มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2653 ทำลายเส้นทางดารา
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2653 ทำลายเส้นทางดารา
แม้ว่าจุนหลู่จะถูกสังหารไปแล้ว หลัวซิวกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด เพราะจุนหลู่คนนี้ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ก้าวเข้าสู่ระดับเทพมารขั้นเจ็ดครึ่งก้าว แต่เมื่อเทียบกับเทพมารขั้นเจ็ดที่แท้จริงแล้ว ก็ยังหากอยู่อีกมากนัก
เทพมารขั้นเจ็ด อยู่ในโลกมหาศักดิ์แปดด้านมีคุณสมบัติพอให้เรียกแค่ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างไม่เต็มใจ คำว่าไม่เต็มใจที่อยู่ในนี้ ก็สามารถบ่งบอกถึงความโหดเหี้ยมและโหดร้ายของโลกแห่งการฝึกยุทธ์ได้แล้ว
ทะยานเซียน……
หลัวซิวลูบคลำกระบี่ร่องฟ้ากระบี่ร่องฟ้าที่อยู่ในมือ กระบี่เล่มนี้เป็นเมิ่งเสี้ยที่ได้ทิ้งเอาไว้ เขาใช้กระบี่ที่เมิ่งเสี้ย แสดงทะยานเซียนของหวูชวงออกมา
สิ่งของและเรื่องราวต่าง ๆ ที่รอบกายของเขา มักทำให้เขานึกถึงความทรงจำในห้วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ
ชาตินี้ เขาคือหลัวซิว ไม่ใช่ไท่ซ่างฉิงอีกแล้ว ดังนั้นวรยุทธ์และพลังอมตะที่ไท่ซ่างฉิงฝึกฝนเมื่อชาติก่อน ในชาตินี้เขาไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอีกเลย
แต่หลัวซิวทราบดีว่า ที่จริงแล้วเขากำลังหลบหลีก เพราะในชาติที่เขาเป็นไท่ซ่างฉิง เขาติดค้างคนรอบข้างมากจนเกินไป
มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่า ไท่ซ่างฉิงไม่ได้อยากติดข้างคนรอบข้าง เขาเองก็จนใจ แต่เรื่องที่เขาทำ สุดท้ายแล้วก็ทำร้ายคนพวกนั้น
วินาทีนี้ ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะมาระลึกหวนนึกถึงเรื่องในอดีต เขารับปากมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงมาทำลายเขาดึกดำบรรพ์ จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุด ก็คือเส้นทางดาราสายนั้น
ในเขาดึกดำบรรพ์ มีคำว่าเขาอยู่ ดังนั้นสำนักเขาของเขาดึกดำบรรพ์ก็ได้ตั้งอยู่ในกลุ่มเขาแห่งหนึ่ง
แม้ว่าตอนนี้จะได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มเขาและป่าไม้อยู่ ยอดเขาที่สูงที่สุดแห่งหนึ่ง มีชื่อว่าเขาอาจารย์ปู่ ว่ากันว่าเป็นดินแดนแห่งการบรรลุของมหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์
ค่ายวาร์ปที่เชื่อมต่อกับเส้นทางดารา ได้ตั้งอยู่บนยอดเขาอาจารย์ปู่แห่งนี้นั่นเอง ตอนจุนหลู่มาในเมื่อสักครู่นั้น ก็ได้เหยียบตรงนี้เป็นที่แรก
แหวนเก็บของของจุนหลู่ถูกหลัวซิวเก็บเอามา ของคลังโทเท็มเปลวเพลิงนั่นถูกมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงเก็บเอาไป หลัวซิวเองก็ไม่ได้ไปใส่ใจ
หลังจากนั้นไม่นาน เขากับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็ได้มาถึงเขาอาจารย์ปู่ ตัวต้องห้ามที่หลงเหลืออยู่ตรงนี้ สำหรับหลัวซิวแล้วก็เหมือนกับไม่มี
“เส้นทางดารา!”
เมื่อเห็นแสงค่ายที่มีแสงเทวรายล้อมอยู่บนยอดเขาอันกว้างขวางของเขาอาจารย์ปู่ รูม่านตาของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงออดไม่ได้ที่จะหดเล็กลง
จากโบราณมาถึงวันนี้ เวลาสามร้อยล้านกว่าปีได้ผ่านไป มันเป็นเวลาอันยาวนานที่เกือบจะใกล้เคียงกับยุคแห่งความโกลาหล นับตั้งแต่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์สร้างเส้นทางดาราขึ้นมา แต่ไหนแต่ไรมาผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไปตั้งการเดินทางไปยังโลกมหาศักดิ์แปดด้าน เช่นนั้นก็ต้องเดินทางโดยผ่านเส้นทางแสงดาว
แน่นอนว่าก็มีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์บางคนที่ได้ยันต์ทะลุฟ้าระดับเทพขั้นเจ็ดมาโดยบังเอิญ สามารถฉีกพื้นโลกปริภูมิได้ แต่นั่นมันก็มีน้อยมาก
หลัวซิวจับจ้องมองไป ลายค่ายกับยันต์ค่ายในค่ายกลแห่งนี้ซับซ้อนเป็นพิเศษ แม้จะอาศัยแดนค่ายกลในตอนนี้ของเขา ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร ถึงสามารถค้นพบเส้นสนกลในบางอย่าง
นี่คือค่ายวาร์ปปริภูมิระดับเทพขั้นเจ็ด และยังเป็นค่ายวาร์ประดับเทพขั้นเจ็ดชนิดที่อยู่ในระดับสูงมาก
ไม่เพียงแค่เท่านี้ จากร่องรอยของค่ายวาร์ปปริภูมินี้ หลัวซิวได้มองเห็นเงาของการสืบทอดค่ายกลโลกมหาศักดิ์ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ค่ายกลที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์จะสามารถสร้างขึ้นมาได้ เขาน่าจะได้เชิญนักค่ายเทพขั้นเจ็ดจากโลกมหาศักดิ์แปดด้านท่านหนึ่งมาถึงสามารถสร้างค่อยกลเส้นทางดาราได้สำเร็จ
ค่ายกลระดับนี้ ด้วยผลการฝึกตนของหลัวซิวในตอนนี้ยังไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ แต่ถ้าหากต้องการทำลายการขับเคลื่อนของค่ายกลนี้ ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไร
จากปากของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง หลัวซิวได้รู้แล้วว่าเขาดึกดำบรรพ์มีเทพมารระดับเจ็ดท่าหนึ่งอยู่ คนผู้นี้ปิดขังฝึกตนอยู่เป็นเวลานาน ตอนนี้น่าจะยังไม่รู้เรื่องความเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นในมหาโลกาพันสาม
ทันทีที่คนผู้นี้ออกจากการฝึกตัว ลงมาสู่โลกามนุษย์ด้วยผลการฝึกตนเทพมารขั้นเจ็ด ไม่ว่าจะสำหรับเผ่าจี้หรือว่าหลัวซิว ล้วนแต่เป็นภัยพิบัติอย่างแน่นอน
ดังนั้นที่หลัวซิวมาในครั้งนี้ ก็คือเพื่อทำลายเส้นทางดารา ทำให้ผู้แข็งแกร่งในโลกร้างไม่สามารถข้ามพื้นโลกปริภูมิมาได้อย่างง่ายดาย
แม้การทำเช่นนี้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาโดยพื้นฐานได้ เพราะถ้าหากผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นเจ็ดยอมสูญเสียอะไรบางอย่างเพื่อแลก ก็สามารถฉีกพื้นโลกปริภูมิเพื่อข้ามมาได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ทำลายเส้นทางดารา สามารถยื้อเวลาให้เขากับเผ่าจี้ได้มากยิ่งขึ้น
“เจ้าจะทำลายเส้นทางดาราหรือ?”
เมื่อได้ฟังหลัวซิวบอกถึงเป้าหมายของตนเองออกมา มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็ได้ขมวดคิ้ว เขาต้องการทำลายเขาดึกดำบรรพ์ แม้ว่าเป้าหมายหลักคือเพื่อล้างแค้นในตอนนั้นให้กับตัวเอง ยังมีอีกเป้าหมายหนึ่งก็คืออาศัยเส้นทางแสงดาว เพื่อไปยังโลกมหาศักดิ์แปดด้าน
หากหลัวซิวทำลายเส้นทางดารา แม้จะทำให้ผู้แข็งแกร่งของโลกร้างไม่อาจมาได้โดยง่าย แต่ก็อย่าคิดที่จะเข้าไปโลกมหาศักดิ์โดยอาศัยเส้นทางดารา
ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงในตอนนี้ อยู่ในมหาโลกาพันสามไม่มีทางที่จะเพิ่มขึ้นไปได้อีกแล้ว มีเพียงไปยังโลกมหาศักดิ์แปดด้าน ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้าไปอีกขั้น
“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดละก็ แท่นบูชาวาร์ฟที่อีกด้านของเส้นทางดารา ก็ต้องถูกเขาดึกดำบรรพ์ในโลกร้างควบคุมอยู่เป็นแน่ หากท่านต้องการผ่านไปโดยใช้เส้นทางดารา ก็เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง”
คำพูดเรียบ ๆ ของหลัวซิว เขารู้ว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงคิดอะไรอยู่ แต่เส้นทางดาราสำหรับพวกเขาแล้ว เป็นเพียงแค่ซี่โครงไก่ที่ไม่มีค่าอะไรนัก
“ช่างเถอะ ทำลายก็ทำลายไปเลยเถอะ” มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงเองก็เข้าใจตรงจุดนี้ เขาแค่รู้สึกจนใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ที่เขามาบุกเขาดึกดำบรรพ์ในตอนนั้น ก็เพื่ออาศัยเส้นทางดาราเดินทางไปยังโลกมหาศักดิ์เท่านั้นเอง สุดท้ายกว่าเขาจะทำลายเขาดึกดำบรรพ์ได้และมายืนอยู่ตรงหน้าเส้นทางดาราแห่งนี้ กลับไม่สามารถเข้าไปด้านใน มันทำให้ในใจเขามีความรู้สึกผิดหวังอย่างเคว้งคว้าง
หลัวซิวก็ไม่ได้พูดมากอะไร จากความเข้าใจที่เขามีต่อค่ายกล เขาไม่จำเป็นต้องรื้อค่ายกลของเส้นทางดาราเลย เพียงแค่อาศัยธงค่ายแปรเป็นลายค่าย เพื่อรบกวนการขับเคลื่อนลายค่ายของค่ายวาร์ปเส้นทางดารา คนในโลกร้าง ก็อย่าคิดที่จะใช้เส้นทางดาราวาร์ปมาที่นี่
ตอนที่ทำเรื่องราวพวกนี้เสร็จ หลัวซิวก็ได้วางค่ายกลสิบกว่าค่ายเอาไว้บริเวณใกล้เคียงกับเขาอาจารย์ปู่ ค่ายกลทุกค่ายล้วนแต่ใช้วัสดุชั้นสูงจารึกลายค่าย ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์มาที่นี่ ก็อย่าคิดที่จะบุกเข้ามาได้โดยง่าย
อีกอย่างหากมีคนบุกเข้ามาในที่แห่งนี้ ตราบใดที่หลัวซิวยังอยู่ในมหาโลกาพันสาม ก็จะสามารถสัมผัสได้
……
ในห้องโถงว่าการของสำนักจักรพรรดิแสงดาว รวบรวมไปด้วยเจ้าสำนักคนใหม่ที่พึ่งรับตำแหน่งกับบรรดาผู้อาวุโส ครั้งที่แล้วสำนักจักรพรรดิแสงดาวได้เข้าร่วมการปราบปรามยอดอัมพรเผ่าจี้ที่มีเขาดึกดำบรรพ์เป็นผู้นำ ผลลัพธ์คือศึกครั้งนี้ไม่เพียงล้มเหลว บรรพอาจารย์แสงดาวกับเจ้าสำนักคนที่แล้ว ต่างก็ได้สิ้นชีพลงในศึกครั้งนั้น
ผ่านมาแล้วสี่สิบกว่าปี เดิมคิดว่ามีพลังสยบซึ่งมองไม่เห็นของเขาดึกดำบรรพ์อยู่ เผ่าจี้ก็คงไม่กล้าทำอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า เขาดึกดำบรรพ์จะถูกทำลายลง
ในตอนที่ข่าวนี้ได้กระจายออกไป ไม่ใช่แค่เพียงสำนักจักรพรรดิแสงดาว ทุกกองกำลังในมหาโลกาพันสาม ต่างก็ต้องตกตะลึงกับข่าวที่ได้ยิน ล้วนแล้วแต่ไม่อยากจะเชื่อ
ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างพากันไปสำรวจที่มหาโลกะดึกดำบรรพ์ ตอนได้เห็นดินแดนเขาดึกดำบรรพ์ถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง ทุกคนจึงได้แต่เชื่อความจริงนี้ขึ้นมา
ว่ากันว่าผู้ที่ทำลายเขาดึกดำบรรพ์ คือมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงกับกรรมาปะเผ่าอารักษ์ของเผ่าจี้ หลิวซิว!
“ผู้อาวุโสทุกท่านเรื่องนี้ควรทำเช่นไรดี?”
เจ้าสำนักคนใหม่ที่เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งดูอายุยังน้อย เวลาในการฝึกฝนยังไม่ถึงหมื่นปี ก็เป็นผู้แข็งแกร่งในแดนจักรพรรดิเทพแล้ว
แต่ต่อให้เขาเป็นจักรพรรดิเทพ ตอนที่ได้ข่าวการถูกทลายของเขาดึกดำบรรพ์ ก็ตกใจจนเหงื่อไหลอาบไปทั่วร่าง
เพราะหลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงสามารถร่วมมือกันทำลายเขาดึกดำบรรพ์ได้ เช่นนั้นสำนักจักรพรรดิแสงดาวที่เทียบกับเขาดึกดำบรรพ์ไม่ได้เลย ก็ยิ่งรับมือกับการโจมตีของพวกเขาไม่ได้
สำนักจักรพรรดิแสงดาวเป็นเช่นนี้ ทางสำนักจักรพรรดิจ้านเทียน ก็กำลังหวั่นเกรงเช่นเดียวกัน!
อย่างไรเสียมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็เป็นการดำรงอยู่ที่แทบจะไร้เทียมทานในเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน สองสำนักใหญ่อย่างแสงดาวกับจ้านเทียนต่างก็ไม่มีบรรพอาจารย์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ประจำการ แม่จะมีรากฐานอยู่บ้าง หากต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง ก็คงต้องตายอย่างไรทางรอดแน่นอน
ยิ่งกว่านั้นแล้วยังมีหลัวซิวอีกคน คนผู้นี้เป็นกรรมาปะเผ่าอารักษ์ของเผ่าจี้ ฝีมืออันทรงพลังอย่างสุดขีดในศึกใหญ่ครั้งนั้น สามารถสังหารซือถูเซิ่งเจี๋ยประมุขเขาของเขาดึกดำบรรพ์ในสนามรบได้!
หลังจากข่าวที่เขาดึกดำบรรพ์ลูกทำลายกระจายออกไป ไม่นานสำนักจักรพรรดิแสงดาวกับสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนก็มีความเคลื่อนไหว ก่อนอื่นพวกเขาได้รวบรวมศิษย์อัจฉริยะของสำนัก จากนั้นก็ได้ส่งออกไปโดยผ่านเส้นทางลับ
หลังจากทำการเตรียมการพวกนี้เสร็จเรียบร้อย เจ้าสำนักคนใหม่ที่เพิ่งขึ้นรับตำแหน่ง รวมทั้ง เจ้าสำนักจ้านเทียนก็ได้นำผู้อาวุโสหลายคนมุ่งหน้าไปยังดารายอดอัมพร แถมยังได้ส่งหนังสือไปให้ บอกว่ามาเพื่อขอรับโทษ
ไม่มีเรื่องอะไร ทำให้คนตกตะลึงไปกว่าเรื่องที่เขาดึกดำบรรพ์ถูกทำลาย ต่อให้เผ่าจี้รับมือกับสงครามปราบปรามครั้งนั้นได้ ก็ไม่มีใครจะตะลึงไปกว่าตอนนี้แล้ว
นอกเหนือจากความตกตะลึง ที่ตามมาก็เป็นความสั่นสะเทือน ก่อนอื่นคือหอยอดอัมพรตั้งอยู่ดารายอดอัมพรเหมือนกันกับเผ่าจี้ บรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์กับเจ้าหอยอดอัมพรได้มาขอพบที่เผ่าจี้ ไม่เพียงมอบเหล็กเศษณ์ทองเซียน วัสดุของล้ำค่าให้ แถมยังเสนอตัวว่าจะอพยพ ออกไปจากมหาโลกายอดอัมพร
เห็นได้ชัด หอยอดอัมพรเลือกที่จะปกป้องตัวเอง พวกเขาทราบเป็นอย่างดีว่าเผ่าจี้ในตอนนี้เจริญรุ่งเรือง หากเผ่าจี้ต้องการควบคุมดวงดาวแห่งนี้ หอยอดอัมพรย่อมต้องรุดหน้าเป็นอันดับแรก มีความเป็นไปได้มากที่จะถูกทำลายล้าง เดินขึ้นสู่ตำหนักเสินหยู กลายเป็นฝุ่นเมื่อตระกูลหงรวมทั้งเขาดึกดำบรรพ์เดินผ่าน
หลังจากออกมาจากเผ่าจี้ หอยอดอัมพรก็ได้เรียกรวบรวมศิษย์ในสำนักโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็อพยพออกไปจากดารายอดอัมพร
ในขณะเดียวกันนั้น จี้เสวียนคงได้เป็นตัวแทนของเผ่าจี้ออกประกาศ นับจากนี้เป็นต้นไป ดารายอดอัมพรเปลี่ยนชื่อเป็นดาราจี้ มหาโลกายอดอัมพร ก็ได้เปลี่ยนเป็นชื่อมหาโลกาเผ่าจี้
เดิมทีชื่อของดาราหลักกับมหาโลกา ต้องการใช้ชื่อของหลัวซิวมาตั้งชื่อ แต่ได้ถูกหลัวซิวปฏิเสธไป เพราะเขาไม่ได้ใส่ใจชื่อเสียงที่ไม่สำคัญพวกนั้นเลย
กองกำลังและสำนักต่าง ๆ ในมหาโลกายอดอัมพรต่างพากันนำของขวัญมาขอพบที่เผ่าจี้
เพียงชั่วขณะนั้น อิทธิพลของเผ่าจี้ได้อยู่เหนือกองกำลังและสำนักต่าง ๆ ในมหาโลกาพันสาม หากอิทธิพลเช่นนี้พัฒนาต่อไป เป็นไปได้มากที่จะกลายเป็นเขาดึกดำบรรพ์ที่สอง เป็นใหญ่ในมหาโลกาพันสาม!
หลัวซิวมิได้ไปใส่ใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด อย่างไรเสียก็มีผู้อาวุโสเผ่าจี้กับจี้หานยู่ไปจัดการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เขาต้องทำนั้นคือออกไปตามหาทรัพยากร เพื่อนำมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
ด้วยแดนการฝึกตนของหลัวซิวในตอนนี้ มีเพียงทรัพยากรสูงสุดในมหาโลกาพันสามเท่านั้นถึงจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกตนของเขา เขาต้องการยาเซียนระดับหกจำนวนมาก ถ้าหากสามารถหาทรัพยากรฝึกตนอย่างหินแก้วดั้งเดิมหรือไม่ก็หินบรรพไท่ชูมาได้ก็ยิ่งดี
แต่น่าเสียดายถึงแม้ว่ามหาโลกาพันสามจะกว้างขวาง แต่ทรัพยากรกลับไม่ได้หาได้ง่าย ๆ เช่นนั้น สถานที่อันตรายต่าง ๆ ที่ลำลือกัน หลัวซิวได้ไปมาแล้วหลายที่ มีบางสถานที่ที่เกือบทำให้เขาสูญเสียชีวิตไป แต่ทรัพยากรที่เหมาะสมกับการฝึกตนของเขานั้น กลับยังคงหาได้ไม่มากนัก
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ เวลาสามสิบปีก็ได้ผ่านไปอีกแล้ว ตั้งแต่เรื่องที่เผ่าจี้ถูกปราบปรามเมื่อครั้งก่อน ได้ผ่านไปเกือบเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว
สำหรับผู้แข็งแกร่งนักยุทธ์จำนวนมาก เวลาเช่นนี้ไม่นับว่านานนัก มีอยู่หลายคนที่เมื่อแปดสิบปีก่อนผลการฝึกตนอยู่ในระดับไหน แปดสิบปีต่อมาก็ยังคงอยู่ในระดับนั้น ที่ได้เพิ่มขึ้นมาบ้าง ก็มีขีดจำกัด
แต่ผู้คนข้างกายหลัวซิว กลับถูกกำหนดว่าต้องไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไป เดิมทีพรสวรรค์ของเหยียนเยว่เอ๋อร์กับเหยียนซีโรว่ก็ไม่เลวอยู่แล้ว มียอดวรยุทธ์ที่หลัวซิวถ่ายทอดให้และทรัพยากรจำนวนมากที่เขามอบให้ ผลการฝึกตนต่างก็ได้บรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพขั้นสูง
จี้เสี่ยวจื่อก็ได้ฝึกตนจนบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพขั้นสูง ผู้ที่รุดหน้าไปเร็วที่สุดก็ยังคงเป็นยู่เอ๋อร์เด็กคนนั้น ตอนนี้นางได้เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพช่วงปลายเป็นที่เรียบร้อย ความเร็วของการเดินหน้า แม้แต่หลัวซิวเองยังต้องแจะปาก อีกอย่างนางยังได้สัมผัสรู้ถึงเกณฑ์นิรันดร์แล้วด้วยเล็กน้อย และยังได้ควบคุมพลังแห่งเกณฑ์ อาศัยผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพขั้นเจ็ด นางถึงขนาดที่ว่ามีฝีมือของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ธรรมดาทั่วไปแล้ว
พรสวรรค์ของเสิ่นปิงหยูก็ไม่ได้ทำให้หลัวซิวผิดหวัง ช่วงที่นางอยู่ในเผ่าจี้ หลัวซิวก็ไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง นอกเหนือจากช่วยจัดหาทรัพยากรวรยุทธ์ เขายังได้ให้คำแนะนำการฝึกตนกับนางด้วยตัวเอง ต่อจากยู่เออร์ นางเป็นคนที่สองที่ฝึกฝนถึงแดนจักรพรรดิเทพ