ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 698 : เปิดดินแดนนรก
ตอนที่ 698 : เปิดดินแดนนรก
ฐานของพวกชุดดำโดนทำลายแล้ว นอกจากดูฉีชุยที่หนีไปได้ คนอื่น ๆ ต่างก็โดนฆ่าตายจนหมด
แฟนธอมและเอไนน์เจอพวกผู้หญิงที่โดนขังเอาไว้ แม้ว่าจะโดนทรมานมาแต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต พวกเธอได้รับความช่วยเหลือกลับมาแทบทุกคน
มีคนชุดดำสองคนคอยดูแลพวกเธออยู่ ทั้งสองเลเวลแค่ประมาณ 100 ดังนั้นแฟนธอมจึงจัดการพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่นำทางทุกคนออกมา หวังเย่าก็มองกลับไปที่ภูเขาน้ำแข็งด้านหลัง ไม่มีใครคิดเลยว่าสิ่งชั่วร้ายจะมาซ่อนอยู่ด้านใน เขาคิดถึงคนที่โดนฆ่าอย่างโหดร้ายและใช้เป็นหนูทดลอง
“พวกนายไปก่อน ฉันจะตามไปทีหลัง ” หวังเย่าบอกกับแมวและคนอื่น ๆ
แมวมองไปที่หวังเย่าแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา เขาได้พาเอไนน์ที่กำลังรักษาวานเซ่และผู้หญิงคนอื่น ๆ ออกมาจากที่นั่น
เมื่อแมวออกไปได้ไม่ไกลนัก ก็ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้น เมื่อหันกลับไปมองก็พบกับมังกรไฟตัวใหญ่ที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะมีฝนตกลงมา
เมื่ออุกกาบาตเหล่านั้นตกลงมาถึงพื้น มังกรไฟก็คำรามออกมาก่อนจะพุ่งดิ่งลงไปที่ยอดภูเขา ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตอนนี้กลับโดนไฟปกคลุมแทน ฉากนี้น่าตกใจอย่างมาก
ตอนที่หวังเย่ากลับมาสมทบ พื้นที่หลายสิบไมล์ก็กลายเป็นซาก มันไม่มีภูเขาหิมะอยู่อีก ฐานของพวกชุดดำตอนนี้โดนฝังในชั้นใต้ดินไปตลอดกาล
“เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวพวกที่อยู่เบื้องหลังมาเอาคืนงั้นหรือ ? ” แมวพิงต้นไม้และมองมาที่หวังเย่าก่อนจะถามขึ้น
“ถ้าพวกนั้นคิดจะมาหาเรื่องก็ดี ยิ่งมาตอนนี้ได้ยิ่งดี ยังไงซะพี่ก็คิดจะหาทางจัดการกับพวกมันอยู่แล้ว ! ถ้าพวกมันไม่กลัวที่จะแบกรับความโกรธของเทพไฟเอาไว้ งั้นก็มาลองดูกัน” หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ
วานเซ่พูดขึ้น “สบายใจได้ ถ้าพวกนั้นกล้าพอจะมาหาเรื่อง ฉันจะอัดพวกนั้นให้ตายเอง”
เมื่อคิดถึงตอนที่เขาโดนพวกนั้นจับตัวไป วานเซ่ก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา
เรื่องผู้หญิงที่หายตัวไปตอนนี้ได้จบลงแล้ว หลังจากนี้หวังเย่าก็เตรียมตัวกับการเดินทางไปที่ดินแดนนรก เพราะอีกสามวันดินแดนนรกก็จะเปิด ตอนนั้นเขาต้องเผชิญหน้ากับนักสู้จากดาวอื่น ๆ
แค่ในเมืองเล็ก ๆ ก็มีคนแข็งแกร่งจำนวนมากแล้ว ไม่รู้เลยว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่มารวมตัวกันที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีผู้คนนับไม่ถ้วนจับตารอดูการเปิดของดินแดนนรก
แต่ก่อนอื่นหวังเย่าเลือกที่จะให้แฟนธอมเข้าไปในมิติเร่งเวลา ยังไงซะอีกฝ่ายก็ยังเลเวลไม่ถึง 100 แม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง แต่การเข้าไปในดินแดนนรกก็มีอันตรายมาก
ต่อหน้ากลุ่มยอดฝีมือแล้ว แค่โดนตบก็อาจจะตายได้ มันจะดีกว่าที่จะให้แฟนธอมอยู่บ่มเพาะที่นี่เพื่อขึ้นมาเลเวล 100 ให้ได้โดยเร็วที่สุด
“นายจะเข้าไปได้แค่ครั้งเดียว นายต้องรักษาโอกาสนี้เอาไว้ อย่าให้เอไนน์รอนาน” หวังเย่าบอกกับแฟนธอม
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะรีบพัฒนาให้ได้โดยเร็วที่สุด ! ” แฟนธอมพูดขึ้น
“เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นจะต้องรีบ รีบไปก็ไม่ได้ส่งผลดี ตราบใดที่นายไม่ขี้เกียจ ฉันเชื่อว่าคงไม่มีปัญหา”
หลินฉีที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น “นี่ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร มันมีมิติเร่งเวลาอยู่ เขาอยู่ด้านในแค่แปปเดียว ! ฉันเชื่อว่าเขาต้องทำสำเร็จ ? ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินฉี เอไนน์ก็โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นหวังเย่าก็ส่งแฟนธอมเข้าไปในมิติเร่งเวลา แมว มองไปที่หวังเย่าพร้อมพูดขึ้นมา “ทำไมเจ้าไม่ส่งข้าเข้าไปด้านในบ้าง บ่มเพาะปีเดียวเท่ากับ 500 ปี ข้าเองก็อยากเข้าไปบ้าง”
“เข้าไปได้แค่ครั้งเดียว ถ้านายอยากเข้าไป ฉันให้นายเข้าไปหลังจากที่จบเรื่องนี้ก็ได้” หวังเย่าพูดขึ้น
อันที่จริงแล้วสำหรับแมวนั้นการบ่มเพาะไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก การที่เลเวลยังต่ำก็เพราะเป็นสัตว์อสูรของหวังเย่า ที่ทำให้เลเวลลดลงมาเหลือ 120 แม้ว่าหวังเย่าจะทะลวงผ่านขึ้นมาเลเวล 125 ได้แต่อันที่จริงมันเลเวล 150 ถ้าอยากจะเพิ่มเลเวลตัวเองคงต้องรอไปอีกนาน
“โอกาสดี ๆ จะทิ้งให้เสียเปล่าไม่ได้” แมวพูดขึ้นมา
ตอนนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปเตรียมตัว
…….ที่หน้าบ้านสักแห่งในดินแดนนรก ก็มีชายวัยกลางคนที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือดยืนอยู่
คนที่ผ่านไปมาต่างก็พากันมองไปที่ชายคนนี้ด้วยความสงสัยแต่หลังจากที่ดูป้ายบนประตูแล้ว พวกนั้นต่างก็รีบก้มหน้าและรีบเดินออกไปทันที
ตราบใดที่เป็นคนในเมืองนี้ พวกเขาก็รู้ดีว่าใครเป้นเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งนั่นก็คือตระกูลหยุน ตระกูลชั้นนำจากดาวระดับสูง
บ้านนี้คือบ้านตระกูลหยุนในดินแดนนรก
ตอนนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มในชุดเกราะที่เดินออกมาพูดกับชายวัยกลางคน “นายท่านให้นายเข้ามาได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายวัยกลางคนก็แสดงท่าทียินดีออกมา เขาไม่สนใจบาดแผลของตัวเองและรีบเดินตามเข้าไป ภายใต้การนำทางของชายหนุ่มทั้งสองไม่นานก็มาถึงห้องโถงด้านหน้า
มันมีชายอายุประมาณ 50 ปีนั่งอยู่ด้านใน
“แกเกี่ยวข้องยังไงกับหลานฉัน ? ทำไมถึงมีลูกปัดน้ำของเขาได้ ? ” ชายแก่มองไปที่ลูกปัดในมือและถามขึ้นมา
“ผมชื่อดูฉีชุย ผมเป็นลูกน้องของเจ้าชายและคอยช่วยเจ้าชายในดินแดนนรก ผมคอยซื้อขายผู้คน แต่ใครจะไปรู้ว่าทำให้คนกลุ่มหนึ่งสนใจได้ พวกนั้นไม่ใช่แค่ฆ่าคนของผมแต่ยังทำลายฐานที่ใช้ทำงานด้วย ”
“หือ ? แกหมายความว่าหลานฉันเอาลูกปัดนี่ให้แก แกเป็นคนของเขาสินะ ? ” หยุนซีมองไปที่ดูฉีชุย
“ใช่ นี่คือสมบัติที่เจ้าชายให้ผมมา ไม่ใช่แค่ไม่อาจจะจัดการกับศัตรูได้ แต่ผมยังหยุดพวกนั้นไม่ได้ด้วย ดังนั้นผมจึงต้องมาหาท่าน คนพวกนั้นกล้าทำลายธุรกิจของเจ้าชาย พวกนั้นไม่คิดไว้หน้าตระกูลหยุนเลย” ดูฉีชุยแสดงท่าทีเศร้าออกมา
“แกโดนอัดมาหนักแบบนี้ แต่แกไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใครงั้นหรือ ? อย่างนี้จะไปมีประโยชน์อะไร ? ” สายตาของชายแก่เย็นชาขึ้นมาทันที
ดูฉีชุยสลดไปทันทีและรีบพูดขึ้น “ผมมีเบาะแสอยู่ ! มีผู้หญิงเรียกพี่ของมันว่าวานเซ่ มันมีเด็กหนุ่มอีกคนที่ใช้ไฟได้เก่งชื่อว่าหวังเย่า และมีสัตว์อสูรเป็นแมว…”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของดูฉีชุย สีหน้าของหยุนซีก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เขาได้บอกกับชายหนุ่มข้าง ๆ ”เรยัน ไปตรวจสอบคนพวกนี้มา เราไม่อาจจะเสียหน้าตระกูลหยุนได้ ใครที่กล้ามาแตะต้องตระกูลหยุน มันต้องชดใช้”
“ครับ ! ” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับ
“ถ้าไม่มีอะไร แกก็ไปพักได้แล้ว นี่คืออาณาเขตของตระกูลหยุน เมื่อแกเป็นลูกน้องของหลานฉัน งั้นฉันจะให้แกพักที่นี่ชั่วคราว” หยุนซีพูดขึ้นมา
“ขอบคุณนายท่าน” ดูฉีชุยรีบขอบคุณแล้วออกมาจากห้องโถง
เมื่อเห็นว่าดูฉีชุยกลับไปแล้ว ชายหนุ่มก็ถามกับหยุนซี “ท่านหยุนซี ทำไมถึงให้ความสำคัญกับคนเลเวล 130 มากแบบนั้น ? ”
“เขาเป็นคนของหลานฉัน เป็นธรรมดาที่จะนับว่าเป็นคนของตระกูลเรา แต่ฉันแค่สงสัยว่าหลานฉันสนใจเรื่องธุรกิจตั้งแต่เมื่อไหร่” หยุนซีพูดขึ้น
…
3 วันต่อมาระฆังก็ดังก้องไปทั่วราวกับเสียงฟ้าผ่า ในตอนที่เสียงระฆังเงียบลงก็มีดวงอาทิตย์อันอบอุ่นปรากฏขึ้นมา
ตอนที่เสียงระฆังดังขึ้นนั้นที่ท้องฟ้ากลับเกิดชั้นมิติขึ้นมา ตามด้วยวังวนขนาดใหญ่ มันคือประตูมิติ !
นี่คือช่องทางที่เชื่อมต่อกับสวรรค์อีกสองแห่ง
คลื่นพลังนับไม่ถ้วนปะทุออกมาจากทั้งในหุบเขา, ป่า, ยอดภูเขาหิมะและเมือง
พวกคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ต่างก็แผ่พลังของตัวเองออกมา คลื่นพลังเหล่านี้เหมือนกับไฟจากประภาคารในคืนที่มืดมิด แม้ว่าจะอยู่ห่างเป็นร้อยไมล์ก็รับรู้ถึงความน่ากลัวของมันได้
“พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าหลายคน กลับมีคลื่นพลังที่คุ้น ๆ ” กิเลนโม่ยู่หลินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หวังเย่าได้พูดขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ
หวังเย่ามองไปยังวังวนบนท้องฟ้าและพูดขึ้นมา “ นี่คือประตูพรมแดนที่จะไปยังดินแดนนรกใช่ไหม ? ”
“ใช่ หากต้องการเดินทางไปยังสวรรค์ทั้งสาม เจ้าก็ต้องผ่านประตูพรมแดน ประตูพรมแดนนี้มีขนาดใหญ่ ข้าคิดว่าเทพธิดาน้ำแข็งคงสร้างมันขึ้นมาเอง” โม่ยู่หลินพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็พยักหน้า ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเทพธิดาน้ำแข็งนั้นจะน่าทึ่งอย่างมาก ด้วยพลังของคนคนเดียวกลับเพียงพอที่จะสร้างประตูสำหรับคนทั้งหมดได้
หลังจากที่ประตูเสถียรขึ้นมา ผู้คนนับไม่ถ้วนก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ามุ่งหน้าไปที่ประตู คนเหล่านี้คือยอดฝีมือของโลกนี้ แต่ละคนเลเวลไม่ต่ำกว่า 120 และคนที่ไม่มีตั๋วก็ไม่อาจจะเข้าไปใกล้ประตูได้ เมื่อเข้าไปใกล้จะมีพลังขัดขวางพวกเขาเอาไว้ จนทำให้พวกเขากระเด็นกลับมา
ตั๋วคือสิ่งจำเป็น หวังเย่ารู้เรื่องนี้ก่อนที่จะมายังเขตดาวโบไลด์แล้ว ในโลกนี้มีตั๋วแค่ไม่กี่พันใบ ตั๋วแต่ละใบต่างก็ตกอยู่ในมือของคนที่โชคดีและคนที่แข็งแกร่ง
พวกคนที่คิดจะฉวยโอกาสกลับต้องหยุดอยู่หน้าประตู ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรแต่ก็ไม่อาจจะทำลายการป้องกันของค่ายกลที่ประตูได้
“ไปกันเถอะ ! ” หวังเย่ารอวันนี้มานานแล้ว
“ฉันขอไม่ไปส่ง ” เหอเจียพูดขึ้นมา
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก เดี๋ยวเราก็ได้พบกันอีก ! ” หวังเย่าพูดขึ้น
เขาเก็บเอไนน์และแมวเข้าไปในกำไลอสูรก่อนจะบินไปที่ประตู คนอื่น ๆ อีกสามคนเองก็รีบตามไปด้วยเพื่อเข้าไปในดินแดนนรก
ตอนนั้นมันมีคนจำนวนมากที่บินไปที่ประตู แต่ก็มีหลายคนที่รอคอยโอกาสเพื่อแย่งชิงตั๋วจากคนอื่นมา
“ระวังด้วย มันมีคนที่ยังไม่มีตั๋วอยู่รอบ ๆ พวกคนระดับสูงก็เป็นหนึ่งในนั้น” โม่ยู่หลินพูดขึ้นมา
หวังเย่าพยักหน้า หลินฉีและเสี่ยวหยิงกลัวว่าตั๋วของตัวเองจะโดนปล้นไป พวกคนที่มั่นใจในตัวเองนั้นไม่คิดจะออกหาตั๋วและรอที่จะปล้นตั๋วจากคนอื่นในช่วงเวลานี้
“พวกแกเอาตั๋วมาให้เราซะ ! ”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา หวังเย่าเห็นมือขนาดใหญ่ปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่ง ฝ่ามือนี้กวาดไปทั่วก่อนจะตบใส่คนที่บินไปที่ประตูและจับชายคนหนึ่งเอาไว้
จากนั้นตั๋วกระเรียนก็หลุดจากมือเขาและโดนชิงไปโดยชายคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาทุกคน
“นายทำเกินไปแล้ว ! ” ชายแก่อีกคนตามมาและพูดขึ้น “ไอ้หนุ่ม นายยังมีโอกาสเข้าไปด้านในอยู่ในภายหลัง ครั้งนี้เอาตั๋วมาให้ฉันเถอะ”
“ไม่ ! ” ชายหนุ่มเห็นชายแก่เดินในอากาศได้ก็พยายามถอยกลับเพื่อที่จะหนี แต่ก็พบว่าเขาไม่อาจจะควบคุมร่างกายของตัวเองได้
เขาพยายามดิ้นรนแต่กลับต้องเจ็บตัว มันราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นควบคุมเขาอยู่ สุดท้ายเขาก็กรีดร้องออกมาก่อนจะมีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปเพราะความเจ็บปวด
เขากลับส่งตั๋วให้กับชายแก่ก่อนที่ชายแก่จะยิ้มออกมาแล้วรับมันไว้ จากนั้นชายแก่ก็บินไปที่ประตู เมื่อเห็นฉากนี้ทุกคนแม้แต่หวังเย่าก็ยังต้องขนลุก
พวกนี้ซ่อนตัวอยู่ เมื่อพวกนี้ลงมือ พวกที่เลเวล 120 ก็ไม่อาจจะต้านทานได้เลย
หลังจากที่ชายแก่ทั้งสองลงมือไป มันก็มีคนอื่น ๆ เข้ามาแย่งตั๋วเพิ่ม ตอนนั้นทุกอย่างตกสู่ความวุ่นวาย พวกคนที่มีตั๋วไม่กล้าแม้แต่จะบินไปที่ประตู เพราะกลัวว่าพวกคนแข็งแกร่งจะหันมาสนใจ
ชายคนหนึ่งหมายหัวหวังเย่าเอาไว้ “เด็กน้อย รีบส่งตั๋วมาแล้วฉันจะไว้ชีวิตนาย”
หวังเย่ามองไปที่ชายวัยกลางคน เขาไม่ได้สนใจอีกฝ่ายและบินผ่านอีกฝ่ายไปอย่างไม่ใยดี
“กล้าเมินฉันงั้นหรือ ! ” ชายคนนั้นเมื่อเห็นว่าหวังเย่าไม่สนใจตัวเองก็ยกมือขึ้นตบเข้าใส่หวังเย่า
หวังเย่าฮึดฮัดออกมาก่อนจะต่อยออกไปด้านหลัง จากนั้นร่างของชายวัยกลางคนก็ร่วงลงมาจากฟ้า
“ซูซาน นายสนิมเกาะรึไง นายจัดการเด็กนี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าคิดที่จะเข้าไปด้านในเลย” ชายตัวผอมแห้งคนหนึ่งรีบเข้ามาประคองตัวชายวัยกลางคนเอาไว้
ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ฉันประมาทไปหน่อย เด็กนั่นแกร่งอยู่พอตัว นายรอฉันสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะไปแย่งตั๋วมาให้ได้”
หวังเย่าเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะยอมแพ้ เขาก็ต้องขมวดคิ้ว ครั้งนี้เขาไม่อยากจะสร้างปัญหา นี่ไม่ต้องนับการสู้กับคนอื่นเลย
ชายคนนี้เลเวลประมาณ 130 ไม่ได้แกร่งมากนักแต่เมื่อสู้กันแล้วจะเสียเวลา หวังเย่าไม่อยากให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้น
หวังเย่าพุ่งไปหาอีกฝ่ายก่อนจะจับแขนอีกฝ่ายไว้แล้วต่อยเข้าที่อกของอีกเขา
ตูม…
ด้วยการเพิ่มพลังของไฟหยินหยาง ฝ่ามือก็ได้อัดเข้าที่ตัวของอีกฝ่าย แม้แต่คนที่เลเวล 130 ก็ยังไม่อาจจะทนรับพลังของหวังเย่าได้ไหว
ซูชานโดนเผาและบาดเจ็บหนักจนหมดสติไป คนที่เหลือเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองบาดเจ็บก็อยากจะลงมือ แต่สุดท้ายก็ลังเล จากนั้นพวกนั้นก็เลือกที่จะยอมแพ้และได้แต่ไปช่วยเพื่อนก่อน
พวกคนที่เริ่มหมดความอดทนก็เริ่มออกไปโจมตีคนไปทั่ว แต่พวกที่ได้ตั๋วไปนั้นหนีไปได้ไม่ไกลนักก็โดนปล้นตั๋วไปโดยชายแก่คนหนึ่ง
“สหาย ฉันยืมตั๋วหน่อยละกัน ฉันต้องขอบคุณนายมาก” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งบินมาตรงหน้าหวังเย่าและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
แต่หวังเย่าไม่ได้ใส่ใจ ชายแก่ยิ้มออกมาพร้อมกับแผ่พลังระดับเลเวล 130 ออกมา
“มันมีเรื่องสำคัญสำหรับฉัน ฉันต้องเข้าไปด้านใน ขอให้นายไปหาตั๋วจากคนที่เหมาะจะดีกว่า” หวังเย่าพูดขึ้น
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายวัยกลางคนก็พยักหน้า “หากยืนกรานแบบนี้คงมีเรื่องสำคัญมากจริง ๆ ”
หวังเย่าไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตกลงง่ายดายขนาดนี้ แต่เขาเห็นอีกฝ่ายมองไปที่หลินฉีและเสี่ยวหยิงแทน “พวกเธอสองคนควรอยู่ที่นี่จะดีกว่า โลกดินแดนนรกน่ะอันตราย มันไม่เหมาะที่พวกเธอจะไป”
“ผู้อาวุโส ! ” หวังเย่าหันไปหาโม่ยู่หลิน เพราะกลัวว่าชายคนนั้นจะลงมือกับทั้งสองคน
“อย่าหาเรื่องหน่อยเลย ! ” โม่ยู่หลินไปยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น
หลังจากที่เห็นโม่ยู่หลิน ชายวัยกลางคนก็พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “นายเป็นใคร ? ”
“เจ้าบ่มเพาะมาไม่ง่าย อย่าหาเรื่องดีกว่า” โม่ยู่หลินพูดขึ้น
“ถ้านายจะปกป้องพวกนี้ งั้นฉันก็ต้องไปหาตั๋วจากคนอื่นแทนสินะ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นแล้วหันกลับ ชายแก่ที่อยู่ใกล้ ๆ มองมาที่โม่ยู่หลินด้วยสีหน้าตกตะลึงก่อนจะรีบบินออกไป
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หวังเย่าพูดขึ้น
“ไปกันเถอะ เราเสียเวลาไม่ได้” โม่ยู่หลินโบกมือและพูดขึ้น
เมื่อผ่านชายวัยกลางคนมาได้ หวังเย่าและคนอื่น ๆ ก็ผ่านค่ายกลคัดกรองมาได้และเข้าไปในประตู
ในตอนที่ผ่านประตูเข้ามา หวังเย่าก็รู้สึกเวียนหัวอยู่เล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับฉากที่งดงามปรากฏขึ้นมาตรงหน้า