ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 692 : ตราประทับไฟ
ตอนที่ 692 : ตราประทับไฟ
ตูม…
ตอนที่กิเลนกินยาเม็ดสุดท้ายเข้าไป ท้องฟ้าก็มีเมฆดำรวมตัวกันถึงระดับที่น่ากลัว
ตามแผนแล้วในการทะลวงผ่าน หวังเย่าจะใช้วิญญาณสัตว์อสูรรับการโจมตีเอาไว้แทน แต่เมื่อเห็นการทะลวงผ่านของแมวแล้ว เขาก็รู้สึกว่าไม่ควรเสียวิญญาณสัตว์อสูรไปง่าย ๆ เขาควรจะให้กิเลนลองรับการโจมตีเอาไว้ก่อน ถ้าหากไม่ไหวจริง ๆ ค่อยว่ากันอีกที
“สมกับเป็นสัตว์อสูรเลเวล 170 การลงโทษของมันดูหนักกว่าของแมวเสียอีก” หวังเย่ามองไปที่เมฆบนท้องฟ้าแล้วพึมพำออกมา กิเลนยืนอยู่บนยอดเขา รอบตัวของมันรายล้อมไปด้วยสายฟ้า
เมื่อเห็นกิเลนที่แข็งแกร่ง หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะภูมิใจ การที่รักษาสัตว์อสูรนี่ได้นั้น เขาได้ใช้ยาฟื้นฟูสายเลือดแทบทั้งหมดรวมกับน้ำศักดิ์สิทธิ์อีก 10 หยด ถึงได้กลั่นยาขึ้นมากว่า 300 เม็ดได้
แค่การใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ที่ศูนย์แลกเปลี่ยนก็ยังแลกเงินได้หลายหมื่นล้านเหรียญ
“น่าเสียดาย ! ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา แต่เมื่อหันไปมองข้าง ๆ ก็พบว่าหยานเทียนนั้นดูไม่ได้เสียดายยาเลยแม้แต่น้อย
ตามที่หวังเย่าประเมินดูแล้วยานี่คงขายได้เงินอย่างน้อย 3,000 ล้าน ไม่รู้เลยว่าหยานเทียนเอาเงินมาจากไหน
หยานเทียนนี่รวยจริง ๆ !
การลงโทษชุดแรกก็ได้จบลง แค่การลงโทษรอบแรกก็เท่ากับการลงโทษที่รุนแรงที่สุดของแมวแล้ว
“สัตว์อสูรเลเวล 170 สายเลือดของมันไม่ได้ด้อยกว่าข้า เลเวลก็สูงกว่า การที่การลงโทษแรงกว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ” แมวมองไปรอบ ๆ แล้วอธิบายออกมา
กิเลนปล่อยให้สายฟ้าฟาดใส่ตัวเอง นอกจากโล่เงาที่พังลงแล้ว เกล็ดของมันก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่ทนรับการลงโทษชุดแรกไหว แต่มันยังรับการโจมตีที่หนักกว่านี้ได้อีก
แมวนั้นยากจะรับการลงโทษได้ไหว สภาพของมันตอนนั้นปางตาย มันยากจะต้านทานการลงโทษได้ การลงโทษมันจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่กิเลนนั้นนอกจากเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้ว มันก็ไม่ได้มีอาการใด ๆ เลย
สายฟ้าหมดพลังลง มันไม่ได้มีความเสียหายใด ๆ นอกจากรอยไหม้แค่ไม่กี่จุดเท่านั้น เมื่อการลงโทษจบลง กิเลนก็ได้กลับลงมาที่พื้น มันทนรับพลังจากการลงโทษเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ไม่ใช่ว่านี่เป็นสายฟ้าปลอมหรอกนะ ? ” หวังเย่าพึมพำออกมา
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น” แฟนธอมพยักหน้า
กิเลนนี่แข็งแกร่งจริง ๆ ! หวังเย่ามั่นใจว่าการลงโทษนี่ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน มันแสดงให้เห็นว่ากิเลนนี่น่ากลัวแค่ไหน แม้ว่าสายเลือดจะเพิ่งฟื้นฟูขึ้นมาแต่การลงโทษก็ยังไม่อาจจะทำอะไรมันได้
“น่าเบื่อจริง ๆ ! ครั้งที่แล้วที่ข้าทะลวงผ่านไปได้น่ะมันหนักกว่านี้เสียอีก” กิเลนพูดขึ้นมาด้วยท่าทีหงุดหงิด
“การลงโทษรอบสองมาแล้ว ฉันพนันว่ามันต้องหนักกว่าเดิมเป็นสิบเท่า นายเตรียมตัวรับมือให้ดี ๆ ” หวังเย่าพูดขึ้นและมองไปที่หยานเทียน “ลุงคิดว่ายังไง ? ”
“ยาฟื้นฟูสายเลือดของฉันอยู่ในตัวเขาแล้ว ฉันพนันว่าเขาจะรับไหว ! การลงโทษรอบสองนี้แน่นอนว่าจะต้องมีพลังเกินกว่าที่เราจะคาดถึง แม้ว่าจะเป็นอสูรเทพแต่ก็ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย ๆ ” หยานเทียนพูดขึ้นมา
เมื่อหยานเทียนพูดจบ กิเลนก็คำรามออกมา
เมฆดำขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่าครึ่งท้องฟ้าปรากฏขึ้นมา กิเลนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่เมฆนั่น
“ข้ามาแล้ว ! ” กิเลนนี่ดูใจกล้ายิ่งกว่าแมวอีก มันทำให้หวังเย่าถึงกับอึ้ง
แมวได้พูดขึ้นมา “ก็แค่รับการโจมตีจากสายฟ้าเอาไว้ มันจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนเชียว”
สายฟ้าไหลไปมาในก้อนเมฆอยู่นาน สุดท้ายกิเลนก็เข้าไปในเมฆดำ จากนั้นเกล็ดของมันก็มีควันดำลอยออกมา บางที่ถึงกับมีเลือดไหลออกมา ดูเหมือนว่ามันจะบาดเจ็บเพราะสายฟ้า
ในการลงโทษรอบที่สาม แม้แต่กิเลนก็ยังแทบรับมือไม่ไหว แค่การโจมตีครั้งแรกก็ทำให้มันพุ่งตกลงมาที่พื้น ตอนนั้นมันทำให้ภูเขาถึงกับพังลงไป
หลังจากที่โดนโจมตีอย่างต่อเนื่องกิเลนก็ไม่อาจจะยืนไหวได้
“ถึงตาเจ้าแล้ว มันน่ากลัวว่าตอนที่ข้าเลเวล 150 เสียอีก ตอนนี้ข้าแทบทนไม่ไหวแล้ว” กิเลนพูดขึ้น
หากมันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันคงไม่กลัวการลงโทษแบบนี้ แต่สายเลือดมันเพิ่งจะฟื้นฟูขึ้นมา มันจึงไม่อาจจะทนได้ไหว
ในตอนที่สายฟ้าครั้งต่อมากำลังจะผ่าลง หวังเย่าก็ได้โยนวิญญาณสัตว์อสูรไปบนท้องฟ้า แต่เป็นเพราะสายเลือดของกิเลนนั้นแข็งแกร่ง ดังนั้นสัตว์อสูรทั่วไปจึงไม่อาจจะทนรับไหว หยานเทียนจึงต้องออกไปจับพวกสัตว์อสูรมาและทำให้มันเป็นวิญญาณ
เมื่อฟ้าผ่าครั้งนี้จบลง สุดท้ายหายนะก็จบสิ้นเสียที
เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มส่องแสงขึ้นมา หวังเย่าก็ลูบจมูกและบอกกับแมวข้างตัว “ในฐานะบรรพบุรุษของแมวแล้ว ในอนาคตนายต้องรับการลงโทษแบบนี้รึเปล่า ? ”
และแล้วหายนะที่กิเลนต้องทนมานานสุดท้ายก็จบลง
ต่อมาทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป หลินฉี, เสี่ยวหยิง และเอไนน์ ต่างก็พักกันอยู่ที่โรงแรม บางครั้งพวกเธอก็ออกไปซื้อของโดยมีแฟนธอมและแมวคอยดูแล
ในช่วงที่ว่าง แมวเองก็พยายามฟื้นฟูพลังที่เสียไปหลายพันปีนั้นให้กลับคืนมา แม้ว่ามันจะเคยมีพลังระดับนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้
หวังเย่าได้ไปช่วยรักษากิเลน หยานเทียนจึงบอกว่าจะช่วยหวังเย่าในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมเป็นการตอบแทน
ทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ร้านทั้งวันโดยไม่รู้ว่าทำอะไรกันบ้าง
“นายมีสมาธิหน่อยสิ นายพลาดไปกี่ครั้งแล้ว ? ” หยานเทียนเห็นว่าหวังเย่าแทบจะควบคุมไฟหยินหยางไว้ไม่อยู่ จึงกลอกตาใส่หวังเย่า
“หวังเย่าเลเวลแค่ 120 ทำได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว ถ้าข้าจำไม่ผิดตอนที่เจ้าเลเวลเท่านี้ เจ้าใช้ไฟระดับนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” กิเลนยิ้มออกมาและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“ผู้อาวุโสกิเลนพูดถูก ผมยังไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ผมจะเข้าใจแก่นของการควบคุมพลังจิตได้ยังไง ? ” หวังเย่าพูดขึ้นมา
“ฉันแค่สอนวิธีการพัฒนาค่ายกลทำลายดาว ฉันไม่ได้บอกให้นายเป็นผู้ใช้ค่ายกลที่เก่งกาจซะหน่อย ! ทักษะนายยังด้อยอยู่ แต่การใช้ค่ายกลแบบนี้มันมีราคาที่สูงเกินไป หากใช้ในการต่อสู้มันก็ไม่ต่างอะไรจากดาบสองคม” หยานเทียนพูดขึ้นมา
เมื่ออยากใช้พลังงานที่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้เวลาเท่านั้น
หลังจากที่หวังเย่าคิดจะเข้าไปในดินแดนนรก เขาก็ต้องหาทางที่จะพัฒนาตัวเอง เขายังอ่อนแออยู่ การที่มีคนช่วยสอนเขาก็คืออีกทางที่จะช่วยให้เขาสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้
“แต่ปัญหาตอนนี้คือนายไม่มีสมาธิมากพอ นายยังควบคุมไฟได้ไม่ดี การที่นายจะเชี่ยวชาญการใช้ค่ายกลนี้น่ะ ฉันช่วยนายไม่ได้ นายได้แต่ต้องทำความเข้าใจด้วยตัวเอง” หยานเทียนส่ายหน้า
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินทางออกไปทิ้งหวังเย่าไว้ในมิติลับเพียงลำพัง ที่นี่แต่เดิมมีเอาไว้ใช้เพื่อรักษาพลังชีวิตกิเลน แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นห้องฝึกซ้อมของหวังเย่าไปแล้ว
มิติแห่งนี้แข็งแกร่งอย่างมาก พลังต่ำกว่าเลเวล 150 ไม่อาจจะทำให้มันพังได้ ถึงจะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ก็มีกิเลนและ หยานเทียนคอยแก้ปัญหาให้
หวังเย่านั่งลงกับพื้น เขาพยายามเรียกสติกลับมา จากนั้นเขาก็ได้ใช้ค่ายกลออกมาและควบคุมกฎไฟให้รวมกับพลังจิตของเขา
ไฟหยินหยางนั้นคือไฟที่รุนแรงที่สุดในจักรวาล การจะควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ไม่ต้องพูดถึงการรวมพลังไฟกับพลังจิตเข้าด้วยกันเลย
เมื่อล้มเหลวอีกครั้งไฟหยินหยางในมือก็ดับลง หวังเย่านั่งเหม่อไปสักพัก เขาไม่รู้เลยว่าพลาดมากี่ครั้งแล้ว ตลอดหลายวันมานี้ หวังเย่าได้ใช้วิธีต่าง ๆ มามากมายแต่ก็ยังไม่อาจจะหาทางรวมพลังทั้งสองเข้าด้วยกันได้
“มิติเร่งเวลา ! ” หวังเย่าคำนวณเวลาที่ดินแดนนรกจะเปิดออก และตัดสินใจจะใช้มิติเร่งเวลา
ครั้งนี้ หวังเย่าไม่ได้ควบคุมไฟหยินหยางให้ออกมานอกร่างกาย แต่กลับควบคุมพลังให้มันไหลไปที่ตันเถียนของเขาแทน
ครืน !
ที่ตันเถียนกลับมีไฟก่อตัวขึ้นมา มันแทบทำให้พลังจิตด้านในแทบจะหายไป
“หลอมรวม ! ” หวังเย่าตะโกนขึ้นในใจ ตัวของเขาแดงก่ำขึ้นมา แต่การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขากลับน่ากลัวยิ่งกว่านี้อีก
ที่ตันเถียน ไฟอันน่ากลัวภายใต้การควบคุมของหวังเย่า สุดท้ายก็สมดุลขึ้นมา หวังเย่าพบว่าพลังจิตของเขาเริ่มหลอมรวมกับไฟนี่ได้ก่อนจะสร้างตราประทับขึ้นมา
“ควบแน่น ! ” หวังเย่าลืมตาขึ้นมาช้า ๆ และพบว่ามีไฟขนาดเท่ากับเม็ดถั่วได้เกิดเป็นตราประทับอยู่ที่หว่างคิ้วของเขา