ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1591 ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ
ตอนที่ 1591 ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ
……….
ผู้อาวุโสอี้กงสีหน้าเย็นชา เขาพูดขึ้นทีละคำ แต่ทุกคำล้วนมีพลัง
คนหลายคนต่างมองหน้ากันไปมา
ความจริงแล้ว… สิ่งที่เขาพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
หงส์ทองคำตัวนั้นสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้ นับว่าสุดยอด แต่มันกลับขัดขวางการเปิดเส้นชีพจรของอี้หราน นี่ก็เป็นเรื่องจริง
อี้หรานมีพรสวรรค์ล้ำเลิศมาโดยตลอด เขาถือว่าเป็นที่หนึ่งของคนรุ่นใหม่
ความผิดพลาดในครั้งนี้นับว่าไม่เล็กเลย
ซึ่งนี่ก็เป็นการสูญเสียของทั้งเผ่าพันธุ์อย่างไม่ต้องสงสัย
อีกทั้งหงส์ทองคำตัวนั้นยังอายุน้อยมากนัก การฝืนเปิดเส้นชีพจรทั้งสามนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะก่อให้เกิดผลตรงข้ามก็เป็นได้…
แล้วถ้ามันย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมแล้ว?
ทางหนึ่งคืออัจฉริยะผู้หนึ่งยังไม่เติบโต ส่วนอีกทางคือต้นกล้าที่ทรงพลังอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเลือกใคร ก็เป็นปัญหาที่ตอบยาก
“ข้าเพิ่งพูดไปว่าอาการบาดเจ็บภายในของอี้หรานไม่สาหัส อีกทั้งเมื่อครู่นี้ข้าก็ลงมือรักษาด้วยตนเอง ช่วยทำให้กำลังของเขาฟื้นคืน ขอเพียงแค่รักษาตัวไม่กี่วัน เขาก็จะต้องหายดีเป็นปลิดทิ้ง เรื่องราวไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เจ้าพูด อี้กง เหตุใดเจ้าถึงต้องแดกดันผู้อื่นเช่นนี้?”
“ข้าไม่ได้แดกดันผู้อื่น แต่สิ่งที่ซั่งกวนเยว่กระทำนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างมาก!”
ผู้อาวุโสอี้กงโต้เถียงในทันที
“ท่านประมุข บาดแผลภายนอกอี้หรานสามารถรักษาหายได้โดยไว แต่… หากเรื่องนี้ทำให้เกิดปมในใจของเขาขึ้นมาล่ะ? มันอาจจะส่งผลกระทบต่อการบำเพ็ญเพียรในภายหลังของเขาได้ ซึ่งเป็นผลกระทบอันยิ่งใหญ่!”
นี่คืออันตรายที่ซ่อนเอาไว้ต่างหากเล่า!
ผู้อาวุโสอี้ซังขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด นี่ท่านกำลังจะซักไซ้ไล่เรียงท่านประมุขอยู่หรือ?”
หัวใจของผู้อาวุโสอี้กงกระตุกวูบ และรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาหลายส่วน
แต่หลังจากที่เขาครุ่นคิดไปมาแล้ว เขากลับไม่ได้ถอยร่นลงไป
เขาไม่สามารถถอยหลังลงไปได้!
วันนี้อี้หรานล้มเหลวในการเปิดเส้นชีพจร เกรงว่าจะไม่มีหวังกับตำแหน่งนายน้อยแล้ว
เขาจำเป็นจะต้องต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์สูงสุดมาให้ได้!
“ท่านประมุข ข้าเพียงต้องการคำอธิบายเท่านั้น!”
บรรยากาศเย็นยะเยือก
ลมหนาวรอบข้างพัดผ่าน ทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าพูดอันใด
ในตอนนั้นเอง ทุกคนกำลังคิดว่าอี้เจาจะต้องมีโทสะแล้ว แต่เขากลับหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
เสียงหัวเราะนั้นสั้นมาก แววตาของเขาก็ไม่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
เมื่อเห็นดังนั้นผู้อาวุโสอี้กงก็รู้สึกหัวใจสั่นสะท้าน
“หากเกิดเรื่องเช่นนั้นจริงๆ…อี้หรานก็ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว”
น้ำเสียงของอี้เจาราบเรียบ พร้อมแฝงไปด้วยความเย็นชาที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
“คนที่ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งนายน้อยหรอก”
…
สีหน้าของผู้อาวุโสอี้กงแข็งทื่อ
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอี้เจาจะพูดเช่นนี้ออกมา!
“…ท่าน ท่านประมุข! นี่ท่านหมายความว่าอย่างใด…”
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความลังเลและกังวล
อี้เจาหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดเสียงเรียบ
“ก็หมายความตามนั้น”
“ข้า…ข้าไม่ได้…”
ผู้อาวุโสอี้กงตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าตัวเขานั้นได้ทำผิดพลาดไปอย่างโง่งม!
เขาพูดว่าการบำเพ็ญเพียรของอี้หรานอาจจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการผลักอี้หรานออกจากตำแหน่งนายน้อยไม่ใช่หรือ?
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดบนโลกนี้ล้วนไม่ยินยอมให้ผู้ไร้ความสามารถขึ้นตำแหน่ง!
ผู้อาวุโสอี้กงรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
เขาพูดได้ไม่ดี แล้วเหตุใดยังทิ้งร่องรอยให้คนอื่นเอาเปรียบได้เช่นนี้อีก!
อี้หรานรู้สึกสับสนมึนงงไปแล้ว ใบหน้าของเขาซีดขาวลงในทันที
ในตอนนี้ภายในสมองของเขา เหมือนกับกำลังมีเชือกมารัดอยู่จนแน่น!
เขาอ้าปากค้าง อดเถียงออกมาไม่ได้
“ท่านประมุข หรือว่าภายในใจของท่าน ตัวข้านั้นยังย่ำแย่กว่าคนที่เพิ่งกลับมาอีกหรือ?”
รอบข้างเงียบไปในทันที
คนบางกลุ่มปิดปากอย่างอดไม่ได้
อี้หรานบ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย!
คำบางคำพูดในที่ลับก็ช่างเถิด แต่เหตุใดต้องพูดออกมาต่อหน้าธารกำนัลด้วยเล่า?
แม้กระทั่งผู้อาวุโสอี้กงก็ยังหันมามองหน้าเขาด้วยความตกใจระคนโกรธ
“อี้หราน! เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”
“สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง!”
ในตอนนี้อี้หรานสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้วจริงๆ
ไม่มีใครรู้ว่าเขารอวันนี้มานานเพียงใด และเขาเพียงพยายามไปมากมายแค่ไหน
เขาคิดอยู่เสมอว่าตำแหน่งนายน้อยนั้นเป็นของเขา ซึ่งมันไม่มีทางเปลี่ยนแปลง!
แต่ในวันนี้เขากลับถูกแย่งชิงขนนกทองคำบรรพบุรุษไป การเปิดเส้นชีพจรล้มเหลว เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับความสูญเสีย แต่อย่างใดก็ตามคำพูดของท่านประมุขและคนอื่นๆ ดูเหมือนกำลังจะช่วยเหลือแม่นางที่เลวร้ายคนนั้น!
ตอนนี้ท่านประมุขยังพูดอีกว่า เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะมาแย่งชิงตำแหน่งนายน้อย?
แล้วจะให้เขาอดทนต่อไปได้อย่างใด?
“ต่อให้มันแข็งแกร่งกว่านี้ แต่มันก็สามารถเปิดเส้นชีพจรที่สามได้เท่านั้น ข้าที่กำลังจะเปิดเส้นชีพจรที่สี่ กลับถูกมันทำให้ล้มเหลว ท่านกลับไม่สนใจสักนิดเลยหรือ? บนโลกนี้จะมีเหตุผลเช่นนี้ที่ไหนกัน!”
น้ำเสียงของอี้หรานเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เขาไม่ยอม!
เขาไม่ยินยอม!
“เฮ้อ… อี้หราน เจ้าระวังคำพูดหน่อยเสียดีกว่า ถวนจื่อเป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเราแล้ว แม้ว่ามันจะสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้หรือไม่ แต่มันก็ไม่สามารถทนรับต่อความอัปยศอดสูที่เจ้ามอบให้ได้ตามใจชอบหรอกนะ”
ผู้อาวุโสอี้อวี่กล่าวเตือน
ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มประดับอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับคำพูดของอี้หรานเป็นอย่างมาก
อี้หรานเป็นคนที่เย่อหยิ่งยโส ไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลย
แต่ปกติแล้วเขาจะมีความยับยั้งชั่งใจมากกว่านี้ เขาไม่เคยทำตัวกำเริบเสิบสานแบบนี้เลย
“ท่านประมุข อี้หรานโกรธจนสมองเลอะเลือนไปแล้ว ข้าจะพาเขากลับไป! ข้า…”
ผู้อาวุโสอี้กงรีบพูดช่วยเหลือเขา
แต่อย่างใดก็ตาม อี้เจากลับยกมือขึ้นมา
“ไม่ต้อง ที่พวกเจ้าพูดมานั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เรื่องนี้ควรจะต้องชดเชยให้กับอี้หราน”
เสียงของผู้อาวุโสอี้กงชะงักค้างไปในทันที
ไม่รู้ว่าเหตุใดเมื่อเขาได้ยินประโยคนี้ เขากลับไม่รู้สึกมีความสุขเลย ภายในใจมีเพียงแต่ความกังวล!
อี้หรานกำหมัดกรอด ใบหน้าถมึงทึง
อี้เจาใช้สายตาสำรวจเขา แล้วถามขึ้นอย่างกะทันหัน
“เจ้าไม่พอใจรุ่นน้องที่กำลังจะเปิดเส้นชีพจรที่สามหรือ เพียงเพราะเขาแย่งโอกาสในการทะลวงด่านของเจ้าไป? เจ้ารู้สึกว่าตนเองเหนือกว่ามันหนึ่งขั้น?”
อี้หรานไม่ได้ตอบรับอันใด เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการยอมรับโดยปริยาย
อี้เจาเลิกคิ้วขึ้นอย่างกะทันหัน
“แล้วถ้ามัน… ก็กำลังจะเปิดเส้นชีพจรที่สี่ล่ะ?”
สีหน้าของอี้หรานแข็งค้างไปเล็กน้อย
อี้เจาเชิดคางขึ้น
อี้หรานหันกลับไปมอง ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
คาดไม่ถึงว่าขนนกทองคำบรรพบุรุษอันนั้นจะยังไม่หายไป!
……….