ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 323 หุบเขาหลิวชวาน
บทที่ 323
หุบเขาหลิวชวาน
“อุ่ฟ!”
ภายใต้การโจมตีที่เต็มพลังของเย่เย่ หลินฉีที่กำลังตายแหล่มิตายแหล่อยู่นั้น ก็ไม่อาจที่จะทนต่อแรงระเบิดและกระเด็นถอยออกไป แล้วร่างของเขาก็ได้ร่วงลงสู่พื้นราวกับว่าวที่สายป่านขาด
ตุบ!
ทันทีที่ร่างของเขาตกลงสู่พื้น พลังชีวิตของเขาก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว แล้วในชั่วขณะต่อมาหลินฉีก็ได้หยุดเคลื่อนไหวและหลับตาลงไปตลอดกาลและตายลง
ที่ลานกว้างหน้าจวนเจ้าเมืองนั้น ซ่างกวานจ้งกับคนอื่นๆต่างก็เงียบกริบ
เดิมทีพวกเขาคิดว่าเย่เย่นั้นเห็นแก่ซ่างกวานอวี่แล้วปล่อยหลินฉีไป เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วพวกเขาก็พูดอะไรไม่ออก ใจหนึ่งพวกเขาต่างก็ตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เย่ อีกใจหนึ่งพวกเขาก็ต่างก็รู้สึกทึ่งกับความเย็นชาของเย่เย่
แต่ทว่าถึงเย่เย่นั้นจะไม่ได้อธิบายอะไรพวกเขาเลย แต่ท่าทีของเขานั้นก็ชัดเจนมาตั้งแต่ก่อนหลินฉีจะเริ่มต่อยเสียอีก
แล้วซ่างกวานจ้งกับคนอื่นๆก็ดูเหมือนจะค่อยๆเดาความคิดของเย่เย่ได้ และถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ในขณะที่เขาได้สั่งให้คนไปตามเก็บร่างไร้วิญญาณของหลินฉี ซ่างกวานจ้งก็ได้เดินไปหาเย่เย่แล้วก่อนเย่เย่อย่างจริงจังแล้วกล่าว “ขอบคุณ!”
เพียงแค่สองคำแต่ก็แสดงถึงความรู้สึกที่แท้จริงของ ซ่างกวานจ้ง
เย่เย่ที่รู้สึกสงสัยก็ได้หันไปมองซ่างกวานจ้งแล้วถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “ท่านเจ้าเมืองหมายความเช่นไร?”
ซ่างกวานจ้งที่เหมือนจะฟื้นจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ได้แล้วนั้น ใบหน้าของเขาก็ได้กลับมามั่นคงและเยือกเย็นอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำถามของเย่เย่แล้ว เขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ก่อนอื่นเลย ข้าขอบคุณเจ้าที่เลือกที่จะอยู่ที่เมืองโม่ไห่ของพวกเราต่อโดยไม่สนว่าคนของสำนักต่างไฟนั้นจะเสนออะไรมา ข้าซ่างกวานจ้งขอสัญญาณตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่ในเมืองโม่ไห่ เมืองโม่ไห่นั้นจะไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างไม่ดีเด็ดขาด!”
ซ่างกวานจ้งเคยพูดเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นเขาพูดเพื่อชักชวนให้เย่เย่มาเข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่ แต่ในครั้งนี้เขาพูดออกเป็นเชิงสัญญาราวกับเย่เย่นั้นได้เอาชนะใจเขาได้แล้ว
“แล้วก็อีกเรื่องข้าต้องขอขอบคุณที่เจ้าให้โอกาสหลินฉีอีกครั้ง! ถึงแม้ว่าหลินฉีนั้นจะไม่ได้มีความสามารถเหมือนคนอื่นและพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป แต่ข้าก็รู้ว่าถ้าหากหลินฉีนั้นสามารถทำให้เจ้าออกไปจากจุดที่เจ้ายืนอยู่ได้ เขาก็จะรักษาสัญญาและปล่อยให้เขาไปจริงๆ!”
ซ่างกวานจ้งกล่าวเสียงดัง ราวกับว่าตั้งใจพูดให้ ซ่างกวานอวี่ที่อยู่ใกล้ๆได้ยิน
อย่างไรเสียซ่างกวานอวี่นั้นก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับหลินฉี ถ้าหากเธอไม่สามารถปล่อยวางและยกโทษให้เย่เย่ได้ ก็เกรงว่ามันจะมีช่องว่างระหว่างพวกเขาทั้งคู่ไปตลอด
อย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากที่ซ่างกวานอวี่ได้ยินที่ ซ่างกวานจ้งพูดขอบคุณเย่เย่แล้ว คิ้วที่ขมวดของซ่างกวานอวี่ก็ได้ค่อยๆคลายออก แล้วดวงตาที่จับจ้องไปที่เย่เย่นั้นก็ได้กลับมาสู่ท่าทางก่อนหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เย่ก็ได้ยักไหล่และไม่ปฏิเสธการคาดเดาของซ่างกวานจ้ง
ในความเป็นจริงเย่เย่นั้นก็ไม่ได้คิดมากขนาดนั้นในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหลินฉี ต่อให้สมาคมดอกบัวโลหิตที่อยู่เบื้องหลังหลินฉีนั้นจะมาล้างแค้นเย่เย่หลังจากที่ทราบเรื่องว่าเขาสังหารหลินฉีไปก็ตามที เย่เย่ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยให้หลินฉีไปตั้งแต่แรกแล้ว
ในโลกนี้มันมีซึ่งเหตุและผลอยู่ หลินฉีนั้นเพ่งเล็งมาที่เขาจึงจำเป็นต้องให้หลินฉีตายด้วยน้ำมือของเขา ถึงการสังหารหลินฉีนั้นอาจจะนำพามาซึ่งการล้างแค้นจากสมาคมดอกบัวโลหิตก็ตามซึ่งเย่เย่ก็ได้ยอมรับมันอย่างใจเย็น ตัวเขาที่ไม่กลัวแม้แต่ทัณฑ์สวรรค์นั้น แล้วทำไมเขาถึงจะต้องกลัวกะอีแค่สมาคมดอกบัวโลหิตด้วย?
ซ่างกวานจ้งที่เห็นสีหน้าของเย่เย่ที่สงบเยือกเย็นแล้ว ก็ได้ทำให้การประเมินค่าเย่เย่ของเขานั้นสูงมากขึ้นไปอีก และในขณะเดียวกันตัวเขาก็ได้แอบตกใจถึงความสามารถของผู้มาจุติด้วย
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้มาจุติทุกคนที่จะมีความสามารถที่โดดเด่นอย่างไร้คนเทียบเคียงเช่นนี้ แต่จากประสบการณ์และวิญญาณของคนที่อยู่มา 2 ชาติแล้วเทียบไม่ได้กับผู้มีความสามารถคนอื่นๆเลย ทำให้ซ่างกวานจ้งนั้นรู้สึกได้ว่าเมืองโม่ไห่ของเขานั้นจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดแผ่นดินสะเทือนเพราะการมาเข้าร่วมของเย่เย่
หลายวันต่อมาที่หุบเขาระหว่างเมืองโม่ไห่กับเมืองหลงเจียง มีสายธารผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่มุ่งหน้ามายังหุบเขาที่เคยร้างแห่งนี้ด้วยความหวังที่จะมั่งคั่ง
หุบเขาแห่งนี้มีชื่อว่าหุบเขาหลิ่วชวานอันเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในเขตริมชายฝั่งของดินแดนเทียนหนาน ถึงแม้ว่าขนาดของมันนั้นจะเทียบไม่ได้กับหอการค้าหรือตลาด 4 มุมเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังใหญ่ๆในเมืองโบราณก็ตามที แต่หุบเขาหลิ่วชวานนั้นก็มีข้อได้เปรียบที่ตลาดใหญ่ๆไม่อาจเทียบได้นั้นคือความเสรี
เพราะไม่มีความจำเป็นที่ต้องมากังวลเรื่องที่ความลับของตัวเองจะรั่วไหลหรือด้วยเหตุผลอื่นๆ มีจอมยุทธ์มากมายที่มาและไปหุบเขาหลิ่วชวานนี้ และเพราะไม่มีหอการค้าหรือร้านค้าใดๆในหุบเขาหลิ่วซวานมีความสามารถควบคุมทั้งหุบเขานี้ได้ ทำให้ข่าวสารและสมบัติที่มักถูกจำกัดโดยกองกำลังใหญ่ๆในเมืองโบราณนั้นถูกนำมาวางขายทำให้เหล่าลูกค้าในหุบเขาแห่งนี้ประหลาดใจได้เสมอ
แล้วในคืนนั้นเองท่ามกลางแสงสว่างด้วยเทียนไขและเสียงโหวกเหวกโวยวาย มีชายหนุ่มท่าทางโอหังเดินเข้ามาในหุบเขาหลิ่วชวานพร้อมด้วยผู้ติดตามของเขาจำนวนหนึ่ง
“ข้าได้ยินมาว่าที่หุบเขาหลิ่วชวานนี้มีหอรวมเศษกระจายซึ่งขายข่าวสารข้อมูลความลับทุกรูปแบบในย่านเขตริมชายฝั่งอยู่ พวกเจ้าไปที่หอรวมเศษกระจายเพื่อไปหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับมังกรสองหัวมา ในเวลานี้พวกเราจะต้องภารกิจที่ทางสำนักมอบหมายมาให้สำเร็จให้ได้!”
หลังจากที่ชายหนุ่มได้เดินมาถึงหุบเขาหลิ่วชวาน เขาก็ได้รีบออกสั่งการเหล่าผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังทันที
“รับทราบ!”
ผู้ติดตามเหล่านี้รู้ดีถึงความสำคัญของภารกิจนี้ที่มีต่อชายหนุ่มดี จึงได้พากันก้มหัวให้อย่างจริงจังเพื่อรับคำสั่ง แล้วในชั่วพริบตาพวกเขาก็ได้มุ่งหน้าไปยังหอรวมเศษกระจาย
ส่วนตัวชายหนุ่มเองก็ได้เดินลึกเข้าไปในหุบเขา หลิ่วชวานจากอีกทางหนึ่ง ราวกับว่าตัวเขานั้นต้องการที่จะเสี่ยงโชคเผื่อเจอสมบัติหายากที่ทำให้เขาต้องตาสว่างบ้าง
ทันทีที่ชายหนุ่มเดินหายเข้าไปนั้นเอง ก็ได้มีชายอีกคนที่สวมชุดคลุมสีดำปิดทั้งตัวและหัวขี่รถม้าขนาดใหญ่เข้ามาในหุบเขาหลิ่วชวาน
ชายชุดดำคนนั้นก็ได้มองไปที่ความคึกคักในหุบเขา หลิ่วชวานแล้วก็ได้มีความประหลาดใจในดวงตาของเขา แต่พอสายตาของเขาได้เหลือบไปมองดูวังสูงสามชั้นที่สง่างามที่อยู่ตรงกลางตลาดแล้ว ดวงตาของชายชุดดำก็ได้เปลี่ยนไปราวกับว่าตัวเขานึกอะไรบางอย่างออกได้
แต่ทว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้ลืมจุดประสงค์ในการมาที่หุบเขาหลิ่วชวานของเขา หลังจากที่ตั้งสติกลับมาได้เขาก็ได้ขับรถม้ามุ่งหน้าไปต่อและรีบขับมุ่งหน้าตรงไปยังวังที่สูงสามชั้น
ชายชุดดำนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากเหยียนลี่หยาง ผู้ที่ วรยุทธ์ได้มาถึงระดับสูงสุดของราชันย์เทพแล้วจึงได้ออกมาจากอาราม เขาได้ทำตามคำแนะนำของเย่เย่ให้เดินทางมาที่หุบเขาหลิ่วชวานเพื่อขายซากของมังกรสองหัว แต่เพราะซากของมังกรสองหัวนี้มีขนาดใหญ่มากเกินไป เย่เย่จึงได้หารถม้าขนาดใหญ่และขนย้ายมังกรสองหัวออกมาจากอารามวิถีสวรรค์มาไว้ในรถม้ายังที่รกร้าง
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเหยียนลี่หยางถึงได้เป็นคนมาที่หุบเขาหลิ่วชวานเพื่อขายซากมังกรสองหัวนั้น เป็นเพราะ เหยียนลี่หยางในเวลานี้อยู่ในระดับสูงสุดของราชันย์เทพจึงได้แข็งแกร่งว่าเย่เย่ และอีกอย่างเป็นเพราะเย่เย่นั้นเป็นถึงรองเจ้าเมืองโม่ไห่ทำให้ไม่สะดวกที่จะไปไหนมาไหน
เหยียนลี่หยางจึงได้เป็นเงาของเย่เย่เพื่อช่วยเหลือเขาได้ ทั้งเพื่อเป็นการเก็บรักษาความลับและความปลอดภัยกว่าที่จะให้เย่เย่เป็นคนลงมือจัดการเอง
เมื่อเหยียนลี่หยางได้ขับรถม้ามาถึงหน้าวังสูงสามชั้นแล้ว เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วพบแผ่นป้ายทองมีตัวหนังสือเขียนว่า“วังสมบัติ”อยู่ในแผ่นป้ายนั้น ดวงตาของเหยียนลี่หยางก็ได้ปรากฏแววตาสนใจขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ได้ขับรถม้าผ่านเข้าไปในประตูใหญ่ของวังสมบัติ
“บอกคนที่ดูแลที่นี่ทีว่ามีการแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่มาหาถึงที่แล้ว!”
เหยียนลี่หยางก็ได้หยุดรถม้าที่ลานกว้างหน้าวังสมบัติแล้วบอกกับคนที่เดินเข้ามาต้อนรับเขา
ชายคนนั้นมองไปที่การแต่งกายของเหยียนลี่หยางและรถม้าที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วก็ได้พลันแสดงสีหน้าเข้าใจแล้วบอกกับเหยียนลี่หยาง “เข้าใจแล้วขอรับคุณลูกค้า ได้โปรดรอสักครู่นะขอรับ!”
เหยียนลี่หยางก็ไม่ได้นั่งรออยู่ที่รถม้านานมากนัก ก็ได้มีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเดินมาหาภายใต้การนำพาของพนักงานต้อนรับเมื่อสักครู่ เช่นเดียวกับพนักงานต้อนรับ ไม่นานนักชายวัยกลางคนนั้นก็พอจะเดาได้ว่าสิ่งของที่นำมาขายบนรถม้านั้นจะต้องเป็นของดีแน่ผ่านการแต่งตัวและท่าทางของ เหยียนลี่หยาง ก็ได้เผยรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมาบนใบหน้าของเขาทันที
“ขอเชิญคุณลูกค้าได้โปรดตามข้ามาได้เลย! หม่าเฟิ่นไปเตรียมชามาให้ลูกค้าเดี๋ยวนี้!”
แล้วถูหลานชายวัยกลางคนอ้วนก็ได้กล่าวกับพนักงานต้อนรับอย่างจริงจังในขณะที่นำพาเหยียนลี่หยางไปยังด้านข้างวัง
ซึ่งพนักงานต้อนรับก็ได้ตกใจ แล้วรีบผงกหัวให้ถูหลานอย่างทันทีและตอบอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจแล้วขอรับ ผู้ดูแลถู!”
หลังจากที่เหยียนลี่หยางได้ขับรถม้าตามถูหลานไปยังด้านข้างวัง จากนั้นก็ได้กระโดดลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวกับถูหลาน “ข้าได้ยินมาว่าวังสมบัตินั้นรับซื้อทุกอย่าง และยังให้ราคาที่งามสมน้ำสมเนื้อด้วย ไม่ทราบว่าเจ้าซากมังกรสองหัวนี้จะมีค่าในสายตาของวังสมบัติรึเปล่า?”
ในขณะที่เหยียนลี่หยางพูดอยู่นั้นก็ได้ดึงเอาผ้าที่คลุมรถม้าอยู่ออก เผยให้เห็นซากมังกรสองหัวที่อยู่หลังรถม้าอย่างชัดเจนต่อหน้าถูหลาน
ราวกับเหยียนลี่หยางนั้นรู้จักวังสมบัติเป็นอย่างดี ทันทีที่เขาเปิดปากออกมาเขาก็ได้เผยถึงคุณสมบัติของวังสมบัติที่ต่างไปจากร้านค้าหรือหอการค้าอื่นๆได้ ดวงตาของถูหลานก็ได้ปรากฏแววตาประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น แต่แล้วความสนใจของเขาก็ได้ย้ายไปยังซากของมังกรสองหัวที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว และอาการตกใจปรากฏบนใบหน้าของเขา
“มันเป็นซากของมังกรสองหัวจริงๆด้วย! ดูจากขนาดและพลังที่ยังหลงเหลืออยู่แล้ว นี่จะต้องเป็นซากมังกรสองหัวที่อยู่ในระดับจักรพรรดิเทพเป็นแน่!”
แล้วใบหน้าของถูหลานก็ได้สั่นเครือ และดวงตาของเขาก็ได้ปรากฏซึ่งความตื่นเต้น
ถึงแม้ว่าผู้ดูแลของวังสมบัตินั้นจะเคยเห็นสมบัติมามากมาย แต่เพราะระดับของจอมยุทธ์ในย่านริมชายฝั่งนี้เรียกได้ว่าอยู่ในระดับต่ำไปจนถึงกลางในดินแดนเทียนหนาน สมบัติที่ทำให้เขารู้สึกตาสว่างได้จริงๆนั้นเรียกได้ว่ามีน้อยมาก
แต่ทว่าซากมังกรสองหัวที่อยู่ตรงหน้าเขานี้มีค่ามากกว่าสมบัติไหนๆที่ถูหลานเคยเห็นมาก่อน และมันนอกเหนือความสามารถของถูหลานในการประเมินค่าสินค้าตามลำพังได้
“เรียนคุณลูกค้าครับ ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ! เพราะมูลค่าของซากมังกรสองหัวนี้มันมากเกินไป ตามกฎของวังสมบัติของเราแล้วทางเราจะต้องให้ประมุขวังเป็นคนมาประเมินค่าด้วยตัวเอง ได้โปรดกรุณารอสักครู่นะครับ!”
หลังจากที่ถูหลานสงบสติอารมณ์ได้ เขาก็ได้พลันกำหมัดแน่นและขออภัยเหยียนลี่หยางและอธิบายเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
เขาคิดว่าเหยียนลี่หยางคงจะแสดงสีหน้าหมดความอดทน แต่ทว่าเขาไม่นึกว่าเหยียนลี่หยางนั้นจะมีใบหน้าเหมือนคาดเอาไว้อยู่นานแล้ว จึงได้โบกมือให้เขาแล้วกล่าวกล่าว “ไปเถอะ! อย่าให้ข้ารอนานเกินไปก็แล้วกัน!”