ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 527 :โลกกำลังจะถูกกลืนกิน
ตอนที่ 527 :โลกกำลังจะถูกกลืนกิน
ระหว่างทางนั้นชูหยุนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับปัญหาตัวเอง เธอไม่พูดถึงเรื่องฉิงจีและเชินสิ่วเลยด้วยซ้ำ
เธออยากใช้ช่วงเวลาที่สงบนี้กับหวังเย่า เธอได้เล่าเรื่องในวัยเด็กของเธอให้กับหวังเย่าฟังทั้งหมด
เรื่องราววัยเด็กนี้ทำให้ทั้งสองต่างก็พากันหัวเราะจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
กว่าอาทิตย์ที่ทั้งสองมักจะออกมาเดินเล่นในตอนกลางคืน ทั้งสองมักจะไปเจอกันที่ชายหาดเสมอ
แสงดาวหม่น ๆ ทำให้ชายหาดนั้นมืด ท้องฟ้าไม่ได้มีดวงจันทร์เต็มดวง ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ต้องก่อกองไฟที่ชายหาดขึ้นมา ลมพัดแรงทำให้ไฟสั่นไหวไปมา แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก
ทั้งสองนั่งอยู่ข้างกันหน้ากองไฟ เสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งราวกับเสียงทลายการป้องกันจากหัวใจของทั้งคู่
ตอนนั้นคลื่นได้ซัดเข้ามาเสียงดัง พร้อมกับตอนที่ชูหยุนได้ถามบางอย่างขึ้นมาพอดี
“เธอว่ายังไงนะ ? ฉันไม่ได้ยิน” หวังเย่าถามขึ้นมาเพราะเสียงคลื่นนี่มันกลบเสียงเธอไปจริง ๆ
“ฉันบอกว่าขอยืมตัวพี่ 10 นาที” ชูหยุนยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้น
หวังเย่ายิ้มและลุกขึ้นยืนก่อนจะตอบกลับ “ได้”
ชูหยุนมองไปที่หวังเย่าแล้วตะโกนออกมา “ฉันบอกว่าฉันจะอยู่ที่นี่ ! ฉันขอยืมพี่….สัก 10 นาทีในเวลาของโลก ! ” ทันทีที่พูดจบทั้งสองก็มองหน้ากัน
หวังเย่าแปลกใจ “10 นาทีของโลก…เท่ากับ 10 ปีที่นี่ นี่…” นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย่าไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองชูหยุนอีกครั้ง เขาก็พบว่าเธอนั้นร้องไห้ไปแล้ว
“ฉันรู้ว่าหลังจากที่ออกจากที่นี่ไป ฉันคงไม่มีโอกาส” ชูหยุนร้องไห้ออกมาและพูดขึ้น “ฉันแค่อยากอยู่กับพี่ในเวลาสั้น ๆ ของชีวิต ฉันไม่อยากพลาดโอกาสนี้จนทำให้ฉันรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต” เธอสะอื้น “ถ้าสักวันฉันหายไปจากโลกนี้ ฉันคงไม่เสียดายเพราะ…อย่างน้อยฉันก็รู้จักกับความรัก”
ความรัก…
เสียงคลื่นดังขึ้นพร้อมกับหวังเย่าที่ตัวสั่น การป้องกันในหัวใจของเขาสุดท้ายก็พังลง
“พี่…ไม่อยากออกจากโลกนี้งั้นหรือ ? ” ชูหยุนมองไปที่หวังเย่า และรอฟังคำตอบจากเขาก่อนจะโดดเข้าไปกอดเขาเอาไว้
หวังเย่าตัวสั่นและกอดชูหยุนเอาไว้ก่อนจะตอบกลับ “ก็ได้ ! ”
ชูหยุนร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจราวกับว่าได้โยนภาระทุกอย่างทิ้งไปหมดแล้ว….
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ หวังเย่าไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาเริ่มมีหนวดขึ้นเต็มหน้าแล้ว
ชูหยุนไม่ใช่เด็กสาวใสซื่ออีกต่อไปแล้ว แต่เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยกว่าแต่ก่อนอย่างมาก เธอเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตอย่างการทอผ้า, ทำความสะอาดและจัดถ้ำ ที่ถ้ำของทั้งสองนั้นพวกเขาได้เลี้ยงสัตว์เอาไว้พร้อมกับปลูกผักไว้ด้วย
หวังเย่าจะไปตัดฟืนและตกปลา แม้ว่ามันจะเป็นชีวิตที่เรียบง่าย แต่การที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันนั้นก็ทำให้เขารู้สึกพอใจอย่างมาก
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนเกือบครบเวลาที่กำหนด
ตอนนั้นทั้งสองโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้ว
ชูหยุนซบไปที่ไหล่ของหวังเย่าแล้วพูดขึ้น “พี่เย่า ฉันคิดว่าฉันอยากมีลูก ถ้าฉันไม่อยู่ พี่จะได้ดูแลพวกเขาและคิดถึงฉัน”
“ก็ได้” หวังเย่าตอบกลับ
ก่อนหน้านี้หวังเย่าไม่ได้อยากมีลูก เหตุผลก็ง่าย ๆ เขาไม่อยากเป็นพ่อคน ในเกาะนี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ นี่ไม่ต้องนับการดูแลลูกเลย แม้แต่แค่การเปลี่ยนผ้าอ้อมทั่วไปก็ยังเป็นปัญหา เขาไม่อยากต้องมาทนทรมาน แต่เมื่อเขาจะออกจากที่นี่ในวันพรุ่งนี้ และที่นี่เร็วกว่าโลกด้านนอกเป็นร้อยเท่า งั้นมันก็ได้เวลาที่จะสร้างมนุษย์ขึ้นมาที่นี่ คืนนั้นทั้งสองได้ทำการหาเสบียงมาตุนเอาไว้ในวันต่อมาทั้งสองก็มานั่งอยู่ด้วยกัน
ชูหยุนยิ้มออกมาและมองไปที่หวังเย่า สุดท้ายเธอก็เข้าไปกอดเขาไว้แน่น
“ฉันจะตัดผมให้ แล้วพี่ค่อยไปอาบน้ำ” ชูหยุนพูดขึ้นมา
หวังเย่าจับมือเธอไว้ก่อนจะพยักหน้า “ได้”
หวังเย่ามองดูหนวดและผมของเขาค่อย ๆ ถูกตัดออก ลมพัดผ่านจนทำให้ผมพวกนั้นปลิวออกไป
หวังเย่าก้มลงมองถังน้ำเพื่อดูหน้าตัวเองในเงา เขาพบว่าตอนนี้เขากลับไปเป็นชายหนุ่มคนเดิมอีกครั้งแล้ว มันต่างแค่ว่าตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา เขาไม่ได้ดูใจร้อนแบบเดิม และเขาดูเป็นคนมีความคิดและใจเย็นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“ฉันพร้อมแล้ว พี่ล่ะ ? ” ชูหยุนลุกขึ้นยืนและมองออกไปยังทะเลภายนอก
“ฉันพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ ! ” หวังเย่าพยักหน้าและเอาลูกปัดออกมาส่งให้กับชูหยุน
ชูหยุนจับลูกปัดเอาไว้พร้อมกับคิดถึงเรื่องต่าง ๆ จากนั้นเธอก็กลับไปมองดูทะเลอีกครั้งก่อนจะจูบหวังเย่า
“ที่รัก ไปกันเถอะ” ชูหยุนจับมือหวังเย่าเอาไว้แน่นจนเล็บจิกที่ฝ่ามือของเขา ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินไปที่ทะเล
ในพริบตาอยู่ ๆ ลูกปัดในมือเธอก็ระเบิดแสงสว่างจ้าออกมา ลำแสงพุ่งผ่านก้อนเมฆขึ้นไปครอบคลุมมือของทั้งสองเอาไว้
เสื้อผ้าและผมของชูหยุนปลิวขึ้นไปตามลม
ลูกแก้วในมือเธอเริ่มหายไป มันเริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเธอ
ชั้นแสงได้ก่อตัวครอบคลุมตัวเธอไว้ ผิวของชูหยุนเริ่มใสขึ้น เธอดูงดงามขึ้นไปยิ่งกว่าเก่า หวังเย่ารู้สึกได้ถึงความนุ่มในมือเขา ก่อนที่เขาจะจับมือเธอไว้แน่น
“เธอสวยจริงๆ ! ” หวังเย่าหลงใหลผู้หญิงตรงหน้าของเขาอย่างมากในตอนนี้ มันมีพลังลึกลับที่ทำให้ชูหยุนดูราวกับนางฟ้า ตอนนี้เธอกลายเป็นเทพธิดาที่คนทั่วไปไม่อาจจะจับต้องได้
สุดท้ายหวังเย่าและชูหยุนก็ลอยขึ้น เกาะด้านล่างเริ่มเล็กลงไปเรื่อย ๆ
ชูหยุนรู้สึกถึงพลังที่เอ่อล้นไปทั่ว เธอรับรู้ได้ถึงโลกอีกใบรวมถึงดินแดนที่ชูบ้าและคนอื่น ๆ อยู่ด้วย
“พี่เย่า จับมือฉันไว้ ฉันจะเร่งความเร็วแล้ว”
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ ในพริบตาแสงสีขาวก็ส่องประกายขึ้นมาตรงหน้าเขาก่อนที่พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่เมืองเดิมอีกครั้ง
พวกเขาอยู่บนเกาะมากว่า 10 ปีแต่ตอนนี้กลับผ่านไปแค่ 10 นาทีเท่านั้น
มันราวกับความฝันแต่ความฝันนี้สมจริง มันทำให้เธอนึกถึงมันเสมอ
“ฉิงจีเคยให้ฉันเห็นพ่อผ่านมิติ ตอนนี้พวกเขาคงมีปัญหา เพราะภาพที่ฉันเห็นพวกเขาเข้าไปในคลังสมบัติ
“งั้นก็ต้องรีบไปหาพวกเขา” หวังเย่าพูดขึ้น
ชูหยุนดึงหวังเย่าเอาไว้ก่อนที่จะมีแสงส่องประกายขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในป่า
หวังเย่ารู้สึกได้ว่าเวลามันเดินเร็วกว่าเก่า ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของชูหยุนจะมากขึ้นตามความเชี่ยวชาญของเธอ ตอนนั้นหวังเย่าและชูหยุนก็ลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหลังชูบ้าและคนอื่น ๆ จนต่างทำให้พวกนั้นต้องพากันตกใจ
เมื่อเห็นทั้งสองจับมือกัน เฉี่ยนเจินเฉียนและชาโรน่าก็เดินเข้ามาหาหวังเย่าทันที
“ไอ้หนู นายนี่ไม่เคยพลาดเรื่องผู้หญิงเลยนะ” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้นจนทำให้ชูหยุนหน้าแดงขึ้นมา
ชาโรน่าเห็นทั้งสองใกล้ชิดกันก็เกิดอิจฉาในใจ เธอเดินเข้ามาและพูดขึ้น “หวังเย่า พวกนายคบกันงั้นหรือ ? ”
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับตามตรง “ใช่ ฉันแต่งงานกับชูหยุนแล้ว”
”อะไรนะ ? ! ” ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง แม้แต่ชูบ้าเองก็ด้วย
“ตกหลุมรักจนต้องแต่งงานเลยหรือ ! ? มันจะเร็วเกินไปหน่อยไหม ! ” ชาโรน่าไม่ยอมรับ แต่ไม่นานก็ได้สติ “ยินดีด้วย หวังเย่า สุดท้ายนายก็หาความสุขของชีวิตเจอ”
ชาโรน่าเป็นคนตรง ๆ เธอไม่ได้คิดอะไรมาก
ชูบ้ามองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่มีทางยอมให้ใครมาเล่นกับความรู้สึกลูกสาวของเขาเป็นอันขาด
หวังเย่าและชูหยุนบอกเรื่องที่ตัวเองเจอมาให้กับทุกคน ส่วนหวังเย่าก็รู้จากชูบ้าว่าฮันกูนั้นได้ก่อกบฏขึ้นมา โชคดีที่มันผ่านมาแค่ 10 นาทีในโลกนี้ มันยังมีเวลาในการแก้ไขเรื่องนี้อยู่
“พ่อตาสบายใจเรื่องการก่อกบฏได้ ดูความแข็งแกร่งที่ฉันมีสิ แต่ก่อนที่เราจะจัดการเรื่องนี้เราต้องหาเพื่อนที่หายตัวไปของฉันก่อน แล้วย้ายพวกนั้นมายังมิติแห่งนี้ เพราะตอนนี้มิติระหว่างโลกทั้งสองกำลังจะพังลง ทั้งดาวเคราะห์อาจจะถูกทำลาย”
เมื่อมองภาพรวมแล้ว ชูบ้าก็พยักหน้าเห็นด้วย
ตอนนี้แม้ว่าจะไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่ชูหยุนก็สามารถนำทุกคนเข้าออกที่มิติแห่งนี้ได้ หลังจากที่กลับมาได้ไม่นาน ชูหยุนก็ได้เดินทางออกไปภายนอกพร้อมกับหวังเย่า, เฉี่ยนเจินเฉียนและชาโรน่า
“ชูหยุน ใช้พลังมิติของเธอดูทีว่าเพื่อนของฉันอยู่ที่ไหน” หวังเย่าใช้เขตลวงตาสร้างภาพของคนที่เหลือขึ้น สักพักชูหยุนก็จำภาพของคนเหล่านั้นได้ก่อนที่เธอจะหลับตาลง
ผิวของเธอส่องแสงออกมาพร้อมกับภาพมากมายที่ปรากฏขึ้นในตาของเธอ สุดท้ายก็มีการต่อสู้ปรากฏขึ้นในหัวของเธออย่างชัดเจน
ฮวงเทียนเจวี๋ยน, จางจื้อเฉียง ,ไป๋พั่วหล้าง, หลี่ว่านเฟิง และ ซือคงเป่า ทุกคนต่างก็อยู่ในสายตาของชูหยุนในตอนนี้
“ฉันเจอพวกเขาแล้ว ! ” ชูหยุนลืมตาขึ้นมา ก่อนที่หวังเย่าและคนอื่น ๆ จะได้ตั้งตัวนั้น ฉากตรงหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วพร้อมกับเสียงแมลงที่ดังขึ้น นี่ไม่ต้องพูดถึงพลังมิติลึกลับเหมือนที่นักรบดวงดาวใช้ แค่รอยแยกมิติอย่างเดียวก็ทำให้ที่นี่เหมือนกับนรกที่ง่ายต่อการหลงทางได้แล้ว
หากไม่ใช่เพราะชูหยุนใช้พลังมิติได้ งั้นกลัวว่าหวังเย่าคงไม่อาจจะช่วยเพื่อนตัวเองได้แน่ พวกนั้นคงโดนหนวดปีศาจนั้นกินไป
หากไม่ใช่เพราะชูหยุน หวังเย่าคงใช้เวลากับภารกิจนี้ไปอีกนานรึอาจจะหาเพื่อนเขาไม่เจอ
ทุกคนพากันเงยหน้ามองสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่า 2 เมตรในอากาศ
หวังเย่ามองไปที่แมลงนั่นพร้อมกับสถานะของมันที่โผล่เข้ามาในหัว ชนิด : ริทมอสระดับ : ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น เลเวล : 87สกิล : โล่ขน ขนของมันสามารถใช้กันการโจมตีได้ , รักษาตัว กลืนกินพวกเดียวกันเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ตราบใดที่ไม่เสียจิตไปก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ , อุกกาบาตมิติ เรียกฝุ่นของจักรวาลเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายจุดอ่อน : สกิลในการคูลดาวน์นาน เมื่อโล่ก่อตัวขึ้นมาแล้วหลังของมันจะเปราะบางอย่างมาก หากบินสูงเกินไปก็ไม่อาจจะโจมตีได้
ไกลออกไปนั้น ฮวงเทียนเจวี๋ยนและจางจื้อเฉียงกำลังสู้กับกลุ่มสัตว์อสูรบนหลังแมลงนี่อยู่ พวกเขาแทบไม่ได้พักเลย สัตว์อสูรพวกนั้นแต่ละตัวได้กินเพื่อนตัวเองตอนที่กำลังจะตาย จากนั้นก็ฟื้นฟูพลังกลับขึ้นมา พวกนี้ราวกับว่าไม่มีทางที่จะตายได้เลย
สายตาของพวกเขาดูเหนื่อยล้า แต่ตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงหวังเย่า
“ไอ้หนู สุดท้ายนายก็มาแล้วสินะ ! ” ฮวงเทียนเจวี๋ยนและจางจื้อเฉียงพากันหัวเราะออกมา
“เสี่ยวซวีจัดการ ตัดคอพวกมันจากด้านหลัง อย่าให้พวกมันมีโอกาสรอด” หวังเย่าเรียกเสี่ยวซวี ออกมาและพยักหน้าตอบรับทุกคน จากนั้นเสี่ยวซวีก็หายตัวไปโผล่ที่ด้านหลังของแมลงนั้นทันที
ตูม…
เมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายจากด้านหลัง พวกแมลงก็ลนลาน อุกกาบาตนับไม่ถ้วนถูกใช้ออกมาอัดลงกับพื้นอย่างรุนแรง
พื้นดินเริ่มเกิดการระเบิดและไหม้ขึ้นมา
ชาโรน่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ภูติของฉันจำกัดการเคลื่อนไหวของมันได้ นายจัดการฆ่ามันได้เลย” แสงส่องประกายขึ้นมาพร้อมกับภูติ 6 ปีกที่ปรากฏตัวขึ้น มันถือดาบไว้ในมือและพุ่งเข้าไปหาแมลงนั่น
การร่วมมือกันระหว่างเสี่ยวซวีและภูตินั้นทำให้การต่อสู้เข้าสู่จุดจบอย่างรวดเร็ว ร่างของแมลงนับไม่ถ้วนได้ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
“ถ้านายไม่มา เราคงต้องตายกันที่นี่” ฮวงเทียนเจวี๋ยนเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดหวังเย่าเอาไว้ เมื่อเห็นสองสาวยืนอยู่ข้างกายหวังเย่า เขาก็หัวเราะออกมา “ ไอ้หนู นายนี่ยังเก่งเรื่องผู้หญิงเหมือนเดิมเลยนะ”
จางจื้อเฉียงที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน
“อย่ามั่ว นี่เพื่อนของผม ชาโรน่า”
ชาโรน่าเดินออกมาจับมือกับทั้งสองคน
“นี่ภรรยาผม ชูหยุน”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ทั้งสองก็พากันเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง แม้ว่าหวังเย่าจะเป็นคนเจ้าชู้แค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางยอมรับง่าย ๆ ว่าใครเป็นภรรยาเขา ดูหมือนว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงเป็นที่หนึ่งในใจเขาไปแล้ว
“ถ้ามีเหล้าให้ดื่มก็คงจะดี” ทั้งสองคนถามขึ้นมา ตอนนี้ทั้งสองไม่ได้ดูเหนื่อยล้าแบบในตอนแรกเลย
“ไวน์ดี ๆ น่ะต้องใช้เวลานานในการหมัก ถ้ามีโอกาสผมจะไปซื้อให้ แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลา”
30 นาทีต่อมาด้วยความช่วยเหลือจากชูหยุน ไม่นานพวกเขาก็พบตัวไป๋พั่วหล้าง, หลี่ว่านเฟิงและซือคงเป่า ทั้งสามคนก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ไป๋พั่วหล้างและหลี่ว่านเฟิงไม่ได้สติ มีแค่ซือคงเป่าเท่านั้นที่ยังได้สติอยู่แต่ก็แทบขยับตัวไม่ได้แล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกลุงกัน ? ”
“จำเต่าที่เราเจอได้ไหม ที่นี่ก็มีตัวหนึ่ง ! ”
หวังเย่าแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา ด้วยการป้องกันของเต่าแล้ว แม้ว่าจะรวมความสามารถของชูหยุนเข้าไป แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะฆ่ามันได้
“ชูหยุน เต่านั่นอยู่ที่ไหน ? ”
ชูหยุนหลับตาลงและไม่นานก็พบกับสัตว์อสูรขนาดใหญ่ เธอแสดงสีหน้ากังวลออกมาทันที
“ไม่ สัตว์อสูรตัวอื่นๆกำลังตามเต่าไป พวกนั้นกำลังมุ่งหน้าไปที่รอยแยกมิติ ฉันเดาว่าคงอีกแค่ 7-8 ชั่วโมง ที่นั่นคงถูกพวกนั้นทำลาย”
“เร็วขนาดนั้นเลยหรือ ? ”
ฮวงเทียนเจวี๋ยนและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องต้นกำเนิดก๊าซลึกลับรวมถึงความจริงอื่น ๆ จากปากหวังเย่า พวกเขารู้ว่าหายนะของโลกกำลังมาถึง แต่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วแบบนี้
หวังเย่ามองไปที่นาฬิกาในหัว ตอนนี้เวลาของโลกคือ 23.52 นาฬิกา ซึ่งหมายความว่าตอนที่ก๊าซลึกลับได้ซึมเข้าไปในโลก หนวดปีศาจนั่นจะทำลายโลกและกลืนกินทุกอย่าง
“มิติลับที่เผ่าชูมิพบนั้นเป็นความหวังเดียวที่มนุษย์จะรอดไปได้ เราต้องรีบติดต่อผู้ตรวจสอบ 5 ดาว ไป๋เฟยเฉิง เพื่อให้เขาอพยพคนโดยเร็วที่สุด” หวังเย่าพูดขึ้น
ซือคงเป่าตอบกลับ “ฉันมีอุปกรณ์ไว้ติดต่อเขาอยู่ แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณ”
หวังเย่าพูดขึ้น “ไม่ต้องกังวล เรามีวิธีอยู่”
สักพักหวังเย่าก็เอาโน๊ตบุ๊คของตัวเองออกมา เขาพยักหน้าให้กับชูหยุน ก่อนที่ชูหยุนจะสะบัดนิ้วจนทำให้มิติเกิดวังวนขึ้นมา
ซือคงเป่าตะโกนขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “มีสัญญาณแล้ว !”
ทันทีที่เชื่อมสายต่อกับผู้ตรวจสอบสูงสุดก็มีภาพของเมืองปรากฏขึ้น
ตอนนั้นเวลาในโลกมนุษย์น่าจะดึกแล้ว แต่เมืองนั้นยังมีแสงสว่างอยู่
ทั้งสองฝ่ายรีบบอกข้อมูลต่อกัน ไป๋เฟยเฉิงได้ยินที่หวังเย่าละคนอื่นรายงานมาก็รีบโทรหาลูกน้องทันที
“ตั้งแต่ที่พวกนายเดินทางออกไป สถานการณ์ในโลกก็อยู่เหนือการควบคุม” ไป๋เฟยเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวลก่อนจะสลับหน้าจอให้เห็นสถานการณ์ทั่วไปของโลก
ควันลอยคลุ้งออกมาจากเมือง คนนับไม่ถ้วนพากันหนี มันราวกับว่าเหมือนกำลังโดนระเบิดนิวเคลียร์มาอย่างไรอย่างนั้น
“สมบัติของโลกทั้งหมดเริ่มโดนแย่งชิง แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ยังเริ่มกลายพันธุ์และโจมตีมนุษย์ ก่อนหน้านี้เราคิดว่าคงเป็นความผิดพลาดทางพันธุกรรม แต่ตามข้อมูลที่นายให้มาแล้ว โลกของเราคงต้องเตรียมการที่จะถอยกลับจริง ๆ ”
ไป๋เฟยเฉิงถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ตำแหน่งที่นายส่งมาถูกต้องรึเปล่า ? ”
ซือคงเป่าตอบกลับ “แม่นยำแล้ว”
“ดี ฉันจะติดต่อกับทางกองทัพให้พาทุกคนไปยังเรือโนอาที่นายบอกให้เร็วที่สุด พวกนายดูแลตัวเองให้ดี หวังว่าเราจะได้พบกันอีก” เมื่อไป๋เฟยเฉิงพูดจบ ภาพก็ตัดไปทันที
ซือคงเป่าเหมือนจะคิดบางอย่างออก “ใช่สิ หวังเย่าตอนที่ฉันเข้ามาในมิตินี้ ดูเหมือนว่าจะเจอกับคนอื่น ๆ ด้วย”
หวังเย่ายักคิ้ว ไม่นานเขาก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา “ แม้ว่าทั้งห้าทีมจะแยกกันไปคนละทาง แต่ดูเหมือนว่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน เขตมิตินี้มีขนาดใหญ่จนน่าแปลกใจ มันมีมิติย่อยนับไม่ถ้วน การที่เราหาต้นตอของภัยพิบัติคงทำให้เรามารวมตัวกันที่นี่” หวังเย่ามองไปที่ชูหยุน แล้วสร้างภาพของคนอื่น ๆ ให้กับเธอ
ชูหยุนเจอพวกนั้นกำลังสู้กับสัตว์อสูรอยู่
“พี่เย่า ฉันตรวจดูมิติรอบ ๆ หมดแล้ว พี่มั่นใจนะว่าตี้เวยจื๊อใส่หน้ากาก ? ” ชูหยุนถามขึ้นมาด้วยความสับสน เพราะเธอไม่เห็นใครใส่หน้ากากเลย
ซือคงเป่าพึมพำออกมา “มันเป็นไปได้ที่หน้ากากจะหลุดออกตอนที่ต่อสู้ ถ้าข้อมูลของฉันไม่ผิด ตี้เวยจื๊อน่าจะเป็นคนสวย เธอเห็นคนแบบนั้นรึเปล่า ? ”
ชูหยุนคิดสักพักก่อนจะรีบพูดขึ้น “ตามที่คุณบอกมาแล้วดูเหมือนว่าจะมีอยู่คนหนึ่ง”
10 นาทีต่อมาทุกคนก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่บาดแผลเต็มไปทั่วทั้งตัว ดูจากความสวยแล้วเธอน่าจะเป็นตี้เวยจื๊อ
ชูหยุนพาทุกคนไปยังมิติลับและรีบป้อนยาให้
ชูบ้าและคนอื่น ๆ มองไปที่ชูหยุนและพูดขึ้น “ลูก ตอนนี้ได้เวลาจัดการกับพวกกบฏแล้ว”
ชูหยุนพยักหน้าแล้วมองไปที่หวังเย่า “พี่เย่า พี่จะไปกับฉันด้วยรึเปล่า ? ”
หวังเย่าลูบจมูกแล้วพูดขึ้น “แน่นอน เมื่อเธอเป็นภรรยาฉันแล้ว ฉันคงไม่อยู่เฉย แต่…ฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องลงมือทำอะไรมากหรอก ฮ่าฮ่า…”
ในเวลาสั้น ๆ ทุกคนต่างก็ได้รู้ถึงความแข็งแกร่งที่ชูหยุนมี
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ! ” ชูหยุนจับมือหวังเย่าเอาไว้ พวกเขาออกจากมิตินี้ไปพร้อมกับชูบ้าและคนของเขา