ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1506 ต่อสู้
ตอนที่ 1506 ต่อสู้
…………….
ความเงียบเข้าปกคลุม
หลังจากคำพูดของฉู่หลิวเยว่สิ้นสุด บรรยากาศโดยรอบก็เหมือนแข็งค้างไป
หางตาของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกระตุกอย่างรุนแรง แล้วหลุดถามออกมาในทันที
“ใช้…ใช้แล้ว? หมายความว่าอย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมาทันที ดวงตาก็โค้งงอ
“ข้าใช้มันเพื่อช่วยให้อินทรีสามตามีกายเนื้อขึ้นมาอีกครั้ง”
เดิมทีนางยังคงรู้สึกลังเลเล็กน้อยว่าควรจะพูดเรื่องนี้ออกไปตามตรงหรือไม่
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายนางก็เลือกที่จะบอกความจริงออกไป
ด้านหนึ่ง เกล็ดแผ่นนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้น ซึ่งส่วนปลายแหลมชี้มาที่ร่างกายของนาง เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงจะต้องตามหาความจริงอย่างถึงที่สุดแน่นอน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง นางได้ทำพันธสัญญากับจื่อเฉินไปแล้ว หลังจากนี้หากนางเดินอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ นางจะต้องอัญเชิญอีกฝ่ายออกมาบ่อยครั้งแน่นอน
ปีกของไท่ซวีเฟิ่งหลงทั้งสองข้างนี้ อยู่ภายในร่างกายของมัน จะสืบค้นไม่พบได้อย่างใด?
เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่สามารถปิดบังได้ ไม่ว่าช้าหรือเร็วเขาก็จะต้องรู้อย่างแน่นอน
แทนที่จะวิ่งหนีอย่างจนตรอก ถ้าเช่นนั้นก็เผชิญหน้าไปเลยโดยตรงจะดีกว่า!
นางใช้ไปแล้ว แล้วมันจะเหตุใดเล่า!
…
โหมวเหยาได้ยินคำพูดเช่นนั้นของฉู่หลิวเยว่ ดวงตาก็มืดดำ จนเกือบจะเป็นลมล้มไปแล้ว
ซั่งกวนเยว่ผู้นี้ คาดไม่ถึงว่าจะนำโครงกระดูกที่สูงส่งยิ่งชีพของพวกเขา ไปฟื้นคืนกายเนื้อให้กับอินทรีสามตา!
อัปยศ!
น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!
ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาเคยคิดถึงสถานการณ์ต่างๆ มามากมาย
แต่คิดไม่ถึงเรื่องนี้เลย!
แม้ว่าอินทรีสามตาจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเทียบกับพวกมันแล้ว อีกฝ่ายมีศักดิ์ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คาดไม่ถึงว่าซั่งกวนเยว่จะกล้าทำเช่นนี้!
“เจ้า เจ้า…”
เหมือนว่าจะมีอันใดบางอย่างพลุ่งพล่านในหน้าอกของโหมวเหยาอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งคำพูด ก็ยังพูดไม่จบ มีเพียงแค่นิ้วที่ชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน
คนที่อยู่รอบข้างก็ตกใจอย่างมาก
นี่มันเรื่องอันใดกัน?
นางใช้กระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงมาช่วยให้อินทรีสามตาคืนกายเนื้อเนี่ยนะ?
แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เลว แต่… นั่นคือไท่ซวีเฟิ่งหลงเชียวนะ!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมีสีหน้าดำคล้ำ
ในตอนนั้นเองมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาอย่างกะทันหัน
มิน่าล่ะอินทรีสามตาตัวนั้นจึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง! เมื่อสู้ในสนามเดียวกับหงส์ทองคำ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย!
“เยว่เออร์! นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เจ้าห้ามใช้อารมณ์เด็ดขาด และอย่าพูดซี้ซั้ว!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
ฉู่หลิวเยว่มองไปตามเสียงนั้น
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมีใบหน้าเย็นชา แต่ในแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความไม่สบายใจและตื่นตระหนก
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
นางรู้ว่าที่พูดเช่นนี้ก็เพราะไม่อยากให้นางได้รับอันตรายจึงได้พูดออกไปเช่นนี้
แต่…
นางทำเรื่องเช่นนั้นจริงๆ และนางควรจะแบกรับความผิดนี้เอาไว้
นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย
“เรื่องนี้ข้าทำเพียงคนเดียว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์ไท่จู่และทางสำนัก! หากพวกเจ้าต้องการตามหาคนรับผิดชอบ ก็ลงที่ข้าได้เลย”
“เยว่เออร์!”
ซั่งกวนจิ้งสาวเท้าเดินก้าวขึ้นไปด้านหน้า จากนั้นก็จับไหล่ของนางเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
นางรู้หรือไม่ว่าทำเช่นนี้จะทำให้ปัญหาตามมาอย่างไม่สิ้นสุด?
เพื่อโครงกระดูกชุดนั้นเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงสามารถไล่ตามข้าได้เป็นพันปี
ตอนนี้นางได้ครอบครองพวกมันแล้ว นี่มันรุนแรงเสียยิ่งกว่าแต่เกล็ดย้อนของพวกเขาอีก!
ต่อให้เป็นเขา ก็เกรงว่าจะไม่สามารถปกป้องนางได้!
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น จากนั้นก็แกะมือขององค์ปฐมกษัตริย์ออกทีละน้อย
“องค์ไท่จู่ คนเรากล้าทำต้องกล้ารับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน”
“แต่…”
“ตอนแรกที่ข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้ารู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้”
เมื่อฉู่หลิวเยว่พูดจบ นางก็สะกิดปลายเท้า! แล้วพุ่งตัวขึ้นไปกลางอากาศด้วยความรวดเร็ว!
ในที่สุดเมื่อนางยืนอยู่ในระดับเดียวกับโหมวเหยาและคนอื่นๆ แล้ว นางจึงได้หยุดตัวลง
“เยว่…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงจะพุ่งตัวออกไปโดยไม่ยั้งคิด แต่กลับถูกผู้อาวุโสฮวาเฟิงคว้ามือเอาไว้
“ช้าก่อน! รอดูไปก่อนว่านังหนูผู้นั้นวางแผนอย่างใด!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเองเป็นกังวลอย่างมาก
“นี่มันยามใดเข้าไปแล้ว หากไปช้าเกรงว่า…” อีกฝ่ายจะต้องตายเสียก่อน
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกัดฟันกรอด
“ไม่เห็นหรือว่าหรงซิวก็ยังไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย! บางทีพวกเขาอาจจะยังมีหนทางอื่นอยู่”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเหลือบสายตาหันไปมอง และเห็นว่าหรงซิวยังยืนอยู่ที่เดิมจริงๆ
เขาเงยหน้าขึ้นไป มองไปทางทั้งสองฝ่ายที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ใบหน้าไร้อารมณ์ ทำให้ผู้คนยากคาดเดา
ผู้อาวุโสวั่นเจิงและคนอื่นลังเลไปเล็กน้อย
พวกเขาล้วนรู้ดีว่าหรงซิวนั้นดูแลซั่งกวนเยว่ดีมากแค่ไหน
แต่จนถึงตอนนี้ เขายังนิ่งดูดายอยู่ หรือว่าเขาจะมีหนทางอื่นจริงๆ?
ความจริงแล้วในตอนนี้หรงซิวได้ปิดการรับรู้เสียงอึกทึกครึกโครมจากรอบข้างไปจนหมดสิ้น
เขาเอามือไพล่หลัง จากนั้นค่อยๆ พับข้อนิ้ว เหมือนกับว่ากำลังนับเวลาอยู่ และเหมือนกำลังรอคอยอันใดบางอย่าง
ภายในดวงตาหงส์ที่ลึกล้ำ ดูเหมือนไร้คลื่นลม แต่ความจริงแล้วยังมีคลื่นใต้น้ำที่สาดซัดอยู่!
…
ตู้ม!
ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งฟาดลงมาอย่างรุนแรง!
บนยอดเขาหมื่นเมรัย กลายเป็นซากปรักหักพัง
ตอนที่เกิดเรื่องเมื่อครั้งที่แล้ว ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อยกว่าจะสามารถฟื้นฟูคืนสภาพกลับมาได้
ตอนนี้เมื่อทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมา ทุกอย่างที่ทำไปก็สูญเปล่า
ต้นไม้ล้มระเนระนาด หินผาพังทลาย
ร่องรอยไหม้เกรียมสีดำนั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
มีเพียงตำแหน่งตาน้ำที่อยู่ตรงกลางเท่านั้น ที่เหมือนจะถูกปิดผลึกด้วยพลังที่มองไม่เห็นหนึ่งชั้น
ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงบริเวณรอบข้าง แต่ไม่ผ่าลงบริเวณนั้นเลย
น้ำค้างแข็งเข้าปกคลุมมันไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
แต่ในบริเวณที่ลึกลงไปนั้น เหมือนมีอันใดบางอย่างกำลังปะทุขึ้น และพร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา
…
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าใจกล้ายิ่งนัก”
โหมวเหยาจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง เขาโมโหจนหัวเราะออกมา
“เหมือนว่าเจ้าจะคิดออกแล้วสินะว่าจะตายอย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่เองก็หัวเราะขึ้น
“เปล่าเสียหน่อย ข้าผู้นี้เคยตายไปแล้วหนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงหวงแหนชีวิตของตนเองเป็นอย่างมาก ที่ข้ามาที่นี่เพื่อปรึกษาหารือกับท่าน ดูว่าเรื่องในครั้งนี้จะจัดการอย่างใดถึงจะดีที่สุด”
โหมวเหยาคิดว่าตนเองได้ยินผิดไป
“เจ้าใช้โครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงไปแล้ว ยังคิดว่าจะมีชีวิตรอดหรือ? เจ้าฝันไปเถอะ!”
คำพูดยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ยกมือขึ้นมาในทันที!
พรึ่บ!
เกล็ดแผ่นนั้นลอยขึ้น ก่อนจะมีแสงสว่างแสบตาระเบิดออกมา!
ทันใดนั้นมันก็กลายร่างเป็นมังกรตัวใหญ่ แล้วพุ่งมาทางฉู่หลิวเยว่!
ซั่งกวนจิ้งตกใจอย่างยิ่ง
“แย่แล้ว! นั่นมันร่างที่แท้จริงของโหมวเหยา!”
…………….