ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 737 : เขตดาวโบไลด์ – เข้าถ้ำมังกร
ตอนที่ 737 : เขตดาวโบไลด์ – เข้าถ้ำมังกร
ทุกคนพากันออกเดินทางค้นหาในหุบเขามังกร พวกเขาค้นหาทหารเรือที่หายตัวไปและได้ปะทะกับสัตว์อสูรอีกหลายตัว มันมีคนจากตระกูลอื่น ๆ ที่บาดเจ็บ แต่ส่วนมากเมื่อร่วมมือกันแล้ว พวกเขาก็แทบจะเอาชนะสัตว์อสูรเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย การตามหาตัวทหารเรือภายใต้การนำทางของฟู่หมิง, หยานเทียน และเจียงหยานแล้ว มันทำให้การเดินทางนั้นง่ายกว่าเดิมอย่างมาก
สัตว์อสูรส่วนมากล้วนแต่อยู่ในอาณาเขตของตัวเอง เป็นพวกเขาต่างหากที่บุกเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน
ไม่นานการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ดังไปถึงหูของกองกำลังอื่น ๆ พวกนั้นถึงกับรู้สึกหวาดกลัวกันขึ้นมา
“นายน้อย มีข่าวบอกว่าตระกูลเจียงกับเทพไฟร่วมมือกัน มันมีหยานเทียนอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาเหมือนจะตามหาบางอย่างอยู่” ผู้พิทักษ์น้ำได้บอกกกับนายน้อยของเผ่าสามตา
หยางเสี่ยวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองไปที่ผู้พิทักษ์น้ำและพูดขึ้น “เทพไฟกับตระกูลเจียงร่วมมือกันงั้นหรือ ? ”
“ใช่ ไม่ใช่แค่สองพวกนั้นแต่ยังมีเทพค่ายกลอยู่ด้วย”
“มันยังมีสมาชิกของกองกำลังทหารเรืออยู่ด้วย ถ้าคนเหล่านั้นเป็นพันธมิตรกันจริง ๆ งั้นมันก็ส่งผลเสียต่อเรา” ผู้พิทักษ์น้ำกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“ผู้พิทักษ์เมฆ นายคิดว่ายังไง ? ” หยางเสี่ยวถามขึ้นมา
ผู้พิทักษ์เมฆที่บาดเจ็บหนักเพราะวิญญาณสัตว์อสูร ตอนนี้ก็เริ่มฟื้นตัวแล้ว
เมื่อได้ยินคำถามนั้น เขาก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
“ในความเห็นของฉันแล้ว คนเหล่านี้แค่ร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อให้ผ่านหุบเหวแห่งนี้ไป แม้ว่าจะร่วมมือกันในตอนนี้ แต่ความสัมพันธ์อาจจะพังลงตอนไหนก็ได้เพราะผลประโยชน์” ผู้พิทักษ์เมฆไม่ได้กลัวพันธมิตรที่นำโดยฟู่หมิงนัก
ในมุมมองของเขาแล้ว ที่พวกนี้ร่วมมือกันก็เพราะผลประโยชน์ ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ยืนยาวโดยเฉพาะในดินแดนนรกแห่งนี้
“แต่…” ผู้พิทักษ์น้ำยังดูกังวลดังเดิม
“ฉันเองก็มองคล้ายกับผู้พิทักษ์เมฆ สุดท้ายพวกนั้นก็ต้องสนใจผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่า เมื่ออันตรายภายนอกหายไปแล้ว พวกเขาจะเผยเขี้ยวเล็บออกมา นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่รึไง ? ” หยางเสี่ยวพึมพำออกมา
“หน้าที่่ของเราคือดูแลนายน้อย ตราบใดที่พวกนั้นไม่มาหาเรื่องเราก็พอแล้ว” ผู้พิทักษ์โล่ ที่เงียบมานานได้พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“สิ่งที่เราต้องกังวลตอนนี้คือจะเข้าไปในถ้ำมังกรยังไง สัตว์อสูรตัวนั้นไม่ได้อ่อนแอ มันน่าจะเป็นสัตว์อสูรที่ดี” หยางเสี่ยวเผยรอยยิ้มออกมา
จีเฟยได้ติดต่อไปหาบรรพชนตระกูลจี เขาพยายามควบคุมสติตัวเอง เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องทำให้บรรพชนโกรธ เขาไม่อยากทำให้บรรพชนไม่พอใจโดยเฉพาะครั้งนี้มันเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
“จีหยวนตายแล้ว หวังเย่าและหยูเจียยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่แค่นั้นแต่พวกนี้ยังอยู่กับฟู่หมิงและหยานเทียนด้วย เราเสียโอกาสที่จะฆ่าสองคนนี้ไป” บรรพชนตระกูลจีโกรธจัด
จีเฟยอธิบายออกมา “เรากำลังจะทำสำเร็จแล้ว แต่ในนาทีสุดท้ายเทพไฟกับเทพค่ายกลก็มาพอดี มันทำให้เด็กนั่นรอดไปได้ บรรพชนก็น่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเทพไฟ แม้ว่าผมกับจีหยวนจะร่วมมือกัน แต่ก็ยากที่จะสู้กับเทพไฟได้”
“นอกซะจากว่าบรรพชนจะลงมือด้วยตัวเอง งั้นมันก็ยากที่เราจะทำตามแผนต่อไปได้” การที่น้องของบรรพชนตายไป เดาว่าเขาที่คอยแต่หลบซ่อนมานานน่าจะแค้นและไม่ปล่อยให้สองคนนี้รอดไปง่ายๆอย่างแน่นอน
“ฉันไม่ต้องการคำแก้ต้ว หวังเย่าและหยูเจียต้องตาย แม้ว่าจะแลกกับอะไรก็ตาม ความแค้นนี้ยังไงก็ต้องเอาคืน แต่ตอนนี้เราต้องทำตามแผนต่อไป นายมีวิธีจัดการกับวิญญาณสัตว์อสูรรึเปล่า ? ” บรรพชนตระกูลจีมองไปที่จีเฟยแล้วถามขึ้นมา
“มันก็แค่สัตว์อสูร แม้ว่าจะสยบมันไม่ได้แต่ตราบใดที่เตรียมการมากพอ แม้ว่าวิญญาณสัตว์อสูรจะแข็งแกร่ง แต่ผมก็สามารถยื้อมันได้สักพัก” จีเฟยตอบกลับด้วยความมั่นใจ
ในหุบเหวมังกรนั้นท้องฟ้าไม่เคยกระจ่างใส มันเหมือนกับมีหมอกสีเทาครอบคลุมอยู่ทุกเมื่อ
หยานเทียนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและพููดขึ้น “พรุ่งนี้ท้องฟ้าน่าจะสดใส เราต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ไม่งั้นแล้วหากรอต่อไปก็ไม่รู้ว่าเราจะรอดรึเปล่า ”
หวังเย่าพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ลุงมั่นใจงั้นหรือ ? อากาศที่นี่ดูเหมือนจะไม่สดใสเอาง่าย ๆ ตะกี้นี้ฝนก็เพิ่งตกหนัก”
หยานเทียนมองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น “เด็กแบบนายจะไปรู้อะไร ! การทำนายของฉันไม่มีทางผิดพลาด ถ้าไม่เชื่อนายก็มาลองพนันกับฉันด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์เลยไหมละ ? ”
“ลุงแค่อยากเอาเปรียบผม ผมไม่เล่นด้วยหรอก ถ้าอยากเล่นพนันนักก็ไปถามวานเซ่สิ เขาน่ะเป็นลูกของแม่ทัพพันธมิตรดวงดาวเลยนะ เขาน่าจะรวยกว่าผมตั้งเยอะ” หวังเย่าเดาความคิดของหยานเทียนออก จึงปฏิเสธทันที
“พี่เย่าหาเรื่องให้ฉันหรือ ใครกันจะไปกล้าพนันกับคนที่เก่งเรื่องการทำนายแบบนี้ ไม่ว่าจะเอาใครมาเทียบก็ต้องแพ้อยู่ดี” วานเซ่พูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ หยูเจียก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ท่านฟู่หมิง น้องหวังเย่าคงรู้จักกับทุกคนมานาน ดังนั้นท่านหยานเทียนกับท่านจึงดูสนิทกับหวังเย่ามาก”
“นายเองก็รู้จักเขาไม่ใช่รึไง นายคงรู้ว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาก็เข้ากับผู้คนได้ง่าย ไม่ว่านายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่แกร่งที่สุดก็ได้” ฟู่หมิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
หวังเย่าไม่ใช่คนที่แกร่งที่สุด แต่เพราะหวังเย่า จึงทำให้พวกเขามาถึงถ้ำนี้ได้ แม้แต่หยูเจียก็ไม่อาจจะบอกถึงเหตุผลที่รู้จักกับหวังเย่าจนมาเป็นพันธิตรกันแบบนี้ได้เหมือนกัน
ในหุบเหวมังกรแห่งนี้เวลาเหมือนจะไม่มีอยู่จริง ที่นี่เป็นตอนกลางวันที่มีฝนตกอยู่ตลอดเวลา บางครั้งเท่านั้นที่ท้องฟ้าจะสดใส
ตอนที่ท้องฟ้าสดใสนั้น ทั้งหุบเหวมังกรก็กลายเป็นโลกที่น่าทึ่ง สัตว์อสูรทุกตัวได้ออกมาจากถ้ำเพื่อดื่มด่ำกับแสงแดด
มันไม่รุู้ว่าแสงนี้มาจากไหน สัตว์อสูรพวกนี้ไม่เคยนึกถึงต้นกำเนิดของแสง สัญชาตญาณบอกพวกมันแค่ว่าพวกมันต้องการแสงนี้
“ตอนนี้เราต้องใช้โอกาสนี้ก่อนที่สัตว์อสูรนั่นจะกลับถ้ำ ! ” เจียงหยานพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังถ้ำมังกรที่อยู่ไกลออกไป
พูดยังไม่ทันจบก็ได้มีเสียงคำรามราวกับมังกรดังก้องไปทั่ว งูขนาดใหญ่ได้พุ่งออกมาจากถ้ำ ตัวของมันพันรอบภูเขาเอาไว้
จากนั้นมันก็ได้กางปีกออกก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉากนี้ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง งูนี่กลับเป็นเหมือนมังกร
“น่าทึ่งจริง ๆ ! มันถึงกับมีปีกด้วย แล้วมันจะมีกรงเล็บอีกรึเปล่า ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะสงสัย
” นี่คือร่างจริงของมัน ตอนที่มันหลับ มันจะอยู่ในร่างงู ในวันที่ท้องฟ้าสดใส มันจะกลับสู่ร่างเดิม” หยานเทียนพูดขึ้น
จนกระทั่งงูนี่ออกจากถ้ำไปไกล หวังเย่าและคนอื่น ๆ ก็ไม่รอช้า พวกเขาได้มุ่งหน้าไปที่ถ้ำทันที เพราะพวกเขากลัวว่าสัตว์อสูรตัวอื่นจะเห็นจึงไปประจำในจุดที่ห่างจากถ้ำไป 100 ไมล์ ระยะห่างแค่นี้ไม่ได้มากมายสำหรับพวกเขา
“ถ้ำมังกรอยู่ตรงหน้า ระวังตัวกันด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติก็รีบถอยทันที” หยานเทียนเตือนขึ้นมา
“มันมีอะไรลึกลับในถ้ำด้วยหรือ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“เมื่อนายไปถึงที่นั่นแล้ว นายจะเข้าใจเองว่าถึงแม้สัตว์อสูรจะไม่อยู่ แต่อย่าคิดว่ามันจะง่าย มันต้องมีอะไรเฝ้าอยู่ที่นั่น ไม่งั้นแล้วสัตว์อสูรนี่คงไม่กล้าออกมาจากรังแน่ ” ฟู่หมิงพูดขึ้น
ไม่นานทุกคนก็มาถึงถ้ำ สุดท้ายแล้วหวังเย่าก็ได้เห็นถ้ำในระยะประชิด ครั้งที่แล้วเขาอยู่ห่างไปกว่า 100 ไมล์ แต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าที่นี่ไม่ธรรมดา ตอนนี้เขายิ่งต้องตะลึงกว่าเดิม เมื่ออยู่ใกล้ขนาดนี้
ทั้งภูเขาเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า มันมีถ้ำอยู่เต็มไปหมด ถ้ำแต่ละแห่งกว้างหลายสิบฟุต ด้านในมืดสนิท แม้ว่าท้องฟ้าจะสดใสแต่ก็ยากที่แสงจะสาดเข้าไปในถ้ำได้ มันเหมือนกับโลกที่แยกตัวออกจากที่นี่ไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเข้ามาในถ้ำ หวังเย่าก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่คืบคลานเข้ามาในตัวของเขา
มันราวกับลงไปแช่ในน้ำเย็นและโดนโจมตีโดยควาามหนาวเย็นจากด้านนอกเข้าไปในร่างกาย
“มีอะไรในถ้ำนี้กัน ? มันเหมือนกับถ้ำน้ำแข็ง หนาวจริง ๆ ” วานเซ่พูดขึ้นมา
ขนาดคนเลเวล 150 ก็ยังพูดแบบนี้ นี่ไม่ต้องพูดถึงคนที่อ่อนแอกว่าอย่างคนในตระกูลเจียงเลย
คนเหล่านี้พากันหน้าซีดพูดอะไรไม่ออก เดาว่าอีกไม่นานพวกเขาคงโดนแช่แข็งทั้งเป็น
ฟู่หมิงปล่อยไฟออกมาให้แสงสว่างและความอบอุ่นกับทุกคน ความหนาวเย็นได้หายไปทันที ทุกคนต่างก็พากันมองไปที่เขาด้วยความซาบซึ้ง
“ที่นี่มีค่ายกลหยางอยู่ มันสามารถดูดซับพลังหยางเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเลือด, แสงแดด หรือพลังชีวิต เมื่อพลังชีวิตหมดลงแล้ว งั้นเราก็จะกลายเป็นศพ” ฟู่หมิงพูดขึ้น