มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 15 : ชีวิตของเธอ ประสบการณ์ของเธอ ความเกลียดชังของเธอ
- Home
- มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
- ตอนที่ 15 : ชีวิตของเธอ ประสบการณ์ของเธอ ความเกลียดชังของเธอ
ตอนที่ 15 : ชีวิตของเธอ ประสบการณ์ของเธอ ความเกลียดชังของเธอ
เวลาเช้า 9.30 – ถนนสายหลวงทิโรนา
ก่อนหน้านี้30นาที
กลุ่มนักเรียนมัธยมปลายกำลังนั่งกินอาหารที่ร้านอาหารใหญ่ที่อยู่ติดกับถนน ในกลุ่มมีอยู่ด้วยกันเจ็ดคน มีผู้หญิงสี่ ผู้ชายสาม พวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับทานอาหารชั้นดีไปด้วย ท่ามกลางพวกเขามีเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับช่วงเวลาแบบนี้
เด็กสาวคนนั้นคือเสี่ยวเหมย เธอเป็นที่หนึ่งในเรื่องของความสวยท่ามกลางนักเรียนหลายๆคน คนส่วนใหญ่ชื่นชมความสวยของเธอ และเธอเป็นที่ชื่นชอบมากท่ามกลางหมู่นักเรียน หลายคนๆอาจจะมีความกล้าที่จะมั่นใจกับการที่เกิดมาโชคดีมีหน้าตาที่สวยงามเช่นนี้ แต่กลับเธอนั้นไม่เลย
ถึงแม้ว่าเธอจะดูดีทุกอย่าง เธอก็ค่อนข้างเป็นคนที่เขินอาย ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการเป็นจุดสนใจซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกรำคาญ ถึงแม้เธอมีทักษะที่สามารถที่จะปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้ด้วยการยิ้มให้ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่อยากทำมากกว่า โดยเฉพาะกับการโดนชายหนุ่มหรือเด็กเข้ามาจีบ ทุกๆครั้งที่เธอเห็นหายตาคนพวกนั้น มันเหมือนเป็นสายตาที่นักล่าต้องการจะกินเหยื่อ เธอเกลียดสายตาพวกนั้นมาก
ที่โรงเรียนของเธอ เธอรู้ว่าเธอเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน เธอได้รับคำสารภาพ ทั้งเป็นจดหมาย และวิธีนี้ก็หายไปด้วยตามยุคสมัยนิยม แต่อย่างไรก็ยังคงมีคนที่ชื่นชอบเธออยู่ดี แต่คงไม่มีใครมาสารภาพด้วยวิธีเก่าๆที่เคยมีคนอื่นได้ทำกันมาแล้ว
เธอได้มองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะกับเธอด้วยท่าทางคิ้วขมวดหน้าตาบึ้งตึง ชายหนุ่มคนนี้คือสาเหตุทั้งหมด แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกปลื้มปิติเลยแม้แต่น้อย
เขานั้นหน้าตาหล่อเหลา ดูไร้กังวล และยิ้มรับกับทุกสถานการณ์ แต่เธอรู้ว่าทั้งหมดนั้นคือการเสแสร้ง เขาเป็นบุคคลที่เจ้าระเบียบ เจ้าเล่ห์ และชอบเห็นคนอื่นเป็นเครื่องมือ และใช้เงินไปกับการเพื่อให้ได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ
มันคือเวลารวมกลุ่มของทั้งครอบครัวพวกเขามาร่วมเจอกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด เป็นเวลาที่เธอได้รู้ด้วยว่าความหมายจริงๆของการมีตัวตนต่อครอบครัวของเธอคืออะไร ยกเว้นกับแม่ของเธอ แค่นั้น
มันก็เหมือนกับลูกสาวของนักธุรกิจและนักการเมืองด้วยกันส่วนใหญ่ พวกเธอถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อที่จะขยายอำนวจของครอบครัวตัวเอง และซึ่งเธอก็เกลียดอะไรแบบนี้ที่สุด
แม้ว่ามันยังไม่เป็นทางการ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอก็คือคู่หมั้นของเธอไปแล้วในทางปฎิบัติซึ่งเธอเกลียดเอาสะมากๆ คนคนนี้พยายามจะละลาบละล้วงเทอมากเกินไป และแน่นอนเธอปฎิเสธตลอด เป็นเพราะว่าเธอเกลียดเขาเข้าไส้
จากนั้น เธอมองไปที่คนที่เธอเรียกว่า “เพื่อน”
อย่างไรก็ตามในส่วนลึกๆของเธอ เธอก็ต้องการที่จะคิดว่าพวกเขาคือเพื่อนที่แท้จริงของเธอ แต่บางครั้งส่วนใหญ่เธอก็คิดว่าอยู่ด้วยกันเพราะหวังผลประโยชน์อะไรสักอย่าง มันเป็นเพราะว่าในทุกๆครั้ง สาวๆเหล่านี้ที่เธอเรียกว่า “เพื่อน” ต่างก็ยกยอชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอ ว่าเขานั้นใจดี มีรอยยิ้มที่ดูดี ต่างๆนาๆ ซึ่งมันน่ารังเกียจมาก
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าพวกเขาถูกจ้างให้ทำ
แต่เธอก็ทำได้แค่ยิ้มรับ เธอต้องฝืนอดทนกับความเฮงซวยนี้ เธอไม่สามารถพูดหรือที่จะทำอะไรได้เลยเพื่อที่จะรักษาหน้าไว้ให้ครอบครัวตระกูลของเธอเอง มันเป็นเพราะเธอยังคงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้อยู่ เธอเกลียดอะไรแบบนี้ที่สุด
คนอื่นๆอิจฉาในความรวยของเธอ ส่วนใหญ่มักคิดว่าพวกเขามีเงิน พวกเขาจะทำอะไรที่ต้องการก็ได้ และพวกเขาก็มีอำนาจ แต่สำหรับเธอนั้นสิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์หรือความหมายใดๆ ทั้งหมดที่เธอต้องการก็แค่อิสระเท่านั้น
ในที่สุด พวกเขาก็ออกมาจากร้านอาหาร เธอเมินเฉยกับสิ่งอื่นๆ เธอก้มจิ้มโทรศัพท์เพื่อจะโทรหาคนขับรถของเธอ เธอแค่อยากกลับให้ถึงบ้านภายในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามการอยู่บ้านก็ทรมานเธอเช่นกัน แต่มันก็ยังคงดีกว่าการที่อยู่ในบรรยากาศมิตรภาพจอมปลอมแบบในตอนนี้
แต่เมื่อเธอได้ถือโทรศัพท์ไว้ข้างหูเธอ เธอก็เริ่มสับสน มันไม่เสียงสัญญานใดๆ แม้แต่เสียงพูดตอบกลับอัตโนมัติของสัญญานโทรศัพท์ เธอจึงมองไปที่หน้าจอเพื่อดูข้อความขึ้นว่า “ไม่สามารถเชื่อมต่อได้” อยู่ตรงกลางหน้าจอ
ปริ๊นนนน! ปริ๊นนนน!
เสียงบีบแตรรถเป็นร้อยๆคันดังเข้ามาในหูของเธอ ขณะเดียวกันเธอก็ได้สังเกตุว่าบนถนนั้นการจราจรติดขัดอย่างหนัก
ปั้ง! ตู้ม!!
เสียงดังที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินถึงกลับต้องสะดุ้ง กลุ่มของเขาติดตามไปกับผู้คนหลังจากเสียงดังนั่นเกิดขึ้นด้วยความสนอกสนใจ สิ่งที่พวกเขาเห็นมันน่าตกใจอย่างมาก รถบัสขนาดใหญ่ก็เกือบจะกลายเป็นเศษซากเหล็กไปแล้ว รถเสียหายไปหลายคัน ถนนพัง และรถJeep ก็พลิกคว่ำ ที่แย่ที่สุดคือร่างของผู้ตายที่กระจัดกระจายอยู่บนท้องถนนและเต็มไปด้วยเลือด
เสี่ยวเหมวยก็ช่วยไม่ได้ที่จะหันไปดู เพื่อนบางคนของเธอวิ่งไปยังข้างถนนใกล้ๆกับเหตุการณ์ และเธอก็อ้วกออกมาเป็นอาหารชั้นหรูที่เพิ่งรับประทานเข้าไป แม้แต่ชายหนุ่มหลายในกลุ่มของเธอก็รู้สึกจะอ้วก
สิ่งที่เกิดขึ้นแทบเรียกได้ว่าหายนะ
หลังจากนั้นพวกเธอก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนมาจากผู้เข้าไปชุลมุนกับเหตุการณ์ ในขณะที่พวกเธอก็ได้ชี้ไปที่เศษซากเหล็กของรถบัส เสี่ยวเหมวยมองไปและเห็นเงาคนโผล่ออกมาจากรถบัส
หลายๆคนบอกว่ามันคือปฎิหารย์ที่คนพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่จากยานพาหนะที่แหลกเหลวไปขนาดนั้น แต่สำหรับเสี่ยวเหมวย เธอกลับรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ
เธอมองไปที่ผู็คนที่ออกมาจากรถบัสและเธอรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนเหล่านั้นจะยังมีชีวิตอยู่ บางคนนั้นแขนขาก็ได้ขาดไปแล้ว เนื้อหนังมังสาของบางคนก็ได้หายขาดไปด้วย บางคนข้อเท้าก็งอจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดชีวิต และทุกๆคนนั้นต่างก็นองเปื้อนไปด้วยเลือดสด
มันไม่สามารถเป็นไปได้เลยที่พวกเขาจะรอดชีวิต
เสี่ยวเหมยเริ่มที่จะเดินถอยออกมาด้วยความกลัวและบางอย่างที่ผิดปกติก็ได้เกิดขึ้น เธอเห็น “ผู้หวังดี” เข้าไปช่วยคนที่ออกมาจากรถบัส
“อ้ากกกกกกก!”
และแล้วสิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้น
เลือดสาดกระเด็นออกมา แต่เลือดนั่นไม่ใช่จากคนที่ออกมาจากรถบัส แต่เป็นชายที่เข้าไปช่วยเหลือ เขาเข้าไปหาหญิงคนหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดและคลานออกมาจากรถบัส ด้วยความที่เขามองข้ามเลือดพวกนั้นไป เขาก็จับแขนทั้งสองข้างของเธอเพื่อจะช่วยพยุงเธอ
แต่นั่นกลายเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดในชีวิต
หญิงสาวคนนั้นที่เขาพยายามจะเข้าไปใช่ จับไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาและกัดเข้าไปอย่างโหดเหี้ยม เธอกัดเข้าไปที่เนื้อคอของเขาและดึงหนังออกมา ปากของเธอเต็มไปด้วยเลือดสด คนอื่นๆที่พยายามเข้าไปช่วย “ผู้บาดเจ็บ” ก็ตัวแข็งทื่อไม่ขยับไปเลยเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น พวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ จากนั้น…
“อ่าาาาห์!”
“ช่วยด้วย!!”
เสียงตะโกนร้องโหยกวนของพวกเขาก็ตามมาเรื่อยๆ จนผู้คนแถวนั้นต่างก็ได้ยินเต็มสองหู
“เกิดอะไรขึ้น?”
เพื่อร่วมชั้นของเสี่ยวเหมยที่อยู่ข้างเธอได้ถามขึ้น
“กรี๊ดดด!! วิ่งงง!!”
“ช่วยด้วยยยย!!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเพิ่มเรื่อยๆ แต่ไม่ได้มาจากสถานที่เกิดอุบัติเหตุ แต่มาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนี้ พวกเขาเห็นคนวิ่งหนีไปทางฝั่งเหนือของถนนสายหลวง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ท่ามกลางคนที่วิ่งหนีอยู่นั้น คนอื่นๆก็เต็มไปด้วยเลือด ตามมาด้วยคนที่วิ่งไล่ตามอยู่ข้างหลังเพื่อที่จะจับพวกเขา หลังจากนั้น…
“อ้ากกกกก!”
คนที่ถูกจับได้ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อเนื้อหนังมังสาของเขาถูกกัดฉีกหลุดออกไปจากร่างกาย
เสี่ยวเหมวยต้องการที่จะวิ่งหนี แต่เธอก็ถูกจับแขนและดึงตัวไป
“นายจะทำอะไร?! ปล่อยนะ!”
เธอตะหวาดใส่คนที่เป็นคู่หมั้นที่ยังไม่เป็นทางการของเธอ
“เธอจะไปไหนล่ะ? เธอคิดว่าเธอสามารถหนีจากเหล่าคนพวกนี้ได้หรอ? มันดีกว่านะที่จะไปหาที่ซ่อนตัว”
เสี่ยวเหมยมองไปที่เขา เธอไม่ต้องการที่จะไปแต่เธอก็คิดว่าเขาก็พูดถูก เธอคิดว่าเธอไม่สามารถที่จะหนีพวกคนเหล่านั้นไปได้เช่นกัน
ในที่สุด เธอก็ยอมให้เขาดึงเธอไปเมื่อเธอไม่สามารถต้านทานการจับกุมของเขาได้ แม้ว่าเธอจะพยายามต่อต้านยังไง ผู้คนที่เปื้อนเต็มไปด้วยเลือดก็จะเข้ามาจับเธอก่อนที่เธอจะได้หนีไปอยู่ดี
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย กลุ่มของเธอก็ได้หนีกะจัดกะจายกันออกไป เป็นเพราะว่าจำนวนคนหนีที่เต็มไปด้วยความตกใจและนั่นก็ก่อให้เกิดความแตกตื่นโกลาหล
จากนั้นเธอก็สบตากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับเธอ ซึ่งกลุ่มนั้นเธอก็เรียกว่าพวกเขาคือ “เพื่อน”