ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 379 จับพลัดจับผลู
บทที่ 379
จับพลัดจับผลู
เมื่อเห็นเหยียนเทียนหรานมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่งแล้ว เหยียนลี่หยางก็เหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้และมีรอยยิ้มที่ประชดประชันปรากฏที่มุมปากของเขา
“เจ้าคงจะคิดว่าข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะกำจัดเจ้าให้สิ้นซาก เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่มาเป็นเสี้ยมหนามข้าและรักษาสถานะของตัวเองในตระกูลเหยียนเอาไว้ได้ใช่ไหม? ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด! ถึงแม้ว่าเจ้าจะดูถูกข้า แต่หลังจากนี้ไปเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าข้าอีกแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นข้ามีอีกเรื่องที่จะบอกเจ้า!”
เหยียนเทียนหรานกล่าวขณะที่เดินเข้าไปใกล้ๆหูของ เหยียนลี่หยาง น้ำเสียงของเขานั้นดูตื่นเต้นมาก สีหน้าของเขาเองก็เต็มไปด้วยความยินดีและกล่าวกับเหยียนลี่หยางต่อ “เมื่อสักครู่เหยียนเจิ้นตงได้ขอถอนตัวลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว และข้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าคนนี้ ก็คือเหยียนเทียนหรานผู้นำตระกูลคนใหม่ของตระกูลเหยียนยังไงล่ะ! ตกใจใช่มั๊ยล่ะ, ตกใจใช่มั๊ยล่ะ? เจ้ารู้สึกถึงความสิ้นหวังแล้วรึยัง? ราวกับโลกกำลังจะถึงจุดไหม?”
เหยียนเทียนหรานนั้นไม่รอช้าที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ เหยียนลี่หยางฟัง และหวังที่จะได้เห็นสีหน้าที่สิ้นหวังและหมดหนทางของเหยียนลี่หยาง ตัวเขานั้นต้องการที่จะทำให้ เหยียนลี่หยางที่มักทำให้ตัวเองดูสูงและดูหมิ่นตำแหน่งนายน้อยของเขานั้น ได้เห็นถึงความสามารถและความห่างชั้นระหว่างตัวเขากับเหยียนลี่หยางที่เทียบกันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แล้ว เหยียนลี่หยางก็จะสิ้นหวังและร้องออกมาอย่างขมขื่นอยู่ตรงหน้าเขา และสูญสิ้นใบหน้าที่อวดดีนั่นไป
แต่แล้วเหยียนเทียนหรานก็ต้องผิดหวัง เพราะ เหยียนลี่หยางนั้นแค่ตกใจเพียงครู่เดียวหลังจากที่ได้ทราบข่าวนี้ แล้วจากนั้นก็ค่อยๆกลับคืนสู่ใบหน้าเยือกเย็นอีกครั้ง ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วสีหน้าของเหยียนเทียนหรานนั้นก็ได้ดูเยือกเย็นยิ่งกว่าตอนก่อนที่จะได้ยินเรื่องนี้เสียอีก ราวกับบรรลุได้ถึง สัจธรรมยังไงอย่างงั้น
“เสาหลักต้นสุดท้ายของตระกูลเหยียนโค่นแล้วอย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครช่วยเหลือตระกูลนี้ได้จริงๆแล้วสินะ!”
เมื่อเหยียนลี่หยางได้ทราบว่าเหยียนเจิ้นตงนั้นลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว ก็ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ก็แค่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเท่านั้น ไม่ได้มีความเศร้าหมองในหัวใจของเขาแต่อย่างใด
แต่เขานั้นก็รู้สึกยินดีให้กับเหยียนเจิ้นตงที่ออกมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้มาได้ เพราะต่อให้ตระกูลเหยียนต้องเผชิญกับการล่มจมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้แล้ว อย่างน้อยๆ เหยียนเจิ้นตงก็จะได้ไม่ต้องยุ่งกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิตของเขา ซึ่งพอเหยียนลี่หยางคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็ได้ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก แล้วก็ได้มองดูดวงตาของเหยียนหรานด้วยสายตาไร้ความกลัวและโล่งใจ
เหยียนเทียนหรานก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าตัวเขานั้นไม่พอใจกับท่าทีตอบสนองของเหยียนลี่หยาง
เดิมทีเขามาที่นี่ก็เพื่อกำจัดเหยียนลี่หยางเสียทีเดียว แต่ในเวลานี้ตัวเขารู้สึกอยากที่จะทรมานเขาขึ้นมาแล้ว
ฉึก!
แต่ทว่าก่อนที่เหยียนเทียนหรานจะได้ลงมือทำอะไร ก็ได้มีกระบี่สีทองปักจากข้างหลังทะลุออกมาที่หน้าอกของเขา
ไม่ว่าจะเหยียนเทียนหรานหรือเหยียนลี่หยาง พวกเขาต่างก็คุ้นเคยกับปลายกระบี่เล่มนี้ดี เมื่อหันไปมองด้านหลังของ เหยียนเทียนหรานพร้อมกันแล้ว ต่างก็พบเหยียนเสี่ยวเฟยที่กำลังควบคุมกระบี่สีทองแทงเหยียนเทียนหรานจากข้างหลัง
“ต้องขอบใจเจ้านะที่ช่วยไล่คนดูแลคุกออกไปหมด ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่สามารถแอบเอามาได้ง่ายๆขนาดนี้!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ยิ้มให้เหยียนเทียนหรานแล้วชี้นิ้วไปที่กระบี่สีทองอีกหน แล้วกระบี่สีทองก็ได้ขยับภายใต้การควบคุมของเหยียนเสี่ยวเฟย แล้วก็ได้แทงทะลุหน้าอกของ เหยียนเทียนหรานออกมาทันทีจนเห็นแม้แต่หัวใจที่กำลังเต้นอยู่ในปากแผลที่แทงทะลุ
“อ๊าก!”
เหยียนเทียนหรานกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และในขณะเดียวกันก็ได้กระอักเลือดพร้อมฟองออกมา แล้วก็ได้เซล้มลงไปกองที่พื้น
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเหยียนเสี่ยวเฟยก็หาได้มีความสงสารแม้แต่น้อย แล้วเข้าควบคุมกระบี่สีทองที่บินอยู่กลางอากาศลงมาฟาดฟันใส่เหยียนเทียนหลาน
ในเวลานี้เหยียนเทียนหรานที่กำลังถึงจุดอับของชีวิตนั้น ดวงตาของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความกลัวเมื่อเห็นกระบี่สีทองที่กำลังฟาดฟันตัวเขา ตัวเขานั้นอยากที่จะร้องขอความเมตตาจากเหยียนเสี่ยวเฟย แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสได้ทำเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก่อนที่เหยียนเทียนหรานจะได้เปิดปาก กระบี่สีทองนั้นก็ได้พุ่งลงมาจากฟ้าแล้วแทงทะลุคอหอยของเขา แล้ว เหยียนเทียนหรานก็ได้สิ้นลมและตายในทันที
ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ยังต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ๆกว่าที่เหล่าคนดูแลคุกของตระกูลเหยียนนั้นจะรู้ตัวว่าผู้นำตระกูลคนใหม่ของพวกเขานั้นถูกเหยียนเสี่ยวเฟยลอบสังหาร แม้แต่ เหยียนลี่หยางที่เป็นพยานรู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในคุกนี้หลังจากที่เห็นเหยียนเทียนหรานตายแล้ว ก็ยังไม่ได้สติในทันทีเช่นกัน และมีสีหน้าที่อ้ำอึ้งและสับสนอยู่บนใบหน้าของเขา
“เสี่ยวเฟย!”
เหยียนเทียนหรานตะโกนเรียกเหยียนเสี่ยวเฟยอย่างนุ่มนวล แล้วจากนั้นก็ได้มีไฟลุกขึ้นมาในดวงตาของเขาทันที ราวกับว่าไฟความต้องการอยากที่จะมีชีวิตรอดของเขานั้นได้ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่รู้จะพูดอะไรกับเหยียนลี่หยาง จึงได้ควบคุมให้กระบี่สีทองนั้นตัดโซ่ที่พันธนาการเหยียนลี่หยางเอาไว้ออก แล้วจากนั้นก็ได้คุกเข่าลงไปสำรวจที่ตัวของ เหยียนเทียนหราน
เดิมทีตัวเขานั้นแค่อยากจะเก็บเอาผลพลอยได้กลับไปบ้าง แต่พอเหยียนเสี่ยวเฟยพบจดหมายสัญญาของหอธารสวรรค์จากในแขนเสื้อของเหยียนเทียนหรานแล้ว สีหน้าของเขาก็ได้ปรากฏใบหน้าเจ้าเล่ห์ออกมาทันที
“ที่แท้ผู้จ้างวานก็เป็นเจ้านี่เอง!”
เหยียนเสี่ยวเฟยที่เห็นชื่อของเป้าหมายและเงินรางวัลลอบสังหารที่เขียนอยู่ชัดเจนอยู่บนหนังสือสัญญาแล้ว ก็ได้มั่นใจมากว่าเหยียนเทียนหรานนั้นก็คือผู้จ้างวานของเขานั่นเอง และดวงตาของเขาก็ได้แสดงแววตาบอกไม่ถูกอย่างสุดๆออกมา
“ดูเหมือนว่านี้คงจะเป็นความต้องการของสวรรค์สินะ!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ค้นตัวของเหยียนเทียนหรานต่อ และในขณะเดียวกันก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความรู้สึกยินดี
เพราะผู้จ้างวานของเขา เหยียนเทียนหรานนั้นได้ตายลงและไม่สามารถจ่ายเงินที่เหลือได้แล้ว ก็เท่ากับว่างานลอบสังหารที่จ้างวานเอาไว้กับหอธารสวรรค์นั้นเป็นโมฆะไป ถึงแม้ว่า เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะไม่ได้เงินจากงานนี้ แต่หอธารสวรรค์ก็จะไม่มายุ่งกับเหยียนเสี่ยวเฟยเพราะเขาทำงานล้มเหลวอีก
เรื่องยินดีที่คาดไม่ถึงนี้ก็ได้ทำให้เหยียนเสี่ยวเฟยเต็มไปด้วยความดีใจ และค้นตัวของเหยียนเทียนหรานด้วยความรวดเร็วและเฉียบคมมากขึ้นไปอีก เหยียนลี่หยางจึงได้แต่มองดูอยู่ห่างๆและเงียบๆ
ภายใต้คมกระบี่สีทอง โซ่ที่พันธนาการเหยียนลี่หยางไว้ก็ได้ขาดออกอย่างรวดเร็ว แล้วเหยียนลี่หยางก็ได้อิสรภาพคืนกลับมา
“ยารักษาขวดนี้ให้ผลดี เจ้าควรที่จะสักเม็ดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อน! แล้วก็นี่กระบี่วิเศษที่เย่เย่บอกให้ข้าเอามาให้เจ้า และตอนนี้มันก็ได้กลับคืนสู่เจ้าของมันแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้หยิบเอาขวดยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนให้เหยียนลี่หยาง จากนั้นเขาก็ได้หยิบเอากระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพออกมาจากข้างหลังแล้วมอบให้กับอีกฝ่าย หลังจากที่มอบให้เสร็จแล้วเขาก็ได้เก็บกระบี่สีทองกลับไปแล้วเตรียมที่จะพาเหยียนลี่หยางหนีไปจากที่นี่
“อื้ม!”
หลังจากที่เหยียนลี่หยางรับยามา เขาก็ได้ทานยาไปเม็ดหนึ่งและในขณะเดียวกันก็ได้สะพายกระบี่เจ็ดดาราไว้ข้างหลัง แล้วมองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยสายตาที่ยินดี
ถึงแม้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยจะไม่ได้อธิบายอะไร แต่ เหยียนลี่หยางนั้นก็รู้นิสัยของเหยียนเสี่ยวเฟยดี เมื่อเห็น เหยียนเสี่ยวเฟยมาที่บ้านสกุลเหยียนเพื่อช่วยเขาโดยไม่เกี่ยงอันตรายแล้วเหยียนลี่หยางก็ได้รู้สึกโล่งใจ และหัวใจของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความยินดีอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนที่เหล่าผู้ดูแลคุกจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทั้งสองคนก็ได้หนีออกไปจากคุกตระกูลเหยียนอย่างเงียบๆแล้ว และจากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่นัดพบกับเย่เย่กันเอาไว้ และรอให้การต่อสู้ระหว่างเย่เย่กับผู้อาวุโสเป่ยซานจบลง
อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่เย่เย่ได้ออกมาจากบ้านสกุลเหยียนนั้น เขาก็ได้รีบมุ่งหน้าลึกเข้าไปในเขาเหยียนเป่ย
ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ไล่ตามหลังของเย่เย่ไปอย่างไม่ลดละ ซึ่งไม่ว่าเย่เย่นั้นจะพยายามวิ่งเต็มที่ขนาดไหน ระยะห่างระหว่างเขากับผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้สั้นลงเรื่อยๆ
จนในที่สุดเมื่อเย่เย่ได้ลึกเข้ามาในป่าของเขาเหยียนเป่ย เขาก็ได้หยุดวิ่งและหันกลับมาหาผู้อาวุโสเป่ยซาน และยืนนิ่งราวกับว่าตัวเขานั้นได้ยอมรับชะตากรรมแล้ว
“อะไร? เจ้าวิ่งไม่ไหวแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้อาวุโสเป่ยซานที่ได้ไล่ตามเย่เย่มาทันนั้น ก็ได้มองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่ขบขัน
แต่ในใจของเขาผู้อาวุโสเป่ยซานนั้น มีความคิดที่จะอยากฆ่าเย่เย่อย่างแรงกล้าและได้ตั้งใจที่จะเก็บเย่เย่ทิ้งเสียที่นี่อย่างสุดความสามารถ
เพราะความเร็วที่เย่เย่ได้แสดงให้เห็นตอนที่เขาหนีมาเมื่อสักครู่นั้นมันน่าทึ่งมากเกินไป แทบจะไม่แพ้ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพจริงๆเลย เดิมทีผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นคิดว่าเย่เย่คงจะวิ่งสุดกำลังเช่นนี้ได้แค่ระยะทางสั้นๆเท่านั้นๆ แต่ไม่คิดว่าจะไล่ตามเย่เย่มาเป็นระยะทางไกลเช่นนี้ โดยที่อีกฝ่ายนั้นยังคงใช้ความเร็วสูงระดับนี้อย่างต่อเนื่องได้ ซึ่งได้ทำให้มีความกลัวเย่เย่ปรากฏขึ้นมาในใจของผู้อาวุโสเป่ยซาน
ในเวลานี้เมื่อเขาเห็นเย่เย่หยุดวิ่งแล้ว ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็คิดว่าเย่เย่นั้นคงจะวิ่งจนหมดแรงแล้ว และในขณะที่เขากำลังโล่งอกอยู่นั้นเจตนาสังหารเย่เย่ของเขานั้นก็ได้แรงกล้ามากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย
“ท่านวิ่งไล่ตามข้ามาโดยไม่คิดอะไรเช่นนี้ ดูเหมือนว่าความมั่นใจในตัวเองของท่านนั้นเหมือนจะไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่ทว่าคนเขามักพูดกันว่าทหารที่อวดดีเกินไปน่ะมักจะตายก่อนเสมอ ไม่รู้ว่าท่านจะเคยได้ยินมาก่อนรึเปล่า?”
เย่เย่ก็ได้มองไปที่ผู้อาวุโสเป่ยซานที่วิ่งไล่ตามเขามาอย่างเยือกเย็น จากนั้นพร้อมกับแสงที่ปรากฏออกมาจากในดวงตาของเขา เย่เย่ก็ได้กลับหลังหันแล้วถอยหนีไปทันที
แล้วในขณะเดียวกันก็ได้มีหมอกหนาโผล่ออกมาครอบคลุมไปทั่วทั้งป่า แล้วเย่เย่ที่อยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสเป่ยซานเมื่อสักครู่นั้นก็ได้หายไปจากตรงหน้าเขาในทันทีภายใต้การปกคลุมของหมอกหน้า
เกิดเป็นหมอกหนาสีขาวรอบๆตัวของผู้อาวุโสเป่ยซาน ราวกับว่าตัวเขานั้นได้หลงเข้ามาในสถานที่ที่เขาไม่รู้จัก และรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าและงุนงงแผ่ออกมาจากในของเขา
นี่คืออาคมทรงพลังที่เย่เย่ได้ใช้ 3 ล้านตั๋วทองที่เขาได้มาก่อนนี้เติมเข้าไปในระบบเติมเงินและจ่ายเหรียญอเนกประสงค์ไปจำนวนมากเพื่อซื้อเอาอาคมนี้มาจากในระบบเติมเงิน
ถึงแม้ว่าอาคมม่านควันลวงตานั้นจะไร้พิษสง แต่ก็สามารถทำให้ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพนั้นหลงทางได้ หมอกควันหนาที่ปกคลุมทั่วทั้งป่านี้นอกจากจะทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานหลงทางแล้ว ก็ยังมีผลบั่นทอนจิตใจของอีกฝ่ายอีกด้วย ดังนั้นหลังจากที่ผู้อาวุโสเป่ยซ่านนั้นถูกห้อมล้อมด้วยหมอกควันนี้แล้ว ก็ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและถอยหนีขึ้นมาในใจ
“หึ! ลูกไม้ตื้นๆ! ถ้าหากว่านี่เป็นไพ่ตายของเจ้าแล้ว วันนี้ก็คงไม่มีใครช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น!”
แต่ทว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ไม่คิดที่จะล้มเลิกความคิดที่จะตามฆ่าเย่เย่ง่ายๆเพราะเรื่องนี้แน่ หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆแล้วก็ได้ปรับอารมณ์ของเขา ก็ได้รีบขับไล่ความหวาดกลัวและลังเลออกไปจากใจของเขา
ถึงแม้ว่าจะมีหมอกสีขาวแผ่ขยายออกไปเป็นบริเวณกว้าง และทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ตัวเขานั้นก็ยังพอที่จะสัมผัสได้ถึงที่อยู่ของเย่เย่อย่างรางๆได้โดยอาศัยความสามารถในการรับรู้ที่เหนือชั้นของยอดฝีมือจักรพรรดิเทพ
“ไปลงนรก!”
เมื่อผู้อาวุโสเป่ยซานจับตำแหน่งของเย่เย่ได้ปุ๊บ เขาก็ได้ชกไปยังที่ที่เย่เย่น่าจะอยู่ทันที
ตูม!”
ทันทีที่พลังปราณในอากาศจากทั่วทั้งบริเวณนี้ถูกเรียก ก็ได้หลั่งไหลมารวมกันในหมัดของผู้อาวุโสเป่ยซาน ซึ่งในขณะที่ผู้อาวุโสเป่ยซานได้ชกออกไปจุดนั้น หมอกควันหนาๆที่ครอบคลุมทั้งป่านี้อยู่นั้นก็ได้ถูกเป่าจนหายไปบางส่วนทันที แล้วตัวของ เย่เย่ที่อยู่ไม่ไกลจากผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้ถูกเผยให้เห็นทันที
ฟิ้ว!
เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เย่ก็ได้รีบถอยหนีและหายไปจากจุดนั้นทันที และซ่อนตัวอยู่ในหมอกหนาที่ยังไม่ถูกเป่าหายไปด้านหลังของผู้อาวุโสเป่ยซาน
แล้วหลังจากนั้นไม่นานหมอกหนาก็ได้กลับมาปกคลุมทั่วทั้งป่าใหม่ในชั่วพริบตา ทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นถูกล้อมรอบด้วยควันหนาอีกหน และบอกไม่ได้ว่าตัวเขานั้นกำลังอยู่ที่ไหน
แต่ทว่าไฟสู้ในดวงตาของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้เพิ่มสูงขึ้นมา เพราะตัวเขานั้นพอที่จะเข้าใจถึงรายละเอียดของอาคมนี้บ้างแล้ว และคิดว่าอาคมนี้ไม่สามารถที่จะหยุดเขาจากการสังหารเย่เย่ได้อีกต่อไป ซึ่งหลังจากที่คิดเช่นนี้ก็ได้มีรอยยิ้มที่หนาวเย็นปรากฏขึ้นมาที่ใบหน้าของเขา