ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 324 วังสมบัติ
บทที่ 324
วังสมบัติ
“ได้ครับ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา!”
ถูหลานก็ได้รีบก้มหัวให้เหยียนลี่หยาง แล้วจากนั้นก็ได้หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปยังประตูข้างวัง เพื่อไปรายงานให้ประมุขวังสมบัติทราบโดยทันที
“เชิญดื่มชาก่อนขอรับ!”
ในขณะเดียวกัน พนักงานต้อนรับที่ชื่อหม่าเฟินก็ได้นำชาที่ชงเสร็จแล้วมาให้เหยียนลี่หยางด้วยท่าทางที่ให้ความเคารพอย่างไร้จุดบกพร่อง
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเหยี่ยนลี่หยางก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วดวงตาของเขาก็ได้พร่ามัวขึ้นมา
เขาได้จิบชาและมองไปรอบๆเหมือนว่าไม่มีใครอื่นอยู่ ราวกับว่าตัวเขาได้กลับมาเยือนบ้านเกิดอีกครั้ง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เหยียนลี่หยางนั้นเพิ่งได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้ตื้นตันใจนักเพราะอาคารของวังสมบัตินั้นมีลักษณะเหมือนกันหมดทุกสาขาในดินแดนเทียนหนาน ซึ่งตัวเขาเคยไปที่วังสมบัติสาขาอื่นมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว ทำให้ตัวเขารู้จักกฎและคุณสมบัติของวังสมบัติดี
และเพราะเหตุนี้ เหยียนลี่หยางจึงเชื่อว่าวังสมบัตินั้นจะไม่ฆ่าคนหรือโกงแน่ และยังให้ราคาของซากมังกรสองหัวอย่างสมน้ำสมเนื้อแน่นอน จึงได้กล้าขับรถม้ามาที่ลานกว้างของวังสมบัติและเผยซากมังกรสองหัวให้ถูหลานกับพนักงานต้อนรับให้เห็น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อใจในวังสมบัติของ เหยียนลี่หยาง
ในขณะที่เหยียนลี่หยางกำลังดื่มชารออยู่นั้น หม่าเฟิ่นก็ได้อยู่รออยู่ข้างๆเหยียนลี่หยางอยู่ตลอดเพื่อรอรับคำสั่งจากเขาทุกเมื่อ แม้ว่าหม่าเฟิ่นนั้นจะตกใจในตอนที่เขาเห็นซากมังกรสองหัวอยู่บนรถม้าก็ตาม แต่เขาก็รู้กฎของวังสมบัติดี จึงได้หันหน้าไปทางอื่นและไม่หันกลับมามองที่มังกรสองหัวอีก เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้เหยียนลี่หยางรู้สึกไม่ดี
ทำนองเดียวกันถูหลานเองก็ไม่ได้ปล่อยให้เหยียนลี่หยางรอนานมากจนเกินไป ไม่ถึง 1 ชั่วก้านธูปถูหลานก็ได้กลับมาหา เหยียนลี่หยางที่อยู่ด้านข้างวังอีกหน และกางนิ้วทั้ง 10 ออกให้ เหยียนลี่หยาง
“10 ล้านตั๋วทอง! หากว่าคุณลูกค้ายินดีที่จะขายซากของมังกรสองหัวให้กับวังสมบัติของเรา พวกเรายินดีที่จะรับซื้อในราคา 10 ล้านตั๋วทองครับ!”
ถูหลานที่เหมือนคำนวณราคามาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็ได้เสนอราคาให้เหยียนลี่หยางสูงถึง 10 ล้านตั๋วทอง ซึ่งได้ทำให้ หม่าเฟิ่นที่อยู่ข้างๆเขาต้องตกตะลึง
แต่ทว่าเหยียนลี่หยางกลับไม่ตอบตกลงทันที และมองไปที่ด้านของถูหลานอย่างสงสัย
เดิมทีตามกฎของวังสมบัตินั้น การแลกเปลี่ยนสินค้าในระดับนี้ควรจำเป็นที่จะต้องประเมินโดยประมุขของสาขานี้ แต่ทว่าในเวลานี้ถูหลานกลับเป็นคนมาซื้อด้วยตัวเองเช่นนี้ จึงได้ทำให้เหยียนลี่หยางนั้นรู้สึกสงสัยขึ้นมา
ถูหลานที่เพิ่งเสนอราคาออกไปนั้น ก็ดูเหมือนจะเห็นสีหน้าสงสัยของเหยียนลี่หยาง จึงได้รีบอธิบายให้เหยียนลี่หยางฟังด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องสงสัยหรอกครับ! เพราะประมุขวังของพวกเรานั้นได้เก็บตัวฝึกวิชาอยู่ ตามกฎของวังสมบัติแล้ว เรื่องเช่นนี้ข้าถูหลานจะมีอำนาจสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ครับ! เดิมทีราคาของซากมังกรสองหัวที่อยู่ในระดับจักรพรรดิเทพนั้นจะให้ราคามากกว่านี้ แต่เนื่องจากแก่นภายในของมันนั้นถูกนำออกไปแล้ว ดังนั้นราคา 10 ล้านตั๋วทองนั้นคือเพดานราคามากสุดที่ทางเราให้ได้ครับ”
หลังจากที่เหยียนลี่หยางได้ยินที่ถูหลานอธิบายแล้ว ก็ได้มีแววตาประหลาดใจปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด แต่ผงกหัวให้ถูหลานหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วกล่าว “ตอนที่ข้าได้ซากมังกรสองหัวตัวนี้มา แก่นภายในของมันก็ได้ถูกเอาไปแล้ว ราคาของมันจึงได้ตกลงอย่างมาก ไม่มีทางเลือก! 10 ล้านตั๋วทองใช่ไหม? ตกลง! จ่ายเงินมาแล้วรับของไปได้เลย!”
เหยียนลี่หยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย ซึ่งถูหลานเองก็ได้ถามเพื่อทดสอบเขาเท่านั้น และรู้สึกไม่ดีที่จะถามไปมากกว่านี้ แต่ทว่าต่อให้เขาไม่คุ้ยลึกไปมากกว่านี้ถูหลานก็คิดว่าความเป็นไปได้ที่เหยียนลี่หยางจะได้แก่นภายในของมังกรสองหัวมานั้นมีโอกาสเพียงเล็กน้อยมาก อย่างไรเสียมังกรสองหัวที่อยู่ในระดับจักรพรรดิเทพนั้นทรงพลังอย่างสุดๆ ซึ่งคนที่สามารถฆ่ามันได้และมีแก่นภายในไว้ในครอบครองนั้นก็คงจะรังเกียจที่จะมายังสถานที่อย่างหุบเขาหลิ่วชวานแน่
และการที่เหยียนลี่หยางนั้นได้ซากมังกรสองหัวนี้มาโดยที่ไม่มีแก่นภายในนั้น ก็เป็นไปได้อย่างมาว่าเขาอาจจะไปเก็บซากที่เขาทิ้งเอาไว้โดยบังเอิญ!
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วถูกหลายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมา แต่ทว่าตัวเขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมาบนใบหน้าของเขาได้ และหลังจากที่เหยียนลี่หยางยอมตกลงแลกเปลี่ยนแล้ว ก็ได้ให้คนไปนำเงินมา 10 ล้านตั๋วทองและมอบให้เหยียนลี่หยางด้วยความเคารพ
เหยียนลี่หยางจึงได้หันหลังและจากไปโดยนำตั๋วทองกลับไปด้วยโดยไม่คิดที่จะเสวนากับถูหลานต่อแต่อย่างใด เพราะแก่นภายในของมังกรสองหัวนั้นเย่เย่ได้เก็บเอาไปแล้ว เหยียนลี่หยางจึงได้คาดประมาณราคาของซากมังกรสองหัวเอาไว้แล้วก่อนที่จะมายังวังสมบัติ ซึ่งราคาที่ถูหลานเสนอมานั้นก็เรียกได้ว่าสมน้ำสมเนื้อแล้ว เหยียนลี่หยางจึงได้ยอมตกลงแลกเปลี่ยนกับถูหลานอย่างรวดเร็วและออกไปจากวังสมบัติโดยที่ไม่พูดอะไร
ถึงแม้ว่าเหยียนลี่หยางนั้นจะรู้ดีว่าโอกาสที่จะถูกฆ่าและขโมยของไปนั้นจะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยมากเนื่องจาก เหยียนลี่หยางนั้นรู้จักวังสมบัติเป็นอย่างดีก็ตามที แต่เผื่อเป็นการเอาไว้ก่อนเหยียนลี่หยางก็ได้เพิ่มความระมัดระวังขึ้นมา และแบกเอาตั๋วทองจำนวนมากออกไปจากหุบเขาหลิ่วชวาน
หลังจากที่เหยียนลี่หยางจากไปแล้ว ถูหลานที่ยังคงมีใบหน้ายิ้มและเคารพอยู่เมื่อสักครู่ ก็ได้ปรากฏสีหน้าชั่วร้ายขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
“ไปตามจ้าวเหล่าซานมากับพรรคพวกมาเดี๋ยวนี้ แล้วเรื่องในวันนี้เจ้าอย่าได้พูดอะไรออกไป ไม่อย่างนั้นแกะอ้วนๆมันจะหนีไปได้!”
ถูหลานก็ได้มองไปยังทิศทางที่เหยียนลี่หยางจาก ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโลภราวกับตัวเขานั้นได้เขมือบ เหยียนลี่หยางไปแล้ว ต่อให้เหยียนลี่หยางนั้นไม่มีแก่นภายในของมังกรสองหัวก็ตามที แต่เงินมหาศาลจำนวน 10 ล้านตั๋วทองที่อยู่กับเหยียนลี่หยางนั้นก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงอยู่ดี
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับผู้ดูแลถู เจ้าหมอนั่นหนีไปไหนไม่รอดหรอกขอรับ!”
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หม่าเฟิ่นนั้นร่วมมือกับถูหลานทำเรื่องเช่นนี้ หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของถูหลานแล้วเขาก็ได้ยิ้มกริ่มและทำมือคารวะถูหลาน แล้วจากนั้นก็ได้พลันหันหลังกลับไปเพื่อไปตามคน และวางแผนที่จะร่ำรวยจากลูกค้าของวังสมบัติ
คืนมืดลมแรงเช่นนี้ เส้นทางบนภูเขานั้นอันตรายมาก!
เพื่อเป็นการเลี่ยงการถูกตาม เหยียนลี่หยางก็ได้หักเลี้ยวหลังจากที่ออกมาจากหุบเขาหลิ่วชวานและไม่ได้กลับไปตามเส้นทางที่เขามาในตอนแรก จนกระทั่งเขาคิดว่ามาตามเส้นทางนี้ปลอดภัยมากพอแล้ว เขาก็ได้กลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้องและรีบกลับไปยังเมืองโม่ไห่อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าในขณะเหยียนลี่หยางนั้นกลับมาในเส้นทางที่ถูกต้องอยู่นั้นเอง ก็ได้มีสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนเสือดาวมีลายขาวดำจู่ๆก็มาหยุดอยู่ข้างหน้าเขา
สัตว์อสูรตัวนั้นสูงกว่ามนุษย์เสียอีก และลูกตาสีแดงเหมือนตะเกียงไฟของมันก็ได้จับจ้องมาที่เหยียนลี่หยาง ทำให้ เหยียนลี่หยางนั้นรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา
“สัตว์อสูรสีสัน”
ในชั่วขณะที่เหยียนลีหยางเห็นสัตว์อสูรแปลกๆนี้เอง ชื่อๆหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา
ในขณะเดียวกันก็มีชายวัยกลางคนปิดตาข้างหนึ่งที่ขี่สัตว์อสูรสีสันมาก็ได้หวดใส่เหยียนลี่หยางด้วยแส้ ด้วยความรุนแรงของมันทำให้เกิดเสียงแหวกฝ่าลมดังขึ้นมา
ตูม!
เมื่อเห็นเช่นนี้เหยียนลี่หยางก็ได้ถอยฉากออกมาและหลบแส้ยาวอันนั้น และในขณะเดียวกันก็ได้โจมตีสวนชายวัยกลางคนตาเดียวที่ขี่สัตว์อสูรสีสันกลับไปด้วยฝ่ามือ
เกิดเป็นเสียงลมคำราม และพลังปราณในอากาศก็ปั่นป่วน!
ถึงแม้ว่าฝ่ามือของเหยียนลี่หยางนั้นจะไม่โดนตัวชายตาเดียว และพลังปราณที่มองไม่เห็นก็ได้ตัดผ่านอากาศและพุ่งเข้าหาตัวของชายตาเดียวในชั่วพริบตา
“ฮึ่ม!”
ชายวัยกลางคนตกใจเมื่อเห็นการโจมตีสวนกลับมาของเหยียนลี่หยาง แต่การตอบสนองของเขาก็ไม่ได้ช้านัก จึงได้ปล่อยหมัดออกมาปะทะเข้ากับพลังปราณที่กำลังพุ่งมาหาเขาทันที
ตูมมมม!
เกิดเป็นฝุ่นและควันขึ้นระหว่างทั้งสองคนนั้น แล้วความปั่นป่วนของพลังปราณที่เกิดก็ได้ทำลายเนินเขาที่อยู่ไม่ไกลออกไปทันที
สัตว์อสูรสีสันนั้นแม้ว่าจะแบกชายตาเดียวไว้บนหลังของมัน แต่ก็ได้รีบหลบฉากออกมาก่อนที่พลังปราณจะระเบิดออกได้ทัน ทำให้มันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แล้วดวงตาสีแดงของมันก็ได้จับจ้องมาที่เหยียนลี่หยางที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“จ้าวเหล่าซาน อย่าประมาทจนทำให้แผนล่มล่ะ!”
แล้วในชั่วเวลานี้เองก็ได้มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังเหยียนลี่หยาง เหยียนลี่หยางก็ได้หันหน้ามาและพบเป็นถูหลานกับหม่าเฟิ่นที่โผล่มาขวางทางหนีของเขา
ชายตาเดียวที่สู้กับเหยียนลี่หยางเมื่อสักครู่นั้นจะต้องเป็นคนที่ถูหลานเรียกว่าจ้าวเหล่าซานอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งคู่นั้นแข็งแกร่งอยู่ในระดับราชันย์เทพ ถึงแม้ว่าหม่าเฟิ่นนั้นจะไม่ได้มี วรยุทธ์ในระดับราชันย์เทพแต่ก็ยังมีวรยุทธ์อยู่ในระดับจอมเทพ
ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะตกใจกับวรยุทธ์ในระดับราชันย์เทพของเหยียนลี่หยางเมื่อสักครู่ แต่พวกเขาก็ยังเชื่อว่าสถานการณ์ยังอยู่ในภายใต้การควบคุมของพวกเขา ทั้งหมดจึงได้มีสีหน้าผ่อนคลายและมองไปที่เหยียนลี่หยางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ
“พวกเจ้าหาข้าพบได้อย่างไร?”
ใบหน้าของเหยียนลี่หยางภายใต้ผ้าคลุมนั้นไม่ดีอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยวังสมบัติที่เขาเชื่อใจมากที่สุดนั้นจะมาคิดไม่ซื่อเช่นนี้ แต่ทว่าที่โกรธก็เรื่องหนึ่ง ที่เหยียนลี่หยางตกใจมากที่สุดในเวลานี้คือวิธีการที่พวกเขาใช้แกะรอยตามเขา
อย่างไรเสียถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อใจวังสมบัติก็ตามที แต่เขาก็ยังคิดหาวิธีการต่างๆที่จะอำพรางเส้นทางไม่ให้แกะรอยได้หลังจากที่แลกเปลี่ยนกันเสร็จ แต่อีกฝ่ายกลับสามารถหาตำแหน่งที่อยู่ของเขาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งเหยียนลี่หยางไม่คิดว่ามันเป็นเพราะโชคช่วยแน่ๆ
“เห็นแก่เจ้าแล้ว จะบอกเจ้าสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร! ข้าได้ให้คนจัดเตรียมแก้วชาและชานมมาให้เจ้าเป็นพิเศษ หลังจากที่ดื่มไปแล้วเจ้าจะส่งกลิ่นเฉพาะออกมาที่มีแต่เจ้าสัตว์อสูรสีสันจะได้กลิ่น และตามหาเจ้าจากกลิ่นนั้น!”
วันนี้ถูหลานอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะการแลกเปลี่ยนของเขากับเหยียนลี่หยางนั้นประสบความสำเร็จดี ทำให้เขาทำประโยชน์ให้กับวังสมบัติได้ นอกจากนี้ตัวเขานั้นคิดว่า เหยียนลี่หยางนั้นเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ ยังไงเสียเงิน 10 ล้านตั๋วทองของอีกฝ่ายนั้นจะต้องตกเป็นของพวกเขาแน่ๆ จึงได้ตอบคำถามของเหยียนลี่หยางอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของถูหลานแล้ว ก็ได้มีแสงออกมาจากในดวงตาของเหยียนลี่หยาง แล้วจากนั้นก็ได้ปล่อยรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงออกไป แล้วจ้องมองไปที่พวกถูหลานราวกับกำลังมองคนตายอยู่ยังไงอย่างงั้น
“พวกเจ้าทำลายชื่อเสียงของวังสมบัติที่มีมานานหลายร้อยปี! ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเตรียมชดใช้ให้กับมันแล้ว!”
หลังจากที่ตะโกนใส่พวกถูหลานด้วยความโกรธ เหยียนลี่หยางก็ได้วิ่งเข้าไปหาหม่าเฟิ่น ผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำที่สุดโดยคิดที่จะจัดการกับเขาก่อน
“ตายซะ!”
“โอหัง!”
จ้าวเหล่าซานกับถูหลานที่เหมือนกับเห็นความตั้งใจของเหยียนลี่หยางก็ได้ตะโกนใส่ด้วยความโมโหพร้อมกัน
ถูหลานนั้นก็ได้ไม่ลังเลที่จะวิ่งไปหาหม่าเฟิ่นเพื่อช่วยเขาปะทะเหยียนลี่หยาง แม้แต่จ้าวเหล่าซานเองก็ได้ลงมาจากหลังสัตว์อสูรสีสันเพื่อลงมาหยุดการบุกของเหยียนลี่หยาง
แต่พวกเขาก็ยังประมาทความแข็งแกร่งของ เหยียนลี่หยางเกินไป ในขณะที่พวกเขาได้พุ่งเข้ามาหาหม่าเฟิ่น ดวงตาของเหยียนลี่หยางก็ได้ปรากฏแสงออกมา
“ถอยไป!”
เหยียนลี่หยางได้โจมตีออกไปด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างพร้อมกัน ซึ่งพลังของราชันย์เทพระดับสูงสุดก็ได้ระเบิดออกมา และเข้าปะทะกับถูหลานและจ้าวเหล่าซานอย่างสุดกำลัง