ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1053 ศึกแห่งการเปลี่ยนแปลง (2
ตอนที่ 1053 ศึกแห่งการเปลี่ยนแปลง (2)
…………….
ความโกรธสามารถทำให้คนเสียสติได้ง่ายและความโกรธก็สามารถนำไปสู่จุดจบได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าม่อหลงเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อตู้ฟู่เหว่ยแต่เขาก็เต็มไปด้วยความรักและความเคารพต่อปู่ของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าใจทัศนคติและการตัดสินใจของปู่ของเขาได้ ดังนั้นถ้าหากเขาโกรธแค้นล่ะก็จุดประสงค์ของการตัดสินใจในครั้งนี้เขาจะทำตามความคาดหวังของปู่ได้อย่างไร?
เขายังตระหนักดีถึงช่องว่างระหว่างตัวเองกับตู้ฟู่เหว่ย ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเย่เชียนอีกแรงแต่ก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของตู้ฟู่เหว่ยได้อยู่ดี ต่อให้พวกเขาจะมีไพ่ที่เหนือกว่าก็ตามแต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นอันตรายกับตัวเขาเองเว้นแต่เขาจะต้องเลือกทำแบบนั้นในวินาทีสุดท้ายเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นความโกรธจะทำให้เขาไม่สามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ดังนั้นเขาจึงต้องทำสมาธิให้สงบลงและบรรลุถึงสิ่งที่เรียกว่าความลงตัวและความพอดีระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเท่านั้นที่ทำให้เขาใช้ศักยภาพสูงสุดได้
หยานตงก็พยักหน้าเล็กน้อยเพราะเขาเห็นตัวเองตอนวัยหนุ่มในตัวของเด็กๆเขี้ยวหมาป่าเหล่านี้ ซึ่งความดื้อรั้นและความมั่นใจในตัวเองและความรับผิดชอบที่เขาเคยมีก็เหมือนกับเย่เชียนกับม่อหลงและคนอื่นๆอย่างมาก ด้วยความปรารถนาในการมีชีวิตแบบเดียวกันเพราะหยานตงทำสิ่งต่างๆโดยการพึ่งพาความสามารถของตัวเองเสมอ เขามีความคล้ายคลึงกับเย่เชียนมากที่ไร้ญาติมิตรและสหายมาตั้งแต่เด็กดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะช่วยเย่เชียนโดยไม่ลังเล ซึ่งจุดประสงค์ก็คือไม่ให้เย่เชียนออกนอกกรอบมากเกินไปและไม่ลืมตัวตนของตัวเอง เพราะต่อให้ยิ่งใหญ่เพียงใดแต่ถ้าลืมสิ่งที่เคยปรารถนาเอาไว้มันก็ไร้ค่า สิ่งที่เรียกว่าการต่อสู้เพื่อพลังอำนาจนั้นอาจกล่าวได้ว่าหยานตงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งมาจากเย่เจิ้งหราน เพราะพลังและความสามารถทั้งหมดที่เขามีถูกถ่ายทอดมาจากเย่เจิ้งหรานจนสามารถทะลวงข้อจำกัดของศิลปะการต่อสู้โบราณได้และไปถึงจุดสูงสุดของศาสตร์การต่อสู้และนั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงของเขา
“สถานที่แห่งนี้ฉันได้ทำการปิดล้อมเอาไว้หมดแล้วและมั่นใจได้เลยว่าทุกคนจะสามารถต่อสู้กันได้อย่างไร้ความกังวล” หยานตงพูด “ฉันขอประกาศอีกครั้งว่าการต่อสู้ครั้งนี้ผลลัพธ์ก็คือความตายเท่านั้น..อาจารย์ตู้ไม่ติดขัดอะไรใช่มั้ย?”
ตู้ฟู่เหว่ยก็ค่อยๆลืมตาขึ้นและดวงตาของเขาก็เป็นประกายระยิบระยับแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แน่นอนว่ามันเป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย..ซึ่งวันนี้จะมีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างมีชีวิต..ผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอด”
“ทุกอย่างจะเป็นไปตามกฎที่ตั้งเอาไว้” เย่เชียนพูด
“ฉันจะพูดเกี่ยวกับกฎก่อนเพราะการต่อสู้ครั้งนี้มันขึ้นอยู่กับชีวิตและความตาย..เพราะงั้นมันไม่สำคัญว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีการใดเพราะงั้นตราบใดที่ใครสามารถอยู่รอดได้มันก็คือชัยชนะ..การต่อสู้ครั้งนี้คือการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งและมีสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกให้ชัดเจนว่านี่เป็นความยินยอมของคุณเองดังนั้นหากคุณพ่ายแพ้ฉันก็หวังว่าลูกศิษย์ของคุณหยานซื่อฉุยจะสามารถทำตามคำพูดของคุณได้และยอมรับได้” หยานตงพูด “แน่นอนว่าถ้าพวกเอ็งสองคนแพ้ฉันจะแจ้งข่าวให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนทราบและให้เขาทำตามที่ตกลงกันเอาไว้”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะหยานตงก็พูดต่อ “ใครมีอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย?”
เมื่อหยานตงมองไปที่เย่เชียนกับม่อหลงแล้วทั้งสองก็ส่ายหัว ส่วนตู้ฟู่เหว่ยก็ส่ายหัวเช่นกัน เมื่อเห็นแบบนั้นหยางตงก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เนื่องจากไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกถ้างั้นเราก็มาเริ่มกันเลย”
เมื่อเสียงของหยานตงจบลงทั้งสองฝ่ายก็เดินเข้ามาและไม่มีใครพูดอะไรเลย ต่างฝ่ายต่างก็ทำสมาธิอย่างแรงกล้า จากนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็เงยหน้าขึ้นเพื่อราวกับว่าพลังของเขาได้พลุ่งพล่านแล้วจากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วระเบิดพลังออกมาจนชุดอาภรณ์ของเขาปลิวไปตามสายลมแม้จะไม่มีกระแสลมเลยก็ตาม
เย่เชียนกับม่อหลงนั้นตรงกันข้ามกับตู้ฟู่เหว่ยเลยเพราะพวกเขาทั้งสงบและสุขุม แต่รอบๆตัวของพวกเขาก็มีบางอย่างที่ผู้คนไม่กล้าเพิกเฉยได้ราวกับว่าพวกเขากำลังรวมเข้ากับสวรรค์และโลก ในเวลานี้พวกเขาสงบนิ่งเพียงแค่ยืนอยู่ๆนิ่งและไม่มีใครเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น แต่คนที่เข้าใจจะรู้ว่านี่คือการทำสมาธิเพื่อทำให้ตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของตน
ตู้ฟู่เหว่ยก็ไม่ลดละและสร้างความกดดันใส่เย่เชียนกับม่อหลงอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดม่อหลงก็ทนไม่ไหวแล้วเขาจึงพุ่งออกไปหาตู้ฟู่เหว่ยพร้อมกับหมัดแน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่กล้าที่จะรอช้าและรีบพุ่งเข้าไปสนับสนุนม่อหลงด้วยการใช้เท้าเตะเข้าไปที่กกหูของตู้ฟู่เหว่ยจากด้านข้าง พวกเขานั้นเป็นทหารรับจ้างดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เน้นการโจมตีแบบตัวต่อตัวแต่พวกเขาให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันเป็นทีมซึ่งแตกต่างไปจากองค์กรนักฆ่าเซเว่นคิลที่เน้นการลอบฆ่า นอกจากนี้เย่เชียนกับม่อหลงก็ไม่ได้ร่วมมือกันเป็นครั้งแรกดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจกันโดยปริยาย
เมื่อจินเหว่ยห่าวที่ด้านข้างเห็นสิ่งเหล่านี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมเพราะนี่คือการต่อสู้รูปแบบทีมอย่างแท้จริง มีทั้งการโจมตีและการตั้งรับซึ่งสิ่งนี้ทำให้ตู้ฟู่เหว่ยไม่มีโอกาสโจมตีเลย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีของม่อหลงหรือการโจมตีของเย่เชียนต่างก็สัมพันธ์กันและไม่เปิดช่องว่างใดๆให้กับตู้ฟู่เหว่ยเลย ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นระหว่างการรุกและการตั้งรับจนไม่พบข้อบกพร่องใดๆเลย
หยานตงก็พยักหน้าอย่างเงียบๆเพราะถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าใครได้เปรียบในตอนนี้แต่การประสานของเย่เชียนกับม่อหลงนั้นไร้ที่ติ ซึ่งเป็นการจับคู่ที่เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ในทางกลับกันตู้ฟู่เหว่ยที่ถูกการโจมตีร่วมของเย่เชียนกับม่อหลงจนบังคับให้เขาถอยหลังไปทีละก้าวแต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใดๆเลย การรุกและการตั้งรับของตู้ฟู่เหว่ยนั้นกลับอยู่ในระดับที่คงที่และมีความสมดุลอย่างมาก เขาคู่ควรกับตำแหน่งเจ้าสำนักม่อจื๊อและถ้าหากต้องการเอาชนะเขาในช่วงเวลาสั้นๆก็เกรงว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย
พลังปราณในร่างกายของเย่เชียนก็ยังคงหลั่งไหลออกมาจากสิ่งที่คล้ายกับเมล็ดถั่วเหลืองอย่างต่อเนื่องจนเกิดเสียงของลมกระทบกันเล็กน้อยระหว่างการเคลื่อนไหวของเย่เชียน ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกถึงร่างกายของเขาอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่คล้ายๆกับเมล็ดถั่วเหลืองมันค่อยๆแตกออกทีละนิด เมื่อเทียบกับรอยร้าวเมื่อคืนนี้แล้วเย่เชียนก็ตกใจมากและครุ่นคิดว่าถ้าหากมันแตกออกมันจะเป็นยังไง เย่เชียนไม่สามารถทำนายและคาดเดาผลลัพธ์ได้เลย เขากำลังต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพันเพราะงั้นมันจะมีบางอย่างในร่างกายของเขาผิดปกติได้อย่างไรในตอนนี้? เย่เชียนรู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้เขาก็ไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเขาต้องตั้งใจเผชิญหน้ากับตู้ฟู่เหว่ย
วันนี้ตู้ฟู่เหว่ยแตกต่างไปจากตอนที่อยู่ในบ้านพักตากอากศอย่างเห็นได้ชัดเพราะตอนนั้นตู้ฟู่เหว่ยจะเป็นฝ่ายรุกแต่วันนี้เขากลับอยู่ในตำแหน่งตั้งรับอย่างสมบูรณ์แบบในใจของเขาพยายามคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นเย่เชียนและม่อหลงเพราะเห็นได้ชัดว่าการโจมตีของพวกเขามีพลังการโจมตีที่รุนแรงกว่าเดิมมาก ตอนนี้เขาติดอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายและถ้าเขาถอนการป้องกันออกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้ตอบโต้อีกเลย
ในเวลาเดียวกันอีกมุมหนึ่งของเมืองซีหนิงชาฮัวเอียนก็กำลังกระสับกระส่ายและเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน เพราะเมื่อเช้านี้เขายื่นชาโสมที่ทำเองให้ตู้ฟู่เหว่ยไปแต่เพราะกลัวว่าจะถูกจับดังนั้นปริมาณของยาพิษจึงน้อยมาก เขาอยากรู้ผลตอนนี้มากเพราะเขาสงสัยว่าเย่เชียนกับม่อหลงจะทนได้จนกว่าพิษจะออกฤทธิ์หรือเปล่า
อย่างไรก็ตามไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องรอดูผลการต่อสู้ก่อนเพราะทุกอย่างได้รับการเตรียมการอย่างเหมาะสมแล้วและตอนนี้ก็แค่รอให้ตู้ฟู่เหว่ยตาย ในกรณีนี้เขาจะสามารถควบคุมสำนักม่อจื๊อได้อย่างราบรื่นและส่วนเรื่องการแข่งขันกับม่อหลงในอนาคตนั้นก็ค่อยว่ากันทีหลัง อย่างไรก็ตามวันนี้ตู้ฟู่เหว่ยจะต้องตายเท่านั้นไม่อย่างนั้นตู้ฟู่เหว่ยจะรู้ตัวว่าเขาเป็นคนใส่ยาพิษลงไปในชาโสมอย่างแน่นอน หากเป็นแบบนั้นเขาจะไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดๆได้เลย
ไม่ใช่ว่าตู้ฟู่เหว่ยไม่อยากโต้กลับเพียงแต่เขารู้สึกแปลกๆนิดหน่อยเพราะว่าร่างกายของเขาเหมือนจะผิดปกติไปเพราะเมื่อเขาหายใจเข้าออกเขาจะรู้สึกเจ็บๆในตันเถียนอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจมากเพราะเมื่อวานเขายังปกติดีอยู่เลยและอยู่ในสภาพที่พร้อมมาก แต่ตอนนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นจึงทำให้จิตใจของตู้ฟู่เหว่ยวูบวาบและเสียสมาธิอย่างมาก ซึ่งเขาก็นึกถึงถ้วยชาโสมที่ชาฮัวเอียนส่งมอบให้เขาเมื่อเช้านี้
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโกรธเกรี้ยวเพราะดูเหมือนว่าชาโสมจะมีปัญหาและมันต้องเป็นสิ่งที่ชาฮัวเอียนเตรียมเอาไว้อย่างแน่นอน “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!” ตู้ฟู่เหว่ยดุด่าอย่างลับๆ ถ้าเขากลับไปเขาคงจะหายดีแต่ตอนนี้ถ้าหากเขาไม่จบการต่อสู้โดยเร็วที่สุดและยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อคิดแบบนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็กระโดดและเหวี่ยงหมัดสลับกันรัวๆด้วยพลังปราณจำนวนมากและการโจมตีก็รุนแรงอย่างมาก การโต้กลับอย่างกะทันหันทำให้เย่เชียนและม่อหลงตกตะลึงเล็กน้อยแต่โชคดีที่ทั้งสองร่วมมือกันและเข้าใจกันโดยปริยาย ดังนั้นพวกเขาจึงสลับกันรุกและรับเพื่อต้านทานพลังโจมตีอันทรงพลังของตู้ฟู่เหว่ยและแน่นอนว่าถ้าหากพวกเขาต่อสู้กับตู้ฟู่เหว่ยด้วยความประมาทพวกเขาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบมากเท่านั้น
ในตอนแรกตู้ฟู่เหว่ยถูกเย่เชียนกับม่อหลงโจมตีจนบังคับให้ถอยไปกลายก้าวจนหยานซื่อฉุยที่ดูข้างๆสนามก็กังวลและไม่เข้าใจว่าทำไมตู้ฟู่เหว่ยเลือกการป้องกันแบบนี้ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นตู้ฟู่เหว่ยเริ่มโต้กลับแล้วมุมของปากของเธอก็เผยรอยยิ้มออกมาเพราะเธอเข้าใจว่าที่ตู้ฟู่เหว่ยทำอย่างนั้นในตอนแรกก็เพราะต้องการทำให้พละกำลังของทั้งสองอ่อนแอลง ซึ่งเธอจะรู้ได้อย่างไรว่ามันมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับตู้ฟู่เหว่ยในเวลานี้?
แต่หยานตงก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างแปลกๆไปและถึงแม้ว่าการโจมตีของตู้ฟู่เหว่ยจะไม่เห็นข้อบกพร่องใดๆก็ตามเพราะทุกการโจมตีดูแข็งแกร่งมากแต่เขาเห็นชัดเจนว่าท้องของตู้ฟู่เหว่ยหดตัวลงอย่างผิดปกติจากการหายใจและเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าทั้งหมดนี้จะไม่ชัดเจนนักแต่หยานตงก็สามารถสังเกตได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็สับสนเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตู้ฟู่เหว่ยกันแน่
อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นข่าวดีสำหรับเย่เชียนและม่อหลง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าหยานตงจะชื่นชอบเย่เชียนมากแค่ไหนแต่เขาจะไม่เข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะเห็นจุดอ่อนของตู้ฟู่เหว่ยแต่เขาจะไม่บอกเย่เชียนเด็ดขาด ในฐานะผู้คุมกฎแล้วเขาก็ต้องมีความยุติธรรมที่ผู้คุมกฎควรจะมี
ในตอนนี้เย่เชียนกับม่อหลงไม่มีทางหนีไปจากสถานการณ์นี้ได้และทั้งสองฝ่ายก็ต้องสลับการโจมตีและป้องกันอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของตู้ฟู่เหว่ย ในเวลานี้ก็มีเสียง “ปัง” หมัดของตู้ฟู่เหว่ยที่เต็มไปด้วยพลังปราณที่เดือดพล่านกระทบเข้ากับร่างของเย่เชียนและม่อหลงจนร่างของพวกเขากระเด็นออกไปราวกับว่าวที่หักกลางอากาศ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณมาสักระยะหนึ่งแล้วและถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะแต่พลังของพวกเขาก็เทียบไม่ได้กับตู้ฟู่เหว่ยเลยเพราะตอนนี้พวกเขาอ่อนแอเกินไป
.
.
.
.
.