ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 438 เขามาแล้ว
บทที่ 438 เขามาแล้ว
…………….
บทที่ 438 เขามาแล้ว
ในขณะที่ถูกโจมตีด้วยสายฟ้า และต้องทนรับฟังเสียงตะโกนมากมาย ผู่ตานแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีแรงจะทำเช่นนั้น
“เขาคงไม่ได้คิดจะพาสายฟ้าไปถล่มหอคอยปีศาจหรอกนะ?”
เจ้าวังรู้สึกว่าตนเองเข้าใจความจริงแล้ว แต่ก็รู้สึกว่านกตัวนี้ช่างไร้เดียงสาเกินไป แม้ว่าเขาจะเป็นสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นหงส์ทองคำที่มีสายเลือดสูงส่งที่สุดในตระกูลหงส์ ก็ไม่อาจใช้ทัณฑ์สวรรค์สั่นคลอนหุบเหวปีศาจได้หรอก
ท้ายที่สุดแล้ว หุบเหวปีศาจถูกสร้างขึ้นด้วยมือของเทพปีศาจ ช่างลึกลับเหลือคณานับ ไม่มีใครที่เข้าไปในหุบเหวปีศาจแล้วสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย
“พี่ผู่ตานช่างฉลาดจริง ๆ!” ฮวนฮวนไม่ได้ยินน้ำเสียงประชดประชันของเจ้าวัง ตอนนี้กำลังมองดูแสงสีทองที่พุ่งทะยานผ่านสายฟ้าไปด้วยสีหน้าชื่นชม
กลุ่มคนที่ไล่ตามผู่ตาน “…”
เด็กน้อยก็คือเด็กน้อย ความคิดย่อมไร้เดียงสาเช่นกัน
หงส์ทองคำเพิ่งฟักออกจากไข่ นับว่าเป็นเด็กน้อยเช่นกัน ดังนั้นจะมีความไร้เดียงสาก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ?
ในขณะที่ผู่ตานมาถึง โม่จวินเจ๋อมาถึงด้านนอกของหุบเหวปีศาจก่อนแล้ว
ด้านนอกของหุบเหวปีศาจ จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าผู้ทรงพลังปรากฏตัวขึ้น สายตาของเขาที่จ้องมองห้วงลึกนั้นปราศจากความรู้สึกใด ๆ
ดอกไม้ปีศาจที่เบ่งบานอยู่นอกหุบเหวปีศาจพลันเปิดทางให้ ราวกับต้องการให้บุรุษผู้นั้นเดินผ่านไป
เมื่อสิงโตขนเงินและคนอื่น ๆ เห็นภาพมหัศจรรย์เช่นนี้ พวกเขาแทบอ้าปากค้าง ดอกไม้ปีศาจถึงกับเปิดทางให้ชายผู้นี้ด้วย?!
“ท่าน ท่าน คงไม่ใช่ปีศาจ…”
“ข้าไม่ใช่”
มหาปุโรหิตยังไม่ทันเอ่ยคำว่า ‘เทพ’ โม่จวินเจ๋อก็ปฏิเสธเสียก่อน จากนั้นเขากวาดตามองผู้นำเผ่าทิงมี่ที่ถูกดอกไม้ปีศาจปกคลุมอยู่ แล้วเดินไปตามเส้นทางที่เปิดให้เขา
ไม่แปลกที่ทุกคนจะจำโม่จวินเจ๋อไม่ได้ เพราะในโลกปีศาจ เขามักปรากฏตัวในร่างมังกรดำหรือในร่างของสนมปีศาจที่สี่ ไม่เคยปรากฏร่างแท้จริงมาก่อน
แม้ว่าบางคนจะเคยเห็นร่างมนุษย์ของโม่จวินเจ๋อ แต่พวกเขากลับไม่เคยรับรู้ เช่น ชิงหลงและหัวหน้าตะขาบมรกตที่มาถึงหุบเหวปีศาจก่อนผู่ตาน
“โม่… โม่…”
หัวหน้าตะขาบมรกตพูดติดอ่าง ตอนนี้โม่จวินเจ๋อดูแปลกตามาก ดูเหมือนเขาแต่ก็… ไม่เหมือน ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก!
โม่จวินเจ๋อไม่ตอบสนอง แต่หายวับไปต่อหน้าต่อตาทุกคนในพริบตา และเส้นทางดอกไม้ปีศาจที่เปิดให้ก็ปิดลงในทันที
“พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าหน่อย!” หัวหน้าตะขาบมรกตพยายามสื่อสารกับดอกไม้ปีศาจ แต่กลุ่มดอกไม้กลับเติบโตต่อไปตามสายลมอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ถูกต้อง ทำไมถึงมีดอกไม้ปีศาจมากมายเช่นนี้ หรือว่าหลิงเยว่… หลุดพ้นจากอันตรายแล้ว?”
คำพูดของชิงหลงดึงวิญญาณของอดีตผู้นำเผ่าและคนอื่น ๆ ที่จากไปพร้อมกับโม่จวินเจ๋อ
มหาปุโรหิตเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อชิงหลงได้ยินว่าหุบเหวปีศาจมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ และผู้นำเผ่าทิงมี่ถูกดอกไม้ปีศาจพรากชีวิตไป ร่างของชิงหลงก็หายวับไปจากที่เดิม
ตอนนี้หลิงเยว่คงตกอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจแล้ว!
ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างคงจบสิ้น…
“รอข้าด้วย!”
หัวหน้าตะขาบมรกตอยากตามเข้าไปด้วย แต่ดอกไม้ปีศาจไม่มีทีท่าว่าจะหลีกทางให้เลย พอเขาขยับตัวนิดเดียว กลุ่มดอกไม้ก็ทำท่าจะโจมตีทันที
“อย่าทำอะไรโดยพลการ”
ผู้นำเผ่ากระทิงงามห้ามหัวหน้าตะขาบมรกตที่กำลังจะฝ่ากลุ่มดอกไม้เข้าไป “ตอนนี้เมล็ดพันธุ์ปีศาจไม่ได้โจมตีพวกเรา คงเป็นเพราะ… นึกถึงหน้าหลิงเยว่อยู่ ถ้าตอนนี้พวกเราทำให้มันโกรธ คงจะไม่เป็นผลดีต่อพวกเราเลย”
อย่างไรเสีย ดอกไม้ปีศาจในยามนี้… ก็เป็น ‘สิ่งไร้เจ้าของ’
“ด้วยพลังเพียงเท่านี้ของเจ้า จะเข้าไปหาความตายหรือ?” อดีตผู้นำเผ่ากล่าวอย่างไร้ปรานี แม้แต่เขาที่อยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับดอกไม้ปีศาจโดยตรงด้วยซ้ำ
“ข้าไม่เหมือนพวกเจ้า ข้าไม่อาจรออยู่ภายนอกได้!”
เขากับหลิงเยว่เป็นเพื่อนร่วมทางและเป็นสหายมานาน จะเทียบกับพวกเขาที่โผล่มากลางทางได้อย่างไร!
หัวหน้าตะขาบมรกตสะบัดมือของอดีตผู้นำเผ่าออก แล้วอ้าปากของเขา ฝูงตะขาบสีเขียวสี่ปีกมากมายก็ปกคลุมเหนือกลุ่มดอกไม้
กลุ่มดอกไม้เติบโตสูงใหญ่อย่างรวดเร็ว ฝูงตะขาบสีเขียวสี่ปีกไม่ตื่นตระหนก แต่กลับ… ต่อสู้กับดอกไม้ปีศาจ
หัวหน้าตะขาบมรกตฉวยโอกาสในช่วงนั้น บินเข้าสู่หุบเหวปีศาจอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเขายังมีแสงสว่างอีกหลายสาย ซึ่งรวมถึง… อดีตผู้นำเผ่าด้วย
เมื่อเห็นว่าผู้นำของตนเข้าไปได้สำเร็จ ฝูงแมลงก็ถอนกำลังหายวับไปในพริบตา
ในยามนี้ดอกไม้ปีศาจกำลังอาละวาด พวกมันเติบโตจากดอกไม้ดำเล็ก ๆ กลายเป็นดอกไม้สีดำขนาดมหึมา หากมีสิ่งมีชีวิตใดเข้าใกล้ ก็จะถูกกลุ่มดอกไม้กินจนหมดสิ้นในทันที
พวกมันกลายเป็นผู้พิทักษ์หุบเหวปีศาจอย่างชัดเจน ห้ามสรรพชีวิตทั้งปวงเข้าใกล้!
พวกหัวหน้าตะขาบมรกตและคณะที่เข้าสู่หุบเหวปีศาจสำเร็จ ไม่เพียงสูญเสียทิศทางเท่านั้น แม้แต่ผู้คนรอบข้างก็หายไปด้วย
ท่านหัวหน้าตะขาบมรกตที่ยืนอ้างว้างอยู่ท่ามกลางหมอกดำ รู้สึกในชั่วขณะหนึ่งว่าตนเองหุนหันพลันแล่นเกินไป ในสถานการณ์เช่นนี้จะช่วยหลิงเยว่ได้อย่างไร? อย่าให้ถึงขนาดต้องให้เด็กบอบบางอย่างนางมาช่วยเลย หากนางยัง… มีชีวิตอยู่
ภายในหุบเหวปีศาจเงียบสงัด เสียงสั่นสะเทือนจากพื้นดินและเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่เคยได้ยินเป็นระยะก็หายไปหมด แม้แต่หอคอยปีศาจที่เคยมองเห็นเค้าโครงจากภายนอกก็มองไม่เห็นแล้ว
‘ทีมกู้ภัย’ ทั้งหมดกลายเป็นคนตาบอดหูหนวก ยืนงงงวยอยู่กับที่ บางคนพยายามเดินไปข้างหน้า ผลคือไม่ตกหลุมก็จมโคลน…
แตกต่างจากโม่จวินเจ๋อและชิงหลงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากหุบเหวปีศาจ และมุ่งหน้าไปยังหอคอยปีศาจแล้ว
ในขณะที่ชิงหลงเข้าสู่หุบเหวปีศาจ ทันใดนั้นก็ถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นอายของหลิงเยว่ กลิ่นอายของนางแผ่ซ่านไปทั่วทุกซอกทุกมุม ทำให้ไม่อาจแยกแยะได้ว่านางอยู่ที่ใดกันแน่
แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ หลิงเยว่ยังมีชีวิตอยู่!
ผู้สืบทอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยังมีชีวิตอยู่ แม้ตอนนี้จะอยู่ในมือของปีศาจ แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจก็ยังมีความหวัง!
ปีศาจอยู่ในหอคอย นั่นหมายความว่าหลิงเยว่ก็อยู่ที่นั่นด้วย!
ชิงหลงจับทิศทางได้แน่นอน จึงมุ่งหน้าไปยังหอคอยปีศาจเช่นกัน
“เขามาแล้ว”
ร่างแยกหมายเลขหนึ่งและสองที่กำลังพรวนดินอยู่ ต่างหันไปมองทางหอคอยปีศาจ ส่วนหมายเลขสาม ที่กำลังสั่งการสัตว์อสูรให้ขุดหาเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาของเขาก็ยิ่งขาวขึ้นกว่าเดิม
“มาก็มาเถอะ เขาเพิ่งฟื้นคืนสติ ยังไม่แน่ว่าจะรับมือกับสัตว์เฝ้าหอคอยไหว แล้วนี่…” หมายเลขสองลูบคางพลางหัวเราะคิกคัก
‘เขา’ ที่ทั้งสองพูดถึงไม่ใช่เทพปีศาจ แต่เป็นชายที่บุกเข้าหอคอยปีศาจเพียงลำพัง พวกเขาดูเหมือนจะรู้จักโม่จวินเจ๋อเป็นอย่างดีทีเดียว
“หาต่อไป ข้ารู้สึกได้ว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่”
หมายเลขสามชี้ไปที่ผืนดินแห่งหนึ่ง เขามั่นใจว่าที่ตรงนั้นต้องเป็นที่ซ่อนตัวของหลิงเยว่แน่นอน!
“ข้าก็รู้สึกได้เช่นกัน” หมายเลขสองถูมือไปมา พลางแสยะยิ้ม
ส่วนหมายเลขหนึ่งจ้องมองพื้นดินที่อยู่ใต้เท้าอย่างครุ่นคิด
…………….