงงานสุดเหนือเมฆ ที่เรียกได้ว่ามีสินค้าไม่พอจัดจำหน่าย จึงไม่คิดปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เดียวกันขึ้นกับโรงงานเภสัชกรรม
“ต้องการขยายกำลังการผลิตเหรอครับ?” เกาหานถึงกับประหลาดใจ “เถ้าแก่ลองทบทวนดูอีกครั้งก่อนไหมครับ?”
อาศัยจากกำลังการผลิตในปัจจุบัน หากยังผลิตต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก พวกเขาจะมีโอกาสเสียหายครั้งใหญ่ ถ้าเลือกขยายกำลังการผลิต มันอาจนำไปสู่การล้มละลาย
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นครับ ผมตัดสินใจดีแล้ว” อู๋ฝานตอบรับ
“ทราบแล้วครับ” หลังเห็นท่าทีหนักแน่นของเถ้าแก่ เกาหานจึงไม่อาจเห็นเป็นอื่นได้ ทำได้เพียงหวังว่าสินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด
“จื่อฉีที่รัก เธอไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมา? ฉันตามหาตัวเธอแทบแย่” ที่หน้าประตูโรงแรมเทียนอวี่ พี่จ้าวที่เห็นสวี่จื่อฉีลงจากรถจึงรีบเข้ามาพูดคุยและสอบถาม
“ฉันอยากออกไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะค่ะ ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอคนไม่ดีเข้า” สวี่จื่อฉีตอบรับอย่างขื่นขม
ตอนแรกอู๋ฝานหาว่าเธอนิสัยไม่ดี ตอนหลังบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับตามืดบอด ไม่แปลกหากสวี่จื่อฉีจะไม่พอใจจนถึงขั้นโกรธเคือง
“คนไม่ดี?” พี่จ้าวชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะนี้เองจึงได้เห็นรถที่สวี่จื่อฉีขับไป และพบว่าด้านหน้าของรถมีร่องรอยจนต้องเอ่ยถาม “นี่เธอขับรถไปชนอะไรมา? บาดเจ็บไหม?”
“ชนกับคนไม่ดีนั่นแหละค่ะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ “แล้วฉันก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร”
“อีกฝ่ายรู้ตัวตนของเธองั้นเหรอ? บอกมาว่าไปชนกันยังไง บอกให้ละเอียดเลยด้วยนะ” พี่จ้าวเอ่ยถาม
สวี่จื่อฉีบอกให้พี่จ้าวรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ สุดท้ายจึงเอ่ยถาม “พี่จ้าว ไม่นานมานี้พี่ได้รับเรื่องเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์จากสินค้าอะไรบ้างคะ?”
แม้คำพูดของอู๋ฝานชวนให้ไม่พอใจ แต่ก็ไม่คล้ายจะใช่คำโกหกเช่นกัน อีกฝ่ายน่าจะต้องเคยติดต่อมาแล้ว แต่สวี่จื่อฉีไม่ทราบว่าเป็นสินค้าอะไร
“ปล่อยไปเถอะ ทุกวันมีสินค้าอยากให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มากมาย พวกเราจะตอบรับทุกอย่างได้ยังไงกัน?” พี่จ้าวตอบกลับ “แล้วก็นะ นอกจากแบรนด์เสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีสองงานนั้น คำขออื่นก็มีแต่สินค้าชั้นต่ำทั้งนั้น แค่คิดว่าต้องเอาศักยภาพของเธอไปเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้สินค้าพวกนั้นด้วยราคาต่ำเตี้ยฉันก็ปฏิเสธไปแล้ว สินค้าที่ของคนที่เธอขับไปชนก็คงเป็นสินค้าโนเนมพวกนั้น ถูกทางเราปฏิเสธไปเลยแค้นใจล่ะสิ”
สวี่จื่อฉีพยักหน้าตอบ เธอเองก็ทราบดีว่าการตัดสินใจเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ต้องมีหลักการอะไรบ้าง หากสินค้าของอู๋ฝานดีที่สุดในวงการอย่างที่บอกมาจริง เธอก็คงได้รู้และจดจำได้แล้ว
ดังนั้นอู๋ฝานจะต้องคุยโอ้อวดตัวเองอย่างแน่นอน!
“ตอนนี้เลิกพูดเรื่องงานก่อนดีกว่า” พี่จ้าวเอ่ยขึ้น “เธอมั่นใจใช่ไหมว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร?”
“คิดว่าไม่รู้ค่ะ” สวี่จื่อฉีครุ่นคิดถึงท่าทีของอู๋ฝานก่อนจะตอบกลับมา
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าเขารู้ว่าเธอเป็นใคร และหาทางข่มขู่พวกเราพร้อมอ้างเรื่องที่เราปฏิเสธการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ขึ้นมาคงแย่ รวมกับเรื่องอุบัติเหตุวันนี้อีก หากถูกแฉออกโลกออนไลน์คงลำบาก มันจะส่งผลร้ายกับเธอไม่น้อยแน่นอน” พี่จ้าวตอบกลับมา
สวี่จื่อฉีทราบดีว่าอุบัติเหตุนั้นเป็นเพราะตัวเธอเอง แต่หลังเกิดเรื่องเธอก็มีท่าทีที่ดีพร้อมรับผิดชอบ หากเรื่องราวถูกเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา แม้จะส่งผลกระทบอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้หนักหนา ทว่าหากถูกเปิดเผยอย่างบิดเบือน มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตนทราบดีว่าสื่อทุกวันนี้จ้องจะหาข่าวฉาวที่เรียกความสนใจของผู้คนได้ตาเป็นมัน
หญิงสาวครุ่นคิดถึงเรื่องราวอีกครั้งก่อนจะตอบรับด้วยความมั่นใจ “เขาไม่รู้ตัวตนของฉันแน่นอนค่ะ และยังหาว่าฉันเป็นคนดังในโลกออนไลน์ที่คนรู้จักน้อยด้วยซ้ำ ตอนนั้นฉันก็ตามน้ำไปแล้วด้วยเหมือนกัน และถ้าเขารู้ตัวตนของฉันคงไม่เรียกค่าเสียหายแค่สามพัน เพราะดูจากการที่เขาไม่ชอบฉันแล้ว สามหมื่นยังดูเป็นเงินเล็กน้อยด้วยซ้ำไปค่ะ”