ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 738 : เขตดาวโบไลด์ - สุสานน้ำแข็ง
ตอนที่ 738 : เขตดาวโบไลด์ – สุสานน้ำแข็ง
ค่ายกลในถ้ำนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสัตว์อสูรในถ้ำมังกร พลังของมันแม้แต่คนอย่างหยานเทียนและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันชื่นชม
มันชัดแล้วว่าค่ายกลนี้แข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะพลังกฎไฟของฟู่หมิงให้ความอบอุ่นแก่ทุกคนแล้ว งั้นแม้ว่าจะมีคนอย่างเจียงหยานอยู่ แต่การจะปกป้องทุกคนไว้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เป็นสัตว์อสูร แต่สามารถสร้างค่ายกลขึ้นมาได้ มันนี่ฉลาดจริง ๆ ” หวังเย่ารู้สึกได้ถึงพลังของค่ายกลจึงได้พูดขึ้นมา
สัตว์อสูรได้ออกจากถ้ำนี้ไปสักพักแล้ว พวกเขาจึงเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีค่ายกลที่ทรงพลังแบบนี้อยู่ด้านใน ค่ายกลที่แข็งแกร่งแบบนี้ นอกจากจะต้องมีพลังมากกว่าสัตว์อสูรแล้ว งั้นก็ไม่อาจจะต้านทานพลังของค่ายกลนี้ได้
“ตราบใดที่แกร่งไม่พอ งั้นอาจจะพ่ายแพ้ต่อค่ายกลนี้ ฉันคิดว่าสัตว์อสูรบ่มเพาะมาถึงเลเวลสูงแบบนี้และถึงกับเข้าใจการใช้ค่ายกลที่แข็งแกร่ง มันทำให้ที่นี่อันตรายมากขึ้นไปด้วย” ฟู่หมิงพูดขึ้นมา
หวังเย่าเข้าใจทันที ไม่แปลกใจเลยที่สัตว์อสูรถึงกล้าออกจากถ้ำไป ยิ่งมันดูดซับพลังหยางจากแสงได้มากเท่าไหร่ ค่ายกลก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ท้องฟ้านั้นกระจ่างใส ไม่รู้เลยว่ามันจะเพิ่มพลังให้กับค่ายกลนี้สักเท่าไหร่กันในถ้ำนั้นมืดสนิท มันราวกับเขาวงกต พวกเขาได้แต่ฟังเสียงสะท้อนถึงเดินทางไปถึงส่วนล่างของถ้ำที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายได้
โชคดีที่พลังวิญญาณของฟู่หมิงและคนอื่น ๆ นั้นสูงมากพอ พวกเขาแผ่พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมาจนแทบจะครอบคลุมไปทั่วทั้งถ้ำ เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงเดินทางกันต่อได้ เมื่อเดินหน้าเข้าไปมากเท่าไหร่ หวังเย่าก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ว่าเส้นทางจะปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย เขาเห็นว่าที่กำแพงหินโดยรอบเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งแทน มันมีร่างของสัตว์อสูรและผู้คนที่โดนแช่แข็งอยู่ที่นั่นด้วย
สัตว์อสูรและมนุษย์พวกนี้ได้เข้ามาในถ้ำและไม่อาจจะต้านทานพลังของค่ายกลได้ และต้องโดนแช่แข็งที่นี่ไปตลอดกาล แม้ว่าจะมีไฟของฟู่หมิงอยู่ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ผ่านเข้าไปจนถึงขั้วกระดูก
การที่มาถึงชั้นนี้ได้แน่นอนว่าต้องไม่ได้อ่อนแอ แต่คนเหล่านี้ไม่อาจจะต้านทานพลังของค่ายกลได้ มันชัดแล้วว่าค่ายกลนี้น่ากลัวแค่ไหน
ในตอนที่เดินหน้าต่อนั้น น้ำแข็งในถ้ำก็เริ่มหนาขึ้น ตอนที่หวังเย่าและคนอื่น ๆ เดินมาได้สักพัก พวกเขาก็พบกับถ้ำน้ำแข็ง ทั้งถ้ำนั้นมีน้ำแข็งอยู่ทั่วทุกที่ มันมีทั้งศพของสัตว์อสูรและมนุษย์ มันถึงกับมีผู้คนที่โดนแช่แข็งอยู่ที่นั่นด้วย
“ดูหง หัวหน้าวิหารเทียนเซียงที่หายตัวไปเมื่อ 300 ปีก่อน” หยูเจียเห็นคนที่โดนแช่แข็งก็พูดขึ้นมา
“ดูหง ? คนที่บ่มเพาะมาถึงเลเวล 140 ในเวลาไม่ถึง 200 ปีน่ะหรือ ? ” เมื่อได้ยินคำพูดของหยูเจีย หลายคนก็จำอัจฉริยะคนนี้ได้ในทันที
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าอัจฉริยะที่หายตัวไปจะโดนแช่แข็งอยู่ที่นี่ ไม่แปลกเลยที่ค้นหาทั่วทั้งเขตดาวโบไลด์แล้วแต่ก็ยังไม่พบ”
ทุกคนไม่คิดเลยว่าอัจฉริยะของเขตดาวโบไลด์จะมาตายอยู่ที่นี่
แต่ตอนนั้นก็ได้มีคนพบกับบางอย่าง เขาชี้ไปที่รูปปั้นน้ำแข็งตรงหน้าและพูดขึ้นมา “คนนั้นดูคุ้น ๆ ไม่รู้ว่าเคยเห็นจากที่ไหน”
ทหารเรือคนหนึ่งมองไปที่ร่างที่ถูกแช่แข็ง แล้วอุทานออกมา “เมื่อ 500 ปีก่อน เทพกองทัพ เกาหยวนซิว เป็นคนของกองกำลังทหารเรือ ! เขาอยู่มาก่อนที่ฉันจะเข้าร่วมกองกำลังเสียอีก เมื่อฉันได้รับใช้กองกำลังของเขตดาวโบไลด์ ฉันก็รู้จักกับเกาหยวนซิว เรารู้จักกันมานานกว่า 600 ปี”
“เกาหยวนซิว เป็นเขานี่เอง ! ” เมื่อได้ยินชื่อนี้ แม้แต่หยูเจียก็ยังแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
“ตอนแรก เกาหยวนซิวดูแลกองกำลังย่อย ขับไล่กบฏกว่าหมื่นคน พวกนั้นก่อกวนเรามาหลายครั้ง เขาเพียงคนเดียวแต่กลับจัดการกับแม่ทัพได้ถึงสามคน ไม่คิดเลยว่าคนที่แข็งแกร่งแบบเขากลับต้องมาตายที่นี่”
ทุกคนที่รู้ถึงผลงานของเกาหยวนซิวต่างก็พากันเสียดาย
ตระกูลหยูได้สืบทอดตำแหน่งแม่ทัพมาหลายร้อยรุ่นแล้ว แต่บอกได้ว่าไม่มีใครโดดเด่นได้เท่ากับเกาหยวนซิว
แม้แต่คนของเทพธิดาในวันนี้ก็มีแค่แม่ทัพอย่างหยุนหยวนซูที่ได้รับการยอมรับว่ามีแววที่จะกลายเป็นเทพกองทัพ มันเห็นได้ว่าเงื่อนไขในการได้รับฉายาว่าเทพกองทัพนั้นยากแค่ไหน แต่เทพกองทัพคนหนึ่งกลับต้องมาตายที่นี่
“เกาหยวนซิว เลเวล 157 ไม่คิดเลยว่าเขาจะต้องมาตายที่นี่ น่าเสียดายพรสวรรค์ที่เขามีจริง ๆ ” แม้แต่เจียงหยานก็ยังต้องสลดและแสดงสีหน้าเสียดายเมื่อได้ยินแบบนั้น
เมื่อทุกคนเดินหน้ากันต่อ พวกเขาก็ยิ่งต้องตกตะลึงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ร่างที่ถูกแช่แข็งเหล่านี้มีคนโด่งดังหลายคนที่พวกเขารู้จัก มันมีหลายคนที่เป็นยอดฝีมือที่ไม่ได้เป็นที่รู้จัก แต่คนเหล่านี้ล้วนแต่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในถ้ำนี้หมด มันมีไม่น้อยกว่าร้อยคน ในหมู่คนเหล่านี้มีอัจฉริยะเมื่อหลายร้อยปีก่อนอยู่หลายคน มันถึงกับมีคนที่เลเวลเกือบ 170 ด้วย เขาคือคนที่เข้าใกล้ส่วนล่างของถ้ำมากที่สุด
“จักรพรรดิฟู่หยุนหยิงไม่ได้แพ้การต่อสู้ แต่กลับมาโดนฆ่าโดยสัตว์อสูร” หยานเทียนเห็นว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายใกล้เคียงกับตัวเองจึงได้พูดขึ้นมา
ที่อกของเขามีรูขนาดใหญ่ รูนี้พุ่งทะลุตำแหน่งหัวใจไป แม้แต่อวัยวะภายในก็ยังถูกทำลายไปด้วย
“มันไม่ง่ายที่จะโดนสัตว์อสูรฆ่า เดาว่านี่คงเป็นการโจมตีเต็มกำลัง แผลนี้ร้ายแรงซึ่งเกิดขึ้นจากกรงเล็บของสัตว์อสูร” หยานเทียนพูดขึ้น
หวังเย่าเข้าใจทันที ไม่แปลกเลยที่ทำไมสัตว์อสูรถึงคลั่ง ไม่ใช่แค่มีคนมารบกวนการนอนของมัน แต่เพราะตลอดหลายปีมานี้ไม่รู้เลยว่ามีคนอยากเข้าไปที่ชั้นสี่มากแค่ไหน มันสู้กับมนุษย์พวกนี้มาหลายปี จึงเป็นธรรมดาที่สัตว์อสูรตัวนี้จะอคติกับมนุษย์
ถ้ำนี้กลายเป็นสุสานของผู้คนมากมาย มันเรียกได้ว่าสุสานของยอดฝีมือก็ว่าได้
“เกือบถึงด้านล่างแล้ว เราต้องเริ่มเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้าย สัตว์อสูรนั่นต้องรู้ตัวแน่ เราต้องรีบลงมือ ฉันจะเปิดใช้งานค่ายกลเอง” หยานเทียนพูดขึ้น
ทุกคนต่างก็พากันพยักหน้า แต่ตอนที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปในค่ายกลนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธดังขึ้นมาจากข้างนอก
เสียงคำรามนี้ทำให้ถ้ำสั่นไหว แรงกดดันมหาศาลได้แผ่ออกมา คลื่นพลังนี้หวังเย่าไม่เคยรับรู้มาก่อน มันราวกับจะบดขยี้ร่างกายของเขา
ไม่ใช่แค่หวังเย่าเท่านั้น นอกจากฟู่หมิง, หยานเทียนและเจียงหยานแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็พากันหน้าถอดสีกันหมด พวกนั้นแทบจะสลบ และพากันนอนลงกับพื้นไม่อาจจะขยับตัวได้
ตอนที่พลังอันน่ากลัวนี้หายไป ผู้คนถึงได้มีสติขึ้นมา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นพวกเขาก็เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว
หยูเจียปาดเหงื่อแล้วพูดขึ้น “สัตว์อสูรนี่น่ากลัวจริง ๆ แค่คลื่นพลังของมันก็ทำให้เราขยับตัวไม่ได้แล้ว กลัวว่าแค่มันคำรามก็ทำให้เราตายได้แล้ว”
“ไม่รู้ว่ามันอยู่ไกลแค่ไหน ถ้ามันอยู่ใกล้ เราคงโดนบดขยี้แน่” วานเซ่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
หยานเทียนพูดขึ้นมา “ใครกันที่ไปหาเรื่องมัน เรายังไม่ได้เปิดใช้ค่ายกล มันไม่น่าจะรู้ตัวง่าย ๆ ”
พวกเขายังไม่ได้พบกับค่ายกลตรวจสอบเลย มันบ่งบอกแล้วว่าสัตว์อสูรนี่ไม่ได้มีค่ายกลอื่นนอกจากค่ายกลหยางในถ้ำนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ตัวก่อนที่พวกเขาจะเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้าย
“พวกนั้นคิดจะเผชิญหน้ากับอสูรนี่ รนหาที่ตายกันชัด ๆ ! ” ฟู่หมิงแผ่การรับรู้ออกไปสำรวจภายนอกก่อนสีหน้าจะบิดเบี้ยวขึ้นมา
ตอนที่แผ่การรับรู้ออกไป สัตว์อสูรเองก็รับรู้ได้ถึงพลังของเขา กลัวว่ามันคงมุ่งหน้ากลับมาที่นี่แล้วและคงใช้เวลาไม่นาน ถ้าพวกเขาไม่รีบออกจากที่นี่ไป งั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับงูที่คลั่ง
ที่ด้านนอกถ้ำ ผู้อาวุโสจีได้เผยสีหน้าพอใจออกมา ร่างของสัตว์อสูรโดนกดลงกับพื้นพร้อมกับโซ่สีทองที่พันรอบตัวของมัน มันยากจะสลัดออกได้ โซ่สีทองเหล่านี้มัดสัตว์อสูรเอาไว้ ที่ปลายอีกด้านของโซ่นั้นเชื่อมกับค่ายกลดิน
ค่ายกลนี้ประกอบด้วยรูนลึกลับนับไม่ถ้วน มันมีจุดพลังงานหลายพันจุดที่ให้พลังงานกับโซ่นี้
คนของตระกูลจียืนอยู่รอบค่ายกลและถ่ายเทพลังเข้าไปในจุดเชื่อมต่าง ๆ ที่ใจกลางค่ายกลนั้นมียันต์สีดำที่มีลวดลายของสัตว์อสูรมากมายอยู่
“ก็แค่สัตว์อสูร โง่ที่จะมาสู้กับฉัน” บรรพชนตระกูลจีพูดขึ้นมา
“แม่ ตอนนี้จัดการกับสัตว์อสูรได้แล้ว สิ่งสำคัญตอนนี้คือเราต้องรีบไปที่ถ้ำให้เร็วที่สุดเพื่อไปชั้นต่อไป” จีเฟยพูดขึ้นมา
บรรพชนจีมองไปที่ลูกและพูดขึ้น “เราจัดการกับสัตว์อสูรได้แล้ว เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก มันไม่อาจจะใช้พลังของมันออกมาได้ รีบฆ่ามันตอนนี้จะดีกว่า เพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง”