ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 414 ขุดหลุมฝังดีกว่าไหม?
บทที่ 414 ขุดหลุมฝังดีกว่าไหม?
……….
บทที่ 414 ขุดหลุมฝังดีกว่าไหม?
หลิงเยว่ไม่รู้ว่าผู่ตานมีปฏิกิริยารุนแรงต่อการปรากฏของเลือดวิเศษของหงส์ แต่นางใช้ความตั้งใจอย่างเต็มที่ในการกลั่นหยดเลือดวิเศษเล็ก ๆ ตรงหน้า แล้วผสมผสานกับชาสืบทอดวิญญาณของสมุนไพรวิญญาณและสมุนไพรปีศาจ
ในนั้นมีท่อนไม้ธรรมดา ๆ อันหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู่ตาน
“อา…” ผู่ตานเพิ่งจะเอ่ยคำแรกออกมาก็รีบปิดปากทันที ห้ามรบกวนระหว่างการกลั่นเด็ดขาด
เพียงแต่ท่อนไม้นั้นยิ่งมองยิ่งดูเหมือนไม้ของเทพหงส์ในตำนาน ทำไมในมือของศิษย์น้องถึงมีของล้ำค่าหายากอยู่เสมอเล่า?
ผู่ตานคิดไม่ตกมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคือศิษย์น้องไม่ชอบไปหาทรัพยากรในสถานที่ลับใด ๆ แต่ในมือกลับมีทรัพยากรมากมายนับไม่ถ้วน
หรือว่านางมีหีบสมบัติระดับเทพที่ต้องการอะไรก็ให้อย่างนั้นหรือ?
ดวงตาของผู่ตานเต็มไปด้วยความอิจฉาจนแทบจะถลนออกมา ศิษย์น้องช่างโชคดีเหลือเกิน ถ้าหากแบ่งโชคดีให้เขาบ้างก็คงจะดี…
เมื่อนึกถึงสภาพยุ่งเหยิงในร่างกายหลังจากคลายผนึก รวมถึงทารกปีศาจที่อาจจะแทนที่ผู่ตานได้ทุกเมื่อ สายตาของผู่ตานก็พร่ามัวไปหมด
หยดน้ำหลากสีลอยอยู่ตรงหน้าหลิงเยว่ ในนั้นหยดสีแดงสดประกายทองอยู่ตรงกลางดูโดดเด่นที่สุด ดูเหมือนว่ามันจะส่งเสียงออกมาด้วย
หัวหน้าตะขาบมรกตตาเบิกกว้างจนแทบหลุดออกมา นั่นคือโลหิตวิเศษของหงส์หรือ?
เจ้ามนุษย์เปราะบางได้โลหิตวิเศษอันล้ำค่าเช่นนี้มาจากที่ใด?
หัวหน้าตะขาบมรกตอุทานอยู่ในใจ แล้วนึกถึงชาสืบทอดวิญญาณในมือของหลิงเยว่ อืม… ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ
ทั้งสามคนที่ยืนดูอยู่ต่างตื่นตะลึงกับภาพอันงดงามตระการตาตรงหน้า ส่วนหลิงเยว่ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น
แก่นแท้สีน้ำตาลของไม้หงส์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าใกล้โลหิตวิเศษของหงส์อย่างช้า ๆ ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน หลิงเยว่ก็สั่งให้มันหยุดลง
นางนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงตัดสินใจทำบางอย่าง นิ้วโป้งของนางถูกกรีดออก จากนั้นหยดเลือดที่มีสีใกล้เคียงกับโลหิตวิเศษของหงส์ก็ลอยเข้าไประหว่างของเหลวทั้งสอง
หลิงเยว่ไม่รู้ว่าทำไมตนถึงทำเช่นนี้ แต่หัวใจของนางบอกว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง!
เลือดที่แทรกเข้าไประหว่างของเหลวทั้งสองดูเหมือนจะมีความคิดเป็นของตัวเอง มันแบ่งตัวเองออกเป็นส่วนเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน แล้วผสานเข้ากับของเหลวทุกหยดที่ลอยอยู่ โดยส่วนที่มากที่สุดผสานเข้ากับโลหิตวิเศษของหงส์
ในขณะที่ทั้งสองรวมกัน ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านใด ๆ เกิดขึ้น กลับกลมกลืนกันอย่างน่าอัศจรรย์
ของเหลวที่ลอยอยู่เริ่มเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ แล้วค่อย ๆ ผสานเข้ากับโลหิตวิเศษของหงส์ทีละหยด กระบวนการนี้ราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ จนหลิงเยว่เองก็ตกตะลึง!
อย่างไรก็ตาม นางเพียงแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็สงบจิตใจลงและปล่อยเพลิงพิสดาร ออกมาเพื่อเผาผลาญเลือดหงส์ที่หลอมรวมเสร็จสมบูรณ์แล้วต่อไป
กระบวนการนี้ยาวนานและน่าเบื่อ พลังวิญญาณถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่พลังวิญญาณในร่างของ โม่จวินเจ๋อก็ถูกยืมมาใช้ด้วย
เลือดในร่างของผู่ตานที่เพิ่งถูกปลอบประโลมให้สงบลงกลับเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่การคลั่ง แต่เป็นความตื่นเต้น?
“…”
ตอนนี้แม้แต่เลือดก็มีอารมณ์ของตัวเองแล้วหรือ?
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ กระทั่งหยดเลือดขนาดเท่าไข่นกถูกเผาจนเหลือขนาดเท่าไข่นกกระทา สีแดงใสเป็นประกาย หลิงเยว่จึงเก็บเพลิงพิสดารและลืมตาขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ศิษย์พี่…พร้อมแล้วหรือ?”
“ให้ข้าหรือ?” ผู่ตานกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก พลางชี้ไปที่ตัวเอง
เมื่อได้ยินว่าจะเก็บไว้ เลือดในร่างของผู่ตานก็ตื่นเต้นจนเกือบจะทะลักออกมา เขารีบพูดว่า “พร้อมแล้ว พร้อมแล้ว!”
ในขณะที่ผู่ตานพยักหน้า ชาสืบทอดวิญญาณก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา แล้วหลอมรวมเข้าไปในร่างกาย
ในวินาทีที่ชาสืบทอดวิญญาณเข้าสู่ร่างกาย ผู่ตานก็ล้มลงกับพื้นทันที ดวงตาที่เคยมีประกายค่อย ๆ เลือนหายไป
หัวหน้าตะขาบมรกตค่อย ๆ เอียงหูไปใกล้จมูกของเขาอย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่ายังมีลมหายใจอยู่บ้างเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ร่างกายหลิงเยว่ใกล้จะไม่ไหวแล้ว การสร้างชาสืบทอดวิญญาณต้องใช้พลังมากกว่าการสร้างปีศาจกลายพันธุ์มาก แต่เมื่อนึกถึงหัวหน้าตะขาบมรกตและโม่จวินเจ๋อ ที่ยังคอยอยู่ นางก็พยายามรวบรวมกำลังใจ ใช้เคล็ดวิชาเพื่อฟื้นฟูตัวเอง
สิ่งเดียวที่โม่จวินเจ๋อทำได้เพื่อช่วยหลิงเยว่ คือการเติมพลังวิญญาณให้ตัวเอง
การที่ทั้งสองคนใช้วิชาพร้อมกันนั้นเร็วกว่าการฟื้นฟูคนเดียว ใบหน้าซีดเซียวของหลิงเยว่กลับมามีสีสันอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ฟื้นตัว นางก็นำมรดกสืบทอดที่เป็นของ หัวหน้าตะขาบมรกตออกมาทันที
“หัวหน้าตะขาบมรกต เดี๋ยวท่านช่วยย้ายศิษย์พี่สี่ไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝ่าทัณฑ์สวรรค์ของเผ่ากระทิง แล้วขอให้ท่านผู้อาวุโสชิงหลงช่วยคุ้มครองเขาด้วย”
เมื่อได้ยินคำว่าฝ่าทัณฑ์สวรรค์ หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สึกทั้งอิจฉาและชื่นชม
เขากับมนุษย์เปราะบางจะว่าไปก็เป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย นางคงไม่มีวันลืมเขาแน่!
“อย่ามัวชักช้าอยู่เลย ถัดไปก็ถึงตาเจ้าแล้ว”
ประโยคนี้ทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตฟื้นคืนชีพในทันใด เขารีบคว้าผู่ตานแล้วออกจากถ้ำใต้ดินอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรใช่ไหมที่ข้าจะเก็บของท่านไว้เป็นคนสุดท้าย?” หลิงเยว่ ลูบขนนุ่มของโม่จวินเจ๋ออย่างเบามือ สัมผัสฟูฟ่องและนุ่มลื่น ถ้าสีหน้าดูมีชีวิตชีวากว่านี้อีกหน่อยก็จะน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก!
“ไม่เป็นไร”
โม่จวินเจ๋อส่ายหัวกระต่ายเบา ๆ หูสีขาวบริสุทธิ์ทั้งสองข้างกระดิกตาม “ไม่พักอีกสักหน่อยหรือ?”
ทำไมถึงรีบร้อนเช่นนี้?
หลิงเยว่จะไม่รีบร้อนได้อย่างไร?
ภารกิจหลักที่ 22 และ 23 รวมกันแล้วมีเวลาจำกัดไม่ถึงหนึ่งร้อยปี เวลาช่างคับขันยิ่งนัก
“ท่านถูกกักขังอยู่ในร่างมังกรปีศาจมานานหลายปีเช่นนี้ ท่านไม่อยากออกมาเร็ว ๆ หรือ?”
แน่นอนว่าโม่จวินเจ๋ออยากออกมา แต่เขาถูกกักขังมานานแล้ว ถึงจะรออีกไม่กี่สิบปีก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เขา… มีเวลารอนางมากมาย
หลิงเยว่ได้ฝึกฝนมาครั้งหนึ่งแล้ว ว่ากันว่าความชำนาญเกิดจากการฝึกฝน ครั้งที่สองต้องเร็วขึ้นแน่นอน
โม่จวินเจ๋อเงียบลง แล้วถอยไปด้านข้าง แล้วฝึกฝนในร่างกระต่ายเพื่อจ่ายพลังวิญญาณให้หลิงเยว่
หัวหน้าตะขาบมรกตโยนโอสถให้ชิงหลง แล้วรีบร้อนกลับมา แต่พบว่าตนเองถูกกั้นอยู่หน้าถ้ำใต้ดิน ไม่สามารถเข้าไปได้
เขาโกรธมากแล้วนั่งลงหน้าประตูอย่างหงุดหงิด
เมื่อครู่เจ้ามนุษย์เปราะบางคงไม่ใช่เพื่อหลอกให้ลากเจ้าคนนั้นออกไปใช่หรือไม่?
จุดประสงค์ก็เพื่อจะได้อยู่ตามลำพังกับโม่จวินเจ๋อ มนุษย์ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมลึกซึ้งจริง ๆ!
หัวหน้าตะขาบมรกตบ่นอุบอิบในใจ แต่ก็ไม่อยากขยับตัวเลยสักนิด
ชาสืบทอดวิญญาณใช้เวลาประมาณสองปี ของเขาก็คงต้องใช้เวลาสองปีเช่นกันสินะ?
ในขณะที่หัวหน้าตะขาบมรกตกำลังจะเข้าสู่การฝึกฝน ชิงหลง ก็แบกผู่ตานกลับมา
“เจ้าแน่ใจหรือว่าคำพูดของหลิงเยว่คือให้คุ้มครอง ไม่ใช่ขุดหลุมฝังเขา?”
ในตอนนี้ผู่ตานหลับตาสนิท เสียงหัวใจหยุดเต้นแล้ว ร่างกายกำลังเย็นลงและแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนคนตายไปแล้วจริง ๆ!
ยังต้องคุ้มครองอะไรอีกเล่า?
หัวหน้าตะขาบมรกตลูบข้อมือของผู่ตานที่เย็นเยียบน่ากลัว และไม่มีชีพจรแล้ว เหมือนคนตายจริง ๆ!
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ตอนที่ข้าส่งเขาให้เจ้า เขายังมีชีวิตอยู่เลย!”
ชิงหลงไม่อยากโต้เถียงเรื่องเหล่านี้กับหัวหน้าตะขาบมรกต จึงแค่นเสียงเย็นชาว่า “ตอนนี้จะทำอย่างไร? ฝังเขาหรือเรียกหลิงเยว่?”
“แน่นอนว่าต้องเรียกหลิงเยว่!”
หัวหน้าตะขาบมรกตยื่นมือจะเคาะประตู แต่กลับถูกม่านพลังจากค่ายกลผลักกระเด็นออกไป
หัวหน้าตะขาบมรกต “…”