ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 316 เยือกเย็น
บทที่ 316
เยือกเย็น
เมื่อเห็นเย่เย่ที่ควรจะยอมรับคำท้าอย่างไม่เต็มใจ แต่กลับดูเหมือนจะกระตือรือร้นมากกว่าเขาเสียอีก เจี่ยงหลีเซิ่งก็ได้มีสีหน้าตกใจบนใบหน้าของเขา แต่หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้รู้สึกเหมือนโดนดูถูกและมองไปที่เย่เย่ด้วยแววตาที่เหี้ยมโหดในดวงตาของเขา
“ในเมื่อเจ้ารู้จักฉายาผู้สังหารสวรรค์ของข้าแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้นะว่ามีเลือดของผู้มีพรสวรรค์มากมายขนาดไหนที่เปื้อนมือของข้า ต่อให้เจ้าเป็นผู้มาจุติก็ตามแต่ในสายตาของข้าเจ้าก็เป็นได้แค่บันไดให้ข้าเดินข้ามไปก็เท่านั้น! ถ้าหากว่าเจ้ารีบร้อนที่จะอยากตายนักข้าก็จะสงเคราะห์ให้เจ้าก็ได้!”
หลังจากที่เจี่ยงหลีเซิ่งได้ตะโกนกลับไปอย่างโมโหจบ ก็ได้รีบบุกเข้าไปหาเย่เย่ทันที
ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นภายนอกจะดูโอหังนัก แต่จริงๆแล้วตัวเขานั้นเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมาก ซึ่งในขณะที่ตัวเขาได้บุกเข้าไปหาเย่เย่นั้น พลังกดดันของเขาก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และดวงตาของเขาที่จับจ้องไปที่เย่เย่นั้นก็เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
ชิ้ง!
หลังจากที่มีเสียงดังขึ้นมา กระบี่ของเจี่ยงหลีเซิ่งก็ได้ถูกชักออกจากฝักโดยทันที พอเจี่ยงหลีเซิ่งเข้ามาถึงตัวเย่เย่ เขาก็ได้ฟันกระบี่ลงมาทันทีด้วยพลังคุกคามที่น่ากลัว
ตูม!
มีแรงลมพัดออกมาจากสนามประลอง มีฝุ่นและควันคละคลุ้งไปหมด พร้อมไอสังหารที่ดุดันที่แผ่ออกมาจากตัวของเจี่ยงหลีเซิ่ง
เหล่าผู้ชมที่อยู่รอบๆเวทีประลองต่างก็มองไปที่ เจี่ยงหลีเซิ่งด้วยความหวาดกลัว
มีเพียงแค่สองคนในเมืองแห่งนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการต่อสู้นี้
“เข้ามาเลย!”
เมื่อเห็นกระบี่ของเจี่ยงหลีเซิ่งกำลังมาหาเขา เย่เย่ก็ไม่ได้คิดถอยแต่กลับเดินเข้าไปหาและรีบเดินเข้าไปโจมตีเจี่ยงหลีเซิ่งทันที
ในขณะที่เขากำลังง้างหมัดอยู่นั้น เย่เย่ก็ได้ดึงพลังของวิญญาณมังกรในร่างมาใช้แล้วหมัดของเย่เย่ก็ได้แผ่พลังมังกรออกมา ทำให้หมัดของเขานั้นมีพลังมากพอที่จะทำให้พื้นแยกได้เลย
ตูม!
แล้วหมัดของเย่เย่กับกระบี่ของเจี่ยงหลีเซิ่งก็ได้ปะทะกัน และจากนั้นสักพักพื้นของเวทีประลองก็ได้มีรอยแตกออกจากกันทันทีและรอยแตกนั้นก็ได้แผ่ออกไปจากตรงกลางเวทีจนดูคล้ายกับใยแมงมุม
เสียงระเบิดที่รุนแรงได้ดังขึ้นมาทำให้หูของผู้ชมที่อยู่รอบๆต้องรู้สึกเจ็บปวด แล้วก็ได้พากันถอยออกไปและเพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเขากับเวที แล้วพอหันกลับไปมองดูที่เวทีดวงตาของพวกเขาก็ได้เต็มไปด้วยความกลัว
“รุนแรงอะไรแบบนี้!”
“อย่างที่คิด พวกเขาสมกับที่เป็นยอดฝีมือระดับราชันย์เทพจริงๆด้วย!”
“ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนนี้เหนือกว่าราชันย์เทพทั่วๆไปอีกนะ น่ากลัวจริงๆ!”
แล้วคำพูดชมของเหล่าผู้ชมก็ได้ดังมาจนถึงหูของเย่เย่กับเจี่ยงหลีเซิ่ง แต่ทั้งคู่นั้นหาได้เสียสมาธิเลยแม้แต่น้อยไม่
โดยเฉพาะเจี่ยงหลีเซิ่งที่ไม่ได้สนใจเย่เย่ในตอนก่อนจะสู้นั้น ตอนนี้ก็ได้สนใจอยู่แต่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเขาราวกับอยู่ในโลกที่ถูกปิดกั้น
มองไปที่ดวงตาที่บ้าคลั่งและน่าเกรงขามของเจี่ยงหลีเซิ่งแล้ว เย่เย่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมชายคนนี้ถึงได้สร้างชื่อจนเป็นที่โด่งดังในดินแดนเทียนหนานได้ ต่อให้เขานั้นใช้วิธีการที่สกปรกในการต่อสู้กับอีกฝ่ายก็ตาม แต่พลังของเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นก็ยังร้ายกาจมากอยู่ดี ไม่อย่างนั้นเจี่ยงหลีเซิ่งก็คงไม่มีโอกาสที่จะโจมตีศัตรูของเขาได้
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าขุมกำลังของผู้มีพรสวรรค์ที่ถูก เจี่ยงหลีเซิ่งจัดการไปนั้นต่อให้รู้ว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นเอาชนะด้วยวิธีการสกปรกก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไปล้างแค้น เจี่ยงหลีเซิ่งโดยปราศจากความแน่ใจง่ายๆได้
แต่เย่เย่นั้นไม่ได้หวาดกลัวต่อจิตวิญญาณการต่อสู้ที่บ้าคลั่งของเจี่ยงหลีเซิ่งไม่ กลับกันตัวเขานั้นกลับกระหายในชัยชนะมากกว่าเดิม
ถ้าหากศัตรูที่สร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการลอบโจมตีหรือเล่นสกปรกเพียงอย่างเดียวแล้ว เย่เย่ก็คงจะไม่รู้สึกประสบความสำเร็จต่อให้เอาชนะเขาได้ก็ตามที แต่ความสามารถของเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นได้ทำให้เขารู้สึกตกใจ และทำให้เย่เย่นั้นรู้สึกอยากที่จะเอาชนะผู้ที่มีชื่อเสียงในเทียนหนานอย่างเจี่ยงหลีเซิ่งมากขึ้นกว่าเดิม
“ตาข้าบ้างล่ะ!”
หลังจากที่รับกระบี่ของอีกฝ่ายด้วยหมัดแล้ว เย่เย่ก็ได้ปล่อยหมัดของเขาไปอีกหนโดยไม่รอช้าและต่อยเข้าไปที่เจี่ยงหลีเซิ่งที่อยู่ใกล้เขา
ในเวลานี้เย่เย่นั้นไม่ได้ยั้งมืออีกต่อไปแล้ว ในขณะเดียวกันก็ได้เร่งพลังวิญญาณมังกรที่อยู่ในร่าง แล้วพลังปราณมังกรก็ได้มาหลอมรวมอยู่ที่มือของเขาอีกหน แล้วต่อยเข้าไปที่อกของเจี่ยงหลีเซิ่งอย่างจัง
ซู่!
เสียงดังแสบแก้วหูดังก้องไปทั่วทั้งลานประลอง หมัดของเย่เย่นั้นราวกับจะทะลุมิติได้แล้วจู่ๆก็ได้ปรากฏตรงหน้าของ เจี่ยงหลีเซิ่งราวกับฟ้าผ่า
เจี่ยงหลีเซิ่งนั้นตกใจและหน้าซีดเผือด ตัวเขานั้นไม่แม้แต่จะคิดทดสอบเย่เย่อีกต่อไปและรีบแสดงวรยุทธ์ของตัวเอง“กระบี่สวรรค์เสี้ยวเมฆา”ออกมา และหมายแทงเย่เย่ด้วยกระบี่
ซู่!
แล้วเสียงดังแสบแก้วหูอีกเสียงก็ได้ดังขึ้นมา ซึ่งในขณะที่ทุกคนบริเวณที่นั่งคนดูได้พากันรีบอุดหูของตัวเองและก้มหัวลงอยู่นั้น ก้อนเมฆบนสวรรค์เองก็ได้เกิดการสั่นไหวด้วยพลังของกระบี่ ทำให้พระอาทิตย์สาดแสงส่องลงมาในทันที
เมื่อกระบี่สะท้อนเข้ากับแสงอาทิตย์ ทั่วทั้งเวทีประลองก็เต็มไปด้วยแสงจากกระบี่ จิตสังหารที่เย็นยะเยือกก็ได้เข้าห้อมล้อมตัวของเย่เย่เอาไว้ พอควันได้จางหายไปก็เหมือนมีกระบี่ที่แทงออกมาจากฟากฟ้าทำให้เย่เย่นั้นลืมที่จะหลบไปพักหนึ่ง
ตูม!
หมัดและปลายกระบี่นั้นปะทะกันอย่างสูสี แต่ต่อให้หมัดของเย่เย่นั้นห่อหุ้มด้วยพลังปราณมังกรก็ตาม แต่กระบี่ของ เจี่ยงหลีเซิ่งก็ยังแทงทะลุผิวหนัง ทำให้มีหยดเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาอยู่ดี
ฟิ้ว!
หลังจากที่เย่เย่ได้ปัดป้องการโจมตีของกระบี่สวรรค์เสี้ยวเมฆาไปได้บางส่วน เย่เย่ก็ได้รีบถอยออกมาสร้างระยะห่างระหว่างตัวเขากับเจี่ยงหลีเซิ่ง
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับว่าตัวเขากำลังทึ่งอยู่กับวรยุทธ์ของเจี่ยงหลีเซิ่งเมื่อสักครู่ บาดแผลที่หลังมือของเขานั้นได้แสดงให้เห็นว่าเย่เย่นั้นพ่ายให้กับเจี่ยงหลีเซิ่งในการปะทะกันเมื่อสักครู่ ในเวลานี้ตัวเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอีกฝ่ายแล้ว
เหล่าผู้ชมที่อยู่รอบๆเวทีประลองนั้นต่างก็พากันกลั้นหายใจและมองดูเย่เย่กับเจี่ยงหลีเซิ่งที่อยู่บนเวทีโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่เหล่าผู้ชมที่เชียร์ทางฝั่งของเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และคิดว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นจะต้องชนะศึกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นอีกครั้งที่เขาสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการสังหารผู้มีพรสวรรค์
ส่วนเหล่าผู้ชมที่พากันคาดหวังในตัวของเย่เย่นั้นต่างก็พากันเสียใจ และมีแววตาผิดหวังในดวงตาของพวกเขา พวกเขานั้นศรัทธาอย่างมากในฐานะผู้มาจุติของเย่เย่ ดังนั้นพลังของเย่เย่นั้นก็ควรที่จะต้องเหนือกว่าของเจี่ยงหลีเซิ่ง แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าพรสวรรค์กับความแข็งแกร่งนั้นจะไม่ใช่อย่างเดียวกันเสียแล้ว
มีเพียงซ่างกวานจ้งเจ้าเมืองโม่ไห่ที่ยังคงมีสีหน้าเยือกเย็น ราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และสายตาของเขาก็ได้มองกลับไปกลับมาระหว่างเย่เย่กับเจี่ยงหลีเซิ่ง
ตัวเขานั้นไม่คิดว่าเย่เย่นั้นจะแพ้ให้กับศึกนี้เหมือนกับคนอื่นๆ เพราะว่าซ่างกวานจ้งนั้นยังไม่เห็นสีหน้าสิ้นหวังบนใบหน้าของเย่เย่ตั้งแต่แรกจนจบ แต่เจี่ยงหลีเซิ่งที่ถือไพ่เหนือกว่าในการต่อสู้เมื่อสักครู่นั้น ในเวลานี้เริ่มหมดลมหายใจและมีแววตากระวนกระวายในดวงตาของเขาแล้ว
“นั่นคือทั้งหมดของเจ้าแล้วอย่างนั้นเหรอ? ถ้าหากว่าเจ้าไม่มีลูกไม้อะไรอีก ก็คงดูเหมือนวันนี้เจ้าคงจะต้องแพ้แล้วล่ะนะ!”
เย่เย่ก็ได้เช็ดเลือดบนหลังมือของเขาเบาๆ แล้วก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองเจี่ยงหลีเซิ่งและกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ราวกับว่าเย่เย่นั้นได้ครอบครองชัยชนะเอาไว้แล้ว
มันเป็นความจริงที่ว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นได้แสดงวรยุทธ์ที่สุดยอดอย่างกระบี่สวรรค์เสี้ยวเมฆาออกมา ซึ่งสามารถกดดันเย่เย่ได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ทว่าวรยุทธ์นี้จำต้องใช้พลังของ เจี่ยงหลีเซิ่งไปอย่างมาก ซึ่งหากดูจากการต่อสู้เมื่อสักครู่แล้ว เจี่ยงหลีเซิ่งนั้นมีโอกาสได้ใช้วรยุทธ์นี้ถึงสองครั้งก็เต็มที่แล้ว
แต่เย่เย่นั้นต่างจากเขา เพราะพลังปราณมังกรที่มือของเขานั้นมีมานานจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเย่เย่แล้ว ดังนั้นพลังที่ดึงมาจากวิญญาณมังกรนั้นจึงได้ไม่ทำให้เย่เย่เสียงพลังอะไร ตราบเท่าที่เขาสามารถต้านทานเจี่ยงหลีเซิ่งที่ใช้กระบี่สวรรค์เสี้ยวเมฆาที่ลดเหลือสองหนนั้นได้ โดยอาศัยเพียงการป้องกันที่ทรงพลังของเขา เจี่ยงหลีเซิ่งที่หมดแรงนั้นก็ไม่ใช่คู่มือของเย่เย่อีกต่อไป
เมื่อได้ยินที่เย่เย่พูดแล้ว มีผู้ชมบางคนที่ดูเหมือนจะเริ่มค่อยๆเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วดวงตาของเขาที่มองเย่เย่ก็ได้เปลี่ยนไป
แต่เจี่ยงหลีเซิ่งนั้นไม่สนใจที่จะรับรู้ความคิดของคนอื่น หลังจากที่เย่เย่พูดจบเขาก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบจิตใจลง แล้วจากนั้นก็ได้บุกเข้าไปหาเย่เย่อย่างไม่คิดชีวิตอีกหน
“ใครๆก็สามารถพูดจาวางท่าใหญ่โตได้ทั้งนั้น แต่ผู้ที่ยืนอยู่ลานประลองได้เป็นคนสุดท้ายต่างหากที่จะเป็นผู้ชนะ!”
เจี่ยงหลีเซื่อที่เหมือนจะจนมุมนั้น ก็ได้มีแววตาบ้าคลั่งในดวงตาของเขาราวกับว่าตัวเขาได้วางแผนที่จะเอาชนะเย่เย่อย่างรวดเร็วโดยอาศัยพลังการโจมตีที่สุดยอดของเขา
แน่นอนว่าเย่เย่นั้นไม่ปล่อยให้เขาได้ทำสำเร็จแน่ ในตอนที่เจี่ยงหลีเซิ่งนั้นจะโจมตีอีกหน เย่เย่ก็ได้เลือกที่จะหลบเป็นครั้งแรก ในขณะที่กำลังสู้กับเจี่ยงหลีเซิ่งอย่างอดทนอยู่นั้นตัวเขาก็ได้ทำให้อีกฝ่ายใช้วรยุทธ์กระบี่สวรรค์เสี้ยวเมฆาออกมาอีกหน
ฟิ้วๆๆ!
ปราณเสี้ยวกระบี่นั้นก็ได้ผ่าเวทีที่แตกอยู่แล้วให้กลายเป็นร่องมากขึ้นไปอีก และที่บางส่วนของเวทีประลองนั้นก็ได้กลายเป็นฝุ่นไปในทันทีด้วยพลังของกระบี่สวรรค์เสี้ยวเมฆา ซึ่งได้ทำให้เหล่าผู้ชมพากันตกใจ
แต่เย่เย่นั้นยังคงยืนอยู่บนเวทีด้วยความเยือกเย็น และมองไปที่เจี่ยงหลีเซิ่งที่มีใบหน้าซีดมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เย่เย่นั้นรู้ว่าการโจมตีของอีกฝ่ายนั้นคงอยู่ได้อีกไม่นาน
อย่างที่คาดเอาไว้ ภายใต้สถานการณ์ที่เจี่ยงหลีเซิ่งไม่อาจเอาชนะเย่เย่ได้ด้วยการระเบิดพลังโจมตีอย่างต่อเนื่อง จังหวะการโจมตีของเขานั้นก็ได้ช้าลงเรื่อยๆ และพลังการโจมตีนั้นก็ได้ลดลงเรื่อยๆเช่นกัน
“ถึงทีข้าบ้างล่ะนะ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเย่เย่ก็ได้ไม่ลังเลที่จะสวนการโจมตีกลับไป และเป็นอีกครั้งที่เขาได้เร่งพลังวิญญาณมังกรในร่างของเขา ให้พลังปราณมังกรมาหลอมรวมอยู่ที่มือ แล้วกำหมัดแน่นและต่อยออกไปที่เจี่ยงหลีเซิ่งที่อยู่ใกล้มือของเขาทันที
ตูม!
พลังปราณในอากาศก็ได้ไหลมารวมกันทำให้หมัดของ เย่เย่นั้นมีพลังราวกับจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ และมาถึง เจี่ยงหลีเซิ่งในชั่วพริบตา
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นคงไม่สามารถรับการโจมตีของเย่เย่และได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้อยู่นั้นเอง ก็ได้มีสีหน้าเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจี่ยงหลีเซิ่ง
ฟิ้ว!
ในขณะที่เจี่ยงหลีเซิ่งถอยออกไปนั้น จู่ๆก็มีเข็มเล็กที่สะท้อนแสงที่มีสีสันนั้นถูกยิงออกมาจากข้อมือของเจี่ยงหลีเซิ่ง และพุ่งเข้าไปหาคอของเย่เย่ทันที
ถึงแม้ว่าความเร็วในการหลบหนีของเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นจะไม่ได้เร็วมากนัก แต่ถ้าหากเย่เย่นั้นเกิดคิดที่จะไล่ล่าและฆ่าอีกฝ่ายแล้วล่ะก็ ตัวเย่เย่ก็จะถูกแทงด้วยเข็มนั้นเร็วยิ่งขึ้นไปอีก และเพราะระยะห่างระหว่างทั้งคู่นั้นอยู่ใกล้กันมากเกินไปด้วย ต่อให้เย่เย่เลิกคิดตามล่าเจี่ยงหลีเซิ่งก็ยังมีโอกาสที่จะโดนแทงด้วยเข็มเล่มนั้นอยู่
และจากแสงสีสันสดใสที่สะท้อนออกมาจากเข็มนั้น ผู้คนก็พอจะเดาได้ว่าหากเย่เย่นั้นโดนแทงเข้าไปต่อให้ไม่โดนจุดตายก็คงจะถูกฆ่าด้วยพิษที่เคลือบอยู่บนเข็มอีกที เย่เย่ผู้ที่กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบนั้นก็ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างสุดๆทันที ซึ่งภาพที่สิ้นหวังนี้ได้ทำให้ผู้มาชมต้องพากันกลั้นหายใจ
“หึ! ลูกไม้ตื้นๆ!”
แต่ทว่าเย่เย่นั้นได้ระวังลูกไม้สกปรกของเจี่ยงหลีเซิ่งอยู่นานแล้ว ตัวเขาจึงยังไม่ได้เปิดไพ่ในมือของเขาทั้งหมดออกมา
ซึ่งในขณะที่เข็มของเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นห่างกับคอของเย่เย่เพียงแค่ 1 ชุ่น พลังปราณมังกรที่ซ่อนเร้นอยู่เท้าของเย่เย่นั้นก็ได้ปล่อยพลังออกมาทันที แล้วตัวของเย่เย่นั้นก็ได้หายไปจากสายตาของทุกคนราวกับผีทันที แล้วเข็มบางๆเล่มนั้นก็ไม่ได้โดนแม้แต่ปลายเสื้อของเย่เย่