ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 752 : เขตดาวไลด์ – หินดำ
ตอนที่ 752 : เขตดาวไลด์ – หินดำ
หวังเย่ารู้สกิลของผู้พิทักษ์แล้วในตอนนี้ แต่แมวนั้นไม่ได้โชคดีแบบเขา แมวชอบที่จะเผชิญหน้าอยู่ตลอดจึงไม่ได้เตรียมตัวที่จะหลบสกิลของผู้พิทักษ์
ปัง !
แมวรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในจมูกของตน ตามด้วยเลือดในร่างกายที่ปั่นป่วนก่อนที่เลือดจะถูกสูบออกมา
ผู้พิทักษ์อ้าปากออกและกลืนเอาเลือดนั้นลงไป จากนั้นพลังของมันก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เลือดของแมวนั้นเป็นเลือดของสัตว์อสูรบรรพกาล พลังงานในเลือดจึงทรงพลังกว่าสัตว์อสูรทั่วไป
หลังจากที่ดูดซับพลังงานนี้เข้าไปแล้ว ความแข็งแกร่งของผู้พิทักษ์ก็เพิ่มขึ้นมามากกว่าเก่า การลงมือนั้นจึงรวดเร็วกว่าเดิมรวมถึงความแข็งแกร่งของแมวที่ลดลงไปด้วย
ความเร็วและการตอบโต้ของแมวลดลงอย่างมาก ตอนนี้เขาเริ่มเสียเปรียบผู้พิทักษ์แล้ว แต่โชคยังดีที่เลือดโดนสูบไปแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ไม่งั้นแล้วเกรงว่าคงโดนเล่นงานอย่างหนักกว่านี้แน่
ตอนที่แมวกำลังเสียเปรียบอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีแสงสีเขียวส่องประกายลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ที่ตัวของแมว
แมวที่โดนดีบัฟอยู่นั้น ก็ได้ฟื้นฟูพลังกลับมาเป็นปกติทันที ผลดีบัฟที่มีกับตัวได้หายไปเพราะสกิลของเอไนน์ที่เข้ามาช่วยเอาไว้
สกิลที่เอไนน์ใช้ออกมานั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ ส่วนที่สำคัญคือมันใช้ลบดีบัฟได้ด้วย
“ จ้าวแห่งแมว ระวังตัวด้วย ! ” เอไนน์เหวี่ยงไม้เท้าไปมาและตะโกนขึ้น
ด้วยการซัพพอร์ตจากเอไนน์ ที่ลบดีบัฟให้ รวมกับสถานะที่เพิ่มขึ้นมานี้ ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของแมวเพิ่มขึ้นทันตา
ในเวลาเดียวกันผลสกิลนี้ก็ปกคลุมไปทั่วสนามรบ มันทำให้ผู้พิทักษ์ที่กำลังจะโจมตีแมวนั้นต้องช้าลง
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…
แมวใช้โอกาสที่ผู้พิทักษ์ชะงักไปนั้นเข้าโจมตีจากทางด้านหลังด้วยใบมีดลม
ใบมีดลมอัดเข้ากับเกราะของผู้พิทักษ์จนทำให้เกิดเสียงดังก้องอย่างต่อเนื่อง ไม่นานเกราะก็เริ่มที่จะมีรอยแตกร้าว
ปัง !
แมวใช้โอกาสนั้นต่อยเข้าที่หน้าของผู้พิทักษ์ จนผู้พิทักษ์กระเด็นออกไปชนกับกำแพงผา
หวังเย่าเห็นว่าแมวจัดการกับศัตรูได้ง่าย ๆ ก็ไม่คิดจะยอมแพ้เช่นกัน เขาได้เปิดใช้งานเกราะมังกรทันที
ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้นมานี้ เขาก็สามารถเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ได้ ตอนที่เขากำลังจะโจมตีศัตรูนั้น อยู่ ๆ ผู้พิทักษ์ก็แสดงท่าทีที่แปลกประหลาดออกมา
ผู้พิทักษ์กลับก้มตัวลงและดึงดาบออกมาก่อนจะเล็งไปที่หวังเย่า
อยู่ ๆ ร่างของผู้พิทักษ์ก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยดาบสีแดงพุ่งมาตรงหน้าของหวังเย่าด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
หวังเย่าไม่รู้ตัวกับการเปลี่ยนแปลงนี้แม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์จะใช้สกิลอะไรออกมา แม้ว่าจะระวังอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ง่ายที่จะหลบการโจมตีได้ นี่ไม่ต้องนับการรับการโจมตีนี้เลย
ตอนนั้นเองกลับมีร่างสีทองโผล่มาตรงหน้าของหวังเย่า กรงเล็บของแมวได้กันการโจมตีของผู้พิทักษ์เอาไว้ได้
แม้ว่าจะรู้ข้อมูลของผู้พิทักษ์แล้ว แต่ความแข็งแกร่งและการต่อสู้จริง ๆ นั้นก็เกินกว่าที่หวังเย่าคาดการณ์เอาไว้
เขาคิดจะใช้โอกาสนี้กำจัดผู้พิทักษ์ทั้งสองแต่ไม่คิดเลยว่าตอนที่กำลังจะลงมือ กลับมีคนแห่มาจากด้านหลัง
“เอไนน์ กลับมา ! ” หวังเย่าส่งข้อความบอกก่อนจะเรียกเอไนน์กลับเข้ามาในแหวน
“จ้าวแห่งแมวรีบจัดการ ! พวกนั้นตามมาทันแล้ว” หวังเย่าเห็นหยุนซีและคนอื่น ๆ ตามมาทัน ก็เกิดความลนลานขึ้นมา
ทั้งสองได้พุ่งผ่านประตูโดยไม่สนใจผู้พิทักษ์เลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ทั้งสองพุ่งไปที่ประตู ผู้พิทักษ์ก็ได้ไล่ตามไปเพื่อจะฆ่าทั้งสองให้ได้
แมวได้ถีบผู้พิทักษ์แล้วพุ่งไปที่ประตูต่อ ตอนที่ทั้งสองคนก้าวเข้าไปในประตูได้สำเร็จ ผู้พิทักษ์กลับยั้งมือเอาไว้และเหมือนกำลังจะเตรียมโจมตี
หวังเย่ารู้สึกกลัวขึ้นมากับพลังที่ผู้พิทักษ์รวบรวมอยู่ในตอนนี้ เขาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขารู้ว่านี่คงเป็นสกิลที่ผู้พิทักษ์ยังไม่ได้ใช้ออกมา !
แม้แต่สกิลแรกขนาดแมวก็ยังเสียเปรียบได้ หากผู้พิทักษ์ใช้สกิลที่ทรงพลังที่สุดออกมา งั้นทั้งสองคงต้องตายกันจริง ๆ
กรร !
ผู้พิทักษ์คำรามออกมา มือของมันจับดาบเอาไว้แน่นก่อนจะฟันออกไป แสงสีแดงก่ำราวกับเลือดส่องประกายออกมาพร้อมกับดาบที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟได้ปรากฏขึ้น
กรร !
แมวหันกลับและคำรามออกมาก่อนจะเข้าไปขัดการโจมตีของผู้พิทักษ์เอาไว้
“ไปได้แล้ว ! ” แมวตะโกนออกมาแล้วพุ่งไปที่ประตูต่อ พวกเขาได้เว้นระยะห่างจากผู้พิทักษ์กว่าร้อยฟุต
ผลของสกิลคำรามนี้อยู่ได้แค่ 1 วินาที ไม่นานผู้พิทักษ์ก็เรียกสติกลับมาได้ แต่ตอนนั้นหวังเย่าและแมวก็ได้ออกจากระยะโจมตีไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าทั้งสองหนีออกไปได้ไกลแล้ว ผู้พิทักษ์ก็ได้แต่คำรามออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด
“หึหึ ถึงผู้พิทักษ์สองตัวนี้ไม่อาจจะหยุดหยุนซี ได้แต่ก็น่าจะถ่วงเวลาพวกมันได้สักพัก” หวังเย่าหันกลับมามองและหัวเราะออกมา
แมวหันกลับไปมองด้านหลัง แต่เขาไม่ได้ดีใจแบบหวังเย่า แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่มาที่นี่แต่เขาก็รู้สึกแปลก ๆ กับหุบเขาแห่งนี้
“อย่าเพิ่งดีใจไป เราแค่เพิ่งเข้ามาในส่วนที่สอง” เมื่อออกมาจากประตูได้แล้วแมวก็พูดขึ้นมา
“ หุบเขาแห่งนี้มีสัตว์อสูรไฟอยู่จำนวนมากที่ส่วนนอก ยิ่งลึกเท่าไหร่สัตว์อสูรไฟก็ยิ้งแกร่งขึ้นเท่านั้น ตะกี้นี้เราเพิ่งเข้ามาในส่วนที่สองได้ แค่นี้เรายังตกที่นั่งลำบากแล้ว เจ้าคิดว่าเราจะเอาตัวรอดไปได้สบาย ๆ รึไง” แมวพูดขึ้น
หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็ไม่อาจจะใจเย็นได้อีก
ผู้พิทักษ์ทั้งสองเมื่อตะกี้ก็สร้างปัญหาให้กับพวกเขาอย่างมากแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของแมว หวังเย่าก็รู้ทันทีว่าสัตว์อสูรไฟจะต้องแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แน่
ก่อนหน้านี้หวังเย่ายังคิดว่าเขตหวงห้ามนี้ธรรมดาเกินไป แต่แม้แต่มังกรก็ยังบอกว่าที่นี่คือที่ต้องห้าม มันจะมีสัตว์อสูรไฟระดับต่ำได้ยังไง ?
ความแข็งแกร่งของมังกรนั้นสูงจนน่าตกใจ แม้แต่สัตว์อสูรที่แกร่งแบบนั้นก็ยังไม่คิดจะเข้ามาที่นี่
แม้ว่าจะยังไม่ได้เข้ามาที่นี่ แต่มังกรก็เตือนไม่ให้เขาเข้ามาที่หุบเขาแห่งนี้ มันเห็นได้ว่าที่นี่อันตรายแค่ไหน
“เราต้องระวังตัวเอาไว้ ฉันไม่เชื่อว่าตระกูลหยุนจะกล้าพอที่จะตามเรามา” หวังเย่ากัดฟันและพูดขึ้น
“แค่เพราะพวกนั้นไม่รู้ว่าที่นี่มีอันตราย แต่พวกนั้นจะยอมถอยกลับไปได้ยังไง เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ? ” แมวพูดขึ้น
หวังเย่ารู้ความจริงเรื่องนี้ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าที่นี่คือที่ต้องห้ามของชั้น 4 งั้นก็คงไม่คิดไล่ตามเขาเข้ามา แต่หากอีกฝ่ายไม่รู้ล่ะ ? หวังเย่าคิดว่าหยุนซีคงไม่มีทางยอมแพ้ในการฆ่าเขาเป็นแน่
หวังเย่าอยากหันกลับไปตะโกนบอกพวกนั้นว่าที่นี่คือที่ต้องห้ามของชั้น 4 พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาตายที่นี่ แต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางจะเชื่อเขา
ทั้งสองยังเดินหน้าต่อ แต่หุบเขาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มันมีแค่สัตว์อสูรไฟ 3-4 ตัวเดินผ่านไปมา หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะสงสัยและพูดขึ้น “ มันไม่เหมือนกับที่มังกรบอกไว้เลย ? ที่นี่มีสัตว์อสูรไฟ 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งชั้น แต่ทำไมถึงไม่เห็นพวกมัน ? ”
ที่ทางเข้าของหุบเขาแห่งนี้มีสัตว์อสูรไฟอยู่จำนวมาก มันมีมากถึงแสนตัว หากเทียบกับทั้งชั้นสี่ที่มีสัตว์อสูรไฟจำนวนมากแล้ว จำนวนแค่หลักแสนนี้แทบจะมองข้ามได้เลย
แมวไม่อาจจะตอบคำถามของหวังเย่าได้ นี่ก็เป็นครั้งแรกของเขาเหมือนกันที่ได้มาที่นี่ ก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในเขตสวรรค์ทั้งสามมาก่อน ดังนั้นจึงพอเข้าใจดินแดนนรกอยู่บ้าง
แต่ตอนนั้นเอง หวังเย่าก็เห็นคลื่นพลังงานด้านหน้า ทางเดินเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว
ทั้งสองเดินทางเข้ามากว่าร้อยไมล์ สุดท้ายก็มาถึงจุดสิ้นสุดของทางเดินแล้ว
ที่ปลายอุโมงค์นั้นมีโคลอสเซียมขนาดใหญ่อยู่
มันเป็นสิ่งก่อสร้างรูปวงกลมที่รายล้อมไปด้วยหน้าผา ที่พื้นดินนั้นเป็นพื้นที่ราบพร้อมกับขั้นบันไดไต่ระดับไปเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงด้านบนผาทั้งสองฝั่ง ที่ขั้นบันไดเหล่านั้นมีรูปปั้นที่ใบหน้าเหมือนกับมนุษย์ หวังเย่าถึงกับรับรู้คลื่นพลังจากรูปปั้นเหล่านั้นได้ รูปปั้นพวกนี้….ยังมีชีวิตอยู่ !
“รูปปั้นพวกนี้เหมือนกับคนเลย ! ” หวังเย่ามองไปที่รูปปั้นด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่คิดเลยว่ารูปปั้นเหล่านี้จะยังมีคลื่นพลังชีวิตอยู่ด้วย
ทำไมพวกนี้ถึงได้กลายมาเป็นรูปปั้นที่นี่ได้
แมวเองก็รับรู้ได้เช่นกัน เขามองไปที่รูปปั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รูปปั้นมีหลายร้อยตัว หากพวกนี้เป็นคนจริงๆ งั้นคนเหล่านี้ก็คงเป็นนักสู้ที่ฝ่าเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้งั้นหรือ ?
ตอนที่พวกเขากำลังแปลกใจกันอยู่นั้น อยู่ ๆ โคลอสเซียมก็สั่นไหว
ใจกลางพื้นที่นั้นมีจารึกหินสีดำโผล่ขึ้นมาอย่างช้า ๆ
เมื่อเห็นจารึกนั้น หวังเย่าและแมวก็รับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง