ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 839 จัดการพวกมัน!
ตอนที่ 839 จัดการพวกมัน!
“เอ่อ ทนายอัน คุณรู้ว่าใครทำเหรอ”
เหล่าจางอยู่ร่วมกันในร้านหนังสือมาระยะหนึ่งแล้ว จากตอนแรกทำเป็นแค่ตะโกน ‘เยี่ยมๆๆ’ และรับหน้าที่เป็นตัวประกอบเสียง ‘คลิก’ ทำลายสามมุมมองตลอดจนมาถึงตอนนี้ สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ในทีมร้านหนังสือและแสดงความกล้าหาญของลูกผู้ชายได้ถึงสามวินาที นับว่าได้ประสบการณ์ระหว่างทางด้วย
บางทีเพื่อนร่วมงานของเขายังคงพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เช่นฆาตกรโรคจิตประเภทไหนหรือใช้วิธีทำลายและอำพรางศพอะไร แต่เหล่าจางอาศัยสัญชาตญาณของตัวเองก็สัมผัสได้ว่านี่มันไม่ใช่ฝีมือมนุษย์
ทนายอันพยักหน้าเศร้าๆ และพูด “สัตว์นรกกลุ่มหนึ่งน่ะ พวกเขาเป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมายที่ยมโลกส่งมา องค์ประกอบของหน่วยบังคับใช้กฎหมายนี้ค่อนข้างซับซ้อน ไม่สามารถอธิบายให้คุณฟังให้ชัดเจนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ คุณจินตนาการประมาณว่าตำรวจไร้ศีลธรรมในรัสเซียนั้นชั่วร้ายขนาดไหนก็เข้าใจแล้ว เรื่องราวจะจัดการได้หลังจากคุณแจ้งความหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตัวคุณจะถูกข่วนก่อนอย่างแน่นอน”
ทนายอันเดินอ้อมจนเหล่าจางหัวแทบหมุน หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งถึงได้เข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านี้ อีกนัยหนึ่งก็คือ หน่วยบังคับใช้กฎหมายเนี่ย แม้ว่าจะชื่อนี้ แต่เมื่อพวกเขาถูกส่งมาบังคับใช้กฎหมายเมื่อไร ก็จะเก็บเล็กเก็บน้อยกินเช่นกัน ซึ่งมีคำหนึ่งที่เหล่าจางมักได้ยินบ่อยๆตั้งแต่เข้าร้านหนังสือ นั่นก็คือ อาหารเลือด
แก่นแท้และเลือดของคนเป็นดูเหมือนจะเป็นของบำรุงที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์ชั่วร้ายเหล่านี้
“ยมโลกไม่ควบคุมเหรอ”
“เคยควบคุม ตอนนั้นเจ้าพวกบ้าก่อเรื่องใหญ่โตเลยถูกพระยมฉู่เจียงหวังสั่งคุมขัง ผ่านไปตั้งสิบกว่าปีแล้วใครจะรู้ว่าคราวนี้เป็นพระยมองค์ไหนออกคำสั่งคลายผนึกพวกมันและส่งพวกมันขึ้นมา”
“พวกเขาก็เลยถือโอกาสทำตามอำเภอใจอย่างนี้เลยเหรอ” เหล่าจางถามต่อ “ไม่ใช่ว่าฆ่าคนบริสุทธิ์แล้วจะถูกยมโลกลงโทษ แถมยังมีกฎแห่งสวรรค์อีกไม่ใช่เหรอ”
“พวกมันไม่สนการลงโทษของยมโลกหรอก ในเมื่อยมโลกส่งพวกมันขึ้นมาจัดการเรื่องนี้คงเตรียมใจไว้แล้วว่าพวกมันจะสร้างปัญหาเหล่านี้แน่นอน สำหรับการลงโทษแห่งสวรรค์ แม้พวกมันไม่มีตำแหน่งทางการใดๆ ในยมโลก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นบุคคลที่รับมือได้ง่ายๆ ใช้วิธีปกปิดหลบซ่อนแอบลอบฆ่าคนจำนวนหนึ่งก็เลี่ยงได้แล้ว”
“ดังนั้น ตอนนี้พวกเขากำลัง…ฆ่าคนที่ทงเฉิงเหรอ” เหล่าจางตระหนก
ทนายอันก็ตื่นเต้นเช่นกันและตะโกนว่า “ใช่แล้ว ยังมีกฎหมายปกครองบ้านเมืองอยู่ไหม! จะทนได้อยู่ไหม!”
ชั่วขณะนี้ ทนายอันดูเหมือนจะถูกผู้ผดุงความยุติธรรมเข้าสิงจนเปลี่ยนภาพลักษณ์ในอดีตโดยพลัน
“เฮ้อ” เหล่าจางทรุดตัวนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรงพลางถูมือตัวเองแรงมากจนหน้าแดงแล้ว
บ้าเอ๊ย มัวแต่ถูมืออยู่ตรงนี้ทำไมเล่า ไปหาเถ้าแก่สิ หากคนอื่นไปบอกเถ้าแก่จัดการเรื่องยุ่งยากพรรค์นี้คงโดยเถ้าแก่ต่อยกลับเป็นแน่ แต่คุณแตกต่าง คุณเป็นความถูกต้องทางการเมือง! อีกอย่างเมื่อก่อนคุณทำเรื่องแบบนี้ประจำนี่นา เถ้าแก่เอาแต่พูดติดปากถึงความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาของคุณ มีครั้งไหนที่บอกว่าไม่เอาๆ สุดท้ายก็ยอมฟังคุณอยู่ดีน่ะ
เหล่าจางลังเลมากแล้วถาม “พวกเขาจะจากไปไหม”
ถ้าพวกมันหาเบาะแสร้านหนังสือแล้วไม่เจอก็ต้องไปอยู่แล้ว และไล่ตามผู้แปรพักตร์รายอื่นต่อ ยิ่งกว่านั้นพวกมันไม่กล้าลงมือเข่นฆ่ามากขนาดนั้น อย่างมากก็ฆ่าเล่นและดูดเลือดเพิ่มอีกสักสองสามคน อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนถูกขังนานเกินไป พลังเสียหายร้ายแรงเกินไปเลยต้องการบำรุงเพิ่มพลัง
แต่ทนายอันไม่อยากพูดแบบนี้ เพราะเขาเข้าใจความหมายในคำพูดของเหล่าจางแล้ว
คุณจะยอมแพ้ใช่ไหม
“ไม่ใช่ เหล่าจาง คุณหมายความว่ายังไง”
“ผม…” เหล่าจางอึกอัก คิดๆ ดูแล้วก็เอ่ยปากไปตรงๆ “ผมไม่อยากให้ทุกคนตกอยู่ในอันตรายเพราะอารมณ์ส่วนตัวของผม”
ตอนกลางวันเถ้าแก่ก็พูดเรื่องนี้แล้ว คลื่นพายุลูกนี้มันซับซ้อนมาก ทุกคนควรอยู่เงียบๆ ที่นี่และหลบเลี่ยงเป็นจุดสนใจอยู่ในร้านหนังสือ ดังนั้นบางครั้งการเป็นคนดีก็ทำได้ยากจริงๆ การเป็นฮีโร่เพียวๆ ก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เว้นเสียแต่ว่าฮีโร่ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อน และไม่มีใครที่ให้ใส่ใจ แต่โดยทั่วไปการออกแบบตัวละครแบบนี้เหมาะกับ ‘คนสิ้นหวัง’ เหล่านั้น ไม่ใช่ฮีโร่
“เหล่าจาง การเป็นคน เมื่อจะทำอะไรก็ต้องทำตามมโนธรรมในใจ” ทนายอันวางมือบนหน้าอกเหล่าจางและสัมผัสการเต้นของหัวใจเหล่าจางและพูดต่อ “ผมสัมผัสได้ว่ามีหัวใจสีแดงเต้นแรงอยู่ในร่างกายของคุณ”
“…” เหล่าจาง
“อยากทำอะไรก็ทำเลย อย่ามองว่าพวกเราเป็นพวกคนโลภชีวิตกลัวตาย ลูกผู้ชายทำในสิ่งที่สามารถทำได้ แค่ทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำ อย่าลืมนะ คุณไม่ใช่แค่ตำรวจคนหนึ่ง แต่ยังเป็นอสูรวิเศษเดินเหินแดนมนุษย์! ตัดสินใจอย่างกล้าหาญและทำตามหัวใจของคุณ พวกเราทุกคนในร้านหนังสือคือผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของคุณ!!!”
“ทนายอัน”
“คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“สมองเขาโดนช็อตพังแล้ว!” เสียงเถ้าแก่โจวดังมาจากบันได เห็นแค่โจวเจ๋อสวมชุดนอนคลุมยาวสีดำเดินลงบันไดทีละขั้นพร้อมกับแก้วชาในมือ
“อ้าว เถ้าแก่มาได้ไง”
“ลงมากดน้ำน่ะ”
“อิงอิงล่ะ”
ปกติอิงอิงจะเป็นคนทำงานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
“นางไปแปรงฟัน”
โจวเจ๋อเดินไปที่ตู้กดน้ำ กดน้ำเต็มแก้วแล้วหรี่ตาเล็กน้อยพลางมองทนายอัน
ทนายอันรู้สึกเหมือนมีดาบคมกริบนับไม่ถ้วนทิ่มแทงทะลุเขาอย่างบ้าคลั่ง!
“คุณหมายความว่ายังไง” โจวเจ๋อถาม
“มะ…ไม่หมายความว่ายังไง” ทนายอันกระอักกระอ่วนและยิ้มตามมารยาท
“ได้ยินคำประกาศกร้าวของคุณตั้งแต่อยู่ชั้นบนแล้ว เสียงดังฟังชัดมาก ทำไมเหรอ ช่วงนี้วงการทนายตกต่ำหรือไง หรืออยากเปลี่ยนอาชีพมาเป็นครูปลุกใจนักเรียนชั้นมัธยมต้นมัธยมปลายเป็นพิเศษหรือไง”
“ไม่ใช่ครับ”
โจวเจ๋อไม่ได้มองทนายอันอีก แต่กลับเบนสายตาไปทางเหล่าจาง น้ำเสียงเบาบางลงไปมากและพูดอย่างนุ่มนวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“…” อันปู้ฉี!
เหล่าจางเม้มปากและยื่นโทรศัพท์ให้โจวเจ๋อ แต่คราวนี้เขาไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ขอให้เถ้าแก่จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
หลังจากดูไปได้สักพัก โจวเจ๋อก็วางโทรศัพท์ลงแล้วพูด “เกิดอะไรขึ้น”
“เป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมายที่ยมโลกส่งมา น่าจะเป็นหน่วยเล็กๆ อาจจะมีแค่สามหรือสี่คน ตอนบ่ายผมไปที่หรูเกามาใช่ไหมล่ะ ลูกค้าของผมรายหนึ่งเสียชีวิตอยู่ในเรือนสี่ประสานของเขาเอง วิธีตายคล้ายกับแบบที่หน่วยบังคับใช้กฎหมายใช้มาก เดิมทีผมไม่ค่อยแน่ใจ แต่ทั้งสามศพที่เชิงเขาหลางซานก็หลอมละลายแบบเดียวกัน โดยพื้นฐานสามารถสรุปได้ว่า ตอนนี้หน่วยบังคับใช้กฎหมายปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ทงเฉิงของเรา”
โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นก็ไม่รีบร้อนแสดงความเห็น แต่กลับมองตาทนายอัน “คุณสนิทกับพวกเขาไหม”
“หือ อืม อาจจะ หรือไม่นับว่าสนิท…”
“ไม่น่าใช่นะ…” โจวเจ๋อสงสัย
“ทำไมเหรอครับ เถ้าแก่”
“ปกติแล้ว พวกที่มีความแค้นกับคุณโดยทั่วไปเป็นคนดีถึงจะถูก”
“อืมๆ” เหล่าจางรีบพยักหน้าเห็นด้วย
“…” ทนายอัน
ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อพอฟังออกและอันที่จริงเหล่าจางก็สัมผัสได้เช่นกัน ครั้งนี้ทนายอันจงใจยั่วยุให้เขาไปขอร้องให้โจวเจ๋อจัดการเรื่องนี้
จริงๆ แล้ว โจวเจ๋อรู้จักนิสัยทนายอันดี นอกจากจะเค็มน้อยกว่าเขาแล้ว พฤติกรรมที่เหลือก็คล้ายกับเขามาก มีจุดหนึ่งที่ทุกคนพร้อมใจกันสุดๆ เมื่อถึงเวลาขี้ขลาดก็จะขี้ขลาดโคตรๆ
ทำไมวันนี้…
โจวเจ๋อวางแก้วชาบนเคาน์เตอร์ ลากเก้าอี้ออกมานั่งและพูด “เหล่าอัน พูดความจริงมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ทนายอันเม้มปากและฝืนใจพูดเล็กน้อย “นี่มันอาจจะดูไร้สาระไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร ถึงยังไงเมื่อกี้ก็งีบไปแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ง่วงด้วย คิดเสียว่าฟังนิทานแล้วกัน”
“นิทานเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องที่มีความสุขมากนัก”
“งั้นยิ่งดีเลย พูดเรื่องที่คุณไม่สบายใจออกมาทำให้พวกเรามีความสุขหน่อยสิ”
“เถ้าแก่ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ เมื่อสิบปีก่อน ก่อนที่พระยมฉู่เจียงหวังจะสั่งขังหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ตำแหน่งหน่วยบังคับใช้กฎหมายในยมโลกมีความยิ่งใหญ่มาก พวกเขาไม่เพียงแต่รับผิดชอบบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหน้าที่ในยมโลกเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ยังเกี่ยวข้องกับบางเรื่องในแดนมนุษย์ด้วย เมื่ออยู่จุดสูงสุด ในแง่อิทธิพลอาจกล่าวได้ว่าหน่วยบังคับใช้กฎหมายเป็นระดับแรกๆ ในพระยมสิบตำหนักเลยก็ว่าได้
เพียงแต่ต่อมา ไม่รู้ว่าทำไม พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้แสดงพระราชกฤษฎีกาด้วยพระองค์เอง นับตั้งแต่นั้นมาพระยมฉู่เจียงหวังออกมาจากศักดินาและสยบด้วยตัวเขาเองจะตายหรืออยู่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้แน่ชัด ส่วนหน่วยบังคับใช้กฎหมายของเขาถูกโจมตีได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ สมาชิกที่เหลือถูกคุมขังจองจำ”
โจวเจ๋อแคะหู ขมวดคิ้วน้อยๆ พูดแทรกการบรรยายของทนายอันว่า “ไม่เศร้าแย่เหรอ”
ทนายอันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “ผมเคยชอบผู้หญิงคนหนึ่ง”
“เคยนี่หมายถึงเมื่อวานหรือว่าสัปดาห์ที่แล้ว”
“เถ้าแก่ ผมเคยรักผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ รักมาก จนลึกเข้าไปถึงกระดูกเบอร์นั้นเลย”
โจวเจ๋อเลิกเหน็บแนม เพราะเขาสัมผัสได้ว่าทนายอันพูดจากใจจริง
อดีตอาจเป็นหัวใจที่เดินทาง แต่ปัจจุบันจะเดินทางไกลแค่ไหนก็เป็นเพียงไตเท่านั้นที่เดินทาง
“แล้วไงต่อ”
“นางตายด้วยน้ำมือของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย”
โจวเจ๋อเข้าใจทันที มิน่าล่ะ
“เฮอะ ทำไมคุณถึงไม่บอกผมเอง”
ทนายอันก็นั่งลงและหยิบแก้วชามาดื่มอึกใหญ่และพูด “เกรงใจน่ะ”
ไม่ใช่ว่าเกรงใจที่พูดถึงความสัมพันธ์ในอดีต แต่เกรงใจที่สร้างปัญหาให้โจวเจ๋อในเวลานี้ จากนั้นเพื่อแก้แค้นให้ตัวเองก็ยังลากทุกคนเข้ามาพัวพันกับสถานการณ์ที่อันตรายด้วย
อันที่จริง ความคิดของทนายอันก็เหมือนกับความคิดของเหล่าจางก่อนหน้านี้
โจวเจ๋อจุดบุหรี่ สูบและพ่นควันออกมาพลางเอ่ย “ในเมื่อตายตั้งนานแล้วก็อย่าเก็บเอามาใส่ใจอีกเลย”
ทนายอันหยิบแก้วขึ้นมาดื่มอึกๆ จากนั้นก็ตอบ “อืม ใช่ครับ”
เหล่าจางก็เงียบเช่นกัน
โจวเจ๋อยืนขึ้นและบิดขี้เกียจ “เอาล่ะ ผมขึ้นไปแล้วนะ”
“ครับ เถ้าแก่ รีบพักผ่อนเถอะ”
โจวเจ๋อเดินขึ้นไปชั้นบน
“อยากดื่มเหล้าไหม” เหล่าจางถาม
ทนายอันส่ายหน้า “แอลกอฮอล์มอมเมาสติของผมได้ยากมาก เอาล่ะ คุณก็รีบไปพักผ่อนสิ ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกความจริงกับคุณ พวกมันไม่เร่ร่อนที่ทงเฉิงนานเกินไปหรอกและไม่กล้าฆ่าคนมากเท่าไหร่ด้วย”
ในเวลานี้เอง เสียงเท้าดังมาจากบนบันได โจวเจ๋อเปลี่ยนชุดนอนเป็นเสื้อสเวตเตอร์มีฮู้ดเดินลงมาจากชั้นบนลงมาอีกรอบ
เมื่อเขาเดินผ่านเคาน์เตอร์ก็เห็นเหล่าจางและทนายอันยังนั่งซังกะตายอยู่ที่เดิม จึงหยุดฝีเท้าและหันกลับมามองพวกเขาและพูดอย่างหมดความอดทน
“มัวอ้ำอึ้งอะไรอยู่ ไปจัดการพวกมันสิ”
……………………………………………………