ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 922 เกาทัณฑ์เทพ (2)
ตูม!
ลูกไฟสีทองหลายกลุ่มร่วงมาจากฟ้า พลันระเบิดรุนแรง ผืนดินถูกระเบิดเห็นหลุมใหญ่รัศมีกว่าหมื่นลี้
ลู่เซิ่งลอยอยู่กลางอากาศ ก้มมองเบื้องล่าง เห็นเพียงเศษสะเก็ตไฟสีทองเผาไหม้ไปทุกหย่อมหญ้า
ในอาณาเขตร้อยลี้ที่โฮ่วอี้อยู่ถูกไอขาวนับไม่ถ้วนปกคลุม แสงสีขาวหลายสายพุ่งออกมาจากตำแหน่งที่เขาอยู่ ลอยไปยังเหล่าอีกาทองที่กำลังพุ่งโจมตีจากกลางท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน
แสงไฟสีทองสาดส่องผืนดิน สะท้อนให้เห็นทุกสิ่ง ความร้อนไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้สูงมากกว่าพันองศาแล้ว
ต้นไม้ที่หลงเหลืออยู่ไม่น้อยเริ่มไหม้เกรียม แสงไฟแดงผสมทอง แม้แต่ก้อนหินบนพื้นก็ไม่อาจต้านทานอานุภาพอันน่ากลัวของอัคคีอาทิตย์ได้ไหว ค่อยๆ กลายเป็นฝุ่นขาว
ลู่เซิ่งมองรอยแตกบนเกาทัณฑ์เทพของโฮ่วอี้ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ตอนนี้เขาเดาออกแล้วว่าเผ่าเวทอาจใช้ของสิ่งนี้เป็นอาวุธใช้แล้วทิ้ง ไม่ได้คิดจะเก็บรักษาไว้ แต่แบบนี้น่าเสียดายเกินไปจริงๆ หากความแค้นผืนดินและพลังงานผืนดินมากมายขนาดนั้นยึดเกาะบนเกาทัณฑ์เทพได้ตลอดเวลา ต่อให้เสถียรแค่ชั่วครู่ชั่วยาม พลังอาวรณ์ที่เขาสามารถกลืนกินได้ ย่อมเป็นตัวเลขที่ไม่อาจจินตนาการได้ทีเดียว
“พลังอาวรณ์เกี่ยวข้องกับกลิ่นอายของวิญญาณและพลังงาน เกาทัณฑ์เทพโฮ่วอี้ในตอนนี้สร้างมาเพื่อเราแท้ๆ! พลังงานผืนดินสานกับความแค้นผืนดิน เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของพลังอาวรณ์ไม่ใช่หรือ”
ลู่เซิ่งเริ่มร้อนใจกระวนกระวาย
เมื่อครู่เขาทุ่มพลังอาวรณ์เกือบล้านหน่วย และพลังเทพนอกรีตทั้งหมดบนร่างเข้าไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เพื่อคงอานุภาพของเกาทัณฑ์เทพโฮ่วอี้เอาไว้ จะได้กลืนกินพลังอาวรณ์ได้มากกว่าเดิม
แต่ตอนนี้ วัสดุของเกาทัณฑ์เทพกลับแตกร้าว…
ซู่…
โฮ่วอี้หน้าซีดเซียว ง้างสายอีกครั้ง ในที่สุดเกาทัณฑ์เทพก็เริ่มจะรับแรงกดดันมหาศาลไม่ไหว รอยแตกสายที่สองสายที่สามโผล่มาอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ!” นัยน์ตาลู่เซิ่งพลันเย็นเยียบ พลังงานรอบตัวโฮ่วอี้ในตอนนี้ไม่เสถียรอย่างที่สุด ความเข้มข้นของพลังงานสูงจนน่าตกใจ พลังงานอื่นๆ ไม่อาจแทรกซึมเข้าไปได้
สิ่งที่ลงมือได้เพียงอย่างเดียว มีแค่พลังเทพนอกรีตเท่านั้น
พลังเทพนอกรีตมีแต่พลังเทพนอกรีตด้วยกันเท่านั้นที่สัมผัสได้ พลังงานอื่นๆ เหมือนกับมายาสำหรับพลังเทพนอกรีต สามารถทะลุผ่านได้อย่างอิสระ
พลังงานระดับสูงแบบนี้ เป็นพลังงานที่อัศจรรย์ที่สุดที่ลู่เซิ่งเคยเห็น
แต่พลังเทพนอกรีตของเขาในตอนนี้ถูกใช้ไปหมดแล้ว ต่อให้จะใช้วิชาลับฟื้นฟู ก็เป็นการรักษาร่างหลัก เพื่อให้ร่างหลักเร่งความเร็วด้วยตัวเอง ถึงจะฟื้นฟูพลังเทพนอกรีตได้
ที่เหลือไม่มีวิธีใดๆ อีกที่จะชดเชยพลังงานประหลาดนี้ได้
ขณะเห็นรอยแตกบนเกาทัณฑ์เทพร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ลู่เซิ่งก็รู้สึกว่าพลังอาวรณ์มากกว่าล้าน ไม่สิ หลายล้านของตนกำลังจะละลายจางหายไปกับน้ำ…ในใจเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา
อีกาทองตัวที่เจ็ดร้องโหยหวน เร่งบินออกไป สุดท้ายอีกาทองตัวที่แปดและที่เก้าก็ตกใจหวาดผวา บินไปยังอุทยานสวรรค์
“ท่านพ่อช่วยด้วย!” อีกาทองตัวหนึ่งร้องเสียงแหลม
แต่บินหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไรนัก ก็ถูกแสงลูกศรสีขาวสายหนึ่งจากเบื้องหลังยิงเข้าอย่างจัง ระเบิดเป็นดวงอาทิตย์สีทองกลางท้องฟ้า
สุดท้ายอีกาทองตัวที่สิบก็สติแตก มันฉลาดไม่บินหนีไปกลางท้องฟ้า หากแต่พุ่งไปทางมหาสมุทรที่อยู่ไกลออกไปแทน
โฮ่วอี้รั้งสายเกาทัณฑ์เป็นครั้งสุดท้ายอย่างยากลำบาก
แกร๊ก
จุดที่พันสายตรงขอบเกาทัณฑ์เทพ แยกออกเป็นร่องแยกแล้ว
“ไป!” โฮ่วอี้ใช้พลังเฮือกสุดท้าย ปล่อยลูกศรออกไปอย่างดุดัน
ตูม!
ทันใดนั้นมือเขาเบี่ยงไป ลูกศรพลังงานสลายไปอย่างรวดเร็ว โฮ่วอี้โซเซถอยหลัง ในที่สุดร่างกายมหึมาก็ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
ฝุ่นผงคลุ้งฟุ้งขึ้นตลบ ผิวหนังและกล้ามเนื้อบนตัวเขาแนบกับพื้นร้อนลวก ตุ่มน้ำผุดขึ้นมากมาย แต่เวลานี้โฮ่วอี้ กลายเป็นตะเกียงสิ้นน้ำมัน เสียชีวิตไปแล้ว
ขณะที่ยิงสังหารอีกาทอง การง้างเกาทัณฑ์เทพในทุกๆ ครั้งก็ใช้พลังชีวิตของเขาไปเช่นกัน
ในที่สุดโฮ่วอี้ก็ไม่อาจกำเกาทัณฑ์เทพได้ไหว หลุดร่วงจากมือตกลงข้างกาย
ถึงแม้การยิงดวงอาทิตย์ครั้งที่สิบจะไม่สำเร็จ ทว่ายังคงสร้างความเสียหายที่ไม่อาจย้อนคืนให้แก่เกาทัณฑ์เทพไม่น้อย
แกร๊ก...
ในตอนนี้ตัวเกาทัณฑ์ปรากฏรอยแตกอย่างต่อเนื่อง ดูท่าทางทนได้อีกไม่นานแล้ว อย่างไรความแค้นกับพลังงานอันมหาศาลบนผืนดินก็รวมตัวกันอยู่บนของวิเศษชิ้นนี้ ต่อให้มันจะถูกสร้างขึ้นจากไม้เจี้ยน ที่ทนมาถึงตอนนี้ได้ ก็ถือเป็นสุดยอดผลงานแล้ว
ลู่เซิ่งเห็นดังนั้น ก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นแสงไฟพุ่งเข้าหาเกาทัณฑ์เทพโดยแทบไม่ต้องคิด
เขาจะต้องดูดกลืนพลังอาวรณ์อันมหาศาลที่รวมตัวอยู่บนนั้นให้หมด ก่อนเกาทัณฑ์เทพจะสลายไป!
ระยะห่างหดสั้นลงเรื่อยๆ ลู่เซิ่งถึงขั้นเห็นหมอกพลังอาวรณ์เบาบางวนเวียนเอื่อยอยู่รอบเกาทัณฑ์เทพ
นั่นคือพลังพิเศษที่มีเพียงเขาผู้เดียวที่เห็น
“รนหาที่ตาย! เกาทัณฑ์เทพคือของข้า”
ทันใดนั้นมีแสงสายฟ้าสีฟ้าสายหนึ่งจากด้านขวา พุ่งมากระแทกร่างลู่เซิ่งอย่างแรง
ตูม!
ลู่เซิ่งไม่ทันตั้งตัว ถูกแสงสายฟ้ามหึมาชนใส่จนชาหนึบ กระเด็นออกไปไกล
ตอนนี้เขามีคุณสมบัติต้านทานทางร่างกายของเผ่าหงส์เพลิงเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเพราะบันทึกทักษิณอายุวัฒนะวัฏจักรที่เจ็ดสิบเอ็ด แกร่งนั้นแข็งแกร่งแน่ แต่ความต้านทานยังคงสู้ร่างหลักไม่ได้
และแสงสายฟ้าสายนี้ก็ไม่ใช่ของธรรมดา หากเกิดจากพลังงานสายฟ้าสายแรกของฟ้าดินในยุคบรรพกาล
อานุภาพคือหลายพันหลายหมื่นเท่าของสายฟ้าทั่วไป ทั้งยังมีอานุภาพพิเศษบางอย่างด้วย
ลู่เซิ่งถูกแสงสายฟ้ากระแทกใส่ ร่างกายชาครู่หนึ่ง แต่ก็ตั้งหลักได้อย่างรวดเร็วเห็นเงาแสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งไปที่เกาทัณฑ์เทพโฮ่วอี้
“รนหาที่ตาย!” ไฟลุกขึ้นบนร่างเขา ร่างกายลุกไหม้ พริบตาเดียวหายไปจากที่เดิม
ตอนที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็อยู่ห่างจากเกาทัณฑ์เทพไม่ถึงห้าสิบหมี่
แสงสายฟ้าสายนั้นมีความเร็วน่าทึ่งเช่นกัน ใกล้เคียงกับลู่เซิ่งในตอนนี้ สองฝ่ายสบตากัน พร้อมทั้งลงมือใส่อีกฝ่ายโดยไม่ได้นัดหมาย
“ราชาอัสนี! ตายเสียเถอะ!” สายฟ้าสีทองสว่างไสวพุ่งมาจากร่างอีกฝ่าย สายฟ้าเชื่อมต่อกันกลายเป็นตาข่ายยักษ์ กลางตาข่ายยักษ์ปรากฏเป็นชายชราศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม มีสามหัวสี่กร
“ไสหัวไป!” ลู่เซิ่งเห็นรอยแตกบนเกาทัณฑ์เทพเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จิตใจดั่งถูกไฟผลาญ ร่างวัฏจักรที่เจ็ดสิบเอ็ดสะบัดฝ่ามือไปด้านหน้าดุจสายฟ้าแลบ
เปรี้ยง!
ตาข่ายสายฟ้าระเบิด ตามด้วยสะเก็ดสายฟ้าเล็กๆ ร่างเงานั้นถูกพลังมหาศาลระเบิดใส่จนกระอักเลือดปลิวออกไป
ลู่เซิ่งพุ่งเข้าหาเกาทัณฑ์เทพสายฟ้าโดยไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย ไฟสีขาวหลายสายวนเวียนรอบตัวเขา เหมือนกับองครักษ์
ในตอนนี้เขาฝึกฝนบันทึกทักษิณอายุวัฒนะถึงขอบเขตที่ไม่เคยมีมาก่อน บันทึกทักษิณอายุวัฒนะวัฏจักรที่เจ็ดสิบเอ็ด แค่เขาโบกแขนทีเดียว ก็เสกไฟลึกลับนับไม่ถ้วนของฟ้าดินออกมาเพิ่มอานุภาพให้แก่ตัวเองได้แล้ว
“หยุด!” ทันใดนั้นก็มีเสียงยิ่งใหญ่ดังขึ้น
ลู่เซิ่งหยุดนิ่งลงชั่วพริบตา ข้างเกาทัณฑ์เทพถึงกับปรากฏเงาสายหนึ่ง
เงาสายนั้นเหมือนกับวานร บนหลังมีหกแขน บนศีรษะมีเขาแหลมสีม่วงคราม กลิ่นอายอันเหี้ยมหาญคุ้นเคย พลันระเบิดขึ้นบนร่างเงานั้น
“ของวิเศษนี้ควรเป็นของข้าคุนลี่! ฮ่าๆๆๆ!” วานรหกแขนยื่นมือไปหาเกาทัณฑ์เทพ
“เทพปีศาจ!?” ลู่เซิ่งสีหน้าแปรเปลี่ยน “ไม่! ไม่ใช่เทพปีศาจทั่วไป!”
กลิ่นอายเหี้ยมหาญมากมายเผ่าเวทกับเผ่าปีศาจกำลังมาด้วยความเร็วสูง แสดงว่าพวกเขาพบสถานการณ์รบอันดุเดือดทางนี้แล้ว
ลู่เซิ่งรู้ดีว่า ถ้าหากเอาเกาทัณฑ์เทพไปตอนนี้ไม่ได้ อีกประเดี๋ยวก็ไม่มีโอกาสแล้ว!
ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้เปิดเผยความลับที่แท้จริงของตัวเอง สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของบันทึกทักษิณอายุวัฒนะวัฏจักรที่เจ็ดสิบเอ็ดยังคงเป็นอิทธิฤทธิ์ แต่เพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยใดๆ ไว้ เขาจึงไม่เคยใช้ ทว่าตอนนี้…
ลู่เซิ่งมองเทพปีศาจคุนลี่หยิบเกาทัณฑ์เทพขึ้นมา พุ่งหนีออกไป
ลู่เซิ่งฟาดเงาแสงสายฟ้าอีกสายที่พุ่งมาอีกครั้งให้กระเด็นออกไป ดวงตาเปล่งประกาย เขาจ่ายค่าตอบแทนตั้งมากมาย แม้แต่พลังเทพนอกรีตก็ใช้หมดสิ้น ทั้งยังผลาญพลังอาวรณ์เกือบล้านหน่วย ไม่ใช่ให้ถูกคนแย่งไปโดยไม่ได้อะไรเลยแบบนี้!
หลังจากคำนวณระยะห่างที่แม่ทัพใหญ่ของเผ่าเวทและเผ่าปีศาจจะมาถึงที่นี่แล้ว
นัยน์ตาของลู่เซิ่งก็เปล่งแสง กางสองแขนออก
“หนึ่งอึดใจ!”
เขาไขว้สองแขนเข้าด้วยกัน จุดตัดอยู่เสมอใบหน้า
จุดที่ฝ่ามือปัดผ่าน ใบหน้าปรากฏลวดลายประหลาดสีแดงสด ลวดลายทั้งหมดขับเน้นให้ใบหน้าหล่อเหลาของลู่เซิ่งในตอนแรกให้เหมือนกับผีร้าย
เปรี้ยง!
ไฟสีแดงยิ่งใหญ่ลุกโหมอยู่เบื้องหลังเขา กลายเป็นวังวนยักษ์ทรงรี
“กินมันซะ พันเทวะ!”
สิ้นเสียง กรงเล็บยักษ์น่ากลัวสีดำสนิทข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากในวังวนเปลวไฟอย่างทันทีทันใด
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน เทพปีศาจคุนลี่ถือเกาทัณฑ์เทพบินอยู่กลางท้องฟ้าเหนือขึ้นไปหลายพันลี้
ทันใดนั้นใบหน้าที่เดิมทีลิงโลดของเขาก็ค่อยๆ แข็งทื่อ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไล่ตามมาจากด้านหลัง
ตอนที่เขาไม่รู้ตัว เงาดำกลางอากาศด้านหลังก็กะพริบ ปรากฏกรงเล็บยักษ์สีดำน่ากลัวเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าพันลี้หนึ่งข้าง ปกคลุมกักขังเขาไว้แล้ว
กรงเล็บมโหฬารราวกับทวีป เข้าใกล้เขาอย่างรวดเร็วไร้สุ้มเสียง
พรึ่บ!
ทันใดนั้น กรงเล็บยักษ์ตะครุบอย่างฉับพลัน แสงสีเลือดกลุ่มหนึ่งระเบิดกลางฝ่ามือเป็นกลุ่มเล็กๆ ทุกอย่างก็หลอมละลายอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงเกาทัณฑ์เทพหมุนคว้าง ราวกับถูกพลังมหาศาลไร้รูปร่างดึงรั้ง ปลิวไปด้านหลัง ไม่นานก็ทิ้งตัวลงกลางฝ่ามือขาวผ่องสมส่วน
ลู่เซิ่งสวมอาภรณ์ปีกสีแดงฉาน บนร่างเต็มไปด้วยลวดลายเลือดสีแดงแปลกประหลาด ผมสั้นสีทองปลิวไสวตามลมพายุที่ร้อนแรง
เขาก้มมองเกาทัณฑ์เทพโฮ่วอี้ในมือ หันไปมองแม่ทัพเผ่าปีศาจที่กำลังบินเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง
“เทพปีศาจคุนลี่…” ลู่เซิ่งแค่นเสียงเย็นชา หมุนตัวกลายเป็นแสงไฟ พุ่งสู่ฟากฟ้า ก่อนจะจางหายไป
เขาต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด หาที่ดูดซับพลังอาวรณ์มหาศาลในเกาทัณฑ์เทพโฮ่วอี้
ความยิ่งใหญ่ของจำนวนพลังอาวรณ์ น้อยกว่าหลักฐานแห่งราชันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก้าวข้ามของวิเศษใดๆ ที่ลู่เซิ่งเคยได้มาก่อนหน้านี้
…
ณ อุทยานปีศาจ
ตำหนักคุนเผิง
คุรุปีศาจคุนเผิงนั่งประจัญหน้าอยู่กับชายชราผมขาว จิบชาถกธรรม
ทันใดนั้นสีหน้าเขาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในดวงตาปรากฏจิตสังหารเลือนราง
“เป็นอะไรไป สหายร่วมเส้นทางมีเรื่องเร่งด่วนต้องจัดการหรือ” ชายชรายิ้มถาม
เมื่อมาถึงขอบเขตของพวกเขา ด้วยระยะห่างเพียงเท่านี้ การเปลี่ยนแปลงทางท่าทีเพียงเล็กน้อยย่อมไม่อาจปิดบังอีกฝ่ายได้
นอกจากนี้ด้วยสถานะความเป็นมาของชายชรา ผู้ซึ่งมีพลังเลิศล้ำ ต่อให้เป็นการเปลี่ยนแปลงของจิตปฐม ก็ไม่อาจปิดบังเขาได้
คุนเผิงส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร เพียงแต่มีตัวแปร บางทีอาจมีผลอยู่บ้าง” เขาสั่งให้เทพปีศาจคุนลี่ลงมือชิงเกาทัณฑ์เทพโฮ่วอี้ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อครู่คุนลี่จะตายแล้ว
มิหนำซ้ำยังไม่ทันแม้แต่จะใช้ยันต์หยกช่วยชีวิต ก็ดับสูญทันที จิตปฐมเองก็ไม่ทราบอยู่ที่ใด
“ปัจจุบันฟ้าดินหลั่งเลือดลงมาดั่งมหาสมุทร เผ่าเวทและเผ่าปีศาจเข้ารบทำสงครามกัน นอกจากโลกใบนั้นที่ข้าอยู่ ตัวแปรล้วนคงอยู่ทุกที่” ชายชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากสหายร่วมเส้นทางยินดี ข้าสามารถส่งคนมาช่วยเหลือได้ จะว่าไปเผ่าพันธุ์ใต้สังกัดของข้าถนัดการเข่นฆ่ามากที่สุด แต่น้ำใจในครั้งนี้ถือว่าหายกัน”
คุนเผิงเผยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ขอบคุณท่านบรรพอาวุโส เวลานี้ข้าขอจัดการด้วยตัวเอง” ในฐานะจอมอริยะ ขณะเดียวกันยังเป็นคุรุปีศาจแห่งอุทยานปีศาจ ถ้าหากศิษย์ถูกฆ่า จะแก้แค้นยังต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นอีก วันหน้าเขาจะมีที่ยืนในอุทยานปีศาจอยู่อีกหรือ
……………………………………….