มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1410
“ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธยังรวมตัวกันไม่สมบูรณ์ ต้องน่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตแน่นอน ไม่แน่เขาอาจจะดับสลายสูญสิ้นในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์ก็เป็นได้ ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ หลังจากที่เขาดับสลายสูญสิ้นแล้ว อาวุธทุกชิ้นที่ทิ้งไว้ต้องเป็นสมบัติที่ไม่สามารถประมาณค่าได้อย่างแน่นอน!”แต่ทว่ากลับมีเทพมารบางส่วนไม่ยอมจากไป ยังคงหวังอยู่ว่าตนอาจจะเคราะห์ดี
อีกอย่างบัดนี้มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่มาจากสถานที่ต่าง ๆ ได้มารวมตัวกันอยู่ ณ อาณาจักรเหนือแล้ว การที่จะให้คนทั้งหมดหนีจากไปนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ตู้มม! ……”
สายฟ้าสีทองผ่าทะลุขอบฟ้า บนท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ถูกสายฟ้านั่นผ่าจนเกิดเป็นร่องรอยสีทอง ดุจกระบี่เทพสีทองเล่มหนึ่งผ่าลงมาทางหลัวซิวที่อยู่ด้านล่าง
เหล่าเทพมารจำนวนมากที่อยู่ห่างออกไปไกลหมื่นไมล์ต่างแสดงสีหน้าท่าทางหวาดผวาออกมา เนื่องจากแค่สายฟ้าสีทองนั่นสายฟ้าเดียว ก็ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงลมปราณแห่งการทำลายล้างแล้ว มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงปลาย เมื่อถูกสายฟ้าสีทองนั่นเฉียวโดนเล็กน้อย ก็จะดับสลายเป็นฝุ่นผงในชั่วพริบตาเดียว
นี่ไม่ใช่พลังที่สามารถคงอยู่ในพิภพต่ำเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานมันได้
เมื่อเผชิญหน้ากับสายฟ้าที่น่าสยดสยองเช่นนี้ สีหน้าท่าทางของหลัวซิวกลับดูเรียบนิ่งมาก เห็นเพียงเขาชูมือข้างซ้ายตัวเองขึ้น กางนิ้วมือทั้งห้านิ้วออก คว้าจับไปในทิศทางของสายฟ้าสีทองนั่น
บนฝ่ามือข้างซ้ายของเขามีระลอกคลื่นสีดำปรากฏ กำลังจะผนึกพลังของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธเข้าไปในโลกาจุดลมปราณ จากนั้นค่อยกลั่นแปรดูดซับมันอย่างช้า ๆ เพื่อชุบร่างเนื้อ ยกระดับผลการฝึกตน มากกว่านั้นคือเขาจะอาศัยพลังจากทัณฑ์สายฟ้ามาเปิดจุดลมปราณที่สองบนแขนซ้ายของตน!
เมื่ออยู่ภายใต้สายฟ้าสีทองที่ใหญ่โต ทำให้หลัวซิวดูเล็กน้อยมากอย่างสังเกตเห็นได้ชัด
พลังแห่งทัณฑ์สายฟ้าจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในโลกาจุดลมปราณของเขา เหนือนภาของโลกาดาราที่กำเนิดจากจุดลมปราณของเขาปลุกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีทอง
โลกาดาราในจุดลมปราณที่ 1 ที่เขาบุกเบิกโดยความเป็นความตายห้วงเวลา เบญจธาตุทั้ง 5 หยินหยางอัสนีวาโย กฎที่อยู่ภายในสมบูรณ์และเพียบพร้อมมาก โลกาดาราที่กำเนิดขึ้นมาจึงแทบจะไม่ต่างอะไรจากโลกแท้จริงใบหนึ่งเลย
ด้วยเหตุนี้โลกาดาราที่เขาบุกเบิกมาจึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน สามารถจุพลังที่มากมายมหาศาลมากกว่าเดิมได้ รวมไปถึงสามารถแบกรับแรงกระแทกจากพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วย
อย่างไรก็ตามพลังที่แฝงซ่อนอยู่ในสายฟ้าสีทองนี้กลับมีเยอะเกินไป หลัวซิวไม่สามารถดูดซับมันได้โดยสิ้นเชิง สายฟ้าสีทองจำนวนมากไหลทะลักลงมา ทำลายร่างเนื้อของเขา
ปัง! ปัง! ปัง! ……
สายฟ้าสีทองกระโดดโลดเต้นอยู่บนร่างกายเขา สายฟ้ามุดเข้าไปในรูขุมขนของเขาและไหลออกมาอยู่เป็นระยะ
แต่ทว่าร่างกายของเขากลับนิ่งสงบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาสามารถเทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งกลั่นร่างระดับเทพฟ้าช่วงปลาย
ทั่วทั้งร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีทอง เหมือนดั่งพระอาทิตย์สีทองดวงหนึ่ง เปล่งแสงแวววาวแยงตา
โคจรวรยุทธ์ถึงขั้นสุด พลังแห่งสายฟ้าจำนวนมากถูกเขากลั่นแปรดูดซับ ประตูแห่งกฎเกณฑ์ระหว่างมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 และเทพมารถึงจะเริ่มคลายตัว
ทันใดนั้น หลัวซิวก็แหงนหน้ามองขึ้นไปบนนภาสูง ความเป็นตายในแววตาทั้งสองข้างของเขาดับสูญ หลังศีรษะมีเงาลวงวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏ มันค่อย ๆ หมุนอย่างช้า ๆ มีความเร้นลับที่ไร้ที่สิ้นสุดซ่อนแฝงอยู่ภายใน
จู่ ๆ เขาก็ใช้เท้าเหยียบลงบนพื้นปฐพี ร่างกายพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ราวกับทั้งร่างกายกลายเป็นหอกเทพหนึ่งเล่ม พุ่งเข้าไปในทัณฑ์เมฆบนนภา
“โครม……”
ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธบ้าคลั่ง ผู้ข้ามผ่านทัณฑ์พุ่งทะยานเข้าไปในทัณฑ์เมฆ เหมือนเป็นการเหยียดหยามทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ นี่จึงทำให้ปณิธานของกฎฟ้าดินก็โกรธเกรี้ยวไปด้วย
สายฟ้าสีทองดังก้องกังวานและแผ่คลุมไปทั่วท้องฟ้า ท้องฟ้าของอาณาจักรเหนือถูกสาดส่องจนสว่างวาบ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารก็ไม่กล้าใช้เนื้อตาเปล่าไปเพ่งมองสายฟ้าเหล่านี้ มิฉะนั้นก็จะรู้สึกแสบและปวดตามาก ๆ แม้มีดวงตาแต่ก็ไม่ต่างอะไรจากคนตาบอด
ภาพเหตุการณ์ที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินถึงขีดสุดเช่นนี้ สายฟ้าสีทองรวมตัวกันจนกลายเป็นมหาสมุทร แผ่กระจายไปทั่วทั้งนภาของอาณาจักรเหนือ
อาณาจักรเหนือกว้างใหญ่มากเพียงใด? พื้นที่ทิศตะวันออกตะวันตก เหนือและใต้รวมกันมากกว่าหนึ่งล้านไมล์เสียอีก?