ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1027 ตามขั้นตอน
ตอนที่ 1027 ตามขั้นตอน
……….
คนประเภทที่มั่นใจในตัวเองมักจะหยิ่งผยองอยู่ตลอดเวลา แต่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมักจะทำให้คนรู้สึกว่าเขาไร้ความสามารถแต่เมื่อเขาโต้กลับเมื่อไหร่เขาก็จะดูทรงพลังมากและนี่คือประสบการณ์ตรงหลายปีของเย่เชียน
ถ้าหากชาฮัวเอียนเป็นคนที่ทำอะไรตามใจต้องการด้วยพลังและอำนาจของตัวเองและหยิ่งผยองอยู่ตลอดเวลาล่ะก็ บางทีเย่เชียนคงจะไม่คิดว่าเขาน่ากลัวนัก อย่างไรก็ตามทัศนคติและสิ่งที่เขาปกปิดมันเอาไว้นั้นทำให้เย่เชียนรู้สึกว่าเขาควรจะสืบหาข้อมูบขอชาฮัวเอียนเพื่อป้องกันไว้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรวมกับสิ่งที่โอ่วหยางหมิงซวนพูดแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่าเพื่อนที่โอ่วหยางหมิงซวนพูดถึงคือชาฮัวเอียนไม่ใช่หยานซื่อฉุยและหากเป็นเช่นนั้นโอ่วหยางหมิงซวนจะต้องปกป้องชาฮัวเอียนอย่างแน่นอน
เย่เชียนไม่ใช่คนประเภทที่คิดสุ่มสี่สุ่มห้าว่าอีกฝ่ายมีพลังมากแค่ไหนและที่เขาสามารถเป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ก็เพราะคิดและไตร่ตรองสิ่งต่างๆอย่างถี่ถ้วนและก้าวไปทุกย่างก้าวอย่างระมัดระวัง ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะกล้าหาญและบ้าบิ่นไปบ้างแต่ทุกๆอย่างก็ผ่านไปด้วยดีเพราะมีการเตรียมการที่ลงตัวที่สุดนั่นเอง
หลังจากหยุดไปสักพักเย่เชียนก็พูดต่อ “ปู่ครับ..ผมไม่คิดว่าชาฮัวเอียนคนนี้จะเป็นคนง่ายๆขนาดนั้น..ผมคิดว่าเราต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้และระมัดระวังเขาเอาไว้..ถึงแม้ว่าเราจะมีข้อตกลงกับตู้ฟู่เหว่ยแล้วเมื่อผลลัพธ์ออกมามันจะเป็นยังไงก็ไม่มีใครทำนายได้เลย..ว่าแต่ปู่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของสำนักม่อจื๊อมากแค่ไหน?”
“อันที่จริงแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันได้ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของกิลด์สำนักม่อจื๊อมาโดยตลอดและถึงแม้ว่าตู้ฟู่เหว่ยจะเลิกไล่ตามสาวกหมิงม่อเพราะเขากลัวการต่อสู้ระหว่างหมิงม่อกับอันม่อเกิดขึ้นอีกครั้ง..เขาเองก็จะไม่พลาดที่จะใช้มาตรการป้องกันขั้นเด็ดขาด..ดังนั้นสำนักม่อจื๊อในปัจจุบันจึงมีความก้าวหน้าอย่างมากในแง่ของความแข็งแกร่งซึ่งเราไม่ควรประมาทเลย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างช้าๆ “ตู้ฟู่เหว่ยไม่ใช่คนเลวแต่เขามั่นใจในทุกๆสิ่งที่เขาทำมาโดยตลอดและในสำนักม่อจื๊อก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านคำพูดของเขาเลย..ตั้งแต่ตระกูลม่อล่มสลายไปสำนักม่อจื๊อก็ถูกปกครองแบบเผด็จการมาโดยตลอด..ในสมัยก่อนนั้นถึงแม้ว่าเจ้าสำนักจะมีอำนาจยิ่งใหญ่แต่เมื่อผู้อาวุโสของสำนักไม่เห็นด้วยล่ะก็สิ่งต่างๆเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นและถ้าหากเหล่าผู้อาวุโสเห็นพ้องต้องกันว่าเจ้าสำนักนั้นมีความผิดเขาก็สามารถยกเลิกการตัดสินใจทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์หรือแม้แต่ปลดเจ้าสำนักลงจากตำแหน่ง..ตั้งแต่สมัยโบราณแล้วเหล่าผู้อาวุโสจะถูกแบ่งครึ่งจากสาวกหมิงม่อและสาวกอันม่อและตู้ฟู่หว่ยนั้นก็ไม่เคยคัดค้านการตัดสินใจของม่อเฟิงเลย..เรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่าตู้ฟู่เหว่ยนั้นอดกลั้นมานานแค่ไหนจนถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสำนักม่อจื๊อเขาก็ได้เปลี่ยนระบบการปกครองและกฎมากมายในปัจจุบันจนสำนักม่อจื๊อได้สูญเสียเอกลักษณ์ในอดีตและกลายเป็นโลกของตู้ฟู่เหว่ยไปแล้วและไม่มีใครสามารถคัดค้านสิ่งที่เขาพูดได้เลย”
เย่เชียนขมวดคิ้วและไตร่ตรองอย่างรอบคอบครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ว่าสำนักม่อจื๊อในปัจจุบันจะใช้ระบบการปกครองแบบเผด็จการหรือไม่ก็ตามแต่ผมคิดว่ามันต้องมีความขัดแย้งภายในอย่างแน่นอน..ไม่ต้องสงสัยในประเด็นนี้เลยเพราะถึงแม้ว่าจักรพรรดิในอดีตจะอำนาจมากแค่ไหนแต่ถึงยังไงพวกเขาก็มักจะถูกต่อต้านเสมอ..ดังนั้นไม่ว่าตู้ฟู่เหว่ยจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถทำทุกอย่างได้หรอก..เพราะงั้นนี่จะเป็นจุดได้เปรียบของเรา” เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ “แล้วปู่พอจะมีวิธีติดต่อชาฮัวเอียนบ้างหรือเปล่า..ผมคิดว่าถ้าเราเริ่มต้นจากเขาล่ะก็เราอาจจะเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้.. ผมอยากลองพบกับชาฮัวเอียนเพื่อที่เราจะได้รู้ความคิดของเขาและบางทีผมอาจจะเป็นเพื่อนกับเขาได้”
“เย่เชียนฉันแนะนำให้เอ็งระวังตัวมากกว่านี้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ถ้าตู้ฟู่เหว่ยรู้เรื่องนี้เขาอาจคิดว่าเรากำลังลับหลังเขาแล้วข้อตกลงดังกล่าวจะถือว่าเป็นโมฆะ..นั่นคือผลลัพธ์ที่เอ็งต้องการงั้นเหรอ?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นการกระทำที่เสี่ยงมากแต่เพื่อที่จะชนะเราต้องทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้..นอกจากนี้หากชาฮัวเอียนตกลงที่จะพบกับเราล่ะก็เขาจะต้องระมัดระวังมากและแน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ตู้ฟู่เหว่ยรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน..ผมเชื่อว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้และหลายปีที่ผ่านมาผมได้ข้อสรุปว่าถ้าเราต้องการจัดการกับองค์กรใดองค์กรหนึ่งเราต้องทำลายจากภายในก่อนและสิ่งต่างๆจะง่ายดายกว่าเดิมหลายเท่า!”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยักไหล่เล็กน้อยและพูดว่า “ถึงแม้ว่าเอ็งจะไปพบชาฮัวเอียนมันก็ไม่ได้อะไร..ฉันบอกเอ็งไปแล้วว่าชาฮัวเอียนไม่ใช่คนสำคัญอะไร..ดังนั้นเขาจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ..อีกอย่างฉันเองก็ไม่รู้จักเขาเพราะงั้นฉันช่วยอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้หรอก” หลังจากนั้นไม่นานหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “เอ็งบอกว่าโอ่วหยางหมิงซวนมีทัศนคติที่ดีไม่ใช่เหรอเพราะงั้นไม่ลองถามเขาดูล่ะ..บางทีเขาอาจช่วยเอ็งติดต่อกับชาฮัวเอียนได้”
“ผมคิดว่าคนที่โอ่วหยางหมิงซวนพูดเมื่อวานนี้คือชาฮัวเอียนและถึงแม้ว่าผมจะไม่แน่ใจแต่ผมก็คิดว่าน่าจะใช่” เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้เดี๋ยวผมจะลองดูเพราะโอ่วหยางหมิงซวนอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือมานานแล้วและเขาก็คุ้นเคยกับสถานการณ์ที่นี้มากกว่าพวกเรามาก..ต่อให้เขาจะไม่รู้จักชาฮัวเอียนก็เถอะแต่ผมคิดว่าเขาน่าจะสามารถช่วยติดต่อได้”
ขณะที่เขาพูดเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาโอ่วหยางหมิงซวนหลังจากนั้นไม่นานเสียงของโอ่วหยางหมิงซวนก็ดังมาจากฝั่งตรงข้าม “สวัสดีผมไม่นึกเลยว่าคุณเย่จะโทรมา..ผมรู้สึกประหลาดใจมาก..ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ..ถ้าคุณว่างก็มาที่บ้านของผมแล้วมาคุยเรื่องการลงทุนกันเถอะ”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อยโอ่วหยางมีน้ำใจจริงๆผมรู้สึกขอบคุณมาก..แต่ยังมีบางเรื่องที่ทำให้ผมไม่สามารถไปไหนได้ในตอนนี้..ถ้างั้นเอาไว้วันอื่นก็แล้วกัน..ผมเองก็สนใจการลงทุนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือเหมือนกันแต่ตอนนี้ผมมีเรื่องอยากจะถามนายน้อยโอ่วหยางหน่อยไม่ทราบว่านายน้อยโอ่วหยางจะสะดวกหรือเปล่าครับ?”
“คุณเย่อยากจะถามอะไรหรอ..คุณเย่ไม่ต้องเกรงใจเพราะงั้นถ้าคุณอยากรู้อะไรก็ถามผมมาได้เลย..ผมพร้อมที่จะยอมตายเพื่อหาคำตอบที่คุณต้องการ” โอ่วหยางหมิงซวนพูดความมั่นใจ เย่เชียนเปิดสปีกเกอร์โฟนเพื่อให้ทุกคนในที่นี้ได้ยินคำพูดของโอ่วหยางหมิงซวน ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเป็นคนที่มีประสบการณ์มากมายดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดประจบประแจงแบบนี้ ส่วนม่อหลงกับชิงเฟิงก็ไม่มีความเห็นใดๆแต่รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามพวกเขาเองก็ไม่สามารถพูดคำประจบประแจงแบบนี้ได้เลยและพวกเขาก็คิดในใจว่า ‘บอสทนฟังไปได้ยังไง..ถ้าเป็นมีตำแหน่งเหมือนบอสผมจะทนคุยกับพวกประจบประแจงเสแสร้งแบบนี้ได้ยังไง..ผมอยากจะอาเจียนออกมาจริงๆ’
“ผมอยากสอบถามว่านายน้อยโอ่วหยางรู้จักชาฮัวเอียนลูกศิษย์ของสำนักม่อจื๊อหรือเปล่า?” เย่เชียนพูด
“ชาฮัวเอียน?” โอ่วหยางหมิงซวนตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมก็ไม่ค่อยสนิทกับเขามาก..ว่าแต่เขาทำให้คุณเย่ขุ่นเคืองหรือเปล่า?..ถ้าแบบนั้นผมยินดีช่วยแก้ปัญหาและช่วยคุยให้ได้ครับ”
เย่เชียนพูดว่า “นายน้อยโอ่วหยางเข้าใจผิดแล้ว..ผมไม่เคยคุยกับเขา..ผมแค่อยากจะคุยกับคุณชาเกี่ยวกับบางเรื่อง..แต่ผมไม่ร็จะติดต่อกับเขาได้ยังไงเพราะงั้นผมก็เลยมาสอบถามนายน้อยโอ่วหยางเผื่อว่าคุณจะช่วยติดต่อเขาให้ผมได้”
“มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากครับ” โอ่วหยางหมิงซวนพูด “คุณเย่ไม่ต้องกังวลไปเดี๋ยวผมจะช่วยติดต่อชาฮัวเอียนให้เอง..ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวผมติดต่อกลับไปนะครับ”
“ขอบคุณนายน้อยโอ่วหยางล่วงหน้าด้วยครับ..ถ้าหากนายน้อยมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลยนะครับ” เย่เชียนพูด
“เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ..นอกจากนี้ผมเองก็เป็นเจ้าบ้านเพราะงั้นหากมีอะไรให้ผมช่วยก็ยินดีเสมอ” โอ่วหยางหมิงซวนพูด “เดี๋ยวผมจะติดต่อไปหาเขาทันทีและจะรีบแจ้งให้คุณเย่ทราบหากมีอะไรคืบหน้า”
“ขอบคุณครับนายน้อยโอ่วหยาง” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายและมองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วพูดว่า “ปู่คิดว่าไง?”
“ฟังน้ำเสียงของโอ่วหยางหมิงซวนตอนนี้ถ้าฉันเดาไม่ผิด..เพื่อนที่เขาพูดกับเอ็งอย่างคลุมเครือคือชาฮัวเอียนจริงๆ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “โอ่วหยางหมิงซวนคนนี้มีชื่อเสียงมากในภาคตะวันตกเฉียงเหนือและค่อนข้างที่จะมีทักษะการต่อสู้ที่สูง..พลังและอำนาจของตระกูลโอ่วหยางไม่เคยไม่เคยแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์..ตั้งแต่โอ่วหยางหมิงซวนเกิดมาสถานะของตระกูลโอ่วหยางก็ดีขึ้นเรื่อยๆ..พูดได้เลยว่าโอ่วหยางหมิงซวนเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาลูกหลานของตระกูลโอ่วหยาง..เขาเป็นคนที่เปลี่ยนสถานะของตระกูลโอ่วหยางและพัฒนาธุรกิจของฉิงหยุนกรุ๊ปซึ่งเป็นองค์กรการค้าขนาดใหญ่ที่เป็นทรัพย์สินของตระกูลโอ่วหยาง”
“ฉิงหยุนกรุ๊ปเป็นของตระกูลโอ่วหยางเหรอ?” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย
“อะไรกันเอ็งอยู่ในแวดวงธุรกิจมานานแล้วไม่ใช่เหรอ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะว่าในความเห็นของเขาเย่เชียนมักจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมมาโดยตลอดและถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นซ่งหลันที่คอยดูแลจัดการก็ตาม
“ในช่วงวิกฤตการเงินในทวีปอเมริกาใต้นั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำกำไรจากเศรษฐกิจของอเมริกาใต้และชิงหยุนกรุ๊ปเองก็แอบมีส่วนทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างลับๆ” เย่เชียนพูด “ชิงหยุนกรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 100 อันดับแรกของโลกเท่าที่ผมได้ยินมาจากพี่หลัน”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ถูกต้องแล้วชิงหยุนกรุ๊ปมีส่วนในความวุ่นวายทางการเงินในทวีปอเมริกาใต้ในตอนนั้นและโอ่วหยางหมิงซวนก็เป็นคนบริหารทีมการตลาดของชิงหยุนกรุ๊ปในตอนนั้น”
.