มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 2 : ซอมบี้ ?
ตอนที่ 2 : ซอมบี้ ?
วันแรก เวลา10โมง6นาที – ชั้น2 ในห้างสรรพสินค้าแห่งเมืองบาคัวร์, ใจกลางเมือง
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งซึ่งถูกวางไว้รอบวงที่ใจกลางของห้างสรรพสินค้า เขาสวมใส่ชุดสีดำ เสื้อ กางเกงสแลค แจ็คเกต และรองเท้าหนัง ล้วนเป็นสีดำ แม้กระทั่งหมวกไหมที่เขาสวมมันอย่างยุ่งเหยิงหลวมจนเกือบจะถึงไหล่ของเขาก็ยังเป็นสีดำ หน้าของเขาหน้าตาปลานกลาง เขามีดวงตาที่ไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้คนอื่นๆรู้สึกแตกต่างกันออกไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ขึ้นอยู่กับว่าด้านไหนที่พวกเขาจะมองมา ตาขวาเขานั้นทำให้มีลักษณะง่วงเล็กน้อย ในขณะที่อีกข้างนั้นคมโต จมูกของเขาสูงโด่งรับกับใบหน้าที่เรียวยาวของเขา
คนส่วนใหญ่มักจะไม่สังเกตุหรือสนใจอะไรในตัวเขา เนื่องจากเขาก็ดูธรรมดาทั่วไป แต่บางคนก็ช่วยไม่ได้จะแอบชำเลืองมองเขาเพราะชุดที่เขาสวมใส่ เขาสเมือนมีแสงออร่าสีดำกระจายออกมาราวกับว่าเป็นสัญญาณบอกคนอื่นว่าอย่ามายุ่งกับเขา
อย่างไรก็ตาม ท่าทางลักษณะเขาก็ดูเหมือนคนประเภทที่มีสิทธิก่ออาชญากรรมได้
***
มาร์คทรุดตัวลงกับม้านั่งแล้วก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย พร้อมกับฟังเพลงญี่ปุ่นในเครื่องโทรศัพท์ของเขา เขาคิดว่าวันนี้เป็นการเริ่มต้นวันได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ต้องติดอยู่บนถนนที่สภาพการจราจรย่ำแย่ ต่อแถวเสียเวลารอชำระค่าไฟเป็นชั่วโมงแต่ก็เปล่าประโยชน์ ความโชคร้ายของเขายังไม่จบลงเพียงแค่นั้น เมื่อห้างสรรพสินค้าเปิด เขาตัดสินใจเข้าไปในโซนเครื่องเล่นเกมที่ชั้นสามของห้างเพื่อฆ่าเวลาและพักสติอารมณ์ของเขาให้ใจเย็นลง เมื่อเขามาถึงยังโซนเครื่องเล่นเกม เขาก็ต้องหัวเสียอีกอยู่ดี ประตูเข้าโซนเครื่องเล่นเกมได้ถูกเหล็กกั้นเอาไว้ไม่ให้เข้าไปจากด้านนอก
เป็นเรื่องที่น่าท้อแท้สำหรับเขา โซนเครื่องเล่นเกมก็ปิดบริการ มากไปกว่านั้นไม่มีสัญญาณหรือเหตุผลใดๆที่จะบอกว่าเพราะเหตุใดถึงได้ปิด มันดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดลง
อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตุว่าไม่ใช่เพียงแค่โซนเครื่องเล่นเกมเท่านั้นที่ปิด แต่ร้านค้าครึ่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ที่เขาเดินผ่านก็ได้ปิดด้วยเช่น มีอยู่ไม่กี่ร้านที่ยังเปิดอยู่
พนักงานหลายคนที่เขาพบเจอก็มีท่าทางวิตกกังวล บางคนก็พยายามโทรศัพท์โทรหาคนอื่นๆข้างนอก ซึ่งพนักงานตามนโยบายห้างสรรพสินค้านั้นไม่ควรโทรศัพท์ในเวลาทำงาน
มาร์คสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อให้เขาได้ใจเย็นลง เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยในสถานการณ์แบบนี้ เขาได้แต่โทษโชคชะตาของตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รับรู้ถึงบรรยากาศที่กดดันหนักหน่วงที่กำลังโอบล้อมทุกคนอยู่ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่น่าประหลาดใจ เหมือนกับว่ามีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น และมันกำลังจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง
“ฉันแค่หวังว่าว่าจะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นหรอกนะ”
เขาพยายามเอาความคิดลบออกไปจากจิตใจของเขา เขายืนขึ้นและตรงไปยังที่ขายเครื่องดื่มและขนมที่อยู่แถวนั้น
ปังปังปัง!!
เสียงนั่นดังขึ้นตอนที่มาร์คเพิ่งจ่ายเงินเสร็จและรับขวดโซดามาจากพนักงาน เสียงเหมือนจะมาจากชั้นล่างและมันทำให้จิตใจทุกคนตอนนี้นั่นกระวนกระวาย คนส่วนมากไม่คุ้นชิ้นกับเสียงนั่น แต่มาร์ครู้แน่ชัดว่านั่นคือเสียงอะไร
เสียงนั่นคือเสียงยิงปืน และแน่นอนว่ามันคือเสียงปืนลูกซอง
มากไปกว่านั้น เสียงยิงปืนนั้นตามมาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวย
ผู้คนส่วนใหญ่จากชั้นบนนั้นได้ยินอันน่าขนลุกและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้คนเหล่านั้นสอดส่องดูเหตุการณ์อยู่ที่ราวระเบียงในห้างสรรพสินค้า และพยายามหาพื้นที่ชัดๆเพื่อมองลงดูเหตุการณ์ชั้นล่าง
เมื่อพวกเขาได้เห้นเหตุการณ์ก็ถึงกับพูดไม่ออก
มาร์คพลางจิบโซดาที่อยู่ในมือของเขาพร้อมกับเข้าไปดูเหตุการณ์นั้นด้วย
เสียงยิงปืนหลายนัดดังก้องไปทั่วห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ผู้คนหลายคนนั้นก็กำลังวิ่งหนี พวกเขาวิ่งหนีไปทางทิศตะวันออกของห้าง ซึ่งวิ่งหนีมาจากทางที่มีเสียงยิงปืนกระหน่ำ ผู้คนเหล่า
นั้นวิ่งหนีพร้อมตะโกนร้องด้วยความกลัว บางคนก็ถึงกับผลักคนที่ขวางอยู่ข้างหน้าเพื่อที่จะได้วิ่งได้เร็วขึ้น ในขณะที่บางคนนั้นก็ผลักคนที่ว่งช้าออกไป
คนที่อยู่ชั้นล่างวิ่งหนีเบียดเสียดกันด้วยความกลัวและตื่นตระหนก และผู้คนที่อยู่ชั้นบนที่ได้มองลงไปก็มีอาการวิตกกังวัลตามไปด้วย เสียงยิงปืนที่อยู่เบื้องหลังนั้นยังคงยิงกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง
มีเสียงหลายอย่างที่ได้ยินนั้นปนกันอยู่ ทั้งเสียงตะโกน เสียงร้องโหยหวน เสียงคำราม และเสียงปืน แต่อะไรคือต้นเหตุทั้งหมดของความสับสนวุ่นวายนี้?
“โลกนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
ชายที่ยืนอยู่ใกล้มาร์คได้พูดออกมาแทนทุกคนซึ่งก็ได้คิดเหมือนกันกับเขา
ในตอนแรกนั้น สิ่งที่ทุกคนเห็นคือผู้คนต่างวิ่งหนีออกมาจากทิศตะวันออกของห้างสรรพสินค้า ในขณะนั้นผู้คนที่กำลังวิ่งหนีอยู่ด้านล่างก็มีจำนวนเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เสียงยิงปืนก็ได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มาร์คสังเกตุได้ว่าคนที่อยู่ด้านตะวันออกของตัวห้างบนชั้นเดียวกันกับเขานั้น ต่างก็ตกใจและวิ่งหนีบางอย่างด้วยเช่น
ไม่นานนั้น การ์ดของห้างนั้นก็ได้ลั่นกระสุนปืนไปยังเป้าหมายของพวกเขา การ์ดก้าวถอยหลังอย่างไวที่สุดเท่าที่พวกเขาจะไวได้ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้ยิงกระสุนปืนใส่บางอย่างไปพร้อมกัน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสงสัยของพวกเขา พวกเขาเลือกที่จะอยู่ตรงนั้นและดูเหตุการณ์ข้างล่างดีกว่า ถึงแม้ว่าผู้คนที่มองลงมาจากชั้นที่สูงกว่าก็ต่างตกใจกลัวกับเสียงยิงปืน พวกเขาเพิกเฉยแม้กระทั่งกับคนที่ประสบพบเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ข้างล่าง มีไม่กี่คนตรงนั้นที่ถูกเตือนและคนที่สังเกตุรู้ได้ว่ากำลังจะมีอันตรายมาเยือนต่างก็รีบหนีออกไป
“ชิบหาบ! พวกเขาเป็นตัวอะไรกันวะนั่น?!”
มาร์คได้ยินหนึ่งในการ์ดข้างล่างตะโกนออกมาเสียงดัง สิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่พวกการ์ดกำลังประสบพบเจออยู่
แล้วจากนั้นการ์ดคนหนึ่งซึ่งกำลังโหลดลูกกระสุนปืนล้มลงไปพร้อมตะโกนร้องโหยหวน แย่ไปกว่านั้น หลังจากที่การ์ดนั้นล้มลงไป เขาถูกคนที่ร่างกายนองไปด้วยเลือดกระโจนเข้าใส่อยู่เหนือตัวเขาซึ่งเขาไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
“ชิบหาย! จอร์จ!”
แคร๊ง!
การ์ดคนที่ตะโกนออกมาหลังจากเห็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมงานของเขา เขาเข้าไปยิงใส่คนที่กระโจนเข้ามาโจมตีเพื่อนของเขาโดยทันที แต่ก็ไม่มีเสียงกระสุนปืนลั่นออกมา หนำซ้ำ เสียงที่เขาได้ยินมีเพียงแค่เสียงแคร๊งออกมาจากปืนของเขา ลูกกระสุนปืนของเขานั้นก็ไม่มีเหลืออยู่แล้วเช่นกัน!
ด้วยความตื่นตระหนก เขาเอามือที่สั่นอย่างรุนแรงนั้นล้วงหยิบเข้าไปในกระเป๋าเพื่อเอากระสุนปืนออกมาใส่ปืนของเขา กระสุนบางลูกก็ร่วงหล่นลงไปกับพื้น เขาพยายามที่จะโหลดลูกกระสุนใส่อาวุธในมือเขา
แต่โชคไม่ดีนัก สายเกินไป
ก่อนที่เขาจะได้ทันลั่นกระสุนออกไป เสียงร้อนโหยหวนดังลั่นออกมาจากเพื่อนของเขา เขาตัวแข็งเป็นหิน ค่อยยกมือขึ้นทึ้งศรีษะตัวเอง มองดูเพื่อนเขาที่ร่างกายนองเต็มไปด้วยเลือด เลือดพุ่งไหลออกมาสเมือนน้ำพุนองเต็มพื้น ในขณะที่ผู้จู่โจมนั้นกระโจนใส่การ์ดอีกคนและกัดเข้าที่ไปคอพร้อมฉีกหนังออกมาเหมือนสัตว์ที่ดุร้ายและไร้ความปราณีใดๆ และมันก็เคี้ยวเนื้อหนังในปากอย่างหิวกระหาย
เต็มไปด้วยความเดือดดาล การ์ดที่เหลือนั้นถืออาวุธไว้อย่างแนบแน่น ในขณะเดียวกันพวกเขาก็วิ่งเข้าไปหาเพื่อนที่ถูกกัดและล้มลงไปและยิงกระหน่ำใส่ศรีษะของผู้จู่โจมอย่างไร้เมตตา ชิ้นส่วนของสมองและเลือดพุ่งออกมาและร่างกายของมันก็ล้มลงนอนนิ่งอยู่ที่พื้น
แล้วตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกเจ็บปวดไปที่หลัง ในขณะที่สายตาของเขานั้นเริ่มมองเห็นพื้นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ มีความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้จากหลังคอของเขา และความกระสับกระส่ายว้าวุ่นสับสน ก็ได้เข้าไปเติมเต็มในจิตใจของ ในขณะเดียวกันการมองเห็นของเขาก็เริ่มที่จะค่อยๆมืดดับไป
ณ ขณะนั้นที่การ์ดคนแรกได้เสียชีวิตไป ผู้คนที่เหลือซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็รู้สึกเสียขวัญอย่างรุนแรง สเมือนกับค้างคาวที่แตกตื่นอลหม่านซึ่งถูกรบกวนจากการหลับไหลอยู่ในถ้ำของมัน เหล่าผู้คนต่างก็วิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง ส่วนคนที่มีร่างกายที่อ่อนแอกว่าก็วิ่งหนีไปพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว บางคนถึงกับตื่นกลัวจนอ้วกทิ้งไว้ไปตามที่จุดต่างๆ
ในขณะที่คนอื่นๆรอบตัวเขานั้นต่างหวาดกลัว มาร์คยังคงยืนอยู่ราวระเบียงมองดูการ์ดคนที่สองซึ่งถูกกัดอย่างเวทนา หลังจากนั้นเขายังเห็นร่างของการ์ดที่เสียชีวิตไปกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนที่ร่างนั้นจะได้ลุกขึ้นมาและเดินโซซัดโซเซอีกครั้ง ศรีษะของการ์ดคนนั้นได้หมุนไปอีกด้านหนึ่ง เผยให้เห็นรอยกัดที่คอของเขาและหยดเลือดที่ไหลออกมาเปื้อนชุดยูนิฟอร์มอันมีเกรียติยศของเขา
มาร์คขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้านั้น แต่แววตาของเขานั้นกลับส่องแสงแวววาว ตรงกันข้ามกับท่าทีที่ได้แสดงออกมา ภายในใจของเขากลับตื่นเต้น ขณะที่ริมฝีปากเขานั้นกลับยิ้มออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ซึ่งเขาไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้ให้ใครเห็นมาก่อน
“ซอมบี้ ?”
เขาถามขึ้นแต่นั่นใช่แน่นอน ไม่มีใครตรงนั้นได้ยินหรือตอบกลับคำถามของเขา
หากมีใครได้ยินเสียงคำถามของเขา ก็อาจจะสังเกตุได้ว่าเสียงนั่นไม่ได้แสดงถึงกลัวแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหมาย
เขาละสายตาออกจากภาพเหตุการณ์ข้างล่าวว มองดูผู้คนหลบหนีไปที่บรรไดเลื่อนและบรรไดธรรมดาด้วยความตื่นตระหนก ทั้งบรรไดเลื่อนและบรรไดธรรมดานั้นเต็มไปด้วยคนมากมาย
เขาเห็นนักศึกษาหลายคนในหมู่คนแออัด นักศึกษาผู้ชายนั้นสวมใส่ชุดเครื่องแบบเสื้อสีเหลืองสกปรก และกางเกงสแลคสีดำ ส่วนนักศึกษาผู้หญิงสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีเดียวกันและใส่กระโปรงสีเขียวเข้มในขณะที่พวกเขากำลังลงบรรไดเลื่อนไป ชุดเครื่องแบบของพวกเขาสะดุดตาและสร้างความสนใจให้แก่มาร์คอยู่สองสามวินาที เขาเห็นนักศึกษาผู้หญิงผมสีเกาลัดหยิกเป็นคลื่นและมีความยาวประมาณประบ่าอยู่ท่ามกลางนักเรียนพวกนั้น เธอกำลังวิ่งลงไปที่ชั้นล่าง แต่กลับถูกเพื่อนของเธอผลัก
เขากำลังพยายามประเมินกับสถานการณ์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เขากลับหันหลังลงไปมองชั้นล่าง การ์ดซอมบี้ที่เดินโซเซอยู่นั้นหายไปแล้วเหลือแต่ร่างของการ์ดคนอื่นๆที่นอนอยู่บนพื้นและเหมือนกำลังจะกลายร่าง
รอบกายของการ์ดพวกนั้น เต็มไปด้วยร่างของคนที่กำลังวิ่งและเดินโซเซหรือมีท่าทางดุร้าย บางร่างนั้นก็กำลังวิ่งอยู่ด้วยความเร็วที่มีมากกว่าปกติที่กายภาพนั้นจะทำได้และรับไหว
จากนั้นมาร์คก็ได้เคลื่อนไหว แต่ไม่ได้ไปตามทางที่ผู้คนนั้นต่างก็แห่กันไป พวกเขาพากันลงไปที่ชั้นล่างเพื่อที่จะไปสู่ประตูทางออกของห้าง เขารีบวิ่งไปที่ร้านขายของซึ่งเป็นที่ที่เขาไปซื้อโซดาที่เขาได้ถืออยู่ในมือตอนนี้
การที่ได้เห็นว่าไม่มีพนักงานอยู่ในร้านเลย เขาหยิบถุงพลาสติดที่อยู่หลังเคาเตอร์และลงมือหยิบเอาอาหารและน้ำ หลังจากนั้นเขาก็วิ่งไปยังฝั่งตรงข้ามกับเหล่าผู้คนที่วิ่งหนีออกไป เขาถูกต้านอยู่กับผู้คนที่ไหลทะลักเข้ามา และจากนั้นเขาได้ปีนขึ้นไปที่บรรได้เลื่อนไปสู่ชั้นสามด้วยความยากลำบาก