ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 373 ชิงกระบี่
บทที่ 373
ชิงกระบี่
ถึงแม้ว่าตัวตนของเย่เย่ที่เป็นผู้มาจุตินั้นจะมีความสามารถในการพัฒนาที่ไร้ขีดจำกัดก็ตามที แต่เขาก็ยังไม่ได้เติบโตเต็มที่เลย อีกทั้งพลังของตระกูลเหยียนนั้นก็สามารถที่จะสังหารรองเจ้าเมืองโม่ไห่ได้สบายๆโดยไม่ต้องสนใจผลที่จะตามมาภายหลัง แถมยังอาจจะช่วยแก้ไขความขัดแย้งกันระหว่างตระกูลเหยียนกับสำนักแก้วหลากสีอีกด้วย
ดังนั้นมันจึงเป็นการไม่ฉลาดนักที่เย่เย่จะไปยั่วโมโหผู้อาวุโสเป่ยซานในเวลานี้ ถ้าหากว่าไม่นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเย่เย่กับเหยียนลี่หยางแล้ว ก็เกรงว่าในเวลานี้เหยียนเจิ้นตงคงจะขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวเขากับเย่เย่ไปแล้ว เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ถูกหางเลขไปด้วยทีหลัง
แต่เย่เย่นั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นดินปืนในห้องนั้นเลย ซึ่งเขาก็ได้ตอบผู้อาวุโสเป่ยซานกลับไปอย่างใจเย็น “ในความคิดของข้า การที่เหยียนลี่หยางช่วยเหยียนเสี่ยวเฟยหนีไปนั้นก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเมตตาและคุณธรรมของเขา ขอเพียงตระกูลเหยียนยอมยกโทษให้กับการล่วงเกินของเขาในครั้งนี้ ต่อจากนี้ไปเหยียนลี่หยางจะต้องจงรักภักดีต่อ ตระกูลเหยียนอย่างแน่นอน ดังนั้นขอผู้อาวุโสเป่ยซานจงช่วยปล่อยเหยียนลี่หยางออกมาเถิด และแน่นอนว่าช่วยคือกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพของเหยียนลี่หยางคืนสู่เจ้าของที่แท้จริงของมันด้วย การฉวยโอกาสเอาของคนอื่นไปเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหากว่าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ข้าหวังว่าผู้อาวุโสเป่ยซานจะเห็นแก่ชื่อเสียงของตระกูลเหยียนในทั่วแดนเทียนหนานด้วย!”
คำพูดของเย่เย่นั้นไม่ได้สุภาพสักเท่าไรนัก แต่ก็พูดสอดคล้องกับความต้องการของผู้อาวุโสเป่ยซานที่ถามเขาว่าจะให้ทำเช่นไรดี ซึ่งได้แฝงคำพูดบอกให้อีกฝ่ายนั้นมีมนุษยธรรม โดยเฉพาะคำพูดปิดท้ายนั้นคำพูดของเย่เย่นั้นเหมือนจะเป็นคำขู่มากกว่า ซึ่งทำให้ทุกคนในห้องนั้นรวมถึงผู้อาวุโสเป่ยซานถึงกับมีสีหน้าที่บอกไม่ถูก
ในขณะที่เหยียนเจิ้นตงแอบถอนหายใจและคิดว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นคงจะทำร้ายเย่เย่เป็นแน่อยู่นั้น เหยียนเทียนหรานก็ได้โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าทนเจ้ามานานเกินพอแล้ว”
เขาชักกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพออกมาแล้วเดินไปตรงหน้าของเย่เย่ จากนั้นก็ได้ชี้ไปที่เย่เย่ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยกระบี่และกล่าวอย่างเย็นยะเยือก
“เจ้าเคยถามถึงตัวตนที่เป็นนายน้อยตระกูลเหยียนของข้าต่อหน้าเหล่าคนในระดับสูงของตระกูลอย่างเปิดเผยก่อนหน้านี้ และตอนนี้เจ้าก็ยังจะไม่เคารพต่อผู้อาวุโสของพวกเราที่บ้านใหญ่ของสกุลเหยียนเช่นนี้อีก ข้าเหยียนเทียนหรานจะไม่ปล่อยให้เจ้าโอหังแบบนี้ได้อีกต่อไปแน่!”
เหยียนเทียนหรานที่ได้รับกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพมานั้น ก็ได้ทำให้ความมั่นใจของเขานั้นเพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก และต้องการที่จะประกาศศักดาของเขาต่อหน้าผู้อาวุโสเป่ยซาน จึงได้ออกมาท้าทายเย่เย่ที่ยั่วโมโหเขา
เหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนนั้นต่างก็คิ้วขมวด แล้วก็ได้พากันหันไปมองที่ผู้อาวุโสเป่ยซาน แต่ทว่า ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับกันเขาก็ได้ลงไปนั่งและคิดที่จะนั่งชมอะไรสนุกๆ
เพราะว่าตัวเขานั้นได้ยอมแพ้เรื่องของเหยียนลี่หยางไปแล้ว ดังนั้นในเวลานี้แน่นอนว่าตัวเขาจึงได้คาดหวังกับ เหยียนเทียนหรานอย่างมาก ถ้าหากว่าเหยียนเทียนหรานนั้นสามารถเอาชนะเย่เย่ที่เป็นผู้มาจุติที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้แล้ว มันก็จะเป็นเรื่องดีต่ออนาคตของเหยียนเทียนหราน ดังนั้น ผู้อาวุโสเป่ยซานจึงได้เห็นด้วยกับการท้าทายเย่เย่ของ เหยียนเทียนหรานและมุ่งหวังให้เขาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลัง
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเหยียนเทียนหรานก็ได้รู้สึกสนใจมากขึ้นกว่าเดิม และในขณะที่ชี้กระบี่ไปที่เย่เย่อยู่นั้น เขาก็ได้พูดท้าทายเย่เย่ต่อ “เข้ามาเลย! ขอข้าดูหน่อยเถอะว่าเจ้าน่ะแน่สมกับที่เป็นผู้มาจุติที่มีชื่อเสียงหรือเปล่า!”
แล้วในห้องนั้นก็ได้มีบรรยากาศที่หนักอึ้งขึ้นมาทันที
เมื่อเย่เย่เห็นเหยียนเทียนหรานกับผู้อาวุโสเป่ยซานมีท่าทีเช่นนี้แล้ว เขาก็พอจะเดาความคิดในหัวของทั้งคู่ได้ แต่ตัวเขาเองก็ไปได้ปฏิเสธการท้าทายของเหยียนเทียนหรานแต่อย่างใด กลับกันเขาก็ได้กล่าวกับเหยียนเทียนหรานด้วยวาจาที่โอหัง “ถ้าหากกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพนั้นอยู่ในมือของเหยียนลี่หยางข้าก็คงจะกลัวจนหัวหดไปแล้ว แต่เจ้าน่ะมีคุณสมบัติมากพอที่จะทำให้ข้ารู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย!”
ทันทีที่กล่าวจบ เย่เย่ก็ได้พุ่งเข้าไปหาเหยียนเทียนหรานทันที ซึ่งในขณะที่พุ่งเข้าไปหาเหยียนเทียนหรานนั้นก็ได้ดึงเอาพลังปราณมังกรมาไว้ที่มือขวาแล้วเข้าไปต่อยเหยียนเทียนหรานทันที
“โอหัง!”
เหยียนเทียนหรานที่ฉุนกับคำพูดของเย่เย่ขึ้นมาทันทีนั้น ในขณะเดียวกันกับที่เย่เย่กำลังต่อยเขาเข้ามานั้น เหยียนเทียนหรานก็ได้ปัดป้องตัวเขาด้วยกระบี่ในมือ ทำให้หมัดของเย่เย่นั้นปะทะเข้ากับกระบี่เจ็ดดาราสะท้านฟ้า และมีเสียงดังกึกก้องขึ้นมาจากระหว่างทั้งคู่
แก๊ง!
หมัดของเย่เย่นั้นแข็งแกร่งเหมือนกับก้อนหินที่หลอมด้วยทอง แต่ทว่ากระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพนั้นก็เป็นถึงอาวุธวิเศษในระดับจักรพรรดิเทพ จึงสามารถต้านกับการโจมตีของเย่เย่ได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่เหยียนเทียนหรานปัดป้องการโจมตีของ เย่เย่ได้สำเร็จ เขาก็ได้กวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพฟันตั้งแต่บนลงล่าง
ตูม!
เสียงดังก้องไปทั่วทั้งบ้านใหญ่สกุลเหยียน พลังปราณมหาศาลก็ได้ถูกดึงเข้าไปในกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพ แล้วกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพก็ได้ระเบิดพลังถาโถมเข้าใส่เย่เย่
เกิดเป็นลมกรรโชกที่รุนแรงพาดผ่านไปทั่วทั้งห้องในทันที ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีแต่ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว ก็เกรงว่าคงได้มีบางคนที่ต้องกระเด็นออกจากห้องไปเพราะแรงลมกรรโชกนี้
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่คู่ควรกับกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพอย่างนั้นเหรอ? ให้ข้าดูแลกระบี่เล่มนี้แทนเหยียนลี่หยางเองดีกว่าจะปล่อยให้กระบี่วิเศษเล่มนี้ต้องแปดเปื้อนเพราะเจ้า!”
ในขณะที่เหยียนเทียนหรานกำลังโจมตีใส่เย่เย่นั้น เย่เย่ก็ยังคงใจเย็นได้อยู่และส่งพลังปราณมังกรไปที่เท้าของเขา แล้วตัวของเย่เย่ก็ได้หายไปจากตรงหน้าของเหยียนเทียนหรานทันทีราวกับหายตัว ไม่เพียงแต่จะหลบหนีจากการโจมตีของ เหยียนเทียนหรานได้แล้ว แต่ยังอาศัยจังหวะที่เหยียนเทียนหรานไม่ทันระวังตัว ชิงเอากระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพมาจากเขาอีกด้วย
“เอาคืนมานะ!”
เหยียนเทียนหรานก็ได้มองอย่างตกใจ และได้พุ่งเข้าไปหาเย่เย่ที่อยู่ไม่ไกลจากเขาทันที หวังที่จะชิงกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพกลับมาจาก
แต่มีหรือที่เย่เย่จะปล่อยให้เขาทำอย่างที่หวังได้? เย่เย่นั้นรู้อยู่แล้วเหยียนเทียนหรานจะต้องบุกเข้ามาชิงกระบี่คืนแน่ เขาจึงได้เตะเหยียนเทียนหรานส่วนกลับไปในขณะเดียวกันกับกำลังบุกเข้ามาหาเขา ส่งเหยียนเทียนหรานกระเด็นไปอยู่ที่มุมห้อง!
แล้วเหล่าผู้ชมในห้องนั้นต่างก็พากันเงียบสนิท และเหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนนั้นต่างก็พากันตกใจ พวกเขานั้นไม่คิดว่าเหยียนเทียนหรานนั้นจะถูกเย่เย่ปราบอย่างง่ายดาย!
เป็นที่รู้กันดีว่าถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บของ เหยียนเทียนหรานนั้นจะยังไม่หายสนิทดี แต่เขาเองก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพ และเมื่อรวมกับกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพในมือของเขาแล้ว แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งไม่อาจเทียบเท่ากับยอดฝีมือในระดับเริ่มต้นจักรพรรดิเทพ แต่เขาก็ควรที่จะได้เปรียบเมื่อต้องสู้กับยอดฝีมือในระดับราชันย์เทพ
แต่ทว่าทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งของเย่เย่นั้นได้ทำให้พวกเขาต้องตกใจอีกหน ราวกับว่าในช่วงเวลานี้เองที่เหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนนั้นได้รับรู้ว่ายอดฝีมือในระดับสูงสุดราชันย์เทพนั้นแท้จริงแล้วแข็งแกร่งเพียงใด
ที่เก้าอี้หัวโต๊ะในห้องนั้น ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้มองไปที่เหยียนเทียนหรานด้วยสายตาที่ผิดหวัง เขานั้นไม่คิดว่าอุตส่าห์มอบกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพให้ไปแล้วแท้ๆ เหยียนเทียนหรานก็ยังไม่สามารถเอาชนะเย่เย่ได้
แต่ทว่าในชั่วพริบตาที่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นได้หันมามองที่เย่เย่ตรงหน้าเขานั้น สีหน้าของเขาก็ได้ค่อยๆจริงจังขึ้นมาทันที เพราะตัวตนของเย่เย่ที่เป็นผู้มาจุตินั้นช่างยิ่งใหญ่นัก ในอนาคตเย่เย่คงได้กลายเป็นยอดฝีมือที่ไร้ผู้เทียมทานในดินแดน เทียนหนานเป็นแน่ นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเขาในตอนที่จัดการกับเหยียนเทียนหรานเมื่อสักครู่นี้ก็ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก ดังนั้นหากว่าคิดที่จะเป็นศัตรูกับเขาแล้วก็ควรที่จะเก็บเขาเสียที่นี่เดี๋ยวนี้
“หลังจากที่เจ้ามาที่ตระกูลเหยียน ตระกูลเหยียนของเราก็ปฏิบัติกับเจ้าอย่างมีอัธยาศัยมาโดยตลอด แต่เจ้ากลับไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีก! แล้วครั้งนี้เจ้ายังทำร้ายนายน้อยของตระกูลเหยียนเราอีก เจ้าคงจะเตรียมพร้อมที่จะชดใช้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม?”
ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็ได้ตัดสินใจที่จะสังหารเย่เย่ แล้วดวงตาของเขาก็ได้จับจ้องไปที่เย่เย่ด้วยแววตาที่หนาวเย็นกว่าเดิม
เย่เย่นั้นก็พอจะเดาความคิดของผู้อาวุโสเป่ยซานได้จากสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา หลังจากที่เย่เย่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้ว เขาก็ได้ตอบกลับไปด้วยวาจาที่แข็งกร้าว “ถ้าหากว่าท่านอยากจะสู้ก็ลุกขึ้นมาสู้เลย ข้าเย่เย่คนนี้ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น! ขอเพียงท่านไม่กลัวข่าวจะลือออกไปว่าตัวท่านนั้นเป็นคนที่ชอบข่มเหงผู้น้อยแล้ว ข้าก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนเล่นกับท่านทุกเมื่อ!”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นเย่เย่ก็ได้กวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพในมือของเขา แล้วพลังกดดันที่แผ่ออกมานั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของผู้อาวุโสเป่ยซานเลย
เดิมทีพลังของเย่เย่นั้นก็เรียกได้ว่าเทียบเท่าได้กับระดับเริ่มต้นจักรพรรดิเทพแล้ว และเขาก็ได้ทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่ได้กระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพคืนกลับมา ดังนั้นแม้ว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะมีวรยุทธ์อยู่ในระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพ แต่เย่เย่ก็มั่นใจว่าตัวเขานั้นจะสามารถรับมือเขาสัก 2 กระบวนท่า
แต่เย่เย่นั้นก็ไม่ได้อวดดีมากพอที่จะคิดว่าตัวเขานั้นจะสามารถสู้กับผู้อาวุโสเป่ยซานได้ ต่อให้เขามีกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพอยู่ในมือของเขาก็ตามที การที่เย่เย่จะสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของผู้อาวุโสเป่ยซานได้สำเร็จนั้นก็เป็นปาฏิหาริย์มากพอแล้ว ดังนั้นเย่เย่จึงได้ไม่คิดที่จะสู้กับ ผู้อาวุโสเป่ยซานอย่างจริงจังเว้นแต่เขาจำเป็นจะต้องทำจริงๆ แต่ก็ยังสั่นคลอนทั้งห้องนั้นได้ด้วยคำพูดของเขา
แต่ทว่าเย่เย่นั้นประมาทในความมุ่งมั่นที่อยากฆ่าเขาในตัวของผู้อาวุโสเป่ยซานมากเกินไป!
หลังจากที่เย่เย่นั้นได้แสดงท่าทีออกมาว่าตัวเขานั้นรับที่จะต่อสู้ตัวต่อตัวกับผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้พลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเย่เย่ แล้วกล่าวกับเย่เย่ด้วยวาจาที่ดูถูก “รังแกผู้น้อยอย่างนั้นเหรอ? เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าหลังจากที่เจ้าตายไปจะมีข่าวที่ไม่ดีของตระกูลเหยียนออกไปน่ะ? ผู้ที่ชนะคือผู้ที่เขียนประวัติศาสตร์ต่างหากล่ะคือความจริง ข้าหวังว่าเจ้าจะจดจำบทเรียนนี้ไปยังโลกหน้าของเจ้าด้วย!”
“ไร้ยางอายยิ่งนัก!”
เมื่อเย่เย่ได้ยินที่ผู้อาวุโสเป่ยซานกล่าวนั้น เขาก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะสู้ตัวต่อตัวกับฝ่ายตรงข้ามทันที แล้วได้หันหลังกลับและหนีออกไปจากห้องนี้อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายนั้นคงไม่มีทางคาดหวังความศีลธรรมได้จากผู้อาวุโสเป่ยซานได้อยู่แล้ว แต่จากที่ผู้อาวุโสเป่ยซานพูดกับเย่เย่ว่าเขานั้นคิดที่จะบิดเบือนความจริงนั้น ก็ได้ทำให้เย่เย่นั้นทำความเข้าใจกับเขาเสียใหม่อีกครั้ง
ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านั้นไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆคือศัตรูนั้นไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่าแต่ยังไร้ยางอายอีกด้วย!
หลังจากที่เย่เย่ได้รับรู้ถึงนิสัยที่แท้จริงของผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว เขาก็รับรู้ได้ว่าจะต่อรองใดๆกับเขาต่อไปก็เปล่าประโยชน์ จึงได้เปลี่ยนความคิดและคิดที่จะหนีไปจากที่นี่ทันที ซึ่งเรื่องของการช่วยเหลือเหยียนลี่หยางนั้นเอาไว้คิดหาหนทางอีกทีภายหลัง
แต่ทว่ามีหรือที่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะปล่อยให้เย่เย่ได้หนีจากไปได้ง่ายๆ? ในขณะที่เย่เย่ได้พุ่งตัวไปที่ทางเข้าห้องนั้น ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้มาปรากฏตัวตรงหน้าเย่เย่ในทันทีและปิดทางหนีของเย่เย่เอาไว้จนสิ้น
“ท่านผู้อาวุโส สังหารเขาเลย!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหยียนเทียนหรานที่ได้รับบาดเจ็บจากเย่เย่เมื่อสักครู่นั้น ก็ได้พลันตะโกนบอกกับผู้อาวุโสเป่ยซานอย่างตื่นเต้น
สายตาที่เขาจับจ้องไปที่เย่เย่นั้นก็ได้เต็มไปด้วยความชิงชัง ยิ่งกว่าที่เขาชิงชังเหยียนลี่หยางเสียอีก
ถึงแม้ว่าเหยียนลี่หยางนั้นจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเขาก็ตามที แต่ก็ไม่ได้มีความบาดหมางอะไรระหว่างเขามากนัก แต่กับเย่เย่นั้นไม่เพียงแต่จะแสดงท่าทีดูถูกเขาอย่างเปิดเผยแล้ว แต่เมื่อสักครู่นี้ก็ยังทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คนอีก เหยียนลี่หยางจึงได้หวังให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจัดการเก็บเขาเสียที่นี่
ไม่ไกลจากเหยียนเทียนหราน เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกก็ได้มองไปที่เหยียนเทียนหรานด้วยความรังเกียจ ราวกับว่าพวกเขานั้นไร้ซึ่งความรักใคร่ที่มีต่อเขาแล้ว แต่ในเวลานี้ ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นได้ตัดสินใจที่จะลงมือสังหารเย่เย่แล้ว เหยียนเจิ้นตงก็ไม่สามารถที่จะห้ามเขาได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่มองดูเย่เย่กับผู้อาวุโสเป่ยซานสู้กันด้วยสีหน้าที่ช่วยไม่ได้ และเฝ้ารอผลของการต่อสู้นี้