มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2608
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2608
“เหอะ ๆ อันที่จริงการเดินทางมามหาโลกายอดอัมพรในครั้งนี้ของข้า นอกจากวัตถุประสงค์หลักที่มาให้การช่วยเหลือสหายหลัวแล้ว ข้ายังวางแผนที่จะเชื้อเชิญหลัวซิวเดินทางไปภูเขาถูหลิงพร้อมกันด้วย!”จู่ ๆ มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็เอ่ยปากพูด
“ภูเขาถูหลิง?”หลัวซิวรู้สึกคุ้นชื่อนี้เล็กน้อย แผ่ตัวสำนึกเข้าไปในม้วนหยกแผนที่ดาว ก่อนจะเจอคำแนะนำของภูเขาถูหลิงที่อยู่ด้านบนอย่างรวดเร็ว
ภูเขาถูหลิงตั้งอยู่บนดาราดวงหนึ่งที่อยู่ค่อนข้างไกลบนโลกาโกลาหล ส่วนความเป็นมาของเขาดังกล่าวนั้น เล่ากันว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์โกลาหลเคยสังหารญาณโหดสุดสยองตัวหนึ่งที่เคยดูดกลืนผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพไปเยอะมากอยู่บนดาราดวงนั้น
เมื่อ 30 กว่าล้านปีก่อน มีคนเห็นรุ้งเทวดวงหนึ่งฉีกกระชากอนัตตาร่วงหล่นลงมาในภูเขาถูหลิง เมื่อนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนต่างแตกตื่นแล้วพากันไปสำรวจ ทว่ากลับไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย
มีคนบอกว่ารุ้งเทวที่ร่วงหล่นลงมานั้นคือสมบัติล้ำค่า และมีคนบอกว่ามันคือศัสตราวุธที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม หลังจากรุ้งเทวดวงนั้นร่วงหล่นลงมาในภูเขาถูหลิงแล้ว มันก็หายวับไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีผู้ใดค้นพบมัน
แต่มีปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากรุ้งเทวดวงนั้นร่วงหล่นลงมาในภูเขาถูหลิงแล้ว ก็มีค่ายกลต้องห้ามจำนวนมากปรากฏในภูเขาถูหลิง หลังจากผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพบุกเข้าไปแล้ว ก็ถึงกับติดอยู่ภายในหลายล้านปีถึงจะออกมาได้
อดีตเคยมีมหาปรมาจารย์ค่ายเทพอนุมานอยู่ภายในภูเขาถูหลิงนานหลายปีมาก ท้ายที่สุดก็ยืนยันได้ว่าค่ายต้องห้ามที่นับไม่ถ้วนที่ปรากฏในภูเขาถูหลิงเกิดประสิทธิผลด้านการอำพราง ของล้ำค่าที่คนจำนวนมากต่างใฝ่ฝันก็ซ่อนอยู่ในภูเขาถูหลิงนี่แหละ
การอนุมานของมหาปรมาจารย์ค่ายเทพคนหนึ่งถือว่ามีความน่าเชื่อถือมาก ๆ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดกระแสนิยมที่ล้นหลามอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดผู้คนก็ไม่ได้รับอะไรเลย
กาลเวลาค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป บัดนี้ก็ผ่านไป 30 ล้านกว่าปีแล้ว ภูเขาถูหลิงก็ค่อย ๆ เงียบหายไปจากความทรงจำของผู้คนแล้ว
“เหตุใดสหายโยหมิงถึงนึกอยากไปภูเขาถูหลิงกะทันหันเล่า? หรือว่าเจ้าก็หวั่นไหวต่อภัณฑ์เซียนสูงสุดนั่นในตำนานเช่นกัน?”หลัวซิวยิ้มพลางถาม
“เหอะ ๆ ข้าไม่เข้าใจเรื่องค่ายกล มิหนำซ้ำผ่านมา 30 ล้านกว่าปีแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดพบสิ่งนั้นเลย”
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิหัวเราะแล้วพูด “ทว่าครั้งนี้กลับแตกต่างกัน ในตระกูลหงมีนักค่ายเทพระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อุบัติขึ้นมาคนหนึ่ง และภูเขาถูหลิงก็ตั้งอยู่ในโลกาโกลาหล พวกเขาจึงต้องเดินทางไปแน่นอน หากภัณฑ์เซียนสูงสุดคงอยู่จริง ข้าคิดว่าเมื่ออาศัยศักยภาพของสหายหลัวและข้าแล้ว การที่จะขอแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งนั้นน่าจะไม่ใช่ปัญหาหรอกกระมัง?”
“นักค่ายเทพระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์?”หลัวซิวที่ได้ยินข่าวคราวนี้แล้วรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เท่าที่เขาทราบมา ในประวัติศาสตร์ของมหาโลกาพันสาม ไม่ว่าจะเป็นนักกลั่นยา นักค่ายกลหรือนักหลอมอาวุธ ระดับฝีมือมากสุดก็เทียบเท่ามหาปรมาจารย์ระดับห้าเท่านั้น ยังไม่เคยมีระดับหกปรากฏมาก่อนเลย
เนื่องจากความขาดตกบกพร่องของเกณฑ์ฟ้าดินในมหาโลกาพันสาม จอมยุทธ์บางส่วนที่มีพรสวรรค์ปัญญาสูงส่ง แม้แต่เวลาในการฝึกตนยังไม่เพียงพอเลย แล้วจักยังมีกะจิตกะใจที่มากมายขนาดนั้นไปตระหนักรู้ในวิถีโอสถ วิถีค่ายกลหรือวิถีอาวุธได้อย่างไร?
เพราะฉะนั้นการที่สามารถบรรลุเป็นมหาปรมาจารย์ระดับห้าได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ๆ แล้ว การที่จะบรรลุสู่ระดับหกนั้น ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าต้องมีพรสวรรค์สติปัญญาที่สูงมาก การถ่ายทอดสืบสานของวิถีค่ายที่เขาฝึกและยึดกุมก็ต้องไม่ธรรมดามากแน่นอน
จากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของหลัวซิว อันที่จริงเขาก็สามารถจัดวางค่ายเทพระดับหกได้อยู่ แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วค่ายเทพระดับห้าจะจัดวางง่ายกว่า อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกันพลานุภาพก็ค่อนข้างอ่อนกว่าเช่นกัน มากสุดแค่สามารถสร้างผลกระทบต่อผู้ที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิได้เล็กน้อย แต่ถ้าเกิดพูดถึงระดับฝีมือและแดนบนวิถีค่ายกล หลัวซิวมั่นใจดีว่าเมื่ออาศัยความลึกลับและมหัศจรรย์ของวิชาฎีกาค่ายแล้ว เขาก็ไม่ด้อยกว่านักค่ายเทพระดับหกทุกคนในโลกอย่างแน่นอน
“ข้าก็วางแผนที่จะไปสำรวจภูเขาถูหลิงรอบหนึ่งพอดีเลย เช่นนั้นก็ขอเดินทางไปพร้อมกับสหายโยหมิงก็แล้วกัน”หลัวซิวพยักหน้าตอบตกลง
“ดี! หากเราได้ครอบครองสมบัติบนภูเขาถูหลิง เราก็จะแบ่งกันสามส่วน เป็นอย่างไร?”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิถาม เขาต้องนับลาร์เป็นหนึ่งในสมาชิกอยู่แล้ว เนื่องจากเขาเห็นขั้นตอนการที่ลาร์ปะทะกับหรงเทาแล้ว ทราบว่าศักยภาพของลาร์นั่นมีเพียงจะแข็งแกร่งกว่าเขา