ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1631 สำเร็จ
ตอนที่ 1631 สำเร็จ
……….
หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬเหล่านั้นแข็งเป็นอย่างมาก แต่เมื่ออยู่ในมือของเขากลับดูอ่อนนุ่มขึ้นมา สามารถดัดงอเป็นรูปร่างใดก็ได้ตามแต่ที่เขาต้องการ
เมื่อหินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬหลอมรวมเข้าด้วยกัน ลายเส้นสีดำที่คล้ายมีคล้ายไม่มีก็เริ่มเชื่อมต่อกัน
ลมปราณที่แผ่วบางก็แผ่กระจายออกมา!
…
“ความเร็วในการหลอมอาวุธของเขามันคืออันใดกันแน่?”
ผู้อาวุโสไป๋ถงพบสิ่งผิดปกติ จากนั้นก็รีบหันไปมองผู้อาวุโสอูเผิงที่อยู่ด้านข้าง
ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชามาก่อน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้… เหมือนว่าจะเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก
ในตอนนี้คิ้วของผู้อาวุโสอูเผิงก็ขมวดแน่นขึ้นมา
ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้ามั่นใจ
ท้ายที่สุดแล้วต่อให้เขาเป็นคนหลอม แต่ความเร็วก็ไม่มีทางสูงขนาดนี้แน่นอน
แต่ตอนนี้เมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ
หลังจากความเงียบปกคลุมอยู่สักพัก เขาจึงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ต่อให้เป็นช่างหลอมอาวุธระดับเดียวกัน แต่เพราะพรสวรรค์และประสบการณ์ไม่เท่ากัน อาจจะทำให้ฝีมือแตกต่างกันไป บางทีก่อนหน้านี้เขาอาจจะเคยลองมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นวันนี้จึงหลอมได้อย่างถนัดไม้ถนัดมือ”
ใบหน้าของผู้อาวุโสไป๋ถงมีร่องรอยของความสงสัยปรากฏขึ้น
“นั่นมัน… คงเป็นไปไม่ได้ละมั้ง? เขาเป็นใครถึงจะสามารถนำหินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬมาทดลองเพื่อฝึกฝนได้มากขนาดนั้น?”
ต้องบอกก่อนว่าหากการหลอมล้มเหลว วัสดุชิ้นนั้นจะเป็นเพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่ง
ผู้อาวุโสอูเผิงเม้มริมฝีปาก
และแน่นอนว่าเขาก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว เขาก็นึกเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว
เขาเคยเห็นช่างหลอมอาวุธที่มีพรสวรรค์มาไม่น้อย แต่…
พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนี้ได้แน่นอน
“คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย”
หนานอวี่สิงเงียบไปอยู่นาน จากนั้นก็ให้คำตอบที่คลุมเครือ
ในตอนแรกเขาไม่ได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เมื่อมองไปอีกครั้ง เขาก็ต้องยอมรับเลย ว่า คนผู้นี้มีฝีมือจริงๆ
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่
หนานอีอีเหลือบสายตามองเขาแล้วถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“พี่ใหญ่ หรือว่าท่านจะรอให้เขาหลอมอาวุธเสร็จก่อน พวกเราค่อยเข้าไปถามดีหรือไม่? ช่างหลอมอาวุธระดับราชาที่อายุน้อยขนาดนี้ หาได้ยากมากจริงๆ …หากเราสามารถสานสัมพันธ์ได้ มันก็เป็นเรื่องดีต่อพวกเราไม่ใช่หรือ?”
มีหรือที่หนานอวี่สิงจะไม่รู้ความคิดของนาง ดังนั้นจึงเหลือบสายตามองไปอย่างเงียบเชียบ
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง ตอนนี้สิ่งเดียวที่เจ้าจะต้องทำคือ เข้าไปในสุสานสังหารเทพแล้วหาของสิ่งนั้นให้พบ”
หนานอีอีมุ่ยปาก
เรื่องนี้พูดมาก็ตั้งหลายรอบแล้ว เชื้อราจะขึ้นที่หูของนางอยู่แล้ว!
นางหัวเราะเสียงเบา จากนั้นก็หันไปมองทางด้านข้างอีกครั้ง
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ผู้ที่เป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชาได้นั้น พื้นเพของตระกูลจะต้องไม่เลวอย่างแน่นอน
อีกทั้งเขายังโดดเด่นขนาดนี้ ขอเพียงแค่ตั้งใจสืบเสียหน่อย จะต้องได้รับข่าวคราวมาไม่น้อยแน่นอน
ท่านพ่อพูดเสมอว่านางเลือกเยอะ
แต่บนโลกใบนี้ ก็มีคนที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้นอยู่จริงๆ!
หนานอีอีวางมือข้างหนึ่งเอาไว้บนหน้าอก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกเบาๆ นางต้องการจะสงบสติอารมณ์ของตนเอง
อย่างใดก็ตามนางกลับไม่สามารถควบคุมหัวใจที่เต้นระรัวได้ หัวใจนั้นแทบจะหลุดออกจากอกได้ตลอดเวลา
…
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
จำนวนทัณฑ์สวรรค์ก็ค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬที่ลอยอยู่ตรงหน้าของหรงซิว ในตอนนี้ก็หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แล้ว และกำลังจะก่อร่างเป็นชุดเกราะตัวหนึ่ง
มีเพียงตำแหน่งตรงกลางเท่านั้นที่บุ๋มลงไปเล็กน้อย
หรงซิวลืมตาขึ้น ความคิดเคลื่อนไหว พลังปราณดั้งเดิมกลายเป็นดั่งมีดบินที่แหลมคมเล่มหนึ่ง
พรึ่บ
มีดบินกวัดไกวอยู่ที่กลางฝ่ามือเบาๆ
หยาดเลือดสีแดงไหลทะลักออกมา จากนั้นก็ค่อยๆ หยดลงไปในบริเวณกึ่งกลางของชุดเกราะ
หลังจากผ่านไปสักพัก ตำแหน่งรอยบุ๋มนั้นก็เต็มไปด้วยหยาดเลือดของเขา
หรงซิวเก็บมีดบินลง จากนั้นเปลวเพลิงสีทองก็ปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือ!
คราบเลือดที่หลงเหลืออยู่บริเวณกลางฝ่ามือก็ค่อยๆ จางหายไป แม้กระทั่งปากแผลก็สมานกันแล้ว
อีกทั้งภายในช่วงเวลาสั้นๆ หยาดเลือดที่อยู่บริเวณตรงกลางก็ซึมลงไปในชุดเกราะจนหมดสิ้นแล้ว!
แสงสีแดงจางๆ สายหนึ่ง แผ่กระจายไปทั่วชุดเกราะสีทองและผสานเข้ากับลายเส้นสีดำ ก่อนจะค่อยๆ ถูกปกปิด
เมื่อมองจากด้านนอกแล้ว เหมือนกับหยกสีทองที่สดใสพร่างพราว ภายในมีเส้นเลือดสีแดงจางๆ
ความเลอค่าไร้รูปร่างแฝงอยู่ในนั้นอย่างยากจะบรรยาย
ขณะที่เลือดหยดสุดท้ายกำลังกระจายตัวออกไป กลิ่นคาวเลือดที่เคยมีก็จางหายไปจนหมดสิ้น
ลายเส้นสีแดงเข้มกลายเป็นลวดลายแปลกประหลาดที่สลักอยู่ในชุดเกราะ
ริมฝีปากของหรงซิวซีดขาวไปเล็กน้อย
แต่ดวงตาหงส์คู่นั้นกลับดูจดจ่อมากขึ้น
ลำแสงส่องประกาย สะท้อนเข้าที่ดวงตาของหรงซิว ซึ่งดูสว่างและโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
…
“นี่เขาหลอมเสร็จแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสไป๋ถงเงยหน้าขึ้นมอง แล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
เหนือน่านฟ้าไม่มีทัณฑ์สวรรค์ปรากฏขึ้นอีกแล้ว
“นี่เพิ่งผ่านไปไม่นานเอง คงไม่หรอกมั้ง?”
“บางทีอาจจะล้มเหลว”
หนานอวี่สิงพูดขึ้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาเห็นสิ่งแปลกประหลาดจนชินแล้ว
เมื่อครู่นี้อีกฝ่ายรีบร้อนอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ลงมา ตอนนี้ก็คง…
เปรี้ยง!
เขายังไม่ทันพูดคำที่เหลือออกไป แต่ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มีเสียงกึกก้องกัมปนาทดังขึ้นอีกครั้ง!
เสียงนี้ดังกังวานมากกว่าทุกครั้ง!
จากนั้นด้านหลังของเมฆหนาทึบ ก็มีทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
สีหน้าของหนานอวี่สิงย่ำแย่เป็นอย่างมาก
วินาทีต่อมา ทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นก็ผ่าลงมาอีกครั้ง!
ลำแสงสาดกระจายสี่ทิศ
พวกเขามองเห็นเพียงโครงร่างที่เลือนรางเท่านั้น
สายตาของผู้อาวุโสอูเผิงดำมืด
“…บางทีเขาอาจจะหลอมสำเร็จก่อนฟ้าสว่าง”
เมื่อสามคนที่เหลือได้ยินดังนั้น ในแววตาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
แม้กระทั่งผู้อาวุโสอูเผิงยังพูดเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้น…
หนานอวี่สิงค่อยๆ กำหมัดขึ้นอย่างเชื่องช้า
ที่อีกฝ่ายรีบร้อนขนาดนี้ หรือว่า… พรุ่งนี้เขาก็วางแผนเดินทางเข้าไปในสุสานสังหารเทพ?
…
หรงซิวเริ่มหลอมและแกะสลักชุดเกราะด้วยความประณีต
แต่ละชิ้นแต่ละส่วน เขาล้วนใช้ความตั้งใจเป็นอย่างมากเพื่อทำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
ความมืดค่อยๆ ถอยห่าง
ขณะที่แสงสีขาวเริ่มแตะที่ขอบฟ้า ในที่สุดตอนนั้นเขาก็หยุดมือลง!
……….