ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 456 ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่าน
บทที่ 456 ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่าน
…………….
บทที่ 456 ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่าน
ลู่เป่ยเหยียนเห็นดังนั้นก็พุ่งตัวออกไปเช่นกัน เขารู้ดีว่าในยามนี้พวกเขาเป็นเพียงมดปลวกตัวน้อยในสายตาของเทพปีศาจ แม้แต่คุณสมบัติในการเข้าสู่โลกผู้บำเพ็ญเซียนยังไม่ได้รับ อย่าว่าแต่จะรับมือกับพวกสนมปีศาจและเทพปีศาจเลย แม้แต่แม่ทัพปีศาจก็ยังไม่อาจต่อกรได้
ถึงแม้จะเป็นเพียงมดปลวก แต่หากมีจำนวนมากพอก็สามารถโค่นต้นไม้ใหญ่ได้เช่นกัน!
พลังรบของเหล่าผู้บำเพ็ญพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับร่างแยกที่ลงมาจากโลกผู้บำเพ็ญเซียน พวกเขายังไม่อาจเทียบได้
ลู่เป่ยเหยียนถูกแม่ทัพปีศาจจับคอไว้ รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที ขณะที่เขากำลังจะระเบิดร่างเพื่อทำร้ายศัตรูพันคน ร่างสีทองก็ดึงเขากลับมาจากความตาย
“อ่อนแอจริง!”
ถึงปากพูดจาดูถูก แต่การกระทำกลับตรงข้าม อีกฝ่ายค่อย ๆ นำร่างของลู่เป่ยเหยียนเข้าไปในค่ายกลอย่างระมัดระวัง
ลู่เป่ยเหยียนตกตะลึงเมื่อพบกับดวงตาสีทองเข้ม เขาชี้ไปที่ชายผู้ไม่เหมือนมนุษย์ แต่กลับมีหน้าตาคุ้นเคยอย่างประหลาด “ผู่…ตาน?”
“ข้าเอง” ผู่ตานสะบัดผมสีทองของตน พลางลูบแก้มตัวเองด้วยความรู้สึกพอใจกับร่างมนุษย์เป็นอย่างมาก ดูสดใสและหล่อเหลากว่าเดิมเสียอีก!
“ท่านผู้อาวุโสชิงยวน…”
“ข้ารู้แล้ว”
ผู่ตานที่กำลังลิงโลดอยู่นั้น สายตาหม่นลงชั่วขณะ ก่อนจะกลับมายิ้มอีกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าจะแก้แค้นให้อาจารย์และพวกเขาด้วยตัวเอง”
“แล้วศิษย์น้องหลิงเล่า?” ลู่เป่ยเหยียนรีบถามต่อ
“หลิงเยว่… สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างน้อยนางยังมีชีวิตอยู่” ไม่ใช่ว่าผู่ตานไม่อยากพูดมาก แต่เขาไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด ถึงจะส่งข่าวถึงโม่จวินเจ๋อนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่ได้รับการตอบใด ๆ เลย
แต่ก็เข้าใจได้ ในเมื่อถูกคนมากมายไล่ล่า อีกฝ่ายจะเอาเวลาที่ไหนมาตอบเขาล่ะ?
ที่ตัดเหตุผลว่าอีกตายไปแล้ว เป็นเพราะยังมีพวกปีศาจปรากฏตัวบนท้องฟ้าไม่หยุด และพวกเขายังคงถูกเพิกเฉยอยู่นั่นเอง
การสนับสนุนจากโลกผู้บำเพ็ญเซียนได้ลงมาถึงแล้ว ทำให้ขวัญและกำลังใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นเล่อเหอที่แทงทะลุพวกปีศาจหลายตัวในกระบวนท่าเดียว รวมถึงชายหนุ่มผมทองที่ปล่อยเพียงเปลวไฟเล็กน้อย ก็สามารถเผาปีศาจตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งปีศาจเหล่านั้นคือ กองทัพของปีศาจสี่ตาที่พวกเขาหวาดกลัวนั่นเอง!
เสียงเพลงที่เพิ่มพลังรบและช่วยขัดเกลาจิตใจเริ่มดังขึ้น…
แสงพุทธะที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย… และแสงจากพลังรักษาที่สว่างจ้าจากดอกบัวเพลิงสองดอก…
สถานการณ์จึงดีขึ้นอีกครั้ง!
เทพปีศาจไม่ได้สนใจสถานการณ์ในโลกผู้บำเพ็ญ เพราะที่นั่นเป็นเพียงกลุ่มมดปลวกเท่านั้น จะเทียบกับศัตรูตลอดชีวิตอย่างชายชั่วและเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาใฝ่ฝันได้อย่างไร?
เทพปีศาจ ร่างแยกสองร่าง พ่วงด้วยทัณฑ์สวรรค์ที่ไล่ตามอย่างไม่ลดละมาถึงทางไปสู่แดนเทพ เพื่อรอคอยเหยื่อ
กลุ่มที่มาถึงก่อนพวกเขาหนึ่งก้าวคือร่างแยกพิเศษสี่ร่าง และเหล่าปีศาจอีกมากมาย พวกเขาล้อมบริเวณนั้นไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่เม็ดฝุ่นก็ไม่อาจลอดผ่านสายตานับพันคู่ไปได้
แต่สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ มีเพียงแสงสว่างวาบและเสียงคำรามของทัณฑ์สวรรค์
ทำไม ‘กระต่าย’ ตัวนั้นยังไม่ปรากฏตัวสักที?
กระต่ายหรือโม่จวิเจ๋อไม่ได้ปรากฏตัวที่นั่นจริง ๆ แต่เขามุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้าม
เพราะตอนนี้การบุกเข้าไปในแดนเทพคงไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
“ท่านไม่ไปหรือ?” หลิงเยว่ถาม
“ให้พวกเขารอไปก่อนเถอะ”
โม่จวินเจ๋อมาถึงถ้ำลับแห่งหนึ่ง ภายในถ้ำเต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับกลิ่นอายความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
“ที่นี่…”
เมล็ดพันธุ์สีทองครึ่งเม็ดลอยออกมาจากหัวใจของโม่จวินเจ๋อ มันลอยอยู่กลางอากาศ เหมือนกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
“นี่คือถ้ำของข้า”
โม่จวินเจ๋อนอนลงบนเตียงน้ำแข็งแล้วหลับตาลง
“ท่านจะนอนหรือ?”
“อืม…”
โม่จวินเจ๋อหลับตาสนิท ลมหายใจค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสม่ำเสมอ
หลิงเยว่ “??”
เขาสามารถหลับได้ในพริบตา!
หลิงเยว่แปลงร่างเป็นมนุษย์ จ้องมองชายที่นอนหลับอย่าง ‘สงบเกินไป’ ด้วยความไม่พอใจนัก
จ้องไปจ้องมา หลิงเยว่ก็รู้สึกว่าใบหน้าของโม่จวินเจ๋อในตอนนี้ช่างแปลกตา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เด็กหนุ่มหน้าตาเย็นชาคนนั้นถึงได้เติบโตขึ้น จนกลายเป็น…
อืม… หลิงเยว่บรรยายไม่ถูก เพียงแต่รู้สึกว่าชายที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งนั้นไม่เพียงแต่มีดวงตาและคิ้วที่ประณีตขึ้น แต่บุคลิกกลับเย็นชาขึ้น แม้แต่พลังของเขาก็ดูแข็งแกร่งผิดปกติ
อีกอย่างคือ สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่… ที่นี่คือถ้ำของเขา
โม่จวินเจ๋อมีถ้ำในโลกผู้บำเพ็ญเซียนด้วยหรือ?
หรือว่า… เขาคือเซียนที่กลับไปเกิดใหม่!?
แถมยังเป็นยอดฝีมือระดับเดียวกับเทพปีศาจอีกด้วย!
หลิงเยว่รู้สึกว่าตนเองเข้าใจสถานการณ์แล้ว!
เพียงแต่โม่จวินเจ๋อฟื้นตัวช้ากว่าเทพปีศาจ เป็นเพราะเขาขาดเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?
หลิงเยว่กลอกตาไปมา พร้อมกับความคิดอันยอดเยี่ยมที่ค่อย ๆ ผุดขึ้น
“ตื่นเถิด”
โม่จวินเจ๋อรู้สึกถึงมือเย็นเฉียบที่ตบหน้าเขาไม่หยุด พร้อมกับเสียงเรียกข้างหู ลมหายใจอุ่น ๆ พัดผ่านใบหูไปยังลำคอ เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดนัก แม้เขาอยากตื่นแต่ใจก็ยังอยากจมดิ่งในห้วงฝันนั้นต่อไป…
“ตื่นเร็วเข้า!” หลิงเยว่เปลี่ยนจากตบเป็นจิ้ม ตอนแรกนางยังอยากจะตบคนตรงหน้าให้สุดแรงเกิด แต่พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย นางไม่อาจตัดใจลงมือได้
หลิงเยว่ที่เรียกอีกฝ่ายมาครึ่งค่อนวันกลับไม่ได้รับการตอบสนอง นางพลันถอนหายใจ ช่วงนี้โม่จวินเจ๋อต่อสู้และหนีเอาชีวิตรอดโดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน แม้จะมีพลังเซียนหล่อเลี้ยงไม่ขาดสาย แต่ร่างกายและจิตใจคงเหนื่อยล้าเป็นแน่ ปล่อยให้เขานอนต่อสักหน่อยเถิด
หลิงเยว่กำลังจะดึงมือกลับ แต่พบว่านิ้วชี้ของนางถูกชายที่กำลังหลับสนิทจับไว้โดยไม่รู้ตัว
ขณะที่หลิงเยว่คิดว่าโม่จวินเจ๋อจะลืมตาขึ้นมาพูด แต่ชายผู้นั้นกลับหลับลึกกว่าเดิม แถมยังบีบนิ้วนางแรงขึ้นด้วย!
ไอเย็นจากเตียงน้ำแข็งค่อย ๆ บดบังร่างของทั้งสอง
ผมสีดำของโม่จวินเจ๋อเริ่มจางลง ดวงตาของหลิงเยว่พลันเบิกกว้าง ในดวงตาของนางสะท้อนภาพเส้นผมสีเงินยาวดุจแพรไหม ค่อย ๆ พันรอบข้อมือของนางราวกับมีชีวิต
ถูกต้อง! ผมของโม่จวินเจ๋อมีชีวิตจริง ๆ! ก่อนหน้านี้นางใช้วิชาเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมให้กับบรรพจารย์เล่อเหอ ศิษย์พี่สี่ ศิษย์พี่รอง และศิษย์พี่สาม
‘อาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่สาม… รอข้าก่อนเถิด ข้าจะกลับไปช่วยพวกท่านในเร็ววันนี้แน่นอน!’
น้ำตาของหลิงเยว่ไหลอาบแก้ม แล้วหยดลงบนหลังมือของโม่จวินเจ๋อ
เปลือกตาของชายที่กำลังหลับใหลขยับเล็กน้อย พอลืมตาขึ้นมา เขาก็พบว่าคนตรงหน้ากำลังร้องไห้
โม่จวินเจ๋อลังเลชั่วครู่ แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของหลิงเยว่เบา ๆ “เจ้านึกถึงว่านอวี้เฟิงและคนอื่น ๆ อีกแล้วหรือ?”
“ท่านหลับพอแล้วหรือ?!” หลิงเยว่ไม่ได้ตอบ แต่กลับมองโม่จวินเจ๋อด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความยินดีและคาดหวัง
“อืม”
โม่จวินเจ๋อลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่เขายังไม่ปล่อยมือที่กำลังจับนิ้วของหลิงเยว่อยู่
“ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่าน!” หลิงเยว่โน้มตัวเข้าใกล้โม่จวินเจ๋อ ตอนนี้ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก… ถ้าคนหลังเอียงตัวไปข้างหน้าเพียงนิดเดียว ใบหน้าของพวกเขาก็จะชนกันแล้ว
“เรื่อง… อะไร?” โม่จวินเจ๋อก้มหน้าลง ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
“ท่านจงกลืนกินข้าเถิด แล้วค่อยไปกลืนกินเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อีกครึ่งหนึ่ง เมื่อได้รับวิชาฟื้นคืนชีพแล้ว ช่วยไปชุบชีวิตท่านอาจารย์และศิษย์พี่ของข้าได้หรือไม่?”
“ไม่ได้”
น้ำเสียงของโม่จวินเจ๋อแฝงไว้ด้วยความโกรธ
…………….