ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1025 ตระกูลจิน
ตอนที่ 1025 ตระกูลจิน
……….
เมื่อได้ยินคำพูดของโอ่วหยางหมิงซวนและใบหน้าที่มั่นใจของเขาแล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนลางร้ายกับคำว่าเพื่อนสนิทของเขา? สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนสับสนอย่างมากเพราะเย่เชียนดูเหมือนจะเห็นความหมายแฝงจากใบหน้าของโอ่วหยางหมิงซวนและคำพูดของเขา
หยานซื่อฉุ้ยเป็นศิษย์เอกของตู้ฟู่เหว่ยและเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในสำนักม่อจื๊อ ดังนั้นหากตู้ฟู่เหว่ยจะส่งต่อตำแหน่งเจ้าสำนักให้เธอก็ไม่น่าแปลกใจที่ ซึ่งหยานซื่อฉุยตอนนี้ได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากและสามารถรักษาให้หายได้หลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อยโอ่วหยางกำลังพูดถึงอยานซื่อฉุยหรือเปล่า?..เท่าที่ผมรู้มาหยานซื่อฉุยฃเป็นศิษย์เอกของตู้ฟู่เหว่ยและเป็นผู้สืบทอดของสำนักม่อจื๊อคนต่อไป..ดูเหมือนว่านายน้อยโอ่วหยางจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยานซื่อฉุยนะครับ”
โอ่วหยางหมิงซวนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเย่เป็นคนฉลาด..เพราะงั้นคุณก็น่าจะรู้ความจริงของสิ่งต่างๆเพราะอันที่จริงแล้วตระกูลใหญ่ๆอย่างเราก็มีความขัดแย้งกันมากมายและตราบใดที่ผมไม่ระวังผมก็อาจจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อเพราะผมเองก็เป็นทายาทของตระกูลโอ่วหยางและจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป”
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเพราะดูเหมือนว่าคนที่โอ่วหยางหมิงซวนกำลังพูดถึงไม่ใช่หยานซื่อฉุยแต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าระหว่างตระกูลโอ่วหยางกับสำนักม่อจื๊อจะมีปัญหาร้ายแรงกันอยู่ เย่เชียนแตกต่างไปจากคนเหล่านี้เพราะไม่ได้คิดที่จะเป็นผู้นำตระกูลเย่และปล่อยให้เย่เจิ้งเซียงดูแลจัดการสิ่งต่างๆต่อไปและเขากับเย่เจิ้งเซียงก็แก้ปัญหาความขัดแย้งกันแล้วดังนั้นมันจะไม่มีการนองเลือดภายในตระกูลอีกแล้ว
เย่เชียนไม่ได้ถามต่อเพราะหลายสิ่งหลายอย่างก็ยังคลุมเครือและถ้าหากรู้ชัดเจนเกินไปก็จะไม่เป็นผลดี จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอขอบคุณล่วงหน้า..นับเป็นเกียรติอย่างมากที่ผมได้ร่วมมือกับคุณและผมหวังว่าเราจะร่วมมือกันได้อย่างมีความสุข”
“ผมเชื่อว่าเราสามารถรวมพลังกันได้และอนาคตจะต้องสดใสมาก” หลังจากหยุดไปชั่วขณะโอ่วหยางหมิงซวนก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ในเมื่อเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วผมก็จะไม่รบกวนเวลาของพวกคุณ..ถ้าหากมีเวลาคุณเย่ก็แวะมาที่บ้านตระกูลโอ่วหยางได้นะครับ..ผมยินดีต้อนรับคุณเย่เสมอ..ถ้างั้นผมไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”
“เดี๋ยวผมไปส่งที่ประตู” เย่เชียนก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจมากครับนายน้อยโอ่วหยาง”
เมื่อเปิดประตูแล้วโอ่วหยางหมิงซวนก็กำลังจะหันกลับไปคุยกับเย่เชียนแต่จู่ๆร่างคนก็พุ่งเข้ามาหาโอ่วหยางหมิงซวนพร้อมกับมีดและทุกสิ่งก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนโอ่วหยางหมิงซวนกับเย่เชียนและอื่นๆตั้งตัวไม่ทันและไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้พบกับฆาตกรลอบสังหารที่นี่แต่โอ่วหยางหมิงซวนเป็นคนโดดเด่นที่สุดในรุ่นลูกรุ่นหลานของตระกูลโอ่วหยางเพราะงั้นมีดของอีกฝ่ายก็ทำได้แค่บาดแผลถากๆเท่านั้น
เย่เชียนนั้นไม่ได้ตกใจอะไรมากเมื่อมือลอบสังหารแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆเพราะชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลาผิวขาวสวยและท่าทางที่ดูเรียบร้อย บางทีแม้แต่ผู้หญิงเองก็อาจจะอิจฉาเมื่อได้เห็นเขา? ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเศร้าโศกจนเย่เชียนอดคิดไม่ได้ว่า ‘เขาคงจะมีเรื่องราวที่น่าเศร้าที่ถูกความแค้นกลืนกิน’
เย่เชียนนั้นไม่ได้สนใจว่าโอ่วหยางหมิงซวนจะมีความขัดแย้งแบบไหนกับอีกฝ่ายเพราะเขาก็เหมือนกับตัวฉันเองที่มีศัตรูอยู่ทั่วทุกมุมโลกและมีคนมากมายที่ต้องการชีวิตของเขา ดังนั้นโอ่วหยางหมิงซวนเองก็ต้องมีศัตรูมากมายเช่นกันและความจริงที่ว่าใครผิดหรือใครถูกนั้นเย่เชียนก็ไม่สนใจแต่เย่เชียนนั้นแอบชื่นชมความกล้าหาญของชายหนุ่มคนนี้มาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตอบโต้อะไรส่วนหลี่เหว่ยกับชิงเฟิงที่กำลังจะเคลื่อนไหวแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยสายตาของเย่เชียน
เมื่อเห็นคนที่แทงเขาอย่างชัดเจนแล้วดวงตาของโอ่วหยางหมิงซวนก็เปลี่ยนไปและถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “จินเหว่ยห่าวแกอยากตายงั้นเหรอ?”
“หืม” ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “โอ่วหยางหมิงซวนในแกทำแบบนั้นลงไปเพราะงั้นแกก็ต้องยอมรับผลของมันให้ได้..ถ้าฉันไม่ฆ่าแกล่ะก็ฉันจะมีหน้าไปพบเฉียนเอ๋อร์ได้ยังไง?”
“แกก็น่าจะรู้นะว่านี่มันคือภาคตะวันตกเฉียงเหนือและมันไม่ใช่ที่ของตระกูลจินเพราะงั้นแกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน!” โอ่วหยางหมิงซวนพูด
“ไม่ว่าตระกูลจินจะไม่ชอบฉันมากแค่ไหนแต่ฉันก็ยังเป็นสมาชิกตระกูลจินและผู้อาวุโสจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกหลานอย่างแน่นอน” จินเหว่ยห่าวพูด “แกไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจของตระกูลโอ่วหยางเพื่อกดขี่ข่มเหงฉันหรอก..ถ้าฉันกลัววันนี้ฉันคงจะไม่มาหรอก”
เย่เชียนก็เริ่มจะเข้าใจสิ่งต่างๆแต่รายละเอียดก็ยังไม่ชัดเจนมากนักแต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือชายหนุ่มคนนี้มาจากตระกูลจิน เมื่อคิดแบบนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆและรู้สึกว่ามีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเขา ซึ่งในเหล่าตระกูลเสาหลักแห่งโลกศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นมีตระกูลจินเป็นหนึ่งในแปดตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของศิลปะการต่อสู้โบราณไม่ใช่หรือ? ซึ่งเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่ทรงเกียรติมากเพราะพวกเขาเป็นสายเลือดแท้ของราชวงศ์
ทักษะการต่อสู้ของโอ่วหยางหมิงซวนกับจินเหว่ยห่าวนั้นอยู่ในระดับเดียวกันและเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะบอกผลลัพธ์ได้ ซึ่งเมื่อเห็นแบบนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าพวกคุณสองคนยังขัดแย้งกันอยู่แบบนี้มันก็คงไม่มีวันจบสิ้นหรอก..ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนมีปัญหาอะไรกันเพราะงั้นทำไมพวกคุณไม่นั่งลงและพูดคุยกันดีๆก่อนล่ะ..บางทีผมเย่เชียนคนนี้อาจจะสามารถช่วยพวกคุณหาทางออกได้”
“คุณคือเย่เชียนงั้นเหรอ?” จินเหว่ยห่าวหันไปมองเย่เชียนด้วยความตกตะลึงแล้วถาม
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?” เย่เชียนพูด
“หืม..ถ้าเราพบกันในสถานการณ์อื่นมันคงจะดีกว่านี้แต่ปรากฏว่าคุณกับโอ่วหยางหมิงซวนกลับเป็นพวกเดียวกันซะอีก” จินเหว่ยห่าวพูดแล้วถอนหายใจ
เย่เชียนตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากเกินไปเพราะกับโอ่วหยางหมิงซวนแล้วเย่เชียนไม่ได้คิดที่จะเป็นศัตรูกับเขาอยู่แล้วและเพื่อนก็ย่อมดีกว่าศัตรูเสมอ อย่างน้อยๆโอ่วหยางหมิงซวนก็เป็นมิตรและมอบอัฐิของหยางเทียนให้พวกเขาอย่างเต็มใจ ยิ่งไปกว่านั้นโอ่วหยางหมิงซวนยังจัดการหวังหว่านยู่ที่เป็นศัตรูของเขาอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรได้ก็ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจึงไม่สามารถเรียกว่าเพื่อนได้แต่ก็ไม่ใช่ศัตรู
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็ถอนหายใจเล็กน้อยและพุ่งเข้าไประหว่างทั้งสอง ซึ่งการกระทำอย่างกะทันหันของเย่เชียนทำให้โอ่วหยางหมิงซวนกับจินเหว่ยห่าวประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะในตอนนี้มันมีช่องว่างขนาดใหญ่และถ้าหากเย่เชียนไม่เข้าไปในเวลานี้ล่ะก็จินเหว่ยห่าวจะต้องถูกโอ่วหยางหมิงซวนฆ่าอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าโอ่วหยางหมิงซวนก็รู้ดีถึงสถานการณ์นี้และเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับการโจมตีอย่างกะทันหันของเย่เชียนอย่างมากแต่เขาไม่ได้พูดอะไร ส่วนจินเหว่ยห่าวก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและสูดลมหายใจเข้าด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “โอ่วหยางหมิงซวนฉันจะไม่มีวันปล่อยแกไป..วันนี้แกแค่โชคดีเท่านั้นแต่แกจะไม่โชคดีอย่างนี้ตลอดไปหรอก” หลังจากเสียงนั้นจบลงจินเหว่ยห่าวก็วิ่งเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็วและโอ่วหยางหมิงซวนก็ไม่ได้ตามไปราวกับว่าเขารู้ว่าเย่เชียนจะต้องหยุดเขาเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่างแน่นอน
เย่เชียนก็หันไปเหลือบมองหลี่เหว่ยจากนั้นหลี่เหว่ยก็พยักหน้าแล้วเดินขึ้นบันไดไป เมื่อเห็นแบบนั้นเย่เชียนก็หันกลับไปมองโอ่วหยางหมิงซวนแล้วพูดว่า “นายน้อยโอ่วหยางครับจินเหว่ยห่าวคือใคร?..ดูเหมือนว่าเขากับคุณจะมีปัญหาร้ายแรงกันนะ”
โอ่วหยางหมิงซวนก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นสมาชิกของตระกูลจินล่ะก็ผมคงจะฆ่าเขาไปตั้งนานแล้ว” จากนั้นเขาก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “ผมขอโทษจริงๆครับที่ทำให้คุณเย่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับผมแค่อยากรู้ว่านายน้อยโอ่วหยางจะแก้ปัญหากับเขายังไง..หากคุณต้องการให้ผมช่วยอะไรล่ะก็บอกผมมาได้เลย” เย่เชียนพูด
‘แม่งเอ้ยถ้าขอความช่วยเหลือจากนายฉันก็โง่แล้ว..เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้นี้นายตั้งใจให้จินเหว่ยห่าวหนีไป’ โอ่วหยางหมิงซวนคิดอย่างลับๆแต่เขาก็ไม่ได้พูดแบบนี้และการแสดงออกของเขาก็ดูสงบและไม่แยแสอะไรใดๆ จากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ขอบคุณครับคุณเย่สำหรับน้ำใจของคุณ..แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเพราะงั้นผมจะไม่รบกวนคุณเย่แล้ว..อย่าลืมไปล่ะคุณเย่ถ้าหากมีเวลาก็แวะมาที่บ้านตระกูลโอ่วหยางได้เสมอนะครับ”
“ได้ครับ” เย่เชียนพูด “นายน้อยโอ่วหยางระวังตัวเอาไว้ด้วยนะครับเพราะผมคิดว่าเขาคงจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆอย่างแน่นอน..เขาลงมือมาแล้วครั้งหนึ่งเพราะงั้นเขาคงจะไม่ยอมถอดใจง่ายๆหรอก”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ..ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะ” โอ่วหยางหมิงซวนพูดแล้วกดลิฟต์และเดินเข้าไป
หลังจากที่เห็นโอ่วหยางหมิงซวนจากไปม่อหลงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วพูดเบาๆว่า “บอส!..โอ่วหยางหมิงซวนคนนี้ไม่ธรรมดาเพราะงั้นเราควรระวังเขาเอาไว้ให้ดี”
“เขาไม่ธรรมดาอย่างนั้นจริงๆแหละ” เย่เชียนพูด “เขาสามารถฆ่าหวังหว่านยู่ได้และมาหาพวกเราที่นี่ในทันทีแบบนี้เขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองมากจริงๆ..แต่ไม่เป็นอะไรหรอกเพราะเราจะไม่เป็นศัตรูกับเขาและเราก็ไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูหากไม่จำเป็น”
“บอส!..ผมถ่ายรูปชายหนุ่มคนนั้นเอาไว้” ชิงเฟิงพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้
เย่เชียนก็ชำเลืองมองและพยักหน้าแล้วพูดว่า “ส่งให้แจ็คทันทีและให้เขาช่วยตรวจสอบรายละเอียดของชายหนุ่มคนนี้โดยด่วน!” หลังจากหยุดไปสักพักหนึ่งเย่เชียนก็หันไปถามม่อหลง “เป็นยังไงบ้าง?..สาวกหมิงม่อมาถึงที่นี่กันรึยัง?”
.
.
.
.
.