มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 44 เธอเป็นอะไรกับเขาน่ะ
หนิงอวี้เฉิงมองแผ่นหลังเธอจากไป หน้าอกก็หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
เขายิ้มเย็นชา แล้วส่ายหน้า
ตัวเองกลายเป็นสนใจประโยชน์ส่วนตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
——
ซูหนานจือก้าวออกจากบาร์ เดินมาถึงแผนกต้อนรับ เอาเช็กที่หนิงอวี้เฉิงให้เธอมอบให้มาดามกู่
“จึ๊ๆ หนานจือ ไม่เลวเลยนะ!” มาดามกู่ยิ้มตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้ รับเช็คมา แล้วจูบอย่างลึกซึ้ง “รักเธอตายเลย”
“น้อยๆ หน่อย” ซูหนานจือก้มหน้าส่องกระจกอย่างไม่แยแส จัดแต่งหน้าผม “แขกคืนนี้มาจากไหน?”
“ก็เป็นผู้ชายที่ใช้เช็คของบริษัทอวี้เฟิงกรุ๊ปคนนั้นไง? ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ถึงเวลาเธอเห็นก็จะรู้”
“อืม”
ซูหนานจือปิดกระจกเบาๆ “มาดามกู่ เดือนหน้าขอลากับคุณหนึ่งเดือน”
“ว่าไงนะ?” ใบหน้าที่ดีใจร่าเริงเมื่อครู่นี้ของมาดามกู่ ทรุดลงทันที “หนึ่ง……หนึ่งเดือน?”
ซูหนานจือไม่อยู่บาร์หนึ่งเดือน เธอจะขาดทุนเท่าไร!
ซูหนานจือเลิกคิ้วอย่างไม่สนใจไยดี “มีปัญหาอะไรเหรอ?”
“เธอ……”
มาดามกู่อยากด่าแต่ก็ด่าไม่ได้ ใครใช้ให้ซูหนานจือโดดเด่นขนาดนั้นล่ะ เธอต้องระมัดระวัง
เธอคิดสักพัก ก็กดเสียงต่ำพูดขึ้น “หนึ่งเดือน มันนานเกินไปนะ หนานจืออ่า ตอนนี้คนที่จองเธอต่อคิวจะไปถึงปีหน้าแล้ว เธอยืดเยื้อมันตลอด มันไม่ดีมากเลยนะ……”
“มันเรื่องของคุณ ในสัญญาเรามีข้อตกลง แขกทุกคนของฉันต้องผ่านการตรวจสอบของฉัน” ซูหนานจือมองเธออย่างเงียบสงบ
“ฉันรู้……”
ซูหนานจือพยักหน้า “งั้นก็ตกลงตามนี้”
“เฮ้……”
มาดามกู่ยังอยากเรียกเธอไว้ แต่เธอเหมือนไม่ได้ยิน หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปข้างนอก
เห็นเธอจากไปแล้ว สีหน้าแววตาประจบประแจงของมาดามกู่ก็บูดบึ้งทันที พูดเยาะเย้ยด้วยความรังเกียจ “ยัยนี่! ก็ออกมาขายไม่ใช่เหรอ ทำหน้าบึ้งให้ใครดู!”
ซูหนานจือเพิ่งเดินออกไปจากบาร์ ก็เจอแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่ง
ฝีเท้าเธอชะงักเล็กน้อย ลมหนาวพัดผ่านไป ทำให้ผิวเธอขนลุกเล็กน้อย
“คุณซู บังเอิญจัง” ลู่ซูอวิ๋นยิ้มสวยเหมือนดอกไม้ ค่อยๆ เดินมาข้างหน้า
ซูหนานจือพยักหน้าให้กับเธอ “คุณลู่”
“คุณซูนี่เพิ่งรับแขกเสร็จเหรอ?” ลู่ซูอวิ๋นยิ้มถาม ในคำพูดมีความเย้ยหยันอยู่รางๆ
ซูหนานจือผลุบตาลง ยิ้มจางๆ “เปล่าค่ะ แค่เมื่อคืนดื่มเยอะ”
ลู่ซูอวิ๋นจะแต่งงานใหม่กับหนิงอวี้เฉิงเดือนหน้าแล้ว เรื่องนี้ในเมืองอันทุกคนรู้กันหมด แต่เมื่อคืนเธอมาพัวพันกับหนิงอวี้เฉิงอีกหนึ่งคืน
ทันใดนั้นลู่ซูอวิ๋นก็คว้าแขนเธออย่างสนิทสนม “ฉันมีบางเรื่องอยากคุยกับคุณซู ไม่งั้นไปบาร์ที่คุณทำงานได้ไหม? ถือโอกาสแนะนำเหล้าดีๆ กับฉันหน่อย”
“แต่ตอนนี้ยังไม่เปิด” ซูหนานจือถูกเธอบังคับเดินเข้าไปในบาร์
สีหน้าแข็งตัวเล็กน้อย ในใจแอบร้องว่าแย่แล้ว หนิงอวี้เฉิงยังอยู่ในห้องส่วนตัวบาร์ไม่ได้ออกมา
เมื่อลู่ซูอวิ๋นไปถึง ทั้งก็สองต้องพบกัน
“เกี่ยวอะไร คุณซูเป็นคนสำคัญของบาร์ เถ้าแก่เนี้ยไม่มีทางไม่ไว้หน้าคุณหรอกใช่ไหม?” ลู่ซูอวิ๋นยิ้มเล็กน้อยนั่งบนบาร์ ทักทายมาดามกู่
มาดามกู่เงยหน้ามองไป ทันใดนั้นก็ตกใจเพราะเธอ “อุ๊ยตาย นี่มันคุณลู่ไม่ใช่เหรอ?”
มือเรียวยาวลู่ซูอวิ๋นหยิบบัตรออกมาหนึ่งใบ วางบนโต๊ะเบาๆ ขมวดคิ้วยิ้ม “เถ้าแก่เนี้ย เอาเหล้าอะไรมาก็ได้ วันนี้ฉันเลี้ยง”
“ได้สิคะ!”
ซูหนานจือนวดขยับด้วยความปวดศีรษะ
เหล้าสองแก้ววางบนโต๊ะ ซูหนานจือขมวดคิ้วมองลู่ซูอวิ๋นยกคอขึ้นดื่มรวดเดียวไปมากกว่าครึ่งแก้ว
“คุณลู่ เหล้านี้มันแรง คุณอย่าดื่มเร็วแบบนั้น” ซูหนานจือรีบแย่งแก้วเหล้าในมือเธอ ขมวดคิ้วแล้วพูด
ลู่ซูอวิ๋นหัวเราะเยาะเบาๆ ถอนหายใจเรียบๆ แกว่งแก้วเหล้าในมือ ราวกับกังวลไม่มีสิ้นสุด
“คุณซู เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับสวนอีกแล้ว”
ซูหนานจือตกตะลึงเล็กน้อย ในใจรู้ดี “เขา” ที่เธอพูดถึง หมายถึงหนิงอวี้เฉิง
ลู่ซูอวิ๋นไม่สนใจความลังเลของเธอ เลิกคิ้วยิ้มเยาะ “เมื่อคืนคุณอยู่กับคู่หมั้นฉัน มีความสุขไหม?”
ซูหนานจือนิ้วออกแรงกำปลายเสื้อผ้าแน่น สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย
อย่างที่คิดไว้ วันนี้ลู่ซูอวิ๋นจงใจมารอถามเธอที่ประตูบาร์
“ฉัน……” ซูหนานจือผลุบตาลง
“ตอนแรกฉันนึกว่า คณะกรรมการผู้บริหารบริษัทอวี้เฟิงกรุ๊ปให้เช็คคุณไปแล้ว คุณจะเลิกกับอวี้เฉิง”
ลู่ซูอวิ๋นยิ้มเยาะ พูดด้วยความสนใจแต่ตัวเอง “ไม่คิดเลย ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ซูหนานจือ คุณยังอยากยุ่งกับเขาอีกนานเท่าไร?”
ได้ยินเสียงน้อยใจของลู่ซูอวิ๋น ซูหนานจือก็หลับตาเบาๆ
ยังจะยุ่งกับหนิงอวี้เฉิงอีกนานเท่าไร? เธอไม่รู้จริงๆ
เธอแค่รู้ว่า เธอต้านทานเสน่ห์ของชายคนนั้นไม่ได้จริงๆ
ทุกครั้งนอกจากเธอจมลงไป ก็คือจมลงไป
“คุณซู ฉันกำลังถามคุณ”
ขณะที่เหม่อลอย เสียงเย็นดุจน้ำแข็งของลู่ซูอวิ๋นก็ลอยมา
ซูหนานจือเงยหน้า น้ำเสียงเย็นชา “ฉันต้องขอโทษคุณด้วย”
“ขอโทษ? ขอโทษมันมีประโยชน์ไหม?”
ลู่ซูอวิ๋นยิ้มขณะยืนขึ้น ทันใดนั้นก็ยกขวดในมือขึ้น ยิ้มเยาะให้กับเธอ “ไม่งั้นเอางี้ คุณซู เรามาเดิมพันกันไหม เดิมพันหัวใจอวี้เฉิงเป็นของใคร คุณกล้าไหม?”
เดิมพันเหรอ?
ซูหนานจือมองใบหน้ายิ้มแปลกๆ ของเธอ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจรางๆ “คุณลู่ ฉันไม่อยากเถียงกับคุณเรื่องนี้”
อีกอย่าง หัวใจหนิงอวี้เฉิงเป็นของใคร เธอก็ไม่อยากรู้ เธอไม่สนใจ
ใช่ เธอไม่สนใจ
ลู่ซูอวิ๋นมองเธอหัวเราะเบาๆ “คุณซูคงไม่ได้กลัวหรอกนะ? คิดว่าคุณนอนบนเตียงอวี้เฉิงมาสามปี ไม่ว่ายังไง ในใจอวี้เฉิงก็คงมีอาณาเขตเล็กๆ ให้เธอล่ะมั้ง”
ในใจหนิงอวี้เฉิง จะมีตำแหน่งของเธอจริงๆ เหรอ?
ครุ่นคิดถึงตรงนี้ หัวใจซูหนานจือก็สัมผัสความอ่อนโยนทันที
ไม่รอให้เธอตอบสนอง ลู่ซูอวิ๋นก็ทุบขวดเหล้าแตกจนเกิดเสียง “เพล้ง”
เมื่อเกิดเสียงดังรุนแรงขึ้น ก็ทำให้พนักงานบาร์ตกใจกลัวจนมองมาด้านในทีละคน
ซูหนานจือมองลู่ซูอวิ๋นอย่างตกตะลึง เธอไม่รู้ว่าหล่อนคิดจะทำอะไรกันแน่
ลู่ซูอวิ๋นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สีหน้าไม่แยแสเหมือนน้ำแข็ง “ซูหนานจือ วันนี้ฉันจะให้คุณได้รู้ความแตกต่างระหว่างเมียหลวงกับเมียน้อย”
ขณะที่พูด ลู่ซูอวิ๋นก็คว้าแขนซูหนานจือขึ้นมา ยกแก้วแตกในมือขึ้น แล้วเจาะลงไปบนผิวขาวเธอจนเป็นรู!
“อ๊ะ——”
ความรู้สึกเจ็บเสียดที่ไม่ได้เตรียมไว้
ลู่ซูอวิ๋นขมวดคิ้วร้องอย่างเจ็บปวด เลือดสดสะดุดตาหลั่งไหลออกมาทันที มันผสมไปกับผิวขาวหิมะของเธอ
“นี่คุณทำอะไร?”
ซูหนานจือขมวดคิ้วมองเธอ เพิ่งถามออกไป ก็เห็นลู่ซูอวิ๋นจับแก้วที่แตกนั้น กรีดลงไปบนแขนตัวเองจนเป็นแผลเหมือนกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ภายในห้อง ได้ยินเสียงชายหนุ่มเคลื่อนไหวยังไม่เดินออกมา เสียงทุ้มต่ำดังออกมาอย่างช้าๆ
ซูหนานจือตกตะลึงทันที ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจแล้วว่า “เดิมพัน” ที่ลู่ซูอวิ๋นกล่าวนั้นหมายถึงอะไร
หนิงอวี้เฉิงยืนตรงประตูห้องโถงใหญ่ เมื่อสายตากวาดมองหญิงสาวสองคน และแขนทั้งสองมีแผลสีแดงสด ดวงตาดำสนิทก็หดตัวทันที เผยความเย็นยะเยือกเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงทุ้มต่ำเร่งรีบของเขาผ่านไป
ซูหนานจือมองเขาอย่างเหม่อลอย
มองริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงของชายหนุ่ม มองดวงตาดำสนิทลุ่มลึกคู่นั้น มองทุกอย่างของเขา
แค่เธอมองเขา เขากลับมองอีกคน
หนิงอวี้เฉิงก้าวไปข้างหน้า ผ่านซูหนานจือไป
เขายื่นมือออกมาจับแขนลู่ซูอวิ๋นที่อยู่ด้านหลังอย่างกังวลใจ
“ทำไมเลือดออกมากขนาดนี้?”
เสียงเขากระวนกระวายใจไม่เป็นคำพูด อย่างน้อยซูหนานจือก็ไม่เคยเห็นด้านกระวนกระวายใจของชายคนนี้มาก่อน
“ฉันไม่เป็นไร อวี้เฉิง” เสียงอ่อนแรงของลู่ซูอวิ๋นดังมาจากด้านหลัง
“บาดเจ็บจนเป็นแบบนี้เรียกว่าไม่เป็นไรเหรอ?” เสียงหมดความอดทนและเย็นชาของหนิงอวี้เฉิงขัดจังหวะเธอ หันศีรษะกลับไปมองพนักงานบาร์ที่เหม่อลอยแล้วพูดขึ้น “ยังไม่รีบมาจัดการอีก?”
ข้างๆ มีคนรีบวิ่งมา ถือผ้าพันแผลและสำลี ทำแผลบนแขนให้ลู่ซูอวิ๋น
“อุ๊ยตาย คุณซู คุณก็บาดเจ็บด้วยเหรอ?” พนักงานบาร์รู้สึกถึงสีหน้าย่ำแย่ของซูหนานจือ จึงอุทานออกมา
ความรู้สึกอับอายร้อนใจอยู่บนใบหน้า ซูหนานจือกุมแผลตัวเอง กัดปาก แล้วเช็ดคราบเลือดที่แขนสุดชีวิต
“ฉันโอเค” หลังจากเธอเค้นออกมาสามคำเรียบๆ กุมแขน หันตัววิ่งเข้าไปในห้องนอนเหมือนหลบหนี
พิงประตู ทั้งร่างซูหนานจือก็ทรุดตัวลงอย่างหมดแรง จ้องมองที่พื้น
รอยกรีดแก้วของลู่ซูอวิ๋นนั้นลึกมาก เลือดยังไม่หยุดไหล กลิ่นคาวเลือดแตะปลายจมูก ระหว่างนิ้วก็มีความรู้สึกขยะแขยงเหนียวเหนอะ
หยดลงพื้นทีละหยด
ซูหนานจือย่อตัวครึ่งหนึ่งนั่งข้างลิ้นชัก หยิบกล่องยาตัวเองออกมาทำแผล
หลังจากสองนาที เธอมองแขนที่ถูกพันเหมือนรังไหมดิบ มันน่าเกลียดมาก
นั่งลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ทันใดนั้นซูหนานจือก็รู้สึกตัวเองน่าขันสิ้นดี
ทำไมเธอเศร้าแบบนี้ ถูกแทงจนเกิดบาดแผลไปเฉยๆ โดยที่ไม่ได้รับความสนใจ
แต่ก็ต้องขอบคุณลู่ซูอวิ๋น ผ่านการเดิมพันนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้
เธอเห็นความร้อนใจ ความวิตกกังวลจากดวงตาชายหนุ่ม ไม่ใช่เพื่อเธอ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในดวงตาเขาไม่มีตำแหน่งของเธอเลย
ซูหนานจือคิดอย่างเยาะเย้ยตัวเอง บางทีการ “มีอาณาเขตเล็กๆ” จากปากลู่ซูอวิ๋นก็ไม่มีด้วยซ้ำ
เธอหายใจเข้าลึกๆ
เรื่องประเภทนี้ จริงๆ แล้วเธอไม่สนใจเลย จริงๆ นะ
แต่ทำไม เมื่อหนิงอวี้เฉิงผ่านไหล่เธอไปอย่างเย็นชา จมูกเธอก็แสบอย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกน้อยใจ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรมาน้อยใจ?
เธอเป็นอะไรกับเขาน่ะ คนรัก ก็ไม่ถือว่าใช่ด้วยซ้ำ
แค่ของเล่นที่เล่นเสร็จแล้วก็ใช้เช็คหนึ่งใบไล่ไปตามอำเภอใจ เป็นผู้หญิงที่ไร้ศักดิ์ศรีและไร้ยางอายเพื่อเงิน……
ซูหนานจือส่ายหน้า หลับตา
เธอเหมือนจะคิดมากไปแล้ว
หลังจากอารมณ์ค่อยๆ สงบลง เธอผลักประตูออกมา ก็เห็นหนิงอวี้เฉิงประคองแขนลู่ซูอวิ๋นพอดี ทั้งสองเดินออกจากบาร์ไปช้าๆ
“เกิดอะไรขึ้น เธอกับลู่ซูอวิ๋น?” มาดามกู่ขมวดคิ้วมองมาที่เธออย่างสงสัย “พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?”
“เปล่า” ซูหนานจือนั่งลงเรียบๆ มองเหล้าที่เธอกับลู่ซูอวิ๋นยังดื่มไม่เสร็จบนโต๊ะ ทันใดนั้นก็เกิดแรงกระตุ้นอยากจะจิบ
มาดามกู่เหลือบมองเธอ ทิ้งยาขี้ผึ้งหนึ่งหลอดตรงหน้าเธอ
ซูหนานจือยกสายตาขึ้นมองเธออย่างไม่เข้าใจ
“หวงแหนหน่อย ดูเหมือนในใจประธานหนิงยังมีพื้นที่เล็กๆ ให้เธอ” มาดามกู่หัวเราะเยาะเบาๆ “เมื่อกี้เขาสั่งให้เอานี่ให้เธอ”
ซูหนานจือยิ้มอย่างเงียบสงบ หยิบยาขี้ผึ้งนั้นขึ้นมา ทิ้งลงถังขยะ
การกุศลอะไรนั่น เธอไม่ต้องการ
“นี่เธอทำอะไร?”
ซูหนานจือยกปากเรียบๆ “ยาขี้ผึ้งฉันมีแล้ว แผลฉันก็จัดการเอง ไม่ต้องให้คนอื่นมาเป็นห่วง”