มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 53 : ระบายความโกรธ
มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
ตอนที่ 53 : ระบายความโกรธ
“อะไรที่ทําให้พูดคํานั้นออกมานะ?!?
มาร์คไม่รู้ว่าจะทําตัวอย่างไรเมื่อเขาถูกแอ็บบีเกลเรียกว่า “ปะป๋า”
ทุกคนที่ได้ยินแอ็บบีเกลพูดออกมาต่างก็รู้สึกตกใจในตอนแรก เพราะว่าพวกเขานั้นได้เห็นอาการและสีหน้าที่หาดูได้ยากจากมาร์ค พวกเขานั้นก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ยกเว้นแองเจ…
“เธอเป็นลูกของนายงั้นหรอ?”
ทุกๆคนมองไปที่แองเจด้วยท่าทีที่เหลือเชื่อ เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่าทุกๆคนจ้องเธอเหมือนกับว่าเธอเป็นยัยโง่คนหนึ่ง จากนั้นเธอจึงรู้สึกตัวและสะดุ้งออกมา
“ฉันคิดผิดใช่มั้ย?”
พอลลาหยักหน้าให้กับเพื่อนที่น่าปวดหัวของเธอ
มาร์คได้ถอนหายใจและพูดออกมา
“ฉันไม่ใช่ปะป๋าของเธอหรอกนะ? เธอไม่คิดว่าปะปาที่แท้จริงของเธอจะเศร้าหรอ”
แอ็บบีเกลส่ายหัวอย่างมาก
“มะม้าบอกว่าปะป่าเกลียดพวกเราและทิ้งมะม้าไปก่อนที่หนูเกิดมาอีก หนูไม่มีปะป๋าหรอก”
เด็กสาวนั้นมองจ้องที่ดวงตาของมาร์คราวกับว่ากําลังมองทะลุลงไปยังจิตใจของเขา
“หนูอยากให้คุณเป็นพ่อของหนู”
มาร์คเริ่มมีอาการปวดศรีษะ ทุกๆคนไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับตรรกะอันน่าทึ่งของเด็กสาวคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น สมองไอคิวของเธอก็ดูไม่สมกับอายุของเธอด้วย!
“ฮ่าฮ่า”
แองเจหัวเราะเยาะให้กับสถานการณ์ที่ลําบากใจของมาร์ค
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้ยินแอ็บบีเกลพูดซ้ําขึ้นมาอีกครั้ง
“ปะปา หนูหิว”
มาร์ครู้สึกพ่ายแพ้
“ก็ได้ เธอควรไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน ตัวอาบเลือดไปทั้งตัว”
แอ็บบีเกลมองไปยังเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่และได้พยักหน้า
เวลา 19.50 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาควร์, ฝั่งตะวันตก, โซนขายสินค้าไอที
มาร์คยืนอยู่ข้างในร้านค้าที่ซึ่งเหมยและแองเจได้ดูแลในตอนที่เขาและพอลลาลงไปหายาที่ชั้นหนึ่ง ข้างหลังเขานั้นก็ได้มีพนักงานบางส่วนซึ่งอยู่ด้วยกันกับเบอนาร์ดและแคลวิน ซึ่งเป็นคนที่มาร์คขอให้อยู่ช่วยแองเจก่อนหน้านี้
หลังจากที่มาร์คส่งตัวแอ็บบีเกลให้กับพอลลา แองเจ และเหมย เพื่อไปชําระล้างตัว และหาเสื้อผ้ารองเท้าให้เธอในร้านขายเสื้อผ้าที่พวกเขาได้ไปกันมาก่อนหน้านี้เสร็จ เขาจึงกลับมาตรวจสอบดูที่ร้านสินค้าแห่งนี้
ตรงหน้าของเขามีชายคนหนึ่งซึ่งนั่งปิดปากอยู่บนพื้นและถูกมัดด้วยสายเคเบิล ชายคนนั้นจ้องมองมาร์คด้วยความเกลียดชังอย่างท่วมท้นซึ่งมันทําให้มาร์ครู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
ชายคนนี้คือคนที่ได้มีปากเสียงกับเจมส์มาก่อนหน้านั้น เขาคือชายที่สูญเสียภรรยาไปในเหตุการณ์สังหารหมู่ซอมบี้ที่เกิดขึ้นในโซนขายสินค้าไอทีที่ผ่านมา
ทําไมชายคนนี้จึงถูกมัด?
ในเวลาที่มาร์คและพอลลาได้เตรียมพร้อมสําหรับการไปหายา มาร์คมอบหมายหน้าที่ให้แองเจปกป้องเหมยจากชายคนนี้ เพราะมาร์คนั้นรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ลุกเป็นไฟของชายคนนี้ เขาแฝงไปด้วยเจตนาที่ต้องการฆ่า เมื่อมาร์คได้ออกไปที่อื่น มาร์คก็ได้เดาไว้แล้วว่าเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะก่อเหตุวุ่นวายอันตราย
และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
ในเมื่อคนเดียวที่อยู่ข้างๆเหมยนั้นคือแองเจ ชายคนนี้ก็คิดว่าเป็นโอกาสของเขา คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักแองเจ เอออาจจะดูเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบางคนหนึ่ง โชคร้ายไปหน่อยสําหรับเขา เขาประเมินหญิงคนนี้ต่ําไปจนแพ้พ่าย อย่างไรก็ตาม แองเจก็ได้รับบาดเจ็บที่ฝ่ามือของเธอ ระหว่างการต่อสู้เธอไม่ทันได้ระวังตัวว่าชายคนนี้อยู่ๆจะเอามีดพับมาใช้
“เป็นไงล่ะ? นายคิดว่าสามารถเอาการแก้แค้นที่แสนโง่เง่าของนายมาใช้ได้หรอ?”
มาร์คพูดออกมาและดึงเทปปิดปากออกจากปากเขา
“ไอ้เฮงซวย!”
“ฉันหรอ? ไม่ใช่นายหรอกหรอ?”
มาร์คจ้องเข้าไปยังดวงตาของชายคนนี้ด้วยสายที่ดูถูกสบประมาท
“ฉันอธิบายไปแล้วไม่ใช่หรอถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้? ถ้านายอยากจะโทษใครถึงเรื่องที่เกิดกับภรรยานาย นายโทษตัวเองเถอะ”
“ฉันทําอะไรผิด? แกมันไอชั่ว แกมันไม่ยอมบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น! เธอตายก็เพราะแก!”
“อะไรจะโงได้ขนาดนี้”
“นี่แกจะทําอะไร!”
มาร์คฉุดตัวของมันให้ลุกขึ้นมาและลากมันออกไปยังนอกร้านค้า มาร์คเหวี่ยงเขาลงกลางพื้นที่ว่างหน้าร้านที่ทําความสะอาดเรียบร้อยแล้วและมองไปที่แคลวิน
“เอาสายเคเบิลออก”
แคลวินมองดูด้วยความงุนงงสับสนและถามเหตุผลที่ให้เอาสายเคเบิลออก
“นายจะทําอะไรนะ?”
มาร์คยักไหล่และตอบกลับไป
“ให้โอกาสเขาได้แก้แค้นไงล่ะ”
ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างก็ได้ตกใจ
หลังจากที่ชายคนนี้ได้เอาสายเคเบิลออก เขาก็ได้ผลักแคลวินกระเด็นออกไปทันทีและพุ่งเข้าไปต่อยมาร์คด้วยหมัดที่หนักแน่น
การชกกําปั้นนั้นทั้งแข็งแรงและรวดเร็ว แต่สําหรับมาร์คผู้ ซึ่งอะดรีนารีนเริ่มออกอาการ ชกหมัดนั้นช่างเชื่องช้า มาร์คได้หลบหลีกไปด้านข้างและปล่อยลูกเตะอันหนักหน่วงไปที่ท้องของชายคนนั้นจนมันทรุดเข่างอลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
“อะไรกัน? นั่นมันเป็นวิธีการแก้แค้นของนายหรอกหรอ? ตลกสิ้นดี ภรรยานายตายและนายก็สามารถแก้แค้นได้แค่กับผู้หญิงที่อ่อนแอ? ฉันรู้ว่านายกลัวฉฉันเพราะว่าฉันมีอาวุธ แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้พกอาวุธไว้สักอันแล้ว จริงๆแล้วนายก็อ่อนแอขนาดนี้เลยหรอ?”
มาร์คเริ่มพูดแหย่ชายคนนั้น
เมื่อชายดังกล่าวได้ยิน ความโกรธของเขาก็เริ่มเผาไหม้อยู่ข้างในขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่สามารถตอบกลับอะไรไปได้ เมื่อลูกเตะที่เขาได้รับมานั้นทําให้เขาเจ็บปวดเกินไปซึ่งทําให้เขาจุกอยู่ที่หน้าท้อง
เมื่อเห็นว่าชายคนนี้เจ็บจนแทบจะอ้วกออกมา มาร์คก็ได้ปล่อยลูกเตะที่ไร้ความปราณีออกไปที่ใบหน้าของมันจนร่างกายมันลื่นไถลไปหลายเมตร
“อย่าทําให้พื้นสกปรกสิ”
ผู้คนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็ต้องตกตะลึงกับความโหดเหี้ยมของมาร์คและเริ่มสงสารชายคนนี้ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครไปหยุดรั้งมาร์ค ทุกคนที่ได้อยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ต่างก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ว่าชายคนนี้เข้าไปจู่โจมผู้หญิงสองคนภายในร้านสินค้า
ชายคนนี้รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าและหน้าท้องของเขาพร้อมกับนอนขดม้วนตัวด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่พื้น
เกรั้ง!
ชายคนนั้นได้ยินเสียงโลหะอยู่เบื้องหน้าเขา เมื่อมองขึ้นไปเขาก็เห็นมีดพับที่มีเขามีอยู่ก่อนหน้านั้น
“ยืนขึ้นและรับไป และก็หลังจากที่แกรับไปแล้วและเข้ามาจู่โจม ตอนนั้นแหละฉันจะฆ่าแก”
ชายคนนั้นได้ยินน้ําเสียงที่สงบนิ่งของมาร์คแต่ก็เต็มไปด้วยเจตนาที่อยากฆ่าทิ้ง แม้กระทั่งผู้คนที่ยืนมองอยู่ก็ไม่สามารถช่วยได้ พวกเขาทําได้แต่สั่นกลัว
“มันจะไม่โหดร้ายไปหน่อยหรอ? ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับแองเจและพอลลาหลังจากนั้นนะ”
เบอนาร์ดผู้ซึ่งยืนอยู่ใกล้มาร์คถามออกไปซึ่งทําให้มาร์คนั้นต้องชําเลืองสายตามองไปยังเบอนาร์ด แต่มาร์คก็ไม่ได้ลดความสนใจต่อชายที่ล้มลงอยู่ที่พื้นลงอย่างใด
“ใช่ มันทําไม่สําเร็จแต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ทําอีกรอบ แล้วอีกอย่างถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้หยิบมีดขึ้นมา แต่ฉันจะไม่ปล่อยมันเดินไปทั่วได้อย่างอิสระอีกต่อไป”
เบอนาร์ดส่ายหัว เขานั้นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกโกรธของมาร์คถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
มาร์คมองกลับไปยังชายที่ซึ่งกําลังลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
“โอ้ ก่อนที่ฉันจะลืมไป ฉันได้ถามคนพวกนี้เกี่ยวกับภรรยาของนายมาแล้ว”
มาร์คอ้าแขนบ่งบอกถึงผู้คนที่มองดูเขาอยู่
“จริงๆแล้วภรรยาของนายได้พยายามหยุดนายไม่ให้ไปเข้าข้างไออ้วนชั่วนั่น แต่นายก็เพิกเฉยเธอไป นี่ไม่ได้หมายความนายคือหนึ่งในคนที่จริงๆแล้วได้ฆ่าภรรยาสุดแสนที่รักของนายไปด้วยหรอ?”
มาร์คกล่าวด้วยความเย้ยหยันและเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
ราวกับได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงที่หูของชายคนนั้น เขาถึงกับตัวแข็งมือและจ้องมาร์คด้วยดวงตากว้างโต
“ฉันคือหนึ่งในคนที่ฆ่าภรรยาของฉัน?!?
คําเหล่านั้นได้ดังก้องเข้าไปในใจของเขาเมื่อเขาเริ่มสูญเสียสติไปแล้ว ชายคนนั้นเริ่มร้องตะโกน ซึ่งทําให้ผู้คนที่มองดูต่างก็ถอยออกไปด้วยความกลัว เมื่อเขาลืมถึงอาการเจ็บปวดที่เขารู้สึกอยู่ เขาก็ได้รีบคว้ามีดที่อยู่ข้างตัวเขาและพุ่งเข้าไปหามาร์คเหมือนเป็นคนบ้า
มาร์คยิ้มออกมาเมื่อเขาพร้อมที่จะจัดการกับชายคนนี้แล้ว การจู่โจมที่เต็มไปด้วยความบ้าระหนี้คือสิ่งที่เขาตั้งตารอคอย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชายคนนี้จะสามารถถึงตัวมาร์คได้ภายในไม่กี่เมตร เงาสีแดงกระพริบไปทางชาย ซึ่งแสงนั้นมาจากทางประตูที่นําไปยังทางเดินพนักงาน
เงาสีแดงปะทะกับร่างกายของชายคนนั้นและเขาก็ได้กระเด็นใส่กําแพงเหมือนกับว่าวที่ไม่มีเชือกบังคับชายคนนั้น ที่ซึ่งศรีษะของเขาฟาดเข้ากับกําแพงเบาๆ และแขนของเขาที่ได้ถือมีดพับอยู่ระหว่างข้อมือนั้นหลุดหักและนั่นไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด เพียงอย่างเดียวที่ได้รับจากแรงกระแทกนั้น
ทุกคนต่างมองไปที่คนก่อเหตุที่ทํากับชายคนนั้น และเห็นว่าเป็นเด็กอายุราวๆแค่หกถึงหกขวบ ซึ่งเธอสวมใส่เดรสสีแดงกับผมหยักศกที่ถูกผูกไว้ด้วยโบว์สีแดง ทุกคนต่างก็ต้องช็อคกับสิ่งที่เห็น รวมถึงเหมย พอลลา และแองเจที่เพิ่งออกมาดูด้วย
มาร์ครู้สึกตกใจและมีนงง แต่อาการเหล่านั้นก็ไม่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขารู้ดีอยู่แล้ว่าเด็กหญิงคนนี้นั้นแปลกประหลาดและไม่ธรรมดา ความตกใจของเขาจึงน้อยกว่าคนอื่นๆที่อยู่รอบๆตอนนี้ จากอารมณ์ที่สงบนิ่ง เธอก็ได้ปลดปล่อยพลังความแข็งแรงออกมาซึ่งนั่นดูไม่เหมาะกับอายุและกายภาพของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้ช่างดูแปลกไปหมด มาร์คได้เดินเข้าไปหาแอ็บบีเกล และนั่งลงตรงหน้าของเธอพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เกล ทําไมเธอทําแบบนั้น?”
เกล นั่นคือชื่อที่มาร์คเรียกเด็กสาวตัวเล็กๆคนนี้ เขาก็ต้องตกใจดูเหมือนมันจะเป็นชื่อที่แม่ของเธอใช้เรียกมาก่อนหน้านี้
แอ็บบิเกลมองไปที่ชายผู้พ่ายแพ้ จากนั้นก็ได้มองตรงมาที่มาร์คด้วยอาการผิดหวัง
“เขาทําร้ายป๊ะป๋า หนูอยากฆ่าเขา แต่ก็ทําไม่สําเร็จ”
เด็กคนนี้พูดบ้าอะไรออกมาเนี่ย?”
นั่นคือสิ่งที่คนอื่นๆคิด เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอคิดและพูดออกมา แต่มาร์คนั้นกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เมื่อเธอกล่าวออกมา มาร์คก็เริ่มที่จะถูกใจเด็กสาวคนนี้เพราะลักษณะเฉพาะตัวของเธอ
มาร์คลูบไปที่ศรีษะของเธอ
“เธอไม่เห็นต้องทําแบบนี้เลยเข้าใจมั้ย? ปะป่าสามารถรับมือกับขยะแบบมันได้ ฉันต้องการฆ่ามันด้วยตัวของฉันเอง เธอรู้มั้ย?”
แอ็บบีเกลพยักหน้า
“นั่นคือสิ่งที่นายสอนลูกสาวนายอย่างงั้นหรอ!?
ทุกๆคนต่างไม่พอใจ
และคู่พ่อลูกคู่นี้นั้นให้คุณค่าอันต่ําต้อยกับชีวิตของคนอื่นที่ได้เกิดมา
“ปะปา หนูหิว”
“ก็ได้ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
มาร์คมองไปที่เหมยที่ทําหน้าตาบึงตึงอยู่ข้างๆ และส่งสัญญานให้เธอตามเขาไป ซึ่งมันทําให้เธอเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเปร่งประกาย ซึ่งรอยยิ้มนั้นทําให้ผู้ชายรอบๆตัวของเธอนั้นมองไม่คลาดสายตา
มาร์คอุ้มแอ็บบีเกลและเดินออกไปตามด้วยเหมย ปล่อยให้คนที่เหลืออยู่ยืนอยู่ตรงนั้นซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรทําอย่างไรต่อไป