ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 450 เจ้าสมควรตายนัก!
บทที่ 450 เจ้าสมควรตายนัก!
…………….
บทที่ 450 เจ้าสมควรตายนัก!
“เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอะไรเลย?” เทพปีศาจกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ไม่ได้รับการตอบสนองจากหลิงเยว่ แต่เทพปีศาจไม่โกรธ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับกว้างขึ้น พลางชี้ไปที่ทะเลสาบเงา “โอ้! นั่นไม่ใช่อาจารย์ของเจ้าหรอกหรือ? สนมปีศาจที่สิบช่างโหดเหี้ยมนัก สมควรได้รับรางวัล!”
“โอ๊ะ! ศิษย์พี่สามของเจ้าใกล้จะสิ้นใจแล้ว แม่ทัพปีศาจช่างไม่รู้จักเห็นใจสตรีเลย ข้าควรให้รางวัลอะไรเขาดีนะ?”
“จุ๊ ๆ ๆ นกน้อยสีแดงที่เป็นอสูรรับใช้ของเจ้า ขาขาดไปแล้วเหลือขาเพียงสองข้าง ดูน่าพอใจมากทีเดียว”
…
หัวใจของหลิงเยว่ดิ่งลงสู่ก้นเหว ตอนแรกนางไม่ได้ระวังตัว จึงถูกชายผู้นี้ฉวยโอกาสอ่านความทรงจำ ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง… หากไม่ใช่เพราะนาง อาจารย์และเหล่าศิษย์พี่ของนางคงไม่…
[หยุดความคิดอันตรายของเจ้าเดี๋ยวนี้!]
ระบบที่แกล้งตายถูกหลิงเยว่ดึงกลับมา
หลิงเยว่สะดุ้งตื่นในทันที นางเกือบ… เกือบปล่อยให้ปีศาจฉวยโอกาสเข้ามาแล้ว!
แม้นางจะไม่ปรากฏตัว สองโลกก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอยู่แล้ว อาจไม่ถึงขั้นเกิดสงคราม แต่ต้องถูกหอคอยซากศพและถ้ำปีศาจหอคอยกระดูกสังเวยไปอย่างเงียบงัน โดยไม่มีโอกาสต่อสู้ด้วยซ้ำ!
ตอนนี้เพราะนางทำลายแผนการของมังกรปีศาจ โลกวิญญาณและโลกปีศาจจึงมีโอกาสร่วมมือกันต่อสู้!
ใช่แล้ว! การกระทำนางสำคัญมาก ดังนั้นอย่าโทษตัวเอง และอย่าใจลอย ไม่เช่นนั้นจะถูกกลืนกินได้!
เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่ปีศาจคาดการณ์ไว้ ทำให้เขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้น เมื่อครู่เขาเกือบจะเข้าไปในร่างที่เหลือและกลืนกินพลังของนางได้แล้ว!
ดูเหมือนว่า หากต้องการรวมเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์โดยเร็ว จำต้องจัดการกับลูกแก้ววิญญาณและสิ่งที่นางซ่อนอยู่เสียก่อน
ทุกคนล้วนขัดขวางแผนการของเขา!
ทะเลสาบเงากลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของปีศาจทันที หลังจากถูกระเบิดแล้ว พวกมันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม คลื่นน้ำที่เคยปรากฏเป็นครั้งคราวพลันหายไป ดูราบเรียบราวกับทะเลสาบที่ตายแล้ว
“โอ้! โกรธอะไรหรือ?”
หลิงเยว่หัวเราะคิกคัก แต่เสียงหัวเราะไม่ได้ฟังดูยโสเหมือนก่อนหน้านี้
จะยโสได้อย่างไร? ภาพที่สะท้อนในทะเลสาบเงาช่างน่าใจหายนัก แม้แต่โม่จวินเจ๋อที่ดูเหมือนจะถูกเทพเจ้าแห่งการสังหารสิงร่าง ก็ยังถูกร่างแยกทั้งเจ็ดตามหาพบ
ผู่ตานที่พาบรรพจารย์เล่อเหอและคนอื่น ๆ หลบหนีก็ถูกพวกปีศาจขวางทางไว้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับนางล้วนเผชิญกับวิกฤต
เจ้าเทพปีศาจช่างน่าสาปแช่งเหลือเกิน!
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะหัวเราะได้อีกนานแค่ไหน” เทพปีศาจหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอย่างอารมณ์ดี พลางวิเคราะห์สถานการณ์การรบให้หลิงเยว่ฟังไปด้วย
โดยเน้นวิเคราะห์สถานการณ์ของโม่จวินเจ๋อ ผู่ตาน ชิงยวน หลงหว่านโหรวและคนอื่น ๆ
หลิงเยว่ไม่อยากฟังและไม่อยากดู แต่เทพปีศาจจะยอมตามใจนางได้อย่างไร?
โม่จวินเจ๋อที่กำลังถูกร่างแยกทั้งเจ็ดล้อมโจมตีอยู่นั้น ดูเหมือนจะรู้สึกถึงสายตาของหลิงเยว่ ขณะต่อสู้เขาหันกลับมามอง ริมฝีปากที่เม้มแน่นยกยิ้มน้อย ๆ จากนั้นร่างของเขาก็แยกออกเป็นเงาจำนวนมาก ร่างที่เร็วยิ่งกว่าสายฟ้าปรากฏขึ้นด้านหลังร่างแยกร่างหนึ่งอย่างกะทันหัน แล้วบิดคอมันขาดด้วยมือเปล่า!
ถ้วยชาในมือของปีศาจแตกละเอียดเป็นผุยผง
“ต่อให้เจ้าเปลี่ยนร่างแยกกี่ชุด ข้าก็ยังสามารถบิดหัวของพวกมันให้ขาดได้ในชั่วพริบตา!”
ศีรษะที่กลิ้งไปนั้นระเบิดออก!
ในขณะที่ปีศาจโกรธแค้น พลางลูบคอตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“เขาท้าทายขนาดนี้แล้ว เจ้ายังนั่งนิ่งได้อีกหรือ?”
“หรือว่าสู้ไม่ได้แล้ว?”
หลิงเยว่รีบยั่วยุเทพปีศาจ
แม้ไม่รู้ว่าทำไมโม่จวินเจ๋อถึงแข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนี้ แต่ถ้าสองคนร่วมมือกัน การขุดหัวใจของคนผู้นี้ออกมาคงไม่ยากนัก
“มันไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอก”
“ข้าไม่ค่อยได้ต่อสู้ด้วยตัวเองบ่อยนัก” เทพปีศาจตอบด้วยน้ำเสียงสงบ ราวกับไม่ได้ถูกยั่วยุแต่อย่างใด
“นั่นเรียกว่าอาการกลัวตายหรือ?”
“อืม… หากเจ้าจะเข้าใจเช่นนั้นก็ได้”
หลิงเยว่แค่นเสียงเบา ๆ ครั้งนี้เทพปีศาจดูสงบนิ่งดีทีเดียว
ในขณะที่หลิงเยว่กำลังคิดว่าจะก่อเรื่องอย่างไรดี ร่างหนึ่งก็ลอยออกไปจากขอบเขตทะเลสาบเงา จากนั้นภาพเปลี่ยนเป็นว่านอวี้เฟิงที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย นอนอยู่ในที่ห่างไกล
“ศิษย์พี่รอง…” หลิงเยว่รู้ว่าต้องมีคนทนไม่ไหวแน่นอน แต่นางไม่คิดว่าจะเป็นว่านอวี้เฟิง
ศิษย์พี่รองของนางแยกตัวออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อกี้ยังอยู่กับอีกาสุริยันอยู่เลย!
จะทำอย่างไรดี ใครจะมาช่วยเขาได้บ้าง…
ว่านอวี้เฟิงผู้อยู่ขอบเขตทะยานเซียนขั้นกลาง ไม่มีทางเอาชนะแม่ทัพปีศาจที่อยู่ขอบเขตบำเพ็ญเต๋าได้เลย การที่เขาสามารถต้านทานได้เพียงชั่วยาม เป็นเพราะมีเปลวเพลิงช่วยเสริมพลัง ว่านอวี้เฟิงถ่มเลือดพลางถอยหลัง แต่เบื้องหลังของเขาคือหุบเหวลึกหมื่นจั้ง ไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไป
เคียวแห่งความตายอยู่เหนือศีรษะของว่านอวี้เฟิง สายตาดุดันของเขาแน่วแน่ ตั้งใจจะระเบิดตัวเอง
ทันใดนั้นเงาสีฟ้าก็พุ่งขึ้นมาจากหุบเหวลึกหมื่นจั้ง คว้าตัวว่านอวี้เฟิงไปอย่างรวดเร็ว
“นกอีกแล้ว!”
“ข้าขอสาบานว่าจะต้องฆ่านกทุกตัวในสามภพให้สิ้นซาก!”
เทพปีศาจที่เคยสงบนิ่งกลับคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสะท้อนภาพของชิงเหนี่ยวที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง
ชิงเหนี่ยวที่ช่วยว่านอวี้เฟิงรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อหันกลับไปมองแล้วพบว่าแม่ทัพปีศาจไล่ตามมาทัน มันจึงรีบบินกลับไปทันที
แม่ทัพปีศาจตัวน้อยที่มีพลังเพียงขอบเขตบำเพ็ญเต๋า ทำไมถึงกล้าตามนางที่อยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้?
เป็นเพราะเทพปีศาจหรือ?
ฮึ! แม้แต่เทพปีศาจก็ไม่อาจทำได้!
ชิงเหนี่ยวพุ่งเข้าหาแม่ทัพปีศาจ ใช้เพียงกรงเล็บเดียวฉีกร่างเขาเป็นชิ้น ๆ เศษชิ้นส่วนร่วงหล่นลงสู่เหวลึกหมื่นจั้ง หายวับไปในพริบตา
กองทัพสัตว์ถูกชิงเหนี่ยวแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือ ‘หนุ่มสาวที่หลงทาง’ โดยเฉพาะ
เมื่อเห็นว่าความช่วยเหลือมาถึงแล้ว ว่านอวี้เฟิงก็บอกตำแหน่งของหลงหว่านโหรวแก่ชิงเหนี่ยวก่อนจะสลบไป
ชิงเหนี่ยวกลอกตาไปมา ขยับปากเรียกกองกำลังสัตว์ที่อยู่ใกล้หลงหว่านโหรวให้ไปช่วยเหลือ จากนั้นก็พาว่านอวี้เฟิงที่ใกล้จะขาดใจมาที่ใต้ดอกบัวเพลิงสีม่วงทอง
ผู้บาดเจ็บที่นอนอยู่ใต้ดอกบัวเพลิงสีม่วงทองมีมากมาย แต่โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต
ลมหายใจที่เกือบหายไปของว่านอวี้เฟิงได้รับการฟื้นคืน
ดอกบัวเพลิงอีกดอกที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ ภายใต้แสงรักษาอันอ่อนโยนและอบอุ่นของมันก็มีผู้บาดเจ็บนอนอยู่มากมาย ในนั้นมีอวี้เจินและสยงฉีเลวี่ย ศิษย์และอาจารย์นอนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
นอกดอกบัวเพลิงทั้งสองดอกยังมีผู้บำเพ็ญยืนเฝ้าเป็นชั้น ๆ ตรงข้ามกับผู้บำเพ็ญเหล่านั้นคือ กองกำลังปีศาจนำโดยเหล่าสนมปีศาจ
ฝ่ายหนึ่งปกป้องดอกบัวอย่างสุดชีวิต ส่วนอีกฝ่ายโจมตีอย่างดุเดือด การต่อสู้จึงรุนแรงเป็นพิเศษ
ผู้อาวุโสมู่ต่อกรกับนางสนมปีศาจทั้งสิบสองพร้อมกัน โดยไม่ลืมที่จะสร้างค่ายกลป้องกันให้กับดอกบัวเป็นชั้น ๆ
ดอกบัวสองดอกไม่เพียงแต่มีพลังรักษาที่ทรงพลัง แต่ในดอกบัวเพลิงสีม่วงยังมีเด็กหัวโล้นตัวน้อยอยู่ด้วย เขาจะไม่ยอมให้พวกปีศาจเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว!
“จงทุ่มเทสุดกำลังเพื่อปกป้องบุตรแห่งพระพุทธเจ้า!”
เหล่านักบวชในพุทธวิหารยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็กหัวโล้นตัวน้อยมากกว่าผู้อาวุโสมู่เสียอีก…
“ชิ! หลิงเยว่เป็นศิษย์ของพวกข้าสำนักหลานเทียน แล้วนางกลายเป็นบุตรแห่งพระพุทธเจ้าของพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
“นางคือบุตรแห่งพระพุทธเจ้าที่เกิดจากดอกบัวเพลิง ไม่ใช่หลิงเยว่ เพียงแต่… หน้าตาเหมือนกันเท่านั้น” เจ้าอาวาสคนใหม่ของพุทธวิหารพูดออกมา
ยังไม่ทันที่ใครจะได้โต้แย้ง เขาก็รีบเสริมว่า “ดอกบัวเพลิงเกิดขึ้นเพราะหลิงเยว่ มันจึงสร้างบุตรแห่งพระพุทธเจ้าตามรูปลักษณ์ของผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ”
นักบวชทั้งหลายมองเจ้าอาวาสด้วยความประหลาดใจ เขานั่นแหละที่เป็นบุตรแห่งพระพุทธเจ้าคนก่อน พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าอาวาสคนใหม่มีทักษะในการพูดเหลวไหลด้วย?
ปกติแล้วดอกบัวเพลิงสามารถสร้างได้แค่เมล็ดบัว แล้วจะสร้างบุตรแห่งพระพุทธเจ้าที่เต็มไปด้วยแสงแห่งพุทธะได้อย่างไร?
…………….