ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 311 เปิดศึก
บทที่ 311
เปิดศึก
แล้วในเวลานี้เองก็ได้มีเสียงสัตว์อสูรดังก้องทั่วทั้ง เมืองโม่ไห่
จากนั้นก็ได้มีอินทรีทองหกปีกที่แบกคนมามากกว่า 10 คนบินมาจากเส้นขอบฟ้า และมุ่งหน้ามายังเมืองโม่ไห่และบินวนรอบอยู่เหนือจวนเจ้าเมือง
“อินทรีทองหกปีก!”
“ช่างมีอำนาจคุกคามอะไรขนาดนี้!”
“ศัตรูบุก! ศัตรูบุก!”
เมื่อเห็นอินทรีทองคำหกปีกบินมา ผู้คนในเมืองโม่ไห่ก็ได้รีบร้องตะโกนออกมา และมีบางคนที่รีบวิ่งไปยังจวนเจ้าเมือง เตรียมตัวช่วยคนของเจ้าเมืองขับไล่ศัตรูที่บุกเข้ามา
ที่จวนเจ้าเมือง ซ่างกวานอวี่และเย่เย่นั้นก็ได้พากันรีบเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ เมื่อพวกเขาเห็นอินทรีทองหกปีกบินอยู่เหนือน่านฟ้าแล้ว ใบหน้าของพวกเขาต่างก็มีสีหน้าตกใจ
“คนจากเมืองหลงเจียง!”
“แม้แต่สิงเทียนหมิงเจ้าเมืองหลงเจียงก็มาด้วย!”
“พวกมันต้องการอะไรกัน? หรือว่าพวกมันคิดที่จะทำศึกตัดสินกับเมืองโม่ไห่ของพวกเรา?”
ซ่างกวานอวี่, หลินฉีและคนอื่นๆก็ได้พลันมีสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากที่เห็นชายที่อยู่บนหลังอินทรีทองหกปีก
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะไม่รู้จักคนที่อยู่บนหลังอินทรีทองหกปีกก็ตามที แต่เขาเองก็รู้มาถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองโม่ไห่กับเมืองหลงเจียงจากผู้คนในจวนเจ้าเมืองดี ทำให้ใบหน้าของเขามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน
ถ้าที่เขาคิดถูกต้อง การที่เมืองหลงเจียงเลือกที่จะมาบุกเมืองโม่ไห่ในเวลานี้นั้น จะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับตัวจนของเขาเป็นแน่!
ไม่ใช่แค่เย่เย่เพียงคนเดียว แต่ซ่างกวานอวี่กับคนอื่นๆเองก็คิดถึงความสัมพันธ์นี้เช่นกัน แล้วดวงตาที่กำลังมองไปที่อินทรีทองหกปีกนั้นก็ได้เคร่งเครียดอย่างสุดๆขึ้นมา และมีสีหน้ากระวนกระวายปรากฏขึ้นมารางๆ
“ลี้!”
หลังจากที่มีเสียงร้องดังขึ้นมา อินทรีทองหกปีกก็ได้ร่อนลงมาตรงลานกว้างตรงกลางเมือง
ชายชราร่างใหญ่ที่ดูอายุน่าจะเกิด 50 ปีก็ได้กระโดดลงมาจากหลังอินทรีทองหกปีกพร้อมกับคนของเขา แล้วเดินกร่างไปหาซ่างกวานอวี่กับคนอื่นๆ
“ท่านคือเย่เย่ผู้มาจุติในตำนานอย่างนั้นสินะ? ข้าคือสิงเทียนหมิงเจ้าเมืองหลงเจียง ส่วนข้างๆคือสิงอู๋เจียงลูกชายของข้า ข้าคิดว่าท่านเย่เย่คงจะเดาจุดประสงค์ของพวกเราได้ ใช่แล้วเมืองหลงเจียงของพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อเชิญท่านมาเข้าร่วมกับเมืองหลงเจียงของพวกเรา ข้าหวังว่าท่านเย่เย่จะมาที่เมืองหลงเจียงกับพวกเราเพื่อเห็นแก่ความจริงใจของพวกเรา ข้าสัญญาว่าจะช่วยเหลือท่านเย่เย่ในการฝึกวิชาเพื่อให้ท่านกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆในแผ่นดินว่านหลิงอย่างรวดเร็ว”
หลังจากที่ผู้อาวุโสสิงเทียนหมิงได้เดินมาหาซ่างกวานอวี่กับพรรคพวกนั้น ตัวเขานั้นไม่ได้สนใจซ่างกวานอวี่กับ หลิ่วซื่อหมิงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหันหน้ามาหาเย่เย่และเชื้อเชิญเขา
ก่อนที่จะมาถึงเมืองโม่ไห่นั้น พวกเขาได้ทำการยืนยันรูปลักษณ์และวรยุทธ์ของเย่เย่แล้วพวกเขาจึงได้สามารถมองหาเป้าหมายและอธิบายจุดประสงค์ของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะที่สิงเทียนหมิงกำลังแนะนำตัวเองอยู่นั้น ตัวเขาก็ได้ปลดปล่อยพลังคุกคามในระดับสูงสุดของราชันย์เทพออกมา ราวกับตัวเขานั้นต้องการที่จะแสดงความแข็งแกร่งของเขาให้เย่เย่ได้เห็น ซึ่งข้างๆสิงเทียนหมิงก็ยังมียอดฝีมือจากหลงเจียงอีกจำนวนหนึ่งอย่างสิงอู๋เจียงเองก็ได้ปลดปล่อยพลังกดดันของพวกเขาออกมาเช่นกัน จนเกิดเป็นพลังหมุนวนเป็นพายุอยู่ที่ลานกว้างกลางเมือง
ซ่างกวานอวี่กับคนอื่นๆก็ได้ถูกพลังคุกคามของคนจากเมืองหลงเจียงผลักให้ถอยออกไป และสีหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความโมโหและไม่ยินยอม แต่ทว่าพวกเขานั้นก็รู้ดีว่าคนของเมืองหลงเจียงนั้นกำลังข่มขู่และพลังยุทธ์นั้นก็ยังเหนือกว่าพวกเขาอีกด้วย ซึ่งพวกเขานั้นพยายามฝืนต้านทานเอาไว้ก็เต็มที่แล้วไม่สามารถที่จะตอบโต้สิงเทียนหมิงกับพรรคพวกในทันทีได้
ตึกๆๆๆ!
มีเสียงเดินที่เป็นระเบียบดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของ ลานกว้าง ซึ่งเป็นกองทหารของเมืองโม่ไห่ที่รีบเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ ไม่เพียงแค่นั้นยังมีจอมยุทธ์อีกมากมายในเมืองโม่ไห่ที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดนี้และได้รีบมาที่ลานกว้างเพื่อช่วยเหลือคนของเจ้าเมืองขับไล่ศัตรูจากเมืองหลงเจียงออกไป
แล้วทั้งสองฝ่ายก็ได้มาเผชิญหน้ากันที่ลานกว้าง ถึงแม้ว่าจำนวนคนในเมืองโม่ไห่นั้นจะมีมากกว่า แต่หลังจากที่พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังกดดันที่ปล่อยออกมาจากสิงเทียนหมิงและพรรคพวกแล้ว ต่างก็พากันมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา และดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ปฏิบัติการในครั้งนี้ของเมืองหลงเจียงนั้นได้ทำการเกณฑ์ยอดฝีมือที่เก่งที่สุดในเมืองหลงเจียงมา
นอกจากสิงเทียนหมิงที่เป็นยอดฝีมือในระดับสูงสุดราชันย์เทพแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือราชันย์เทพอีก 3 คนและจอมเทพอีก 12 คน ซึ่งจะประมาทฝีมือไม่ได้เลย แรงกดดันที่พวกเขาปล่อยออกมาพร้อมกันนั้น แทบจะเปลี่ยนสถานการณ์ของเมืองโม่ไห่เลยทีเดียว และไม่มีใครในบริเวณนั้นที่จะสามารถต่อกรได้เลย
“สิงเทียนหมิง! เจ้าแค่มาเชิญจริงๆเหรอ? เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้านั้นกำลังบังคับให้เย่เย่กับเจ้าชัดๆ! ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองของพวกเราจะไม่อยู่ที่นี่ เจ้าก็ไม่สามารถชิงตัวแขกกิตติมศักดิ์ของเมืองโม่ไห่ของเราไปจากจวนเจ้าเมืองได้ง่ายๆอย่างแน่นอน! ท่านลุงหลิ่วได้โปรดช่วยปกป้องท่านเย่เย่ด้วย เมืองโม่ไห่ของพวกเรานั้นจะไม่ยอมแพ้ให้กับศัตรูง่ายๆ!”
เมื่อเห็นท่าทีที่อุกอาจของสิงเทียนหมิงและพรรคพวกแล้ว ซ่างกวานอวี่ก็ได้เดินขึ้นหน้ามาอย่างกัดฟันทน แล้วจ้องไปที่สิงเทียนหมิงโดยไร้ซึ่งความอ่อนแอให้เห็นในท่าทางของเธอ
แล้วเธอก็ได้ให้หลิ่วซื่อหมิงที่เป็นคนที่เก่งที่สุดใน เมืองโม่ไห่นั้นออกจากเธอไปคอยปกป้องเย่เย่ ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ของซ่างกวานอวี่ที่จะต่อกรกับเมืองหลงเจียงจนถึงที่สุด
“คือว่า…..”
หลิ่วซื่อหมิงก็ได้ลังเลขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินที่ซ่างกวานอวี่สั่ง แต่เมื่อเขาเห็นสายตาที่แน่วแน่ของซ่างกวานอวี่แล้ว ตัวเขาก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็ได้เดินไปหาเย่เย่โดยที่ไม่พูดอะไรออกมาและคอยคุ้มกันเย่เย่เอาไว้
เมื่อคนอื่นๆในเมืองโม่ไห่เห็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ได้พากันมารวมตัวกันอยู่ข้างหลังซ่างกวานอวี่ด้วยความชิงชังเหมือนกัน ราวกับว่าต่อให้ตายไปก็จะไม่ปล่อยให้คนของเมืองหลงเจียงทำสำเร็จได้ง่ายๆ
“ข้ากำลังพูดกับท่านเย่เย่อยู่ เด็กสาวอย่างเจ้ามายุ่งอะไรด้วย? ดูเหมือนว่าตระกูลซ่างกวานคงจะอบรมเจ้ามาไม่ดีอย่างนั้นสินะ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนซ่างกวานจ้งเอง!”
เมื่อสิงเทียนหมิงเห็นท่าทีของซ่างกวานอวี่แล้วก็ได้มีแววตาดูถูกปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา แล้วเขาก็ได้หาข้ออ้างแล้วตบหน้าซ่างกวานอวี่ทันที
ตูม!
การตบนี้รุนแรงมาก ได้ก่อพลังปราณในอากาศบริเวณลานกว้างนั้นเกิดระเบิดขึ้นมาทันที และผู้คนทั้งหมดในเมืองโม่ไห่ต่างก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้
“บ้าจริง!”
หลังจากที่หลิ่วซื่อหมิงตะโกนออกมา ตัวเขาก็ได้รุดเข้าไปหาซ่างกวานอวี่และรับฝ่ามือของสิงเทียนหมิงแทนนาง
“อุ่ฟ!”
แต่ทว่าเนื่องจากความต่างด้านพลังที่มากเกินไปของทั้งสองคนนั้น หลิ่วซื่อหมิงก็ได้กระเด็นออกไปเพราะฝ่ามือของสิงเทียนหมิงในทันที แล้วเขาก็ได้กระอักเลือดคำโตออกมา
แต่ยอดฝีมือราชันย์เทพก็ยังเป็นยอดฝีมือราชันย์เทพอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้ว่าหลิ่วซื่อหมิงนั้นจะบาดเจ็บเพราะฝ่ามือของสิงเทียนหมิง แต่เขาก็ยังสามารถฝืนกลับตัวกลางอากาศได้ แล้วกลับมายืนอยู่ตรงหน้าของซ่างกวานอวี่
เพียงแต่ในเวลานี้ไม่ใช่แค่ใบหน้าของหลิ่วซื่อหมิงที่ซีดเผือดแต่ลมปราณภายในร่างของเขาก็ยังปั่นป่วนมากอีกด้วย แน่นอนว่าผลกระทบที่ได้รับจากฝ่ามือของสิงเทียนหมิงนั้นไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นเลยสักนิด
“ท่านลุงหลิ่ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ซ่างกวานอวี่ก็ได้มีแววตาเป็นกังวลในดวงตาของเธอ เมื่อเธอเดินเข้ามาหาและมองดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ความชิงชังของเธอที่มีต่อสิงเทียนหมิงและพรรคพวกนั้นก็ได้มีมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทว่าหลิ่วซื่อหมิงที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเธอนั้นกลับถูกทำร้ายโดยสิงเทียนหมิง ถ้าเป็นคนอื่นคงจะสาหัสกว่านี้เป็นแน่ ดังนั้นความเป็นต่อของเมืองโม่ไห่นั้นก็ได้พลันลดลงไปในทันที และมีสีหน้าช่วยไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาเกือบทุกคน
“หึ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วสิงเทียนหมิงก็ไม่ได้อาศัยโอกาสนี้คว้าชัยชนะ แต่กลับยืนอยู่ที่เดิมและพ่นลมออกทางจมูก ราวกับกำลังหัวเราะเยาะในการประเมินค่าอีกฝ่ายสูงเกินไป
ถึงแม้ว่าเพื่อที่จะเพิ่มความได้เปรียบของพวกเขาแล้ว สิงเทียนหมิงก็ได้นำพายอดฝีมือระดับต้นๆรวมถึงสิงอู๋เจียงมาที่เมืองโม่ไห่ด้วย หลังจากที่เขากลับมาที่เมืองหลงเจียงด้วยอินทรีทองหกปีกก็ตามที แต่ตัวเขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถจัดการสยบซ่างกวานอวี่และพรรคพวกได้ในการโจมตีครั้งเดียวเช่นนี้
ทุกคนต่างก็รู้ถึงความล้ำค่าของผู้มาจุติดี ซึ่งหากเมืองหลงเจียงได้ชิงตัวหรือสังหารผู้มาจุติได้ ก็จะต้องทำให้ ซ่างกวานจ้งนั้นโกรธแค้นและเปิดศึกตัดสินกับเมืองหลงเจียงอย่างแน่นอน แต่นั่นก็แค่ในภาวะปกติเท่านั้น ในไม่ช้านี้ทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานนั้นจะตกอยู่ในสภาวะโกลาหล ต่อให้ซ่างกวานจ้งนั้นไม่พอใจมากเพียงใดก็ไม่อาจทำศึกได้ในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นเมืองโม่ไห่นั้นก็อาจจะถูกโจมตีโดยขุมอำนาจอื่นในดินแดนเทียนหนานก็เป็นได้ต่อให้ไม่ถูกทำลายด้วยน้ำมือของเมืองหลงเจียงก็ตามที ดังนั้นสิงเทียนหมิงจึงได้ไม่เป็นกังวลใดๆและทำการบุกเมืองโม่ไห่
แต่ถ้าหากว่าเขาไม่เพียงแต่ชิงตัวผู้มาจุติไปได้ แต่ยังสามารถสังหารซ่างกวานอวี่และพรรคพวกในขณะที่ ซ่างกวานจ้งไม่อยู่ได้นั้น มันก็คงเป็นอะไรที่ยากจะแก้ไขได้เป็นแน่ ซึ่งเมื่อใดที่ซ่างกวานจ้งนั้นคลุ้มคลั่งขึ้นมา มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ซ่างกวานจ้งนั้นจะลากเอาเมืองโม่ไห่กับเมืองหลงเจียงจมพร้อมกันได้ ดังนั้นถึงแม้สิงเทียนหมิงกับพรรคพวกนั้นจะได้เปรียบและอุกอาจมากเพียงใดก็ตาม แต่จริงๆแล้วพวกเขาก็ทำอย่างมากได้แค่ทำร้ายซ่างกวานอวี่และพรรคพวกเท่านั้น และไม่กล้าที่จะทำอะไรมากเกินไปกว่านั้น
หลังจากที่เห็นหลิ่วซื่อหมิงบาดเจ็บและซ่างกวานอวี่กับพรรคพวกนั้นต่างก็ตกตะลึงเพราะฝีมือตัวเองแล้ว สิงเทียนหมิงก็ไม่ได้คิดจะสู้ต่อกลับกันตัวเขาก็ได้หันไปมองเย่เย่แล้วกล่าว “ท่านเย่เย่ ความแข็งแกร่งของพวกเราเมืองหลงเจียงนั้นเหนือกว่าเมืองโม่ไห่อยู่หลายขุมนัก หากท่านมาเข้าร่วมกับพวกเราแล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน! และข้ายังขอสัญญาด้วยว่าขอเพียงท่าน เย่เย่นั้นยอมเข้าร่วมกับเมืองหลงเจียงของเรา ข้าสิงเทียนหมิงจะฝึกฝนให้ท่านกลายเป็นเจ้าเมืองคนต่อไปของเมืองหลงเจียงของเราอีกด้วย ข้าหวังให้ท่านจงพิจารณาดูให้ดี!”
เมื่อเห็นว่าเย่เย่นั้นยังไม่ตอบสนองต่อคำเชิญของเขา สิงเทียนหมิงจึงได้งัดไพ่ตายออกมาและให้ข้อเสนอหลอกล่อเย่เย่
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งบริเวณนี้ก็ได้เกิดความเงียบงันขึ้นมาทันใด
แม้แต่สิงอู๋เจียงที่อยู่ด้านหลังของสิงเทียนหมิงนั้นก็ได้มองมาที่สิงเทียนหมิงด้วยความตกใจ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า สิงเทียนหมิงนั้นก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขามาก่อน ยอดฝีมือในเมืองหลงเจียงคนอื่นๆเองก็ยังตกใจเมื่อได้ยินการตัดสินใจนี้ของสิงเทียนหมิง แล้วในดวงตาของพวกเขานั้นก็ได้ส่ายไปมาระหว่างเย่เย่กับสิงอู๋เจียง
ซ่างกวานอวี่กับพรรคพวกในเมืองโม่ไห่นั้นต่างก็พากันเงียบสนิทโดยพลันเมื่อได้ยินที่สิงเทียนหมิงกล่าว เพราะว่าพวกเขานั้นไม่คิดว่าสิงเทียนหมิงนั้นให้ความสำคัญกับเย่เย่มากถึงขนาดนั้น
แม้ว่าซ่างกวานอวี่เองก็ให้ความสำคัญอย่างมากกับเย่เย่ก็ตามที แต่ตัวเธอนั้นไม่อาจที่จะยอมยกตำแหน่งเจ้าเมืองคนต่อไปให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวของซ่างกวานอวี่เองก็ไม่ใช่เจ้าเมือง โม่ไห่แต่อย่างใด เธอจึงไม่สามารถที่จะสัญญาเช่นนั้นกับเย่เย่ได้ ดังนั้นในการต่อสู้เพื่อชิงตัวเย่เย่ในครั้งนี้ เมืองโม่ไห่ที่ควรจะได้เปรียบเพราะเป็นเจ้าบ้านนั้นกลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก
แต่ทว่าแม้จะน่าตกตะลึงเพียงใด แต่เย่เย่นั้นกลับไม่ได้ตอบสนองกับคำสัญญาของสิงเทียนหมิงมากนัก
“เรียนท่านเจ้าเมืองสิงเทียนหมิงที่เคารพรัก ตัวข้าเย่เย่นั้นเพิ่งมาถึงแผ่นดินว่านหลิงได้ไม่นาน จึงยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์ในแผ่นดินว่านหลิงและดินแดนเทียนหนานมากเท่าไรนัก จึงยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเข้าร่วมดีหรือไม่ ข้าหวังให้ท่านเจ้าเมืองสิงเทียนหมิงนั้นให้เวลาข้าเสียหน่อย แล้วข้าเย่เย่จะให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ท่านหลังจากที่ไตร่ตรองเสร็จแล้วอย่างแน่นอน!”
เย่เย่ได้ตอบกลับไปอย่างเป็นทางการมาก แต่เนื้อหานั้นแทบจะเหมือนกับที่เขาบอกกับซ่างกวานอวี่
อีกทั้งสีหน้าของเย่เย่นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นยันจบ แม้หลังจากที่เห็นสิงเทียนหมิงลงมือกับหลิ่วซื่อหมิงแล้วก็ตามที ทำให้ผู้คนในเมืองหลงเจียงนั้นต่างก็คาดเดาไม่ได้ว่าเย่เย่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่
ซึ่งเงื่อนไขของสิงเทียนหมิงที่เสนอให้เย่เย่เมื่อสักครู่นั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าหากเป็นผู้มาจุติคนอื่นเจอกับการยั่วยวนเช่นนี้เข้า พวกเขาก็คงจะเลือกไปกับสิงเทียนหมิงและพรรคพวกอย่างแน่นอน แต่ทว่าเป้าหมายของเย่เย่นั้นไม่ได้จำกัดแค่ดินแดนชายฝั่งนี้ตั้งแต่แรก หรือต่อให้ทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเย่เย่ ดังนั้นการเชิญชวนของสิงเทียนหมิงให้มารับตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นได้ผลกับเย่เย่เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น