นิยาย ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 78 : ล้วนแล้วแต่คนคุ้นเคย
บทที่ 78 : ล้วนแล้วแต่คนคุ้นเคย
สามวันต่อมา งานประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเจียงโจวก็เริ่มต้นขึ้น ผู้คนในเมืองเจียงโจวต่างก็พากันพูดถึงแทบจะสามเวลาหลังอาหาร
งานประมูลครั้งนี้ รายได้หนึ่งเปอร์เซ็นต์จากการประมูลจะถูกนําไปช่วยเหลือองค์กรกุศลต่างๆ
เหล่าคนมีชื่อเสียง และเซลบริตี้ต่างก็มาร่วมงานกันอย่างคบคั่ง อีกทั้งยังมีนักธุรกิจ นักการเมือง นักสังคมสงเคราะห์ แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธด้วย เรียกได้ว่างานประมูลเป็นไปอย่างคึกคักมากทีเดียว
และผู้ที่จะมาร่วมงานประมูลในครั้งนี้ได้ ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีบัตรเชิญซึ่งมีจํานวนเพียงแค่หนึ่งพันใบเท่านั้น คนธรรมดาทั่วไปจึงไม่อาจเข้าร่วมงานประมูลนี้ได้
บัตรเชิญหนึ่งใบ จะสามารถเข้าร่วมงานได้สองคน ดังนั้นภายในงานประมูล นี้จึงมีคนเข้าร่วมเพียงแค่สองพันคนเท่านั้น และทุกคนที่มาร่วมงาน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักสะสมทั้งสิ้น แต่การจะเป็นนักสะสมก็ย่อมต้องมีเงินด้วย..
แต่ครั้งนี้ซูอานลงทุนซื้อชุดสูทสําหรับร่วมงานกลางคืน เพราะเกรงว่าผู้คนจะพากันดูถูกว่าเขาไม่มีเงิน และเป็นคนยากคนจนอีก ระหว่างที่รอให้งานประมูลเริ่มขึ้นนั้น ซูอานก็ได้จองห้องในโรงแรมที่จัดงานประมูลเพื่อพักผ่อน และรอให้ใกล้เวลาที่การประมูลจะเริ่มต้นขึ้น เขาจึงค่อยเดินเข้าไปภายในงาน
ระหว่างที่กําลังพักผ่อนอยู่ในห้องนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แต่เมื่อเปิดออกไปเขาก็ไม่พบใคร เห็นเพียงแค่แผ่นโฆษณาเล็กๆเสียบอยู่หน้าประตูเท่านั้น
“โรงแรมระดับนี้ยังมีเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้อีกรึ?”
ซูอานบ่นพึมพําพร้อมกับโยนแผ่นโฆษณานั้นลงถังขยะทันที แม้แต่หญิงสาวบริสุทธิ์เขายังไม่อยากจะสนใจ จะสนใจหญิงพวกนี้ได้อย่างไรกัน?
เวลานี้หญิงสาวคนเดียวที่อยู่ในใจของเขาก็คือจินจื่อหยาเท่านั้น!
เด็กสาวผู้นี้ทําให้เขาเคลิบเคลิ้ม แม้จะรู้ดีว่านางไม่ใช่เทพธิดาจ๋อเจียวของเขา แต่เด็กสาวผู้นี้ก็ทําให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้!
ซูอานตั้งใจว่าจะรอให้เรื่องราววุ่นวายนี้จบลงก่อน เขาจึงจะหาเวลาไปพบกับจินจื่อหยา หญิงสาวคนเดียวที่อยู่ในหัวใจของเขา
ค่ําคืนใกล้เข้ามาภายในงาน ประมูลเริ่มมีรถหรูหราเข้ามาจอดหนาตาขึ้น และผู้คนก็เริ่มทยอยเข้ามาในงาน ในขณะที่ซูอานยังคงยืนมองภาพในยามค่ําคืนผ่านหน้าต่างห้องของตนเอง..
ค่ําคืนนี้ท้องฟ้าไม่งดงามนัก เพราะมีเมฆปกคลุมอยู่หนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นท้องฟ้าเลยด้วยซ้ํา
เมื่อใกล้จะถึงเวลา ซูอานจึงเดินออกจากห้องตรงเข้าไปในงานประมูล แต่กลับพบว่ามีการตรวจตราอย่างเข้มงวด เพราะงานนี้มีแต่คนดังมามากมาย จึงต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
ในเมื่อเขาเองก็ไม่มีบัตรเชิญ และงานประมูลในคืนนี้ก็จัดขึ้นที่ลานเปิดโล่งที่ชั้นแปดของโรงแรม เขาจึงคิดหาวิธีที่จะเข้าไปในงานให้ได้ ในที่สุดซอานก็ขึ้นไปที่ชั้นเก้าของโรงแรม และใช้เชือกค่อยๆโรยตัวลงมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะแฝงตัวเข้าไปในงาน
ระหว่างนั้นเขาก็แอบหลบมุมไปนั่งจิบ ไวน์อยู่เงียบๆ และฟังคําปาฐกถาเปิ ดงานด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย จุดประสงค์ที่ เขามาในวันนี้ก็เพื่อที่จะมาดูว่ามีสิ่งของ ล้ําค่าใดที่เหมาะกับการประมูลกลับไป สร้างค่ายกลกักเก็บพลังชีวิต
หลังจากการปาฐกถาเปิดงานจบไป การประมูลก็ยังคงไม่เริ่มขึ้นในทันที ช่วงนี้เป็นเวลาที่แขกในงานจะพูดคุยสนทนากัน และแต่ละคนที่มาร่วมงานก็ต้องมีเงินมากกว่าห้าหกสิบล้านขึ้นไป..
ซูอานนั่งจิบไวน์อยู่เงียบๆในมุมมืด และรู้สึกว่าเวลาช่างเดินช้าเหลือเกิน แต่ในระหว่างนั้นเอง ใครบางคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ําก็ถึงกับชะงักเมื่อหันไปเห็นซูอานในมุมมืด..
สีหน้าของคนผู้นั้นเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว และโกรธแค้นขึ้นมาทันที เขาก็คือซูเทียนหลุนที่ทั้งเกลียดทั้งแค้นและอิจฉาริษยาซูอานอย่างมาก อีกทั้งเหตุการณ์ในร้านน้ําชาจูกวนเต่อก็ทําให้เขาไม่อาจลืมเลือนได้
ซูอานได้แต่รู้สึกว่าเป็นความโชคร้ายของเขาจริงๆ ที่ต้องพบเจอญาติผู้นี้ไปเสียทุกหนทุกแห่ง เขาจึงได้แกลังนอนหลับและไม่สนใจสายตาของซูเทียนหลุน
ในขณะเดียวกันนั้นซูปิงเซียนก็เดินออกมาพอดีเช่นกัน เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของซูเทียนหลุนจึงเป็นฝ่ายเอ่ย ถามขึ้นว่า
“เทียนหลุน.. มีอะไรรึเปล่า?”
“ไอ้บ้านั่นก็อยู่ที่นี่ด้วย!” ซูเทียนหลุนขบฟันแน่น ก่อนจะตอบไปด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจ
เมื่อซูปิงเซียนเห็นซูอาน สีหน้าของ เขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที แล้วจึงเอ่ยถามซูอานด้วยน้ําเสียงขุ่นเคืองใจ
“ซูอาน คิดไม่ถึงจริงๆว่าฉันจะต้องพบแกไปซะทุกหนทุกแห่งแบบนี้!”
“ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะพบเจอสุนัขขี้เรื้อนอย่างเจ้าตามติดข้าแบบนี้เช่นกัน? ไม่กลัวข้าฆ่าเจ้าร?”
ซูอานตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่ความโมโห มดปลวกเหล่านี้ไม่อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย..
แม้ซูปิงเซียนจะโมโหมาก แต่ก็กดข่มไว้ และหันไปถามซูอานด้วยน้ําเสียงทีเล่นทีจริง
“ซูอาน Aston Martin Lagonda ที่แกขับไปวันนั้น เป็นของแกจริงๆรึ?”
“ข้าบอกเจ้ารีว่าเป็นรถของข้า?” ซูอานย้อนถามและจ้องมองสองพ่อลูกรา วกับเห็นคนงี่เง่าสองคน
“ถ้าไม่ใช่ของแก แล้วแกไปขโมยมาจากไหนล่ะ?”
“ข้าว่าพวกเจ้าสองคนคงจะลืมรสชาติของแก้มที่บวมเป็นซาลาเปาแล้วสินะ?”
แต่เมื่อเห็นว่าซูอานเพียงแค่ข่มขู่เท่านั้น ซูเทียนหลุนจึงถามขึ้นด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “ซูอาน คนที่จะเข้ามาในงานต้องมีเงินมากถึงห้าหกสิบล้าน แกมีคุณสมบัติงั้นเหรอ?”
“แล้วเจ้ามีคุณสมบัติขั้น?!” ซูอานย้อนถามกลับไปทันที
ซูเทียนหลุนตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ซูอาน แกฟังให้ดี.. บริษัทของพ่อ ฉันมีมูลค่าในตลาดกว่าหนึ่งร้อยล้าน แกว่าแบบนี้มีคุณสมบัติมั้ยล่ะ?”
“หึ.. พวกเจ้าประสบความสําเร็จในชีวิตด้วยเงินทองของพ่อแม่ข้า แต่อย่าด่วนดีใจไปนัก เพราะอีกไม่นาน.. ข้าจะกลับไปทวงของของข้าคืน!”
ซูอานตอบกลับพร้อมจ้องมองสองพ่อลูกด้วยสายตาเย็นชา..
ซูปิงเซียนถึงกับขนหัวลุกและใจสั่น เขาต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้ เพราะในวันที่ถูกซูอานตบหน้านั้น ทําให้เขาได้เรียนรู้ว่า ซูอานไม่ใช่คนที่เขาจะข่มเหงได้เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังข่มขู่ซูอานกลับไปว่า
“ซูอาน บ้านเมืองมีกฎหมาย ถ้าแกก ล้าทําร้ายฉันอีกแม้แต่ปลายผม ฉันจะทําให้ปากของแกกินข้าวไม่ได้เลยทีเดียว!”
ซูปิงเซียนพูดต่อทันที “ซูอาน ฉันให้คนไปตามสืบมาแล้ว นอกจากเงินห้าล้านที่โจวไห่หวงให้แกไว้ แกก็ไม่ได้มีทรัพย์สินอื่นอีกเลย..”
“พ่อครับ.. เงินแค่นั้นซูอานมันคงใช้ไปหมดแล้วล่ะ แต่ยังกล้ามีหน้ามางานนี้อีก!”
จากนั้นสองคนพ่อลูกก็หัวเราะกันเสียงดังอย่างมีความสุข และเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ก็ได้ดึงดูดสายตาของแขกในงานหลายคน จนใครบางคนต้องร้องถามขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรสนุกคุณซู?”
“ก็คนคนนี้น่ะสิ มีเงินแค่ไม่กี่ล้าน แต่กลับมีหน้าเข้ามาในงานประมูล!” ซูปิงเซียนร้องตะโกนตอบไปทันที
เด็กหนุ่มคนหนึ่งจึงพูดใส่หน้าซูอานว่า “นี่.. ที่นี่ไม่ใช่ที่สําหรับให้ใครมาชุบตัว! งานใหญ่โตแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครอยากจะมาก็มาได้! คนจนๆอย่างแกรีบออกไป จากงานนี้เลย”
คนผู้นี้เป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่ที่ร่ํารวย และมีเงินหลายร้อยล้าน หลังจากที่เขาพูดจบกลุ่มเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
พ่อลูกสกุลซูต่างก็ยืนจิบไวน์จ้องมองชัยชนะของตนเองอย่างมีความสุข และคิดว่าครั้งนี้ซูอานต้องตายแน่ๆ
ซูอานวางแก้วไวน์ในมือลง เขาจ้องมองเด็กหนุ่มเมื่อครู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “หากเจ้าปากดี ก็จงพูดว่าข้าเป็นคนยากจนดูอีกที!”
เด็กหนุ่มลูกชายเจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่ ถึงกับหวาดกลัวท่าทางเอาจริงของซูอาน แต่ก็ร้องตะโกนท้าทายออกไปอย่างกลัวที่จะเสียหน้า
“ทําไมไอ้คนยากจน.. ถ้าฉันพูดแกจะทําร้ายฉันหรือยังไง?”
และทันทีที่เด็กหนุ่มพูดจบ ร่างของซูอานก็กระโดดเข้าไปยืนตรงหน้าแล้ว เสียงเพียะก็ดังขึ้น..
ร่างของเด็กหนุ่มลอยระลิ่วลงไปกองที่พื้น พร้อมกับพ่นเลือดในปากออกมาเต็มพื้น มือข้างหนึ่งกุมแก้มที่บวมเปล่งของตนเองไว้
ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันตกอกตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าซูอานจะกล้าทําร้ายร่างกายแขกภายในงานเช่นนี้
สองพ่อลูกสกุลซูได้ที่ก็รีบร้องตะโกนเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าซูอานทันที “นี่แกกล้าทําร้ายแขกในงานเชียเหรอ? รปภ.อยู่ไหน มาจับตัวมันไปซ้อม เดี๋ยวนี้!”
“นั่นสิ.. รีบๆมาลากตัวมันไปซ้อม!”
ทันทีที่กลุ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยวิ่งตรงเข้ามา ซูอานจึงร้องบอกไปว่า “หากพวกเจ้ายังไม่อยากตาย จงรีบออกไปจากที่นี่!”
“ใครกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่!!”
เสียงร้องตะโกนดังขึ้น แล้วเด็กหนุ่ม อายุรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งหมดก็เดินตรงเข้ามา และซูอานก็จําได้แม่นว่า พวกเขาก็คือกลุ่มเด็กหนุ่มที่เคยพบกันที่ซึ่งผู้ KTV
คนที่เดินนําเด็กหนุ่มเข้ามาก็คือกัวเว่ย ตามมาด้วยจางเชียง และเสี่ยวเอ้อหมอ แฟนสาวกัวเว่ยถึงกับผงะเมื่อเห็นว่าเป็นซูอาน และเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นซูอานที่มาสร้างปัญหาในงานนี้
กัวเว่ยได้รับมอบหมายจากตระกูลว่านให้ช่วยมาดูแลความเรียบร้อยภายในงานให้ และเขาก็ภูมิอกภูมิใจกับภารกิจครั้งนี้มาก
ส่วนจางเชียงก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เมื่อเห็นว่าเป็นซอาน เพราะครั้งนั้นหาก ไม่ได้ซูอานช่วยไว้ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวเอ้อมอจะเป็นเช่นใด เขาจึงได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกไปแม้แต่คําเดียว..
กัวเว่ยรู้จักซูอานดีว่าเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะคนที่ไม่กลัว แม้แต่อู๋ซินยังจะกลัวใครได้อีกเล่า?
“ที่แท้ก็เป็นนายเองหรอกเหรอ..!”
กัวเว่ยหันไปมองซูอานและคิดว่าจะได้พบเห็นแววตาที่ตื่นตระหนกของเขาบ้าง
แต่กัวเว่ยก็ต้องผิดหวัง กัวเว่ยสงบจิตสงบใจ แล้วจึงเอ่ยถามซูอานขึ้นว่า
“ซูอาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“เด็กนี่พูดจาดูถูกข้า ข้าจึงต้องสั่งสอนให้มันหราบจํา!”
กัวเว่ยเห็นว่าเด็กหนุ่มหาเรื่องให้ตัวเองจึงคร้านที่จะใส่ใจ และหันไปสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาตัวออกไป แต่ก่อนที่จะไปเขาก็ได้สั่งเด็กหนุ่มว่า
“ก่อนไปอย่าลืมขอโทษซูอานด้วย!”
เด็กหนุ่มรู้สึกผิดหวังอย่างมากที่ตน เองต้องเป็นฝ่ายขอโทษซูอาน และรู้สึกว่ากัวเว่ยเข้าข้างซูอานมากเกินไป แต่ก็ไม่กล้าโต้เถียง และได้แต่เป็นฝ่ายขอโทษซูอานแล้วจากไป..
แต่พ่อลูกตระกูลซูกลับไม่ยอม ซูปิง เซียนหันไปพูดกับกัวเว่ยว่า “คุณชายก้ว ไม่เข้าข้างซูอานไปหน่อยหรือยังไง?”
กัวเว่ยเหลือบมืองซูปิงเซียนพร้อมกับ ตอบยิ้มๆ “ผมจะเข้าข้างซูอานหรือไม่ก็เรื่องของผม แต่คุณเป็นใคร ถึงได้กล้าหน้าผมแบบนี้!”
“ผมเป็นใครไม่สําคัญ แต่ซูอานสําคัญ กับคุณมากจนมีเงินไม่กล้านก็เข้ามาในงานได้อย่างนั้นเหรอ?” ซูปิงเซียนตอบโต้กลับทันที
กัวเว่ยถึงกับจนต่อเหตุผลของซูปิงเซียน และหันไปทางซูอาน..
“ก็ถ้าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในงาน เขาก็ควรจะต้องออกไป!”
ซูปิงเซียนพูดขึ้น และดูเหมือนคนอื่นๆ ในงานที่พากันมามุงดูจํานวนมากขึ้นก็พากันเห็นด้วย และไม่ต้องการให้คนต่างชนชั้นจากพวกตนเข้ามาอยู่ในงานเช่น
ในเมื่อผู้คนในงานต่างก็ไม่ยินยอมเช่นนี้ กัวเว่ยจึงได้แต่ต้องทําตามกฎระเบียบ และคงต้องให้ซูอานออกไปจากงานทันที!
MANGA DISCUSSION