ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 655 : อีกาดำ
ตอนที่ 655 : อีกาดำ
หวังเย่าได้พูดขึ้นมา “นายออกมาแล้วนี่ นายไปหาเรื่องกลุ่มอีกาดำได้ยังไง นายบอกฉันเรื่องนี้ได้รึเปล่า ? ”
หวังเย่าก่อกองไฟขึ้นมา ก่อนที่ทุกคนจะนั่งล้อมกองไฟ
โจวอวิ๋นลำดับความคิดและพูดขึ้นมา “ฉันเล่าเอง”
หวังเย่าพยักหน้า
ประมาณ 1 อาทิตย์หลังจากที่หวังเย่าเดินทางออกมา นักวิยจัยก็พบว่าดาวนี้ห่อหุ้มด้วยพลังลึกลับจึงทำให้หนวดไม่อาจจะกลืนกินที่นี่ได้
“จากนั้นนักวิจัยก็พบกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด ด้านในของดาวได้แผ่แสงไฟอ่อน ๆ ออกมา แสงนี้ทำให้ยากที่หนวดจะกลืนกินที่นี่ได้ ด้วยการเพิ่มจุดแสงเหล่านี้ หนวดที่พันรอบดาวในตอนแรกก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป”
“จากนั้นนักวิจัยก็บอกว่ามันคือกฎโลก ดาวนี้มีกฎโลกซ่อนอยู่ด้านใน และตอนนี้มันเหมือนว่าจะพยายามช่วยโลกเอาไว้”
“ข่าวนี้ทำให้ทั้งโลกตกใจ อันที่จริงคนอพยพต่างก็คิดถึงบ้านตัวเอง องค์กรนับไม่ถ้วนได้ก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมาเพื่อกลับไปที่โลกเดิมของเราอีกครั้ง”
“เพื่อจะหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา เฉี่ยนเจินเฉียน, จางจื้อเฉียง และคนอื่น ๆ ได้ตั้งทีมขึ้นมาเพื่อพานักวิจัยเหล่านั้นเดินทางจากมิติลับไปยังโลกเพื่อเริ่มการค้นคว้า”
“หลังจากที่นายกับชูหยุนแต่งงานกัน บริษัทและกลุ่มทหารก็ได้อยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้าเผ่า”
“หลังจากที่เธอเสนอตำแหน่งผู้อาวุโสให้กับฉัน เธอก็ได้ตั้งทีมสำรวจขึ้นมาในนามของนาย ฉันได้กลายเป็นหัวหน้าทีมและพาหลายคนเดินทางออกมา”
“ตอนที่ฉันไปถึงโลกมนุษย์ เราก็พบว่ามีเรื่องแปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้นที่นั่น”
“หือ ? ” หวังเย่าแปลกใจ
“มันมีมนุษย์อยู่บนโลก อาเย่า นายเชื่อรึเปล่า ? ”
“ว่าไงนะ ? ! ” หวังเย่าแปลกใจกับเรื่องนี้จริง ๆ หลังจากที่หนวดได้ทำการพันรอบโลกเอาไว้ ระดับน้ำทะเลก็ได้เพิ่มสูงขึ้น เมื่อรวมกับก๊าซลึกลับและกรดจากหนวด โลกจึงไม่น่าจะเป็นที่ที่เหมาะกับการอยู่อาศัยของมนุษย์ได้ แต่กลับมีมนุษย์อยู่ที่นั่นได้ เราเรียกพวกนี้ว่าผู้ชำระล้าง ! พวกเขาไม่กลัวก๊าซลึกลับ”
“พวกเขากินหนวดปีศาจและกรดของมันเป็นอาหาร ก่อนจะเริ่มเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว”
“แม้ว่าร่างกายจะโดนตัดเป็นชิ้น ๆ ก็สามารถซ้อมแซมร่างของตัวเองขึ้นมาใหม่ได้ และไม่นานจำนวนมนุษย์พวกนั้นก็เริ่มเพิ่มขึ้น”
“เราได้หานักรบที่แข็งแกร่งตามที่นักวิจัยบอกมา ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับเลเวล 80”
“แต่เมื่อไปถึงโลกมนุษย์ เขากลับโดนโจมตีโดยผู้ชำระล้างอย่างง่ายดาย”
“พวกผู้ชำระล้างมีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าเลเวล 70 พวกนั้นเหมือนกับมดที่ร่วมมือกันเพื่อสู้กับตั๊กแตน พลังของพวกมันเพิ่มขึ้นมาหลายสิบเท่าจนเราพ่ายแพ้ไป”
“นักรบคนนั้นได้ฆ่าพวกผู้ชำระล้างไปมากมาย แต่ร่างของพวกเขากลับรวมตัวกันและมีร่างที่ขนาดใหญ่ขึ้น ลูกบอลนั้นได้ห่อหุ้มเขาเอาไว้ เขาได้แต่อยู่ในลูกบอลนั้นไปพร้อมกับหนวด ”
“ตอนที่กำลังจะตาย นักรบคนนั้นเลือกที่จะระเบิดตัวเอง ด้วยพลังชีวิตที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยและด้วยความช่วยเหลือจากหนวด เขาจึงหนีมาได้”
เมื่อได้ยินเรื่องจากปากโจวอวิ๋น หวังเย่าก็พบว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดจริง ๆ เพราะเขาเคยหาข้อมูลเรื่องการโจมตีของดาวที่เขาเคยอยู่แล้ว แม้ว่าหนวดจะทำการทำลายดาวทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้กลืนกินดาวเข้าไป
มันเป็นเพราะทรัพยากรที่เหือดแห้งไปของดาวเคราะห์ ดังนั้นมันจึงไม่มีค่าต่อหนวดอีกต่อไป
สถานการณ์ของโลกนั้นแปลกประหลาด หนวดต้องการจะกลืนกินโลกแต่ก็ไม่อาจจะทำได้
ต้องรู้ก่อนว่าโลกอยู่แค่ระดับ 90 หากมองทั้งจักรวาลแล้วมันเป็นแค่ดาวขั้นต้นเท่านั้น แต่ดาวขั้นต้นแบบนี้กลับมีเรื่องราวที่แปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้น
“งั้นนายตรวจสอบดูแล้ว พวกผู้ชำระล้างนี้มาจากไหนกัน ? ”
โจวอวิ๋นพยักหน้า “นี่คือหนึ่งในเรื่องที่เราทำการสำรวจมา แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจต้นกำเนิดของพวกนี้ทั้งหมด แต่แน่นอนว่าพวกนี้น่ะเป็นมนุษย์โลก”
“เพราะเราพบว่าพวกนี้ใส่เสื้อผ้าเหมือนเรา เราพบบัตรประชาชน, บัตรเอทีเอ็มและของอื่น ๆ ของพวกมัน”
“ปกติแล้วพวกนี้จะไม่โจมตีเรา แต่จะคอยเว้นระยะห่างจากเรา แต่ละคนราวกับมีเครื่องบอกตำแหน่งในหัว ไม่ว่าเราจะใช้แผนดีแค่ไหนแต่พวกนี้ก็หนีได้อย่างปลอดภัยตลอด”
“แต่บางครั้งพวกเขาก็มีผิดพลาดบ้าง ในภารกิจหนึ่งเราได้ล้อมผู้ชำระล้างคนหนึ่งเอาไว้ได้”
“แต่จากนั้นเขาก็แยกตัวออกเป็นห้าร่างแล้วหนีไปคนละทิศทาง”
“เลเวลของเขาเหมือนจะไม่ได้สูงนัก การแยกร่างห้าร่างนี้ทำให้ร่างเหล่านั้นเป็นร่างเด็ก เราจึงทำการไล่ตาม”
“เด็กนั่นเข้าไปในมิติลับด้วยความลนลานและสุดท้ายก็โดนเราจับได้”
“แต่ตอนที่เราจับเด็กนั่นได้ เขาก็เหมือนจะไม่ชินกับสภาพแวดล้อมของมิติลับ ไม่ทันไรมันก็มีควันดำลอยออกมาจากตัวของเขาก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นบ่อน้ำสีดำและหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
“ตอนที่เรากำลังจะออกจากมิติลับ เราก็พบว่าทั้งมิติลับนั้นสั่นไหวอย่างแรงจนเราร่วงลงไปกองกับพื้น”
“ตอนที่ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าท้องฟ้ามืดไป และโดนล้อมรอบไปด้วยภูเขา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำพร้อมหิมะที่ตกลงมา”
“เราเพิ่งรู้ว่าเราได้เดินทางมาที่นี่ หนึ่งในเขตลับทั้งสามในตำนาน ตอนนั้นทางออกก็ได้หายไป มันราวกับว่าที่นี่กลายเป็นดาวเคราะห์ขึ้นมา และมันห่างจากโลกของเราอย่างมาก”
“เพราะแบบนั้นเราจึงขาดการติดต่อกับคนในทีม ”
“ความโหดร้ายของที่นี่เกินกว่าที่เราคาดเอาไว้อย่างมาก ด้วยสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไปจากเดิมนี้จึงทำให้เราพบกับความลำบาก”
“สิ่งที่เราคาดไม่ถึงคือมิติลับแห่งนี้กลับอยู่ถึงระดับ 170 สัตว์อสูรทั่วไปที่นี่เลเวลมากกว่า 80 ที่นี่เราคือส่วนล่างสุดของห่วงโซ่อาหารเลยก็ว่าได้”
“ปีแรก ๆ เราอาจจะพอรับมือได้ เรามีอาวุธกับตัวที่คอยเอาไว้ปกป้องตัวเองได้ แต่ด้วยกระสุนที่ถูกใช้ไปเรื่อย ๆ และเครื่องมือที่เสียหาย สุดท้ายเราก็ตกอยู่ในอันตราย ! ”
“ในหลายปีต่อมาคนของเราหลายคนก็โดนสัตว์อสูรกินไป เราซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหิมะ เราใช้ชีวิตอย่างกับคนป่า”
“จนกระทั่งวันหนึ่งคนธรรมดาที่มากับเราต่างก็ตายกันหมดเหลือแค่ฉัน หลงปู้หยู๋ ลัวจ้าวฮวา อันตงจ๋า ที่รอดมาได้ ”
“กว่า 20 ปีเราโดนไล่ล่ามาตลอด หลังจากที่สัตว์อสูรของเราตายไป เราก็รู้ว่าเราคงอยู่ได้ไม่นาน”
“คืนหนึ่งเราโดนล้อมโดยกลุ่มสัตว์อสูรมากกว่าร้อยตัว”
“เราสี่คนได้แต่ต้องต้านทานให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ ในตอนที่เรากำลังจะยอมแพ้นั้นก็มีสัตว์อสูรร่างมนุษย์ที่ชื่อว่ากั้วหงมาช่วยเราเอาไว้”
“กั้วหงงั้นหรือ ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
โชคชะตานี่ลึกลับจริง ๆ ดูเหมือนว่ามันจะมีวิธีการของตัวเอง
หลายสิบปีก่อนกั้วหงได้ช่วยเพื่อนของเขาเอาไว้ หลายสิบปีต่อมาเขาก็ได้ช่วยภรรยาของกั้วหงเอาไว้
“นายรู้จักเขาหรือ ? ”
หวังเย่าพยักหน้า “ฉันรู้จักเขา นายเล่าต่อสิ”
“ถึงกั้วหงจะเป็นสัตว์อสูร แต่ก็มีความคิด เขาได้พาเราไปที่ถ้ำที่ปลอดภัยและคอยช่วยเหลือเรามาตลอด”
“แต่หลังจากที่เขาตรวจสอบร่างกายของเราแล้ว เขาก็ต้องส่ายหน้า”
“หลังจากที่ตรวจสอบอยู่นาน เขาก็บอกเราว่ามนุษย์นั้นคือร่างทดลองที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยดาวนิบิรุ แต่ด้วยยีนส์ด้อยในตัวเราแล้ว เราจึงไม่อาจจะขึ้นไปเกินเลเวล 90 ได้”
“ในอีกความหมายคือเราคงต้องตาย”
“แต่เขาไม่ได้ทิ้งเรา หลังจากที่ปกป้องเรามา 3 ปี วันหนึ่งอันตงจ๋าก็ไปพบกับเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาในภูเขาที่ไกลออกไป”
“หลังจากที่ตรวจสอบดูดี ๆ แล้ว เราก็พบว่าเจ้าของที่นี่คงอยากใช้เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เพื่อดูแลทั้งดินแดนนรก เมืองเล็ก ๆ นี้ถูกตั้งชื่อว่าเมืองชูโร่ นักเดินทางจำนวนมากเริ่มเดินทางเข้ามาเรื่อย ๆ จนทำให้เมืองนี้พัฒนาขึ้นไปด้วย”
“มันทำให้เราเกิดความหวัง เพื่อที่จะไม่ได้เป็นภาระต่อกั้วหง เราจึงบอกลาเขาและเริ่มเดินทางเข้ามาในเมือง”
“ในช่วงแรก ๆ เพื่อจะสนับสนุนการพัฒนาของเมือง เขตดาวโบไลด์ก็ได้ให้บ้านกับแรงงานทุกคนที่อยากจะอยู่ที่นี่ บ้านทุกบ้านจะมีค่ายกลเพื่อป้องกันการโจมตีของสัตว์อสูร”
“เราสี่คนได้สร้างโรงแรมขึ้นมา เมื่อมีที่อยู่แล้วเราก็ไม่ต้องกังวลอะไร เราตัดสินใจว่าจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่ เราจะทำงานและอาศัยกันอยู่ที่นี่”
“แต่เวลาดี ๆ แบบนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน สามปีก่อนโรงแรมของเราโดนยึดโดยกองกำลังที่เรียกตัวเองว่าอีกาดำ พวกนั้นเห็นว่าเรามีฝีมือจึงบังคับให้เราเข้าร่วมกับพวกมันเพื่อเป็นนักฆ่า”
“เราสี่คนไม่ตกลง ดังนั้นเราจึงแจ้งเรื่องนี้ไปยังฝ่ายจัดการของเขตดาวโบไลด์เพื่อให้มาจัดการเรื่องนี้”
“ตอนนั้นฝ่ายจัดการบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ แต่การดำเนินการมันล่าช้า เราสี่คนจึงโดนพวกมันล่าและต้องหลบซ่อนตัวอยู่ตลอด”
หวังเย่าเงียบไปสักพัก “หลังจากนั้น กั้วหงก็มาสร้างโรงแรมในเมืองนี้ไม่ใช่รึไง ? ทำไมพวกนายไม่ไปขอให้เขาช่วย ? ”
โจวอวิ๋นถอนหายใจออกมา “เราเองก็คิดแบบนั้น แต่ตอนนั้นเขาบ่มเพาะทักษะหนึ่งอยู่และเจอกับปัญหาในการบ่มเพาะเข้า เขายังทั้งต้องดูแลภรรยาและโรงแรมอีกด้วย หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้เราก็อายเกินกว่าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากเขา”
หวังเย่าขมวดคิ้ว “ตั้งแต่ต้นจนจบพวกนายอยู่ด้วยกัน…แล้ว พี่เฟิง มาจากไหน ? ”
เฟิงยิ้มออกมา “มันก็น่าอายที่จะพูดออกมา แต่เมื่อนายถาม ฉันจะบอกนายก็ได้”